"ขอบคุณพระเยซูที่อยู่กับพวกเรา ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เคลื่อนไหวท่ามกลางพวกเรา ขอบคุณพระบิดาที่พระองค์รับคำสรรเสริญยกย่องนมัสการจากพวกเรา ขอบคุณในวันนี้ที่ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ และขอบคุณที่พระองค์ประทานชีวิตอีกวันหนึ่งให้พวกเรา เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ พวกเราจะเปิดใจรับอาหารที่มาจากพระองค์ เพื่อกินดื่มและให้เข้าสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ เพื่อเป็นบุตรที่รักของพระองค์ เอเมน"
มนุษย์มักจะสงสัย คนทั่วไปมักจะสงสัยว่าทำไมพระเจ้าต้องพิพากษาโลก ทำไมพระเจ้าต้องทำลายโลก พระเจ้าทำไมต้องมีการตัดสิน แล้วคนดีมากมายทำไมไม่รอด
เนื่องจากว่ามนุษย์เป็นคนบาป มีความบาป กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง คือไม่มีใครที่เป็นคนชอบธรรมเลย ไม่มี แม้แต่คนเดียว ไม่มีสักคน เราดูเหมือนๆ คล้ายๆ ว่าจะมีคนดีใช่มั้ย มีนักบวชมีนักบุญ มีคนที่แบบพยายามหลีกเลี่ยงจากโลก ตัดโลก กิเลสตัณหา แต่มันตัดไม่ได้ ความเป็นจริงก็คือมันตัดไม่ได้ เปาโลพูดยืนยันเปาโลเปิดเผยว่า ในโลกนี้ไม่มีแม้แต่สักคนเดียวที่เป็นคนชอบธรรม
เพราะฉะนั้นมนุษย์ทุกคนจึงเป็นคนบาป ทุกคนเป็นคนบาป ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เป็นคนดี และไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรอด เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงต้องพิพากษา เพราะว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม เมื่อมีการทำผิด ก็ต้องมีการลงโทษ เมื่อมีการบาป ก็ต้องมีการตัดสิน
ถ้าคนดีๆ เราจะกลัวกฎหมายไหม กฎหมายจราจรมีไว้เพื่ออะไร มีไว้เพื่อคนที่ขับขี่รถไม่ดี กฎหมายจราจรไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนที่ขับขี่ดีๆ แล้วก็มีหนังสือครบทุกอย่าง เขาไม่กลัว แล้วกฎหมายบ้านเมืองมีไว้เพื่อคนดีหรือมีไว้เพื่อโจร? คำตอบคือมีไว้เพื่อโจร คือคนดีเขาไม่กลัวกฎหมาย กฎหมายคุ้มครองคนดี กฎหมายตัดสินลงโทษคนที่ไม่ดี
เพราะฉะนั้นการพิพากษา พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม จึงต้องมีการพิพากษา ในโรมบทที่ 2 เปาโลพูดถึงมนุษย์เป็นคนบาป ทุกคนเป็นคนบาป ทุกคนบาปชั่วตั้งแต่แรกเลย ตั้งแต่ปฐมกาลหนังสือปฐมกาลจนมาถึงพวกเรา เพราะฉะนั้นการพิพากษาก็ตามมา
แล้วในโรมบทที่ 2 บทที่ 3 พูดถึงเรื่องนี้ ความบาปและการพิพากษา เปาโลเปิดเผยต่อไปว่า 1. ชาวยิว 2. ต่างชาติ
- ชาวยิวคือใคร อยู่ตรงกลางของแผนที่โลกจะมีประเทศหนึ่งเรียกว่าประเทศอิสราเอล อิสราเอลเป็นจุดศูนย์กลางของโลกเพราะว่าพระเจ้าเลือกเขา อิสราเอลคือจุดศูนย์กลางของแผ่นดินโลกของโลกนี้คือศูนย์กลาง เพราะว่าพระเจ้าเลือกชนชาตินี้ให้เป็นประชากรของพระเจ้า เพราะฉะนั้นอิสราเอลเราเรียกย่อๆ ว่ายิว ชาวยิว ภาษาอังกฤษก็คือ Jew ยิวคือหนึ่งในสิบสองตระกูลของชนชาติอิสราเอล ชนชาติอิสราเอลมี 12 ตระกูล หนึ่งในนั้นก็คือ ยิว ยูดาห์ ตระกูลยูดาห์ ภาษาอังกฤษก็คือ Judah แล้วตระกูลยูดาห์เขาเรียกว่าคนยิว พระเยซูเกิดมาจากตระกูลนี้จากยูดาห์ พระเยซูเป็นยิว
แล้วยิวประเทศอิสราเอลเขามีพระบัญญัติ พระเจ้าเลือกเขาให้เป็นประชากรของพระเจ้า พระเจ้าให้โมเสสเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำอิสราเอล แล้วพระเจ้าให้พระบัญญัติ 10 ประการ แล้วก็มีอีก 200 กว่าประการ มี 200 กว่าข้อด้วย ไม่ใช่แค่ 10 ประการ มี 200 กว่าประการด้วย แต่ 10 ประการนี้ ก็คือ 10 ประการใหญ่ๆ พระเจ้าให้พระบัญญัติเพื่อเขาจะรักษาเพื่อเขาจะทำตาม
- แล้วต่างชาติคืออะไร ต่างชาติคือชาติไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ยิว คือเราคนจีน คนไทย ฝรั่ง อเมริกา อิตาลี เยอรมัน ก็แล้วแต่ นอกจากยิวเรียกว่าต่างชาติ ในพระคัมภีร์ที่เราเปิดอ่านถ้าเราเห็นคำว่าต่างชาติต่างชาติ ก็คือชาติไหนก็ได้ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ชาติอิสราเอลหรือชาติยิว
ทีนี้คนยิวเขามีพระบัญญัติ เขาถือว่าเขาเป็นคนชอบธรรม เขาถือว่าเขาเป็นคนดี เพราะว่าเขามีพระบัญญัติและเขามีพระเจ้า ขอให้เราจำตรงนี้ คือยิวทุกวันนี้ยิวตั้งแต่สมัยแรกๆ จนถึงปัจจุบัน เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์เป็นชนชาติของพระเจ้า เขาหยิ่งมาก เขาไม่คบใคร ไม่แต่งงานกับคนต่างชาติด้วย เขาถือว่าเขาสูง (พวกเราเนี่ยเป็นคนบาป ชาติอื่นทั่วโลกที่ไม่ใช่ยิวก็ถือว่าเขาเป็นคนบาป) แต่ยิวเป็นชาติบริสุทธิ์เป็นชนชาติของพระเจ้า
แต่เรามาดูกันในหนังสือโรมบทที่ 3 พูดว่ายังไง หนังสือโรมบทที่ 2 บทที่ 3 พูดว่าชาวยิวก็เป็นคนบาปชาวยิวก็ทำบาป คนต่างชาติก็เป็นคนบาปและคนต่างชาติก็ทำบาป แต่รู้ไหมสองพวกนี้ใครทำบาปมากกว่าใคร (ยิว) คนต่างชาติเขาก็ทำบาปเขาก็อยู่กินทำมาหากินดำเนินชีวิตแบบคนบาปทั่วไป ก็เหมือนพวกเราที่เห็นอยู่ แต่คนยิวเขาถือว่าเขามีพระเจ้า เขาถือว่าเขามีพระบัญญัติ แต่รู้ไหมเขาไม่ได้ดีกว่าเรา แย่กว่านั้นอีกคือยิ่งกว่านั้นเขาทำบาปชั่วมากกว่าพวกเราอีก เปาโลเปิดเผย
เรารู้ได้ยังไง เรารู้.. ธรรมชาติของมนุษย์ นิสัยของมนุษย์คือถ้ามีกฎหมายห้ามก็ยิ่งมีการละเมิด กฎหมายห้ามอยู่ที่ไหนมากเท่าไหร่ การละเมิดก็มีมากกว่าอยู่ที่นั่น ปกติคนทั่วไปเขาทำบาปทำชั่วเขาก็ทำไปอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีการห้าม พระเจ้าห้ามไม่ให้ทำบาปอยู่ที่ไหน การทำบาปก็มีมากอยู่ที่นั่น
เพราะฉะนั้นชาวยิวเขาถือว่าเขาเป็นคนชอบธรรมเขาเป็นคนดี ยิ่งทำบาปยิ่งทำชั่วมากกว่าพวกเราซะอีก นี่คือความจริงที่เปาโลเปิดเผยในหนังสือโรมบทที่ 2 บทที่ 3
ทำไมเขามีพระเจ้า ทำไมเขามีพระบัญญัติ แต่ทำไมเขาทำบาปมากกว่าพวกเรา
เพราะว่าพระบัญญัติ พระบัญญัติ พระเจ้าไม่ได้ตั้งพระบัญญัติไม่ได้ให้พระบัญญัติแก่ชนชาติอิสราเอลเพื่อให้เขารักษา ความจริง ความจริงพระเจ้าให้พระบัญญัติเพื่อให้เขารู้ว่าเขาทำไม่ได้ เพื่อให้เขายอมรับว่าเขาทำไม่ได้ และเพื่อให้เขายอมแพ้ เพื่อเขาจะพึ่งพระเจ้า พระบัญญัติ พระคัมภีร์บอกว่าพระบัญญัติเป็นสิ่งชั่วคราว คือพระบัญญัติ เปาโลบอกว่าพระบัญญัติมีไว้ชั่วคราว เราเข้าใจกันไหม (ชั่วคราว) แต่ทุกวันนี้คนยิวยังรักษาพระบัญญัติอยู่ และทุกวันนี้คริสเตียนก็ยังรักษาพระบัญญัตินี้อยู่
