เมื่อเราเชื่อ เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม เมื่อเรากลายเป็นชอบธรรม เราได้รับ 6 สิ่งจากพระเจ้า..
ได้รับสันติสุข (ความสงบสุข) (ข้อที่ 1)
เข้าในร่มพระคุณ (ข้อที่ 2)
ชื่นชมยินดีในความหวังของเรา (ข้อที่ 2)
มีส่วนในสง่าราศีของพระเจ้า (ข้อที่ 2)
ความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเรา (ข้อที่ 5)
จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์ (ข้อที่ 10)
** คำว่า "ชอบธรรม" ในที่นี้ คือ "Justified" คือการที่พระเจ้าทรงพอพระทัย หรือ "พอใจ" ในชีวิตของเราแล้ว เพราะว่าเราเชื่อไว้วางใจในการไถ่ของพระเยซูคริสต์
** "สันติสุข" คือของแถมที่พระเจ้าทรงประทานให้ทันทีที่เราเชื่อ คือความสงบสุขภายในจิตใจที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการไม่กลัวพระเจ้าและมั่นใจในความรอดของเรา
5:2 โดยทางพระองค์ เราจึงได้เข้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่โดยความเชื่อและเราชื่นชมยินดีในความหวังใจว่าจะได้มีส่วนในสง่าราศีของพระเจ้า
** "เข้าในร่มพระคุณ" คือเข้าในการทำงานของพระเจ้าตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสุดท้ายของการช่วยเหลือดูแลก่อชีวิตขึ้นของพระองค์ พระคุณคือพระเจ้าเป็นผู้กระทำกิจทั้งหมดเพื่อช่วยเรา
** "ชื่นชมยินดีในความหวัง" คือเรามั่นใจในความหวังเรื่องความรอดและพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเราอีกเป็นอันขาด
** "มีส่วนในสง่าราศี" คือเราจะรับชีวิตร่างกายจิตและวิญญาณที่มีสง่าราศีอันครบถ้วนไม่มีสภาพของอาดัมที่เปลื่อยเน่าและตายอีกต่อไป
5:3 ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วยเพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน
** ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่พระเจ้าส่งมา หรืออนุญาตให้เกิดเพื่อช่วยให้เราทนกับปัญหาต่างๆ ได้
5:4 และความอดทนทำให้เกิดมีประสบการณ์ และประสบการณ์ทำให้เกิดมีความหวังใจ
5:5 และความหวังใจมิได้ทำให้เกิดความละอายเพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเราโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว
** ความรักของพระเจ้า เป็นเหตุให้เราได้รับพระคุณ (การกระทำกิจ) ของพระเยซูคริสต์ ยิ่งพระเจ้าส่งความรักมาสู่เรามากมายเท่าไหร่พระคุณของพระคริสต์ก็กระทำกิจมากมายเท่านั้น และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เต็มบริบูรณ์ในชีวิตเรา
5:6 ขณะเมื่อเรายังขาดกำลังพระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสม
** "ขาดกำลัง" คือไม่สามารถรักษาพระบัญญัติเพื่อให้กลายเป็นคนชอบธรรมได้ แต่กลับใช้ชีวิตอย่างคนอธรรมมากขึ้น
5:7 ไม่ใคร่จะมีใครตายเพื่อคนชอบธรรม แต่บางทีจะมีคนอาจตายเพื่อคนดีก็ได้
5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลายคือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
** ถึงแม้ว่าชาวยิวจะเป็นประชากรของพระเจ้าและมีพระบัญญัติ และชาวต่างชาติจะพยายามทำดีเพื่อเป็นคนดีชอบธรรม แต่สำหรับพระเจ้าทุกคนเป็นคนบาป และต้องการการไถ่บาปจากพระเยซูคริสต์
5:9 บัดนี้เราจึงเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระพิโรธโดยพระองค์
** พระโลหิตเป็นค่าจ่ายหนี้บาปของเราทุกคนครบแล้ว เราจึงไม่ต้องอยู่ในฐานะคนบาป และศัตรูของพระเจ้าที่จะต้องอยู่ภายใต้พระพิโรธ (การปรับโทษ) ของพระองค์ตลอดไป
5:10 เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรูเราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าโดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเรากลับคืนดีแล้วเราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์แน่
