- เนื่องจากว่าคริสตจักรทั้งหลายตกต่ำ หล่นจากความรักดั้งเดิม กลายเป็นคริสตจักรศาสนา โลก ตายแล้ว ท้อแท้ เป็นอุ่นๆ ในบทที่ 2 และ 3 พระเยซูคริสต์จึงมีพระประสงค์ที่จะให้พวกเขากลับใจใหม่และแก้ไขในส่วนที่ตกต่ำและบกพร่องดังกล่าวเพื่อรอรับการกลับมาของพระองค์ เพื่อให้ได้เข้าในอาณาจักรและมีส่วนครอบครองร่วมกับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
1. คริสตจักรที่ขาดความรักดั้งเดิม (คริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส) (วว 2:1-7)
2. คริสตจักรที่ท้อแท้ (คริสตจักรที่เมืองสเมอร์นา) (วว 2:8-11)
3. คริสตจักรชาวโลก (คริสตจักรที่เมืองเปอร์กามัม) (วว 2:12-17)
4. คริสตจักรศาสนา (คริสตจักรที่เมืองธิยาทิรา) (วว 2:18-23)
5. คริสตจักรที่ตายแล้ว (คริสตจักรที่เมืองซาร์ดิส) (วว 3:1-6)
6. คริสตจักรผู้ชนะ (คริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย) (วว 3:7-13)
7. คริสตจักรที่เป็นอุ่นๆ (คริสตจักรที่เมืองเลาดีเซีย) (วว 3:14-17)
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 2 (ข้อที่ 1-7) คริสตจักรที่ขาดความรักดั้งเดิม (คริสตจักร ในเมืองเอเฟซัส)
"คุณขาดรักดั้งเดิมให้พระเจ้า" (ข้อ 1-7 เคล็ดลับในการเป็นผู้ชนะ)
เมื่อวันเวลาผ่านไปหัวใจที่เคยมีรักมากมายแด่พระเจ้า กลับดูเฉยชา ไม่ว่าง ไม่มีเวลา คำบอกรักก็ไม่มี ทำดีรับใช้แทนได้ไหม เราจึงคิดติดเป็นนิสัย มีแต่รับใช้ รับใช้ ไม่มีคำรักบอกออกไป
เราเคยคิดบ้างไหมว่าพระเจ้าก็มีหัวใจ เราเชื่อเพื่อหวังรอดแต่พระเจ้าช่วยเพราะว่ารัก เมื่อไหร่เจอพายุหนักก็รีบทักช่วยข้าด้วย
พระเยซูต่อว่า คริสตจักรในเมืองเอเฟซัส เพราะว่าเขาทั้งหลายขาดความรักหรือตกจากความรักดั้งเดิมที่เคยมีต่อพระองค์
- คริสตจักร ดังกล่าว อธิษฐาน อ่าน ไปโบสถ์ รับใช้ มีผลงาน ประกาศ นำคนมาเชื่อ เทศนาสั่งสอน รักษาโรค ขับไล่ผีทำการอัศจรรย์ได้เหมือนที่คริสตจักรเรา แต่เขาไม่มีความรักแบบดั้งเดิมที่ลึกซึ้งดูดดื่มติดสนิทในพระเจ้า คิดว่า อธิษฐานวันละห้าหกครั้งก็มากพอแล้ว และในที่สุดก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปในอุทยานของพระเจ้า ถ้าหากไม่กลับใจ (ข้อที่ 7 และ มธ 7:21-27)
" เราจะย้ายคันประทีปออกจากที่ " (ข้อที่ 5)
- "คันประทีปคือชีวิตของเรา แสงสว่างที่ส่องมาจากคันประทีป" คือผลของพระวิญญาณหรือจิตใจใหม่ ธรรมชาติใหม่ที่ทำให้เราไม่ทำบาปในแต่ละวัน
ความหมายในที่นี้ ก็คือถ้าเราไม่กลับมามีความรักดั้งเดิมกับพระเจ้า เราจะเป็นพยานด้วยการเกิดผลแห่งความรักอากะเป รักศัตรู ไม่ตอบโต้ต่อสู้ แต่ยกโทษ อดทนนานไม่มีขีดจำกัด ยอมเสียเปรียบ นั่งที่ต่ำ นี้ไม่ได้
แต่เรายังต้องสวมหน้ากากแกล้งทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าพี่น้อง ชีวิตขึ้นลงขึ้นลงดีบาปดีบาปไปจนวันตาย และสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสเข้าไปในอุทยานเพื่อรับสง่าราศีอันครบบริบูรณ์จากพระเยซูคริสต์
2:1 “จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรของเมืองเอเฟซัสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดวงดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ และผู้ทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสสิ่งเหล่านี้ว่า