พระบัญญัติโมเสสจบไปนานแล้ว จบไปตั้งแต่สองพันปีก่อน พระเยซูเสด็จมาพระเยซูเป็นจุดจบของพระบัญญัติ ในหนังสือโรมบทที่ 10 ข้อที่ 4 บอกว่า พระเยซูพระคริสต์เป็นจุดจบของพระบัญญัติ (เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของพระราชบัญญัติเพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม) แต่คริสเตียนทุกวันนี้ยังรักษาพระบัญญัติ พระบัญญัติโมเสสทุกวันนี้ไม่มีแล้ว พระบัญญัติโมเสสทุกวันนี้เป็นพระบัญญัติของพระเยซู พระบัญญัติเดิมตอนนี้ไม่มีแล้ว พระบัญญัติเดิมตอนนี้เป็นพระบัญญัติใหม่
เมื่อก่อนเรียกว่าพระบัญญัติของโมเสส เมื่อก่อนเรียกว่าพระบัญญัติเดิม สองพันปีก่อนพระเยซูเสด็จมา เมื่อพระเยซูเสด็จมาแล้ว พระเยซูปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขพระบัญญัติ แล้วไม่เรียกว่าพระบัญญัติของโมเสสอีก เรียกว่าพระบัญญัติของพระเยซู จำได้ไหมพระเยซูบอกว่า ถ้าเจ้ารักเรา จงรักษาพระบัญญัติของเรา ของเราคือของใคร ของพระเยซู
เพราะฉะนั้นในพระคัมภีร์เราไม่เรียกว่าพระบัญญัติเดิมอีกแล้ว เราเรียกว่าพระบัญญัติใหม่ จำได้ไหมพระเยซูบอกว่ายังไง เราให้พระบัญญัติใหม่แก่เจ้า แต่คริสเตียนทุกวันนี้มีมากมายที่ยังรักษาพระบัญญัติของโมเสส ยังรักษาพระบัญญัติเดิม มีพระบัญญัติ 10 ประการอยู่ที่บ้านเขา อยู่ที่ห้องนอน ห้องรับแขก อยู่ทุกห้อง อยู่อเมริกามีคริสเตียนบางคนเอาพระบัญญัติ 10 ประการห้อยไว้ที่ฝาห้องน้ำ ห้องนอน ห้องรับแขก บางคนก็เอาไว้ที่รถ แต่ขอให้เราเข้าใจตรงนี้ว่าพระบัญญัติเดิมไม่มีอีกแล้ว กลายเป็นพระบัญญัติใหม่ พระบัญญัติของโมเสสกลายเป็นพระบัญญัติของพระเยซู
แล้วพระบัญญัติเดิมในพระคัมภีร์เรียกว่าชั่วคราว แต่คริสเตียนทุกวันนี้เอามาใช้ชั่วชีวิต มันผิด...
เรามีพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู และพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูมีกี่ข้อ? สองข้อแค่นั้นแหละ สองข้อ พระบัญญัติเดิมของโมเสสมีสิบข้อ แต่ของพระเยซูสองข้อ พระบัญญัติเดิมของโมเสสมีสองร้อยกว่าข้อที่เป็นย่อยๆ แต่พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูก็คือ มัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 จำได้ไหมพระเยซูสอนอะไรในบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 เรียกว่าข้อย่อยของพระบัญญัติใหม่ แต่พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูมีสองข้อใหญ่ สองข้อหลัก ก็คือรักพระเจ้าหมดหัวใจ และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ถ้าเราทำได้สองข้อนี้ แสดงว่าเรารักษาพระบัญญัติได้ครบทุกข้อ จำได้ไหมพระเยซูบอกว่าถ้ารักษาได้สองข้อ รักษาได้หมดเลย แต่... สองข้อนี้เราทำไม่ได้
ไม่มีใครรักพระเจ้าหมดหัวใจได้. (ไม่มี)
ไม่มีใครรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้. (ไม่มี)
มีคนเดียวที่ทำได้ คือ "พระเยซู" ในโลกนี้ในจักรวาลนี้ มีผู้ชายคนเดียวที่รักษาพระบัญญัติใหม่ได้ คือ รักพระเจ้าหมดหัวใจ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง มีผู้ชายคนเดียวก็คือพระเยซู แล้วถ้าเราไม่พึ่งพระเยซูเราจะทำไม่ได้ แล้วขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้ ที่พระเยซูเป็นวิญญาณเข้ามาอยู่ในพวกเราทุกคน เพื่อที่จะรักษาพระบัญญัติสองข้อนี้ได้
แล้วการที่จะรักษาพระบัญญัติสองข้อนี้ได้ ต้องใช้เวลา พระเยซูจะก่อชีวิตของพระองค์ขึ้นในเราได้ ต้องใช้เวลา ไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้เราจะทำได้ เดือนหน้าเราจะทำได้ ปีหน้าจะทำได้ ต้องใช้เวลา
แล้วการรักษาสองข้อนี้ได้ ก็คือความรักมันจะค่อยๆ เกิดขึ้น เติบโตขึ้นๆๆ ทีละเล็กละน้อย สุดท้ายเรากลายเป็นบุตรที่รัก เรากลายเป็นผู้ชนะ เราขอบคุณพระเยซูที่เราได้ภาระเบา แอกเบา กางเขนเบา พระบัญญัติที่พระเยซูเป็นผู้รักษาแทนเรา เราไม่ต้องรักษา เราให้พระองค์ขับขี่ชีวิตของเรา
เมื่อก่อนร่างกายนี้ชีวิตนี้ทำบาป เราไม่ใช่คนทำ โรม 7:14 จนถึงข้อ 24 บอกว่าคนที่ทำบาปในเราไม่ใช่เรา เราไม่ได้ทำบาป แต่ตัวบาปอยู่ในเราเป็นคนทำ
เราเกิดมาตัวบาปอยู่ในเราเป็นคนทำบาป เราเป็นคนชอบความดีรักความดีเป็นคนที่ชอบความรัก ไม่ชอบให้ใครมาโกหกเรารักการดีทุกอย่าง แต่เราทำดีได้ไหม (ไม่ได้) เพราะว่าตัวบาปมีอำนาจอยู่ในเรา
เพราะฉะนั้นมนุษย์โลกทำบาปทุกวันนี้เขาไม่ได้ทำ แต่ตัวบาปในเขาเป็นคนทำ โรม 7:14-24 เเล้วขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราจะทำดี ก็ไม่ใช่เราเป็นคนทำ พระเยซูเป็นคนทำในเรา
เมื่อก่อนเราทำบาปไม่ใช่เราทำ เดี๋ยวนี้เราจะทำดีก็ไม่ใช่เราทำ เราเป็นแค่อวัยวะที่พระเจ้าใช้ เมื่อก่อนเราเป็นอวัยวะที่ตัวบาปใช้ นี่คือความจริงที่หลายคนไม่เข้าใจคริสเตียนมากมายไม่รู้ เราพยายามจะเลิกทำบาปในสิ่งที่มันเป็นธรรมชาติของเรา เราเลิกไม่ได้
ทีนี้เรามีพระคริสต์อยู่ในเรา เราเชื่อทุกวัน เราบอกรักพระเยซูทุกวัน เราสนิทในพระองค์ทุกวัน เราเดินในฝ่ายวิญญาณทุกวัน ธรรมชาติใหม่ก็เกิดขึ้น เมื่อธรรมชาติใหม่ ชีวิตใหม่ นิสัยใหม่เกิดขึ้น นิสัยของพระเยซู เราจะทำบาปเราก็ทำไม่ได้ เมื่อก่อนเรามีตัวบาปครอบคลุมเรา เราจะทำดีเราก็ทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้เราจะทำดีและเราจะทำบาปก็ทำไม่ได้เพราะว่าธรรมชาติดีของเรามันครอบคลุมเราไว้อยู่
แต่การจะทำดี การจะมีพระคริสต์อยู่ในเราต้องอาศัยความเชื่อ ต้องตั้งอยู่ในความเชื่อ ต้องเชื่อทุกวัน ต้องนับทุกวัน ต้องสนิทในพระเยซูทุกวัน การอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ในโลกวิญญาณ ในโลกของพระเจ้าในความสว่าง ต้องอาศัยความเชื่อ ไม่ต้องทำอะไรเชื่อเอา อาศัยความเชื่อ โรมบทที่ 1 ข้อที่ 17 "เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้นความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้แสดงออก โดยเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ" ผู้ชอบธรรมจะดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อ เราเริ่มต้นด้วยความเชื่อและจบลงด้วยความเชื่อ.