** ยิวและคนต่างชาติมีปัญหาสองอย่าง คือเป็นคนบาปและเป็นศัตรูกับพระเจ้า การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ช่วยให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมและได้คืนดีกับพระเจ้า คือคนบาปกลายเป็นคนชอบธรรม ศัตรูได้คืนดีกับพระเจ้า
** พระเจ้าทรงประทาน "ชีวิต" ของพระคริสต์เข้ามาอยู่ในเราเพื่อดำเนินชีวิตแทนเราเพื่อให้เรารอดจากการทำบาปในแต่ละวันได้
1. "ชีวิตพระคริสต์" (ผู้ชอบธรรม) เข้ามาแทนที่ "ชีวิตซาตาน" (ตัวบาป)
2. "สันติสุข" (แม่น้ำแห่งชีวิต) เข้ามาแทนที่ "ความทุกข์" (แม่น้ำแห่งความตาย)
3. "กฎแห่งพระวิญญาณ" เข้ามาแทนที่ "กฎแห่งความบาป"
4. "กฎแห่งชีวิต" เข้ามาแทนที่ "กฎแห่งความตาย"
5. "มนุษย์วิญญาณ" เข้ามาแทนที่ "มนุษย์ดินอาดัม"
6. "ร่างกายแห่งชีวิต" เข้ามาแทนที่ "ร่างกายแห่งความตาย"
7. "ร่างกายแห่งความชอบธรรม" เข้ามาแทนที่ "ร่างกายแห่งความบาป"
8. "พระคริสค์" เข้ามาแทนที่ "พระบัญญัติ"
5:11 มิใช่เพียงเท่านั้นแต่เราทั้งหลายยังชื่นชมยินดีในพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเพราะโดยพระองค์นั้นเดี๋ยวนี้เราจึงได้กลับคืนดีกับพระเจ้า
The sanctification (โรม 5:12 - 8:13) การถูกเปิดตาเพื่อให้ได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง
การเข้ามาอยู่ในมนุษย์ของตัวบาป:
5:12 เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียวและความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป
** ทุกคนเกิดมาก็กลายเป็นคนบาปแล้ว ไม่ใช่เกิดมาบริสุทธิ์
** "บาป" ในที่นี้ คือ "ตัวบาป" "โลก" ในที่นี้ คือมนุษย์ตัวบาปมันเป็นบุคคลมีชีวิต คือตัวตนและชีวิตของซาตานที่เข้ามาสิงอยู่ในมนุษย์ผ่านอาดัมเพื่อไม่ให้มนุษย์เชื่อฟังพระเจ้าได้
** "ความตาย" คือตกต่ำเสื่อมทราม กลายเป็นสิ่งชั่วคราว และความไม่จริง
5:13 (บาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีพระบัญญัติแต่ที่ใดไม่มีพระบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป
** ยุคที่ยังไม่มีพระบัญญัติ ก็ไม่มีการลงโทษที่เกี่ยวข้องกับพระบัญญัติ แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎของการทำดีทำชั่วที่อยู่ภายในจิตใจของเขา
5:14 อย่างไรก็ตามความตายก็ได้ครอบงำตลอดมาตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสสแม้คนที่มิได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัมผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง
** มนุษย์ทุกคนอยู่ในความตาย เป็นคนตาย ความดีก็ตาย ชีวิต ความคิดและการกระทำดี ทุกอย่างตายแล้ว ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้ (ไม่มีบำเหน็จสำหรับยุคหน้า) แต่ถึงอย่างไรพระเจ้าก็ให้พรหรือลงโทษในชีวิตนี้เมื่อเขาใช้อาดัมทำดีทำชั่ว
5:15 แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้นพระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก
** "ของประทาน" คือ "ของขวัญ" (Gift) ของขวัญ ของประทานแห่งพระคุณอันแรกคือพระเยซูเป็นเสื้อที่ดีที่สุด ส่วนของประทานแห่งพระคุณอันที่สองก็คือพระคริสต์ในเราเกิดผลแห่งพระวิญญาณในเราผ่านเรา
5:16 และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผลซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียวเพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้นได้นำไปสู่การลงโทษแต่ของประทานภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้นนำไปสู่ความชอบธรรม (Justification)
