1) ทำให้เหมือนสาวกทำเท่าที่จะเหมือนได้ ทำให้เหมือนในหนังสือกิจการฯ ให้มากที่สุด เมื่อเราเข้าใจน้ำพระทัยพระบิดาแล้ว
...
2) ไม่ควรมาสารภาพที่คริสตจักร ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราทำตอนตื่นนอนตอนเช้า
คริสตจักรไม่ใช่ที่ที่เราจะมาสารภาพบาป เราสารภาพบาปที่บ้านก่อนที่จะมาในคริสตจักร เมื่อเราตื่นนอน ถ้าเรารู้สึกฟ้องผิด เราก็บอกว่า “พระบิดา ขอยกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์รู้สึกผิดตรงนั้นตรงนี้ ขอบพระคุณพระบิดาที่ยกโทษแล้ว เราบริสุทธิ์ชอบธรรมแล้ว” ก็มาที่คริสตจักรนมัสการร่วมกับพี่น้อง อย่าเอาบาปมาสารภาพที่คริสตจักร ไม่จำเป็น เริ่มก่อนตั้งแต่เช้าเลย
สมมติว่า พี่น้องหลายคนเริ่มฝึกใหม่ๆ เค้าลืมหรือไม่ได้สารภาพบาป และต้องรับมหาสนิทด้วย ถ้าเราไม่ได้สารภาพบาป และรับมหาสนิท อันตรายนะครับ เราอาจจะเจ็บป่วย แต่เรื่องตายไม่แน่ใจครับ ยุคนี้ไม่มีใครตาย แต่เจ็บป่วยกันเยอะ เพราะว่ารับมหาสนิทผิดวิธี
การรับมหาสนิทที่ถูกต้อง คือต้องสารภาพบาปก่อน สารภาพเลยถ้ามีอะไรผิด หรือรู้สึกฟ้องผิด “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์ทำ คิด หรือพูดผิดต่อน้ำพระทัยของพระองค์ ข้าพระองค์ขอสารภาพผิด ขอบพระคุณพระเยซูที่ยกโทษให้แล้ว ชอบธรรมแล้ว เอเมน” แล้วก็รับขนมปังเลย ทำได้ครับถ้าลืม
สำหรับคนที่มาใหม่ ถ้ากินโดยที่ไม่มีใครบอกก็ไม่เป็นไร เพราะเค้าไม่รู้ แต่ถ้าเราเห็นตอนเค้ากำลังจะกิน เราก็ไปแนะนำเค้าว่า “พี่ครับ มหาสนิทเราให้คนที่เป็นคริสเตียน และคนที่ได้รับบัพติศมาแล้วเท่านั้นที่กินได้ครับ”
แต่ถ้าเค้าไม่เข้าใจ หรือเค้าอยากลองกินดู เราก็ปล่อยให้เค้ากิน พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระเจ้ามีหัวใจ มีความคิด พระเจ้าเข้าใจ และไม่ได้ถือสาครับ ไม่ใช่พระเจ้าจะบอกว่า “เจ้ากินไม่ถูกต้อง เราจะประหารเจ้า”
...
3) ร้องเพลงหรืออธิษฐาน อันไหนก่อนไม่สำคัญ
อันไหนก่อนก็ได้ ไม่สำคัญครับ ถ้าอยากร้องเพลงก่อน เราก็ชวนพี่น้องร้องเพลง หรือถ้าพี่น้องบางคนบอกว่า ขออธิษฐานก่อน เราก็อธิษฐานตามเค้า คือเราเอาใจกันครับ ทำอะไรก็ได้
...
4) ไม่ต้องเล่นกีตาร์เบาๆ ขณะที่พี่น้องอธิษฐาน
ร้องหนึ่งหรือสองเพลง จากนั้นปราศรัยด้วยเพลงที่ร้อง ไม่ต้องรีบ แต่จดจ่อที่การยกย่องสรรเสริญพระบิดาร่วมกัน
เวลาอธิษฐานเราไม่ต้องรีบ แต่ใช้เวลาอยู่ในพระนิเวศน์ของพระบิดา ปักใจในพระวิญญาณ ปักใจในการบอกรักพระองค์ สนิทในพระองค์ หรือเงียบอยู่กับพี่น้องทั้งหลาย
การมาหาพระเจ้าของเราไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนเรารีบ อยากกลับบ้าน ทำอะไรก็รีบๆ ทำให้จบ อันนั้นไม่ใช่การนมัสการ เรามาไม่ถึงพระเจ้า ที่ผ่านมาเราพลาดแล้ว แต่ตอนนี้เราจะทำให้ดีที่สุด เอเมน
...
5) หักขนมปังและดื่มเหล้าองุ่น หรือมหาสนิท
- ร่วมกันร้องเพลงขณะที่พี่น้องกินและดื่ม
ตอนที่พี่น้องเอาขนมปังหรือน้ำองุ่นไปแจก ทุกคนก็ร่วมกันร้องเพลง เพื่อรอให้ทุกคนกินเสร็จ
...