โรมบทที่ 2 และบทที่ 3 พูดถึงเรื่องความบาปและการพิพากษาของพระเจ้า พระบัญญัติมีไว้เพื่ออะไร? พระบัญญัติมีไว้ชั่วคราวเพื่อเปิดโปงความผิดบาปของมนุษย์ พระบัญญัติมีไว้เพื่อเปิดเผยว่ามนุษย์ทำบาป ทำดีไม่ได้ มนุษย์เกิดมาทำบาปเท่านั้น
คนยิวมีพระบัญญัติแต่ทำบาปทำชั่วมากกว่าพวกเราซะอีก พวกเราไม่มีพระบัญญัติพวกเราก็ทำบาปเป็นประจำแต่ทำบาปปกติธรรมดา แต่คนยิวเขาทำบาปมากกว่าพวกเราอีก เขาชั่วมากกว่าเรา เราโกรธเราโมโหระดับหนึ่ง แต่คนยิวเขาโกรธเขาโมโหระดับนี้ เข้าใจกันไหม เราโกหกระดับนี้ แต่คนยิวโกหกมากกว่าเราหลายเท่า กิเลสตัณหาของคนยิวมากกว่าคริสเตียนมากกว่าของคนทั่วไปของคนต่างชาติ
เราจะมาดูโรมบทที่ 2 ข้อที่ 25 "ถ้าท่านรักษาพระราชบัญญัติ พิธีเข้าสุหนัตก็เป็นประโยชน์จริง แต่ถ้าท่านละเมิดพระราชบัญญัติ การที่ท่านเข้าสุหนัตนั้นก็เหมือนกับว่าไม่ได้เข้าเลย"
ถ้าละเมิดพระบัญญัติการทำพิธีสุหนัตก็ไม่ได้มีความหมายอะไร พิธีสุหนัตคืออะไร? สำหรับชาวยิวเขาเกิดมาได้ 8 วัน เขาจะไปที่พระวิหาร พ่อแม่จะพาไป แล้วก็ไปทำพิธีสุหนัต การทำพิธีสุหนัต เรียกว่าตัดปลายองคชาต คือตัดปลายอวัยวะเพศของผู้ชาย ผู้หญิงเขาจะไม่ทำ แต่ว่าผู้ชายทำ เกิดมาได้ 8 วันแล้วเขาจะพาไปพระวิหาร แล้วจะให้มหาปุโรหิตให้ปุโรหิตทั้งหลายทำพิธีสุหนัต ตัดปลายองคชาต เป็นวิธีที่พระเจ้าใช้เพื่อให้เป็นเครื่องหมายว่าคนนั้นเป็นลูกของพระเจ้า เดี๋ยวนี้ไม่ตัดไม่มีแล้ว พระเยซูเสด็จมาแล้ว เมื่อพระเยซูเสด็จมาพระบัญญัติเดิมหลายข้อไม่ทำไม่มี
ถาม.
อิสลามเขายังทำกันอยู่ใช่ไหม อิสลามเป็นใครครับ
ตอบ.
อิสลามเขาทำกันอยู่ ใช่ อิสลามเป็นใครหรอ ชาวมุสลิมนับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามนะครับคือเขามีพระคัมภีร์ไบเบิล เขาเชื่อพระเจ้า เขาเชื่อพระเจ้าของพวกเรา แต่เขาเปลี่ยนชื่อพระเจ้าว่าเป็นพระอัลลอฮ์ มูฮัมหมัดก็คือศาสดา ก็คือผู้นำ มูฮัมหมัดไม่ใช่พระเจ้า มูฮาหมัดเป็นผู้นำศาสนาเหมือนโมเสสเหมือนหลายคนในสมัยก่อนนะครับ
เพราะฉะนั้นศาสนาอิสลามเขาก็อปเขาเอาคำสอนในพระบัญญัติเดิมในพระคัมภีร์เดิมมาใช้ แล้วพิธีตัดเขาก็ทำด้วย แต่เขาไม่เชื่อพระเยซู เขาบอกว่าพระเยซูเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เป็นศาสดาเป็นอาจารย์นะครับ แต่คนที่สำคัญที่สุดของศาสนามุสลิม ก็คือมูฮัมหมัด เป็นผู้นำศาสนาที่ยิ่งใหญ่มาก ใหญ่กว่าพระเยซู ใหญ่กว่าใครใหญ่กว่าโมเสสใหญ่กว่าใครอีก คือเป็นอาจารย์เป็นศาสดาคนสุดท้าย แล้วเขาสอนว่าคนที่เป็นมุสลิมต้องทำพิธีตัด ผู้หญิงต้องคุมศีรษะต้องเคร่ง
แล้วอิสลาม มุสลิม เขาแบ่งออกเป็นสองสาย สายที่ 1. ก็คือเคร่งศาสนา ใช้ชีวิตคือดำเนินตามคำสอนของมูฮัมหมัดของหนังสืออัลกุรอาน พระคัมภีร์อัลกุรอาน เน้นเรื่องความรักความดีทำดี แต่อีกฝ่ายหนึ่งมันจะมีสองสายอิสลามอีกสายหนึ่งก็คือเป็นสายที่โหดร้าย เป็นสายที่เคร่ง เป็นสายที่เน้นการลงโทษ เคร่งถ้าไม่ทำถ้าผิดตัดคอทิ้งฆ่าทิ้งประหารชีวิต ไปฆ่าคนต่างชาติไปฆ่าคนที่ไม่ใช่อิสลาม คือไปฆ่าเขาถ้าฆ่าได้เนี่ยโดยเฉพาะนะครับถ้าฆ่าอเมริกาได้ ถ้าฆ่าคนยิวได้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่อิสลาม ถ้าฆ่าได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็จะไปอยู่สวรรค์ อยู่ในสวรรค์นะครับจะมีเมีย 17 คน นี่คือคำสอนของอิสลามอีกสายหนึ่งอีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นคำสอนที่ผสม คือมูฮัมหมัดเอาเข้ามาผสมกับพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์ไบเบิลมีบางส่วนนะครับ เพราะฉะนั้นขอให้เราระมัดระวังคนที่นับถือศาสนานี้ บางคนก็ถือดี บางคนก็ทำดี บางคนก็คิดดี แต่อีกพวกหนึ่งเป็นพวกที่เคร่งศาสนาเป็นพวกที่หัวรุนแรง แล้วเขาเอาคำสอนอยู่ในนั้นแหละในอัลกุรอานก็มี ก็มีบอกว่าเราฆ่าได้คนที่ไม่ใช่อิสลาม คนที่ไม่ใช่มุสลิมเราฆ่าได้ พระเจ้าพอใจในเรา พวกเราเท่านั้นที่พระเจ้ารัก ชาติอื่นศาสนาอื่นพระเจ้าเกลียดชัง พระเจ้าให้ฆ่าทิ้งหมด ฆ่าได้ ฆ่าแล้วรอดไปสวรรค์ได้รับรางวัลด้วยได้เมีย 17 คน ฆ่าเพื่อพระเจ้า เห็นไหมที่เขาเอาระเบิดติดตัวไปฆ่าตัวตายอยู่หลายแห่ง เพราะว่าเขามีความหวังเขาเชื่อว่าได้รับรางวัลจากพระเจ้าได้ไปสวรรค์
...