** ก่อนที่พระเยซูจะกล่าวถึงปัญหาของคริสตจักรต่างๆ พระองค์กล่าวถึงพระองค์เองว่าเป็นอะไรหรืออยู่ในฐานะอะไร
** ทรงถือดาวทั้งเจ็ด คือทูตสวรรค์เจ็ดตนที่ดูแลคริสตจักรเจ็ดคริสตจักร คันประทีบทั้งเจ็ด คือคริสตจักรทั้งเจ็ดที่อยู่ในแค้วนเอเชีย คือพระเยซูเป็นจอมเจ้านายเหนือทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ดูแลคริสตจักรของพระองค์อย่างใกล้ชิด
2:2 เรารู้จักบรรดาการกระทำของเจ้า และการทำงานหนักของเจ้า และความอดทนของเจ้า และว่าเจ้าไม่สามารถทนต่อคนเหล่านั้นซึ่งชั่วร้ายได้ และเจ้าได้ลองใจคนเหล่านั้นซึ่งกล่าวว่าพวกเขาเป็นเหล่าอัครทูต และไม่ได้เป็น และได้พบว่าพวกเขาเป็นพวกคนมุสา
2:3 และได้ทน และมีความเพียร และเพราะเห็นแก่นามของเราได้ทำงานหนัก และมิได้อ่อนระอาไป
** ข้อ 2-3 "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้ารู้ความเหนื่อยยากและความอดทนของเจ้า และรู้ว่าเจ้าไม่สามารถทนต่อทุรชนได้"
** พวกเขามีความอดทนต่อการเหนื่อยยากลำบากอย่างมากมาย "เจ้าได้ลองใจคนเหล่านั้นที่กล่าวว่าเขาเป็นอัครสาวก และหาได้เป็นไม่และเจ้าก็เห็นว่าเขาเป็นคนมุสา"
** ท่ามกลางผู้รับใช้ทั่วโลก มีคนมากมายที่อ้างตนว่าเป็นอัครสาวกแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ ให้เราดูผลมากมายที่เกิดจากของประทานของพวกเขา
2:4 แต่อย่างไรก็ตาม เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง เพราะว่าเจ้าได้ละทิ้งความรักแรกนั้นของเจ้าเสีย
** ข้อ 4 "แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้างคือว่าเจ้าละทิ้งความรักดั้งเดิมของเจ้า"
** คริสตจักรดังกล่าวขาด "ความรักดั้งเดิม" หรือ "ความรักที่ดีที่สุด"
** นี่คือปัญหาใหญ่ของคริสเตียนในทุกยุคทุกสมัย เนื่องมาจากว่าซาตานได้ปลูกฝังความคิดของมนุษย์ทั่วโลกให้อยู่ในรูปแนวศาสนา ก็คือการเน้นที่ ทำ ทำ ทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งความรอดหรือพรจากการทำ ทำ ทำ ดังกล่าว สำหรับพระเจ้า พระองค์มีพระประสงค์ให้เราเน้นหรือใส่ใจที่ความรักความผูกพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า เรื่องอื่นให้เป็นรอง พระเจ้าต้องการสิ่งแรกจากเราคือความรัก พระองค์จึงเตือนคริสตจักรเป็นเรื่องแรกให้กลับมาสู่ความรักดั้งเดิม การกลับมาอยู่ในความรักดั้งเดิมคือการสนิท (สนทนาพูดคุย) บอกรักพระเยซู อย่างสม่ำเสมอ และเชื่อว่าพระองค์ทรงฟังและสนิทกับเราเหมือนกัน ปักใจที่ฝ่ายวิญญาณคือการอ่านท่องพระคำพระเจ้า ไม่ใช่อธิษฐานวันละสามเวลาจากนั้นก็หันมาใส่ใจที่ฝ่ายเนื้อหนัง
** เคล็ดลับ ก็คือเมื่อเราบอกรักพระเยซูและสนิทในพระองค์มากเท่าไหร่ พระองค์ก็จะส่งความรัก (อะกะเป) เข้ามาในเรามากขึ้นๆ (ยน 15:5 / วว 2:4-7)
2:5 เหตุฉะนั้น จงระลึกถึงว่าเจ้าได้หล่นลงมาจากไหนแล้ว และจงกลับใจเสียใหม่ และกระทำบรรดาการงานแรก ๆ เหล่านั้น หรือมิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้า และจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากสถานที่ของมัน นอกจากว่าเจ้ากลับใจเสียใหม่
** ข้อ 5 "จงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าได้หล่นจากมาแล้วนั้น"
** คือช่วงเวลาที่เราเชื่อใหม่ๆ เรามีความรักที่ดีที่สุดให้พระเจ้า เราร้อนรน ขยัน อ่าน อธิษฐาน ถวายตัวรับใช้ยอมตายเพราะเห็นแก่พระนามพระเจ้า "จงกลับใจเสียใหม่ และประพฤติตามอย่างเดิม"
** คือการกลับมาตกหลุมรักพระเยซูเหมือนเดิม
"มิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้าและจะยกคันประทีปของเจ้าออกจากที่ เว้นไว้แต่เจ้าจะกลับใจใหม่"
** คือถ้าไม่กลับใจ พระเจ้าจะไม่ให้ดำเนินชีวิตที่สำแดงพระคริสต์มากไปกว่าส่วนที่ทำได้แล้วนั้น และให้คริสตจักรออกจากการหล่อเลี้ยง เลี้ยงดูของพระวิญญาณ และเกิดการแตกแยกในที่สุด
2:6 พวกเจ้ายังมีความดีอยู่บ้างคือว่าเจ้าเกลียดชังกิจการของพวกนิโคเลาส์นิยมที่เราเองก็เกลียดชังเช่นกัน