ถาม:
เหล้าองุ่นต้องเป็นเหล้าจริงๆ หรือเปล่าครับ
ตอบ:
ที่อเมริกาเราใช้น้ำองุ่นครับ เพราะทุกวันนี้เราหาเหล้าองุ่นแบบในสมัยสาวกไม่ได้ เหล้าองุ่นในสมัยสาวกจะมีแอลกอฮอล์ไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ กินแล้วไม่รู้สึกเมา
ที่อเมริกาผมเคยไปเยี่ยมคริสตจักรหนึ่ง และรับมหาสนิทกับเค้า เค้าใช้เหล้าองุ่นที่เป็นเหล้าจริงๆ ที่มีแอลกอฮอล์เยอะมาก พอกินเข้าไปแล้วก็ตกใจ กลัวว่าจะเมา แต่ผมก็กิน และหลังจากนั้นผมจึงสืบทราบว่า พี่น้องที่คริสตจักรนี้เค้าชอบกินเหล้ากินไวน์ คริสเตียนที่อเมริกากินไวน์ครับ เค้าจิบแก้วเล็กๆ ก่อนไปทำงาน
...
ถาม:
ตั้งแต่หยุดไปนมัสการที่โบสถ์ก็ไม่ได้ทำมหาสนิทเลย การฝึกติดสนิทควรจะทำมหาสนิทสม่ำเสมอหรือบ่อยแค่ไหน
ตอบ:
ถ้าหากเราไม่ได้ร่วมกับพี่น้องเราก็รอไปก่อน ส่วนการร่วมกันหักขนมปังเราทำได้บ่อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่ที่สำคัญคือเราทำเพื่อประกาศการวายพระชนม์และฉลองการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู ทั้งระลึกถึงพระเยซูที่อยู่กับเราทุกเวลาอันนี้สำคัญมาก
...
6) ร้องเพลงและปราศรัย
...
7) เผยพระวจนะ
- ผู้พูดหลักพูด 15–20 นาที พี่น้องที่เหลือไม่เกิน 10 นาที
ขอให้ทุกคนเข้าใจ คือเราประกาศก่อน หรือบอกพี่น้องก่อน เราทำสิ่งนี้เป็นคู่มือ และเราก็ประกาศกับพี่น้อง แนะนำให้พี่น้องรู้ว่า วิธีการนมัสการของเราเป็นแบบนี้ แต่ถ้าพี่น้องที่มาใหม่เข้ามา เราไม่ต้องแนะนำเค้า ปล่อยเค้าไปก่อน เราทำอะไรให้เค้าทำตาม และหลังจากเค้ามาอยู่กับเรานานแล้ว เราก็บอกเค้าว่าเรามีคู่มือ หรือบอกเค้าว่าเราทำแบบนี้แบบนั้น ให้ทุกคนเข้าใจทีหลัง
- พี่น้องทุกคนที่เผยหรือเป็นพยานควรลุกขึ้นยืน เพื่อให้ทุกคนเห็นและโฟกัสไปที่เค้า
...
8) อธิษฐาน
- ไม่จำเป็นต้องตรงเวลา แต่ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป
เราจำได้นะครับ การนมัสการไม่ต้องรีบ ถ้าใครรู้สึกว่าอยากกลับบ้านก่อนก็กลับ แต่ถ้าเรารีบก็กลับ ไม่เป็นไร ให้เป็นเวลาของพระเจ้ากับเรา สำหรับผมผมอยู่เลยเที่ยง ถึงกี่โมงก็แล้วแต่ ถ้าต้องการอยู่และไม่มีธุระอะไรไปทำต่อก็อยู่ แต่พี่น้องที่คริสตจักรที่อเมริกาเราอยากอยู่นะครับ ไม่อยากกลับบ้าน เพราะเราได้นมัสการพระเจ้าจริงๆ มันมีโอกาสเดียวอาทิตย์ละครั้ง เรามีหัวใจให้พระบิดา และรู้สึกว่ามันซาบซ่านซาบซึ้ง ความรักของของพระเจ้าทำงานมากในคริสตจักรครับ ขอให้เราทำแบบนี้ ให้เป็นลักษณะแบบนี้ครับ เราไม่ต้องรีบ อาจจะเลยเวลากลับบ้านไปซักนิดก็ไม่เป็นไร
การเริ่มไม่ต้องตรงเวลา เริ่มเวลาไหนก็ได้ที่พี่น้องพร้อม ถ้ารู้สึกว่าพี่น้องมากันเยอะแล้ว ก็เริ่มอธิษฐานหรือร้องเพลง การเริ่มจะเริ่มด้วยร้องเพลงหรืออธิษฐานไม่สำคัญ ทั้งสองอย่างเท่ากันครับ
จะเลทได้แค่ไหนก็แล้วแต่ ไม่มีกำหนด สมมติว่าพี่น้องกำลังนมัสการกันอยู่ มันเลทแล้ว และเราทนไม่ได้ เราหิวข้าวหรืออยากกลับบ้าน เราก็ค่อยๆ ย่องออกไป ปล่อยให้พี่น้องนมัสการกันต่อ และทุกคนก็นมัสการต่อ ไม่ใช่ว่าหันไปมอง แล้วก็คิดว่า “เอ๊ะ กลับแล้วเหรอ งั้นเราก็กลับด้วย” มันอยู่ที่ใจเรานะครับ เราอยากอยู่ต่อหรือเลทยังไงก็อยู่ที่คนๆ นั้น
- เรื่องการนมัสการและรายการเราสอนที่อื่น เช่น เฟสบุ๊ก ไลน์ หรือทำคู่มือ
- คนที่มาใหม่ที่ยังไม่ได้อ่านคู่มือเราปล่อย อย่าทักเค้าในเวลานมัสการ
อย่าไปสอนเค้าครับเวลานมัสการ เค้าทำอะไรถูกผิดปล่อยเค้าไป แล้วค่อยมาสอนเค้าทีหลัง หรือว่าอาจจะมีคู่มือ
1) ไม่มีร้องเพลงถวายพิเศษหรือโชว์เดี่ยว เพราะจะเด่นเกินพี่น้อง เราทุกคนเน้นการมีส่วนร่วมร้องด้วยกัน
...