ถาม.
ทำไมพระเจ้าถึงตอบเขา
ตอบ.
พระเจ้าไม่ได้ตอบเขา คือเขาไม่ได้ฟังพระเจ้า คือความเชื่อของเขา คือการนับถือศาสนาเนี่ยมนุษย์มากมายทุกวันนี้เขาถือศาสนาแบบหูหนวกตาบอด คือตาบอดจุงตาบอด คือไปตามผู้นำ ผู้นำสอนอะไรก็ไปตามคำสอนของเขา คือบางคนถูกล้างสมองตั้งแต่เล็กตั้งแต่เกิดตั้งแต่เล็กๆ เลยถูกล้างสมอง คือพอโตมาเนี่ยมันไม่รู้ศีลธรรม มันไม่รู้มโนธรรม มันไม่รู้จิตสำนึก มันไม่รู้จิตใต้สำนึก คือมันไม่รู้มันถูกล้างสมอง มันถูก ครอบคลุม คือสมองเราเนี่ยถูกปิดนะครับ คือเราเรียนรู้มาสิ่งนี้ตั้งแต่เล็กตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าพระเจ้าไม่ไถ่จริงๆ พระเจ้าไม่ช่วยจริงๆ ออกมาไม่ได้
คนที่เป็นมอร์มอน ออกจากมอร์มอนยากมาก คนที่เป็นพยานพระยะโฮวา ออกมาจากเขายากมาก คนที่ไปอยู่ในเทียมเท็จ ไปอยู่ในพุทธใช่ไหม ออกมายาก แม้แต่คนพุธใช่ไหมศาสนาพุทธยังออกมายาก ถ้าพระเจ้าไม่ช่วยออกมาไม่ได้ ทุกวันนี้ผีมารซาตานนะครับอยู่เบื้องหลังของศาสนาปลอมทั้งหลาย ของศาสนาที่ไม่ใช่ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า แล้วออกมาไม่ได้ถูกปิดหูบังตาถูกล้างสมองถูกเสี้ยมสอนตั้งแต่เด็ก ถ้าพระเจ้าไม่ได้ไถ่เนี่ยออกมาไม่ได้นะครับ
พระบัญญัติมีไว้สำหรับชนชาติอิสราเอลชั่วคราว
แล้วอิสลามเป็นศาสนาที่สอนผิดเขาก๊อปมาจากพระคัมภีร์เดิมเยอะแยะเลย เขานับถือโมเสส เขานับถือศาสดาห์หลายคน เขานับถือพระเยซู แต่เขาบอกว่าคนที่ยิ่งใหญ่มากๆ ก็คือมูฮัมหมัด เป็นศาสดาห์คนสุดท้าย แล้วศาสนาเขาก็มีตัดปลายองคชาต ก็คือตัดปลายหุ้มของผู้ชาย คือเรียกว่าทำพิธีสุหนัต พิธีตัด
แต่พิธีสุหนัต (ตัด) คริสเตียนเราทำไหม? (คำตอบคือ ไม่ทำ และอย่าทำ และห้ามทำ) พิธีตัด เปาโลพูดว่า คนชาวยิวเขาทำพิธีสุหนัต แต่ละเมิดพระบัญญัติก็ไม่ได้ช่วยอะไร การทำพิธีสุหนัตก็คือได้กลายเป็นลูกของพระเจ้า แต่การไม่รักษาพระบัญญัติ ไม่เชื่อฟังพระเจ้ามันจะมีประโยชน์อะไรใช่ไหม เหมือนลูกเราที่เกิดจากเรา แต่ไม่เคยฟังไม่เคยเชื่อฟังเรา ไม่เคยแบบว่าเราพูดอะไรเราบอกอะไร ก็ไม่ยอมฟัง ไปรักพ่อแม่คนอื่น ไปเชื่อฟังพ่อแม่คนอื่น มันจะมีประโยชน์อะไร นี่คือคำสอนคือคำยืนยันของเปาโล
เพราะฉะนั้นตั้งแต่สองพันปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ คริสเตียนเราไม่มีสุหนัต ไม่ทำ เราทำสุหนัตฝ่ายไหน? (คำตอบคือฝ่ายวิญญาณ) เอเมน เราเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณ เราเป็นบุตรพระเจ้าเป็นลูกหลานอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ เราเป็นยิวแท้ คือยิวฝ่ายวิญญาณ
ทุกสิ่งทุกอย่างทุกวันนี้ของแท้อยู่ในฝ่ายวิญญาณ
ทุกสิ่งทุกอย่างในทุกวันนี้ที่เป็นเนื้อหนังคือของปลอม เราเข้าใจกันน่ะ ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ เราเห็นมนุษย์ทุกวันนี้ เราเห็นโลกนี้ มันคือของปลอม มันคือของชั่วคราว มันคือของอนิจจัง มันคือของไม่เที่ยงแท้ไม่จริงแล้ว (ความจริงก็คือความจริงของพระเจ้า ความจริงก็คือในพระคริสต์)
กางเขนของพระเยซู คือจุดเริ่มต้นของความจริงของพระเจ้า ถ้าใครเชื่อพระเยซู ใครอยู่ในพระเยซู ก็คือเชื่อในความจริง และอยู่ในความจริงของพระเจ้า
ความไม่จริง คืออยู่ในอาดัม มันจบที่กางเขน มันผ่านกางกางเขนไม่ได้ ทุกวันนี้ใครที่ไม่มีพระเยซู ก็ยังอยู่ในอาดัมเหมือนเดิม
ผ่านกางเขนมีแต่ความจริงของพระเจ้า มีความเป็นจริงของพระเจ้า เราต้องอยู่ในพระเยซู เราต้องอยู่ในพระคริสต์ ถ้าวันหนึ่งเราไม่อธิษฐาน วันหนึ่งเราไม่พูดคุยกับพระเยซู วันหนึ่งเราไม่บอกรักพระเยซู แสดงว่าเราตกจากความจริงไปแล้ว เรากลับไปอยู่ในความไม่จริง เรากลับไปอยู่ในอาดัมแล้ว
ถ้าเราเห็นว่า เออ ของยี่ห้อ แบรนด์เนม เราหลงใหล เราเห่อ เราชอบ เรารักมันมาก เราชื่นชมยินดีกับมันมากๆ เลย แล้วเราลืมพระเจ้า ลืมอธิษฐาน ลืมคิดถึงพระเยซู ลืมบอกรัก เรียกว่าเราไม่ได้ผ่านกางเขน ไม่ได้อยู่ในความจริงของพระเจ้า เรากลับมาอยู่ในความจริงของอาดัม เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน เป็นของตาย