** การพิพากษาเกิดขึ้นเพราะอาดัม ของขวัญแห่งความรอดเกิดขึ้นเพราะพระเยซู
** "นำไปสู่ความชอบธรรม" ในที่นี้ ก็คือชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า (Just)
5:17 เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียวเป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียวมากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระคุณอันไพบูลย์และรับของขวัญแห่งความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิตและครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์)
** "ของขวัญแห่งความชอบธรรม" (gift of righteousness) ก็คือ พระเยซูตายแทนเรา และเราถูกเรียกว่าเป็นคนชอบธรรม โดยพระโลหิต คือการกระทำของพระเยซู ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา เราแค่รับของขวัญดังกล่าว
** บาปนำความตาย - การอยู่ใต้อำนาจของตัวบาปเข้ามา แต่พระคุณและของขวัญ นำชีวิตและอยู่ในการครอบครองของพระเยซู
** "พระคุณอันไพบูลย์" คือพระเยซูตายแทนเราและพระเยซูดำเนินชีวิตแทนเรา
** คำว่า "ครอบครอง" ในที่นี้ คือการทำงาน เคลื่อนไหว ช่วยเหลือ ให้พลังและสันติสุขและการทำแทนภายในเราโดยกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตนั่นเอง
5:18 ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวงเพราะการละเมิดของคนๆเดียวฉันใดความชอบธรรมของพระองค์ผู้เดียวก็นำของประทานแห่งพระคุณมาถึงทุกคนฉันนั้นคือความชอบธรรมแห่งชีวิต
** เปาโลย้ำเพื่อให้เรามั่นใจว่า คนๆ เดียว คืออาดัมทำให้เราถูกพิพากษา และคนๆ เดียว คือพระคริสต์ทำให้เราได้หลุดพ้นจากการพิพากษาของพระเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับการกระทำดีชั่วของเรา
** ความชอบธรรมของพระเยซูไม่ได้มาเป็นของเรา แต่มีไว้เพื่อพระบิดายอมรับพระเยซู แต่ต่อมาพระเยซูที่เป็นพระวิญญาณได้เข้ามาและเป็นความชอบธรรมของเรา
** ความชอบธรรมแห่งชีวิต (Justification of life) ความหมาย คือเมื่อเราได้กลายเป็นคนชอบธรรม เราก็ได้รับชีวิตพระเจ้า เพื่อให้รอด เพื่อรับพระพร มรดก สันติสุข ความหวัง การรับชีวิตพระเจ้าคือเป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่มของพระเจ้าที่สวนเอเดนเพื่อมนุษย์จะมีพระเจ้าอยู่ในเขาและสำแดงพระเจ้าต่อทุกคน ต่อทูตสวรรค์และต่อจักรวาล
5:19 เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาปเพราะคนๆเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใดคนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรมเพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น
** สาเหตุของความบาปของเรา คือการไม่เชื่อฟังของอาดัม และสาเหตุของความชอบธรรมของเราก็คือการเชื่อฟังของพระคริสต์และการมาสถิตอยู่กับเรา
** เปาโลย้ำอีกครั้งว่า เราเป็นคนบาปเพราะอาดัม และเราเป็นคนชอบธรรมเพราะพระคริสต์
5:20 เมื่อมีพระบัญญัติก็ทำให้มีการละเมิดพระบัญญัติปรากฏมากขึ้นแต่ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั่นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น
** มีพระบัญญัติกฎเกณฑ์อยู่ที่ใดย่อมจะมีการละเมิดอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าตัวบาปจะเป็นผู้ยุยงเราให้อยากรักษาพระบัญญัติ แต่เนื้อหนังรักษาไม่ได้และยิ่งมีการละเมิดมากขึ้น
** ที่ใดมีบาปมากเพราะมนุษย์ทำดีไม่ได้ ก็มีพระคุณมากอยู่ที่นั่น
5:21 เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใดพระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิตนิรันดร์โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น
** ตัวบาปนำเรา บังคับเราให้มาถึงความตาย (อ่อนแอและการทำบาปไม่เชื่อฟังและรับผลของมัน) แต่ความชอบธรรมของพระเยซูนำมาถึงชีวิต (พลังและการเชื่อฟังและรับผลของชีวิตนั้น)