2) คนเล่นดนตรีอาจมีคนเดียว หรือสองคนก็พอ
คริสตจักรฝ่ายวิญญาณไม่มีวงดนตรี ไม่มีกีตาร์ เบส หรือกลอง แต่เราเน้นที่เสียงของปุโรหิตทั้งหลาย เราใช้กีตาร์ เปียโน หรือคีย์บอร์ดตัวเดียวพอ เราไม่ได้แสดงคอนเสิร์ต แต่เรามาเพื่อนมัสการพระเจ้าพระบิดา เราใช้กีตาร์ตัวเดียวเพื่อให้จังหวะและคีย์ เพื่อให้ทุกคนร้องสะดวก และฟังดูเพราะ แต่อย่าใช้เป็นเสียงดนตรีเปิดคลอครับ
คนที่เล่นกีตาร์มักจะมีปัญหาครับ คือเค้าแยกสมองไม่ได้ คนที่เล่นกีตาร์มักจะไม่มีโอกาสได้นมัสการกับพวกเรา คนที่เป็นนักดนตรีจะเข้าใจความหมายที่ผมพูดว่าเป็นยังไง คนที่เล่นกลองก็จะตั้งใจจดจ่อที่ตีกลอง และไม่มีโอกาสแยกสมองไปนมัสการพระบิดากับพวกเรา เพราะฉะนั้น ขอคนเดียวพอที่จะเล่นกีตาร์ และให้คนนั้นฝึกออกเสียงไปด้วย นมัสการพระบิดาไปด้วย ถึงจะไม่เป็นเพลงก็แล้วแต่
ยังไงก็ตามครับ ขอให้ทุกคนจดจ่อที่การนมัสการ เล่นกีตาร์ก็เล่นคนเดียวพอ และเสียงกีตาร์ก็อย่าให้ดังเกินไป แต่ให้เป็นเพียงเสียงประสาน หรือให้เป็นรองเสียงของพี่น้อง อย่าให้เสียงมันดังจนท่วมครับ
...
3. ดนตรีเงียบเมื่ออธิษฐาน ไม่จำเป็นต้องเล่นเบาๆ เพื่อโน้มน้าวจิตใจหรืออารมณ์
- ทุกหน้าที่เราช่วยกัน และไม่ควรออกจากห้องประชุมจนกว่าการนมัสการจบสิ้นลง
เราเห็นนะครับในโบสถ์ต่างๆ ที่เรานมัสการพระเจ้าทุกวันนี้ คือบางคนจะค่อยๆ ทยอยออก หรือว่าไปทำกับข้าวหรือทำอย่างอื่่น แต่การนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง พี่น้องอยู่เราก็อยู่ อยู่กับพี่้น้องอย่าออกอย่าเข้าครับ
- การช่วยกันจัดเตรียมอาหารตามแบบกลุ่มผู้ชนะในอเมริกา และการช่วยกันทำความสะอาด
เราเน้นการช่วยกันครับ อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งทำ บางคนอาจจะบอกว่า “ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องช่วย” แต่เราต้องช่วยครับ และคนที่คิดว่า “ไม่ต้องๆ” ก็เลิกคิดแบบนี้ครับ แต่ให้คนอื่นช่วยเรา แบกภาระร่วมกับเรา และรับบำเหน็จรางวัลกับเราด้วย เพราะถ้าเรามีความคิดว่า “ไม่ต้องๆ ชั้นรับภาระเอง ไม่เป็นไร” ก็คือความคิดแบบศาสนาครับ
ต่อไปถ้าพี่น้องคนไหนเห็นใครทำอะไร เราก็ไปทำไปช่วยเค้าครับ ไม่ต้องบอกว่า “มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ” ไม่ต้องครับ แต่เข้าไปทำเลย หาอะไรทำช่วยกันให้มันเสร็จครับ