ทุกวันนี้คริสเตียนมาไม่ถึงกางเขน ทุกวันนี้คริสเตียนไม่ได้ผ่านกางเขน ยังติดอยู่กับเนื้อหนัง ยังติดอยู่กับอาดัม ยังติดอยู่กับชีวิตที่อยู่ก่อนกางเขน
แต่เราขอบคุณพระเจ้า มีผู้เชื่อส่วนน้อยที่ผ่านเล็ดลอดกางเขนมาได้ แล้วก็มาอยู่ในความจริงของพระเยซู
คนที่ไม่ได้อยู่ในความจริงของพระเยซู ทุกวันนี้เขาเรียกว่าเขาเป็นคนบาป คริสเตียนมากมายไม่ได้อยู่ในความจริงของพระเจ้า ยังไม่ได้มาถึงกางเขน ไม่ได้ผ่านกางเขน
ส่วนมากเลยเขาเชื่อว่าเขาเป็นคนบาปอยู่ใช่ไหม เขาเชื่อว่าเขายังไม่มีความสุข หลายสิ่งหลายอย่างเป็นความเชื่อที่ผิด เป็นความเชื่อที่เขามองด้วยตา เขายังอยู่ในความไม่จริง แล้วคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ยังมาไม่ถึงความจริงของพระเจ้า ไม่ถึงความจริงของพระเยซู
การอยู่ในความจริงของพระเยซู หรือในพระเจ้า ก็คือต้องผ่านกางเขน ต้องอยู่ในพระคริสต์ ต้องเชื่อว่าเราเป็นคนชอบธรรม เชื่อว่าเราถูกชำระบาปแล้ว พระเจ้ายกโทษให้เราแล้ว เชื่อว่าพระโลหิตจ่ายหนี้ครบแล้ว รอดแล้วรอดเลย เชื่อเอานะครับ และดำเนินชีวิตก็ให้พระเยซูทำแทน
แต่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ มาไม่ถึงความจริงของพระเจ้า เขาดำเนินชีวิตเขาไม่มีพระเยซูทำแทน เขาทำเอง เขาพยายามรักษาพระบัญญัติเอง พระบัญญัติเดิมก็เอา คำสอนของพระเยซูก็เอา เอาหมด สุดท้ายแบกภาระหนักมาก แล้วก็ไม่มีความสุขด้วย แล้วก็กลัวตายด้วยกลัวจะไม่รอดด้วย
เราขอบคุณพระเจ้าเราอยู่ในความจริงของพระเยซู ก็คือเราเป็นคนใหม่แล้ว เราชอบธรรมแล้ว เรารอดแล้วเรารอดเลย เรากลายเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แล้วเราดำเนินชีวิตเราก็ให้พระเยซูทำแทนเรา
อะไรที่เราทำไม่ได้ เราทำยังไม่ได้เราก็ทำ แล้วสารภาพ แล้วขอพระเจ้าก่อชีวิตของพระองค์ขึ้น ให้เราทำได้ในวันหนึ่ง เรามีความหวังในชีวิตใหม่นี้ แต่ตอนนี้เราทำอะไรได้ก็ขอบคุณพระเจ้า เรายังทำไม่ได้ก็รอ ฝึก บอกรัก สนิทในพระเยซู
สนิทยังไง? พูดคุยกับพระเยซูสิ อยากพูดอะไรก็พูด อยากบอกอะไรก็บอก พูดไปเลยไม่ต้องกลัว พระเจ้าเป็นเพื่อนของเรา พระเยซูบอกว่าเราเป็นสหายของเจ้า เจ้าเป็นสหายของเรา พระเยซูไม่เพียงแต่เป็นพระเจ้าของเราเท่านั้น พระเยซูเป็นเพื่อนของเราด้วย
เพราะฉะนั้นไม่ต้องเกรงกลัว ไม่ต้องเกรงใจ มาคุยกับพระเยซูมาพูดกับพระเยซู มาอยู่ใกล้ๆ พระเยซู มาสนิทในพระเยซู พระเยซูยังบอกว่าจงสนิทอยู่ในเรา จงมาใกล้ๆ เรา จงอยู่ใกล้เราอยู่กับเรา พระเยซูชอบ ชอบให้เราอยู่ใกล้พระองค์
เมื่อก่อนยิวมีโอกาสได้ใกล้พระเยซูไหม? ได้อยู่ใกล้พระเจ้าไหม? (ไม่) เขาทำไร่ไถนาเขาอยู่ที่บ้านของเขา พระเจ้าไม่มาหา พระเจ้ารอที่พระวิหารพระเจ้ารอชนชาติอิสราเอล ชาวยิวอยากพบพระเจ้าต้องมาพบที่พระวิหาร
แล้วเราล่ะ เราต้องไปอิสราเอลไหมเพื่อพบพระเจ้า อยากพบพระเจ้าเราไปไหน? เราเข้าในวิญญาณ อยู่ในฝ่ายวิญญาณ
เราจะเข้าในวิญญาณอยู่ในฝ่ายวิญญาณได้ยังไง ทำยังไง? หลับตาเลยอธิษฐานเลย "พระเยซูขอบคุณพระองค์ พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์" นี่แหละเรียกว่าเข้าในวิญญาณ คือการเริ่มพูดคุยกับพระเยซู พูดคุยกับพระเจ้า เปิดพระคัมภีร์อ่านสิ อธิษฐาน อันนี้เรียกว่าเข้าในวิญญาณหรือในฝ่ายวิญญาณ
แล้วใครที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ ใครที่ปักใจในฝ่ายวิญญาณ ก็คืออยู่ในชีวิตและสันติสุข โรมบทที่ 8 ข้อที่ 5 ถึง 7 บอกว่าใครก็ตามที่ปักใจอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง ก็คืออยู่ในความตายและเป็นศัตรูกับพระเจ้าและอยู่ในความบาป อยู่ในความบาปและความตายและเป็นศัตรูกับพระเจ้า
ใครที่ปักใจอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ก็อยู่ในชีวิตและสันติสุข การอยู่ในฝ่ายวิญญาณไม่ได้ยากอะไรเลย เปิดปาก "พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ เอเมน ๆๆ" ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็เอเมน แค่นี้ยากไหม ง่ายๆ การอยู่ในฝ่ายวิญญาณง่ายๆ แต่ผู้นำอาจารย์หลายคนบอกว่าการอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ก็คือเชื่อฟัง อันนี้มันผิด.
การอยู่ในฝ่ายวิญญาณก็คือการเข้าไป ก็คือความคิดของเรา จิตของเราความคิดของเรา เรานึกคิดเข้าไปอยู่ในการสนทนา การพูดคุย การบอกรักพระเยซู มันอยู่ที่นี่ "จิต" คุณจะไปไหนใช้อันนี้..ใช้ "จิต" ใช้ความคิด อยากอยู่ในฝ่ายวิญญาณไหมไม่ยาก หลับตา "พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้" อธิษฐานเลย พูดคุยเลย
สรุปโรมบทที่ 1 พูดถึงเรื่องข่าวประเสริฐ โรมบทที่ 2 และโรมบทที่ 3 พูดถึงเรื่องความบาปและการพิพากษา
หนังสือโรมเปาโลเขียนเพื่อยืนยันว่าในโลกนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เป็นคนดี ในจักรวาลนี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เป็นคนดีได้ นอกจากพระเยซู ในโลกนี้ในจักรวาลนี้มีผู้ชายคนเดียวที่เป็นคนดีที่พระเจ้าพอใจ ก็คือพระเยซู เอเมน
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องพิพากษาโลก พระเจ้าต้องลงโทษโลก แล้วพระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอล พระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอลพวกเขาเป็นคนยิว ชนชาติอิสราเอลคือชาวยิว เป็นประชากรของพระเจ้าที่พระเจ้าเลือก แล้วพระเจ้าให้โมเสสนำชนชาตินี้ออกมาจากอียิปต์ และพระเจ้าประทานอะไรให้เขา? พระบัญญัติพระเจ้าประทานพระบัญญัติให้ชนชาติอิสราเอลเพื่อกักขังเขาไว้ชั่วคราว เพื่อกักขังเขา เพื่อเปิดโปง เพื่อบอกเขาว่า "พวกเจ้าจะเป็นคนดีไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่พึ่งเรา"
พระเจ้าให้กฎหมายแก่ชาวยิว ไม่ได้ให้เขาเพื่อรักษาพระบัญญัติ เพราะว่าเขารักษาไม่ได้ พระเจ้าให้เขาเพื่อให้เขายอมรับความจริงว่าเป็นคนบาปและรักษาพระบัญญัติไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องพึ่งพระเจ้า
อีกครั้ง.. พระเจ้าประทานพระบัญญัติให้ชนชาติอิสราเอลชั่วคราว ชั่วคราว ชั่วคราว แต่ทุกวันนี้คริสเตียนนำพระบัญญัติมาใช้ชั่วชีวิต โรมบทที่ 10 ข้อที่ 4 บอกว่ายังไง "เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของพระราชบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม" พระคริสต์เป็นจุดจบของพระบัญญัติเดิม เป็นจุดจบของพระบัญญัติเดิม เอเมน เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้
แล้วถ้าไม่มีพระบัญญัติเดิมเราจะรักษาอะไร? เรารักษาพระบัญญัติใหม่ พระบัญญัติเดิมเดี๋ยวนี้กลายเป็นพระบัญญัติใหม่แล้ว พระบัญญัติของโมเสสตอนนี้กลายเป็นพระบัญญัติของพระเยซู เรามีพระบัญญัติของพระเยซู เรามีพระบัญญัติใหม่ แต่คนที่รักษาพระบัญญัติไม่ใช่เรา เป็นพระเยซูที่เป็นวิญญาณที่อยู่ในเราที่รักษาแทนเรา เอเมน เป็นภาระที่เบามาก
แล้วสำหรับเราที่มีพระบัญญัติใหม่ เราจำกันได้ไหมการอธิบายเมื่อกี้ เมื่อก่อนเราเกิดมาเป็นคนบาป เราทำบาปไม่ใช่เราทำ โรมบทที่ 7 ข้อที่ 14 ถึง 24 บอกว่าคนที่ทำบาปอยู่ในเราไม่ใช่เรา แต่เป็นตัวบาปในเรา ตัวบาปเป็นตัวซาตาน ตัวซาตานที่เข้ามาสิงอยู่ในเราเรียกว่าตัวบาป แล้วมันทำบาปอยู่ในเรา เราไม่ได้ทำ เมื่อเราโมโหเราไม่ใช่โมโห เมื่อเราโกรธไม่ใช่เราที่โกรธ เมื่อเราทำบาปทำชั่วเราโกหก ไม่ใช่เราที่เป็นคนทำ แต่ตัวบาปที่อยู่ในเรามันทำ
ทีนี้การแก้ไขของพระเจ้า พระเจ้าช่วยเรา ให้พระเยซูมาเป็นตัวชอบธรรมอยู่ในเรา เมื่อเราทำดีก็ไม่ใช่เราเป็นคนทำดี เราให้พระเยซูทำดีแทนเรา เราเป็นแค่อวัยวะ เราเข้าใจไหม เราเนี่ยเป็นแค่อวัยวะ เมื่อก่อนตัวบาปใช้เราทำบาป เราไม่ได้ทำบาป เดี๋ยวนี้พระเยซูทำดี เราไม่ได้ทำดี ขอบคุณพระเจ้า
ทีนี้เมื่อพระเยซูเสด็จมาแล้ว เมื่อพระเยซูเสด็จมาแล้ว กางเขนของพระเยซู ความจริงของอาดัมเข้าไม่ได้ เนื้อหนังเข้าไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นฝ่ายวิญญาณ (ผ่านกางเขนของพระเยซู ก็คือฝ่ายวิญญาณเท่านั้นที่พระเจ้ายอมรับ ผ่านกางเขนของพระเยซู ก็คืออยู่ในพระคริสต์) ในพระคริสต์เท่านั้นที่เป็นความจริง ในพระคริสต์เท่านั้นที่เป็นสิ่งที่พระเจ้ารับได้ คุณจะทำดีมากมายแค่ไหนถ้าคุณไม่มีพระเยซู และคุณไม่เชื่อว่าพระเยซูทำแทนคุณ คุณไม่มีพระคริสต์กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในคุณ คุณจะทำดีมากมายแค่ไหนพระเจ้าไม่นับเลย
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ทำดีด้วยตัวเขาเอง พระเจ้าไม่นับ พระเจ้าไม่มีบำเหน็จรางวัลให้ ต้องผ่านกางเขนของพระเยซูและเข้ามาอยู่ในฝ่ายวิญญาณ เดี๋ยวนี้เราเป็นคนบาปหรือเป็นคนชอบธรรม (ตอบ. คนชอบธรรม) ในฝ่ายวิญญาณในความจริงของพระเจ้า เรากลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว
โรมบทที่ 5 ข้อที่ 19-21 บอกว่า "เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาปเพราะคนๆ เดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใดคนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรมเพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น ,เมื่อมีพระบัญญัติก็ทำให้มีการละเมิดพระบัญญัติปรากฏมากขึ้นแต่ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั่นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น ,เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใดพระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิตนิรันดร์โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น"
คนหนึ่งทำให้ทุกคนกลายเป็นคนบาป แต่มีคนหนึ่งมาทำให้พวกเรากลายเป็นคนชอบธรรม โรมบทที่ 5 ข้อที่ 1 บอกว่า "เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้วเราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" เราได้รับการชำระแล้ว เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ก็คือเราไม่มีบาปแล้ว เรากลายเป็นคนชอบธรรม เราเป็นบุตรพระเจ้าแล้ว เอเมน
แล้วในฝ่ายวิญญาณ ในฝ่ายวิญญาณเราเป็นบุตรของพระเจ้า เราเป็นชนชาติอิสราเอล เราเป็นคนยิวแท้ คนยิวที่อยู่ที่ประเทศอิสราเอลทุกวันนี้ เขาไม่ใช่ยิวแท้สำหรับพระเจ้า คนยิวแท้ต้องอยู่ในพระเยซู ต้องเชื่อพระเยซู ต้องมีพระเยซู ต้องอยู่ในพระคริสต์ ขอบคุณพระเจ้า
เมื่อเราเป็นยิวเราได้อะไร? โอ้ ได้มรดกสิ พระเจ้าสัญญาว่าจะประทานมรดกผ่านอับราฮัมให้ชนชาติอิสราเอล ให้คนยิวลูกหลานของอับราฮัม
แล้วพระคัมภีร์บอกว่ายังไงเราทุกวันนี้ในฝ่ายวิญญาณ เราทุกวันนี้เป็นลูกหลานของอับราฮัมแท้ เราทุกวันนี้เป็นยิวแท้ เพราะฉะนั้นมรดกก็เป็นของเรา
มรดกคืออะไร? คือความรอด คือความหวัง คือสันติสุข คือการดูแลปกปักปกป้องของพระเจ้า พระเจ้าจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างสิ่งที่ดีแก่เรา นี่คือมรดก มันไม่ใช่ว่าไม่สำคัญน่ะ ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รับมรดกแล้ว ความรอด ความหวัง สันติสุข สิ่งที่พระเจ้าของดีทุกอย่างที่พระเจ้ามี ให้เราให้หมด เพราะฉะนั้นรู้จักวิธีใช้ รู้จักวิธีเอามาใช้ให้เป็น
อยากได้สันติสุขทำยังไง? คริสเตียนทุกวันนี้ยังใช้มรดกไม่เป็น เขาไม่รู้จักใช้ มรดกของพระเจ้าคริสเตียนได้รับ แต่เขายังกลัว
มรดก ก็คือ ความรอด คริสเตียนมากมายทุกวันนี้กลัวไม่รอด ทั้งๆ ที่มันเป็นมรดก แล้วคริสเตียนทุกวันนี้เขาไม่มีความสุขไม่มีสันติสุข เขาอยากได้สันติสุข ทั้งๆ ที่มันเป็นมรดก
ทุกวันนี้คริสเตียน คือขอพระเจ้าดูแลปกปักรักษา ขอพระเจ้าคุ้มครอง ขอพระเจ้าช่วยนู้นช่วยนี่ เขาไม่รู้ว่าพระเจ้าให้เขาแล้ว เชื่อเอาสิ อยากได้ความรอดเชื่อเอาว่ารอดแล้ว อยากได้สันติสุขเชื่อว่าได้สันติสุขแล้ว อยากอยู่ในการคุ้มครองปกปักรักษาดูแลของพระเจ้าเชื่อเอา "ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์อยู่กับข้าพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้สันติสุข ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์ให้รอดแล้ว ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์กำลังรักษาทาง เท้าของข้าพระองค์อยู่" ไม่ต้องกลัว พระเจ้าก็ดูแลสิ
จะเดินทางไปไหน ไม่ต้องขอบอกว่าขอพระเจ้าปกป้อง ขอพระเจ้าคุ้มครอง ขอพระเจ้าไม่ให้รถมันเสีย ไม่ต้อง. ขอบพระคุณขอบพระคุณเลย เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างร่วมอยู่ในมรดกของพระเจ้าแล้ว ชีวิตราบรื่นอยู่ในพระเจ้าแล้ว ครอบครัวอบอุ่นอยู่ในพระเจ้าแล้ว การงานดี สุขภาพดี ทุกอย่างอยู่ในพระเยซูแล้ว
เราจำกันได้ไหมเราป่วยบ่อยมากทำไม เพราะว่าเราไม่เชื่อว่าพระเยซูแบกเอาความเจ็บไข้ไปที่กางเขนแล้ว ในมัทธิวบทที่ 8 พระเยซูแบกเอาความเจ็บไข้ไปที่กางเขน เราไม่เชื่อเราขอพระเจ้ารักษา ดูแลสุขภาพเรา ขอทำไมเชื่อเอา ขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์มีสุขภาพดี ขอบคุณพระเยซูจะให้ข้าพระองค์ไม่ป่วย ขอบคุณพระเยซูความป่วยไข้มันอยู่ที่กางเขนแล้วขอบคุณพระเยซู เชื่อเอา ถ้าเชื่อก็เห็น ขอบคุณพระเยซูพระองค์จะปกป้องข้าพระองค์ เดินทางปลอดภัย เราไปไหนกลางค่ำกลางคืนที่มืดที่เปลี่ยว เชื่อเอา มันเป็นมรดกที่พระเจ้ามอบให้เราแล้ว เอเมน
ถาม.
อจ. จิตเรา วิญญาณใช้ได้ไหม
ตอบ.
ถ้าจิตเรายอมให้วิญญาณควบคุม ได้ครับ ถ้าเรายอมให้วิญญาณเราควบคุมจิตเรา คือตอนแรกมันจะเป็นแบบนี้ เรามาดูเรื่องการควบคุมกันหน่อย วิญญาณสามารถควบคุมจิตได้ไหม เราจะมาเรียนบทเรียนที่ลึก ลึกกว่านี้นิดหน่อย ค่อนข้างจะลึกหน่อย
...
มนุษย์มีกี่ส่วนครับ (3 ส่วน) อยู่ข้างนอกเรียกว่าร่างกาย อยู่ข้างในเรียกว่าจิต อยู่ในสุดนะครับอยู่ข้างในสุดของมนุษย์นะครับคือวิญญาณ อันไหนมาจากพระเจ้า? วิญญาณมาจากพระเจ้านะครับ
ทีนี้นะครับเรามาดูกันหน่อย จิตเป็นตัวกลางของชีวิต จิตเป็นตัวกลางของชีวิต จิตสั่งร่างกาย จิตคุยกับวิญญาณ จิตเป็นตัวกลางของชีวิต จิตสั่งร่างกายให้กิน ก็ได้กิน ถ้าจิตสั่งไม่ให้กิน ก็ไม่กิน จิตเป็นคนสั่ง
ทุกวันนี้เราทำอะไรเนี้ยะ จิตเป็นคนสั่งน่ะ จิตเป็นนาย เรียกว่าจิตเป็นตัวกลางของร่างกาย เราจะไปไหนเราจะทำอะไรทุกวันนี้จิตเป็นคนสั่ง จิตเป็นหัวหน้าชีวิตเรา จิตคล้ายๆ กับสมองเรา สมองเป็นส่วนหนึ่งของจิตที่ใช้เราอยู่ จิตบัญชาสมอง สมองบัญชาร่างกายให้เคลื่อนไหว ให้ทำ ให้เดิน ให้มา ให้หลับตา ให้ทำอะไรทุกอย่าง ให้นอน ให้นั่ง ให้กิน ให้ไม่กิน จิตเป็นคนสั่ง
สมมุติว่าพี่น้องคนที่อยู่ข้างหลัง พอเขาฟังผมพูดปุ๊บ พอได้ฟัง ได้ยินเสียงใช่ไหม พอได้ยินเสียง จิตแต่เริ่มบอกล่ะ หูส่งข้อมูลมาให้จิต จิตบอกว่าจดสิจดสิ แล้วมือนะครับก็เป็นคนจด มือจะจดได้เนี่ยก็คือจิตเป็นคนสั่ง
สมมุติว่านะครับนมัสการเสร็จออกจากที่นมัสการไปนะครับ เราคิดว่า เอ๊ะ จะไปไหนดี จะกลับบ้านหรือจะไปกินข้าว กินข้าวที่บ้านหรือกินข้าวที่ร้าน เราตัดสินใจไปกินข้าวที่ร้าน อันนี้ใครเป็นคนสั่ง? จิตนะครับ
สรุปแล้วนะครับ ก็คือจิตเป็นคนสั่งให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแต่ละวัน จิตเป็นนาย จิตเป็นคนสั่ง จิตเป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา
...
ทีนี้วิญญาณสั่งจิตได้ไหม? (ได้) วิญญาณสั่งจิตได้ จิตต้องยอมก่อน จิตต้องยอม มันเป็นแบบนี้ เมื่อเราเกิดใหม่คริสเตียนบังเกิดใหม่นะครับ เมื่อคริสเตียนบังเกิดใหม่วิญญาณได้บังเกิดใหม่ วิญญาณถูกใครเป็นนายเป็นเจ้าของผู้ควบคุมเป็นผู้ครอบครอง ใคร? พระเจ้านะครับ
เมื่อเราบังเกิดใหม่นะครับวิญญาณเราได้บังเกิดใหม่แล้ว พระเจ้าเป็นผู้เข้ามาจับจองทำเป็นบ้านของพระเจ้า เมื่อคริสเตียนเชื่อพระเจ้า บังเกิดใหม่แล้ว พระเจ้ายึดเลย พระเจ้ายึดวิญญาณ พระเจ้าดลบันดาลให้วิญญาณบังเกิดใหม่ และพระเจ้ายึดเอานะครับ ยึดครอบครองเป็นเจ้าของและเข้ามาสถิตอยู่ พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ในวิญญาณของเรา หลังจากที่พระเจ้าสถิตอยู่ในวิญญาณครอบครองวิญญาณของเราแล้วนะครับ วิญญาณของเราคิดบาปไม่ได้ ทำบาปไม่ได้ วิญญาณทุกวันนี้น่ะเราทุกคนที่เชื่อพระเจ้า วิญญาณเราทำบาปได้ไหม? ไม่ได้ วิญญาณของเราบังเกิดใหม่ 100% จะทำบาปคิดบาปไม่ได้เลย
ทุกวันนี้ในความคิดของเรานะครับที่บอกว่า รักความดี รักความดี ไม่ชอบโกหกอะไรทั้งหลาย คือมาจากวิญญาณเป็นผู้บงการเป็นผู้สั่ง และจิตเราก็มี ก็มีส่วนที่ชอบความดีเหมือนกันก็มีนะครับ
พระเจ้าครอบครองวิญญาณของเราแล้วนะครับ พระเจ้าต้องการครอบครองจิตของเรา นี่คืองานต่อมาขั้นตอนต่อไป คือพระเจ้าต้องการครอบครองจิตใจของเราจิตของเรา เพื่อเราจะไม่ได้ ให้จิตของเราสั่งทำอะไรที่มันไม่ใช่ตามใจของพระเจ้า
ทุกวันนี้มนุษย์ใช้จิตนะครับอยู่ตามใจของเรา ดำเนินชีวิตตามใจของเรา ทำอะไรก็ตาม ตามใจของเรา แต่พระเจ้าต้องการยึดครองครอบครองจิตของเราให้ทำตามใจของพระเจ้า
...
และพระเจ้าจะครอบครองจิตของเราได้ยังไง ทำยังไงถึงจะให้วิญญาณมาบงการมาบังคับมาเป็นผู้ขับขี่จิตของเรา ทำยังไง?
อันแรก คือความเชื่อความรู้ก่อน เราต้องเข้าใจก่อน เขาต้องรู้ก่อนรู้ความจริงก่อนรู้ความจริงของพระเจ้าก่อน เมื่อก่อนคริสเตียนจะบังคับจิตไม่ให้ทำบาปบังคับได้ไหม? พอเราขับขี่รถนะครับ มีรถมาปาดหน้าเรา เราทำยังไง โอ๊ยอย่าทำบาปอย่าทำบาปอย่าโมโห นี่คือการบังคับจิตเพื่อไม่ให้ร่างกายระเบิดใช่ไหม แล้วมันทำได้ไหมล่ะ? (ไม่ได้) อันนี้ไม่ใช่วิธีการบังคับจิต ไม่ใช่วิธีการครอบครองจิตของเราเพื่อไม่ให้ทำบาป
การครอบครองจิตของเรานะครับ ก็คือ
1. ให้เรารู้ก่อนว่า พระเจ้าจะเป็นผู้ครอบครองควบคุมจิตของเราโดยทางความเชื่อ โดยทางความเชื่อ เอเฟซัสบทที่ 3 ข้อที่ 17 "เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจ (ในจิต) ของท่านโดยความเชื่อ เนื่องด้วยว่าท่านมีราก มีพื้นฐานที่ทรงวางไว้อย่างมั่นคงในความรักแล้ว"
บอกว่าเพื่อพระคริสต์จะสร้างบ้านอยู่ในจิตของท่านโดยทางความเชื่อ ไปอ่านดู เพื่อพระคริสต์จะครอบครองหรือจะสร้างบ้านอยู่ในจิตของท่านโดยทางความเชื่อ จิตเป็นศูนย์กลางของชีวิต (ใช่นะครับคริสเตียนใช้จิตไม่เป็น คริสเตียนพยายามเลิกทำบาปโดยการบังคับจิตของเขาไม่ให้ทำบาป) ไม่ได้เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตัวบาปมันอยู่ในจิต ตัวบาปมันครอบครองจิตอยู่ ตัวบาปมันควบคุมไว้ เราจะบังคับจิตของเราไม่ให้ทำบาป มันทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าพระเยซูกำลังครอบครองจิตเราอยู่ (เชื่อเอา) "ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ครอบครองควบคุมจิตของข้าพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่ตอนนี้พระเยซูสร้างบ้านอยู่ในจิตแล้ว พระเยซูยึดแล้ว ข้าพระองค์ไม่มีสิทธิ์ในตัวในชีวิตของข้าพระองค์แล้ว" คืออธิษฐานนะครับ
1. อธิษฐานบอกว่า ขอบคุณพระเยซูที่ครอบครองจิตของข้าพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สร้างบ้านแล้ว ขอบคุณพระเยซูเอเมน
2. ถวายจิตและอวัยวะ
ทุกวันนี้ใครที่ทำบาปใครมีส่วนในการทำบาป วิญญาณทำบาปไหม? (ไม่) ทุกวันนี้วิญญาณไม่มีส่วนในการทำบาป 2 คนที่ร่วมกันช่วยกันทำบาปทุกวันนี้ ก็คือจิตของเราแล้วก็ร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเปาโลบอกว่า 1. ให้เราอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้า เชื่อเอา เชื่อเอานะครับ พระเจ้าครอบครองจิตเราแล้ว ครอบครองแล้วเป็นเจ้าของแล้ว อันที่ 2. ก็คือถวายจิตและร่างกายและอวัยวะ
อธิษฐานก็คือ อยู่ในเอเฟซัสบทที่ 3 ข้อที่ 17
ถวายจิตและอวัยวะก็คือ อยู่ในโรมบทที่ 6 ข้อที่ 13 ถวายไปเลยมอบให้พระเจ้าไปเลย
ตัวอย่าง: ถ้าพี่น้องถือแก้วน้ำอยู่ในมือ ถือข้างละแก้ว แล้วผมจะเอาปากกาให้เขาดูซิว่าเขาจะมีมือจับไหม ทำไมเขาจับไม่ได้เพราะว่าเขามีแก้วน้ำอยู่มือข้างขวา มือข้างซ้ายเขาก็ถืออยู่ เขาไม่มีมือว่างที่จะมาจับปากกาใช่ไหมครับ
นี่คือตัวอย่างของการถวาย คือการมอบ คือการยกมือสองข้างนี้ให้พระเจ้า
"พระเยซูมือสองข้างเป็นของพระองค์แล้ว อวัยวะทั้งอวัยวะเป็นของพระองค์แล้ว ตา หู จมูก ปาก ลิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของพระองค์แล้ว"
แต่ถ้าเราทำบาปเราสารภาพ แล้วยึดความจริงนี้ไว้ ถวายทุกวันตื่นนอนตอนเช้าถวายไปเลย เมื่อเรายังทำบาปอยู่เราก็ถวายไม่เป็นไร ทำบาปทำแต่สารภาพ สารภาพเสร็จนะครับถวายต่อ "ชีวิตนี้แขนสองข้าง มือสองข้าง ตา หู จมูกเป็นของพระองค์"
เดี๋ยวออกไปนะครับรถปาดหน้าด่าเขาใหญ่เลย สารภาพสารภาพนะครับ แล้วบอกว่า "มือสองข้าง ปากเนี่ยที่เมื่อกี้ด่าเมื่อกี้ ข้าพระองค์ขอสารภาพ ขอโทษ ขออภัย ยกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย" แล้วตั้งใหม่เริ่มใหม่นะครับ ถวายแด่พระเจ้าอีก "ร่างกายนี้ ปากนี้ ลิ้นนี้ ที่เมื่อกี้พูดไปขอโทษผิดพลาด กลับมาอยู่ในฝ่ายวิญญาณ ขอถวายแด่พระองค์ ให้พระองค์ใช้ให้เป็นอวัยวะของความชอบธรรม"
โรมบทที่ 6 ข้อที่ 13 นะครับ เราถวายพระเจ้าก็จะเอา ถ้าเราถวายน่ะ พระเจ้าเอาจริงน่ะ พระเจ้าเอา แล้วพระเจ้าเอาก็ใช้เวลา ไม่ใช่ว่าแบบจะให้เราเลิกทำบาปได้ทันที มันใช้เวลานะครับ
ขอบคุณพระเยซูสำหรับ 2 สิ่งนี้ถ้าเราทำ 2 สิ่งนี้ได้ จิตของเราจะถูกครอบครอง พระเจ้าจะยึดเอาเลยเอเมน ทุกวันนี้จิตเป็นนาย จิตเป็นหัวหน้า จิตเป็นผู้บงการชีวิตของเรา อยากกินอะไร อยากทำอะไร อยากพูดอะไร อยากไปไหน อยากฟังอะไร คือมันอยู่ที่จิต จิตเป็นนาย แต่พระเจ้าต้องการยึด ยึดครองนะครับ จิตของเราพระเจ้าต้องการยึดครอง ทำยังไงให้พระเจ้ายึดครอง
1. เชื่อเอาว่าพระเจ้ายึดแล้ว พระเจ้าครอบครองแล้ว เอเฟซัสบทที่ 3 ข้อที่ 17 บอกว่าพระคริสต์จะก่อร่างขึ้นนะครับ พระคริสต์ก่อร่างอยู่ในจิตของเรา คือพระคริสต์ครอบครองแล้วสร้างบ้านแล้ว เอเมน
2. คือถวายตัวถวายอวัยวะ ทุกวันขอให้บอกว่า พระเยซูข้าพระองค์ขอถวายชีวิต จิตของข้าพระองค์ ร่างกายของข้าพระองค์ให้พระองค์ ไม่ต้องถวายวิญญาณ วิญญาณพระเจ้าเอาแล้วพระเจ้ายึดแล้ว
อ่านเพิ่มเติม: วิญญาณ จิต ร่างกาย