** "พวกนิโคเลาส์นิยม" คือกลุ่มผู้เชื่อที่มีระบบผู้นำที่ควบคุม หรือเป็นนายท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย ดั่งที่เราเห็นในท่ามกลางคริสตจักรทั่วโลกทุกวันนี้
2:7 ผู้ใดที่มีหู ก็ให้ผู้นั้นฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ใดที่มีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินจากต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งอยู่ในท่ามกลางอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า’
** ข้อ 7 "ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้"
** "ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้" คือคนที่ถูกเปิดตานั่นเอง
** "แก่คริสตจักรทั้งหลาย" คือข้อความเขียนถึงคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส แต่เขียนถึงคริสตจักรทั้งหลายด้วย
** "ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในท่ามกลางอุทยานสวรรค์ของพระเจ้า" คือได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครอบครองในยุคพันปี และนิรันดร์
1. เลิกใส่ใจในเรื่องการเชื่อฟังทำดีและรับใช้
2. บอกรัก ติดสนิทกับพระเยซูที่อยู่ในเราให้มากที่สุดขณะที่ ทำงาน ขับรถ ทำกับข้าว เล่นเฟส ๆลๆ
3. เปลี่ยนคำว่า "อธิษฐาน" เป็น "คุย" หรือ "สนทนา" เพราะว่าภาษากรีกไม่มีคำว่าอธิษฐาน แต่เรียกว่า "คุย / สนทนา" ด้วยเหตุว่า ทุกครั้งที่เราพูด พระเจ้าจะรับฟังเดี๋ยวนั้นทันที เลิก อธิษฐานอวดในเฟส แต่บอกพระเจ้าอย่างลับๆ จะได้ผลมากกว่า (มธ 6:5-8)
4. เลิกคิดว่าพระเจ้าจะไม่ฟังหรือไม่ได้อยู่กับเรา แต่จงเชื่อมั่นว่าทรงอยู่ด้วย และสดับฟังเรื่องทุกข์สุขของเรา
...
** วว 2:5 กล่าวว่าถ้าเราบอกรัก สนิทในพระองค์ด้วยการพูดคุยสนทนา แสงสว่างที่เป็นชีวิตพระเจ้าจะมีมากขึ้นในเรา เราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ มากขึ้นทุกๆ วัน
** เราบอกรักพระเยซู พระเยซูส่งชีวิต (พระวิญญาณ) มาให้เรา เราบอกรักมากขึ้น ชีวิตและสันติสุขของพระเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นในเรา การเชื่อฟัง ความรัก ผลแห่งพระวิญญาณจะเกิดมีจนเต็มล้นในเรา
** ยน 15:4 กิ่งจะเกิดผล (ของพระวิญญาณ) เองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับต้น กิ่งเกิดผลโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจาก ติดสนิทและกินน้ำหล่อเลี้ยงที่มาจากต้น
** ผู้ชนะไม่ต้องฝืนใจพยายามเชื่อฟัง แต่ติดสนิทในพระคริสต์ด้วยการบอกรัก และพูดคุยกับพระเยซูในแต่ละวัน เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทำงานในท่านทั้งการเชื่อฟัง และความปรารถนา (ฟป 2:13)
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 2 (ข้อที่ 8-11) คริสตจักร ที่ท้อแท้ (คริสตจักร ที่เมืองสเมอร์นา)
"การข่มเหงที่ผู้ชนะจะได้รับ " (อาหารแข็งเพื่อการเติบโต ต้องขออภัยพี่น้องที่เชื่อใหม่)
2:8 จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองสเมอร์นาว่า ‘พระองค์ผู้ทรงเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และกลับฟื้นขึ้นอีก ได้ตรัสดังนี้ว่า
2:9 เรารู้จักบรรดาการกระทำของเจ้า และความทุกข์ลำบาก และความยากจน (แต่เจ้าก็มั่งมี) และเรารู้เรื่องการหมิ่นประมาทของคนเหล่านั้นที่กล่าวว่า พวกเขาเป็นพวกยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน
** (พระเยซูทรงยอมรับการงานของพวกเขาว่าใช้ได้ เพราะเป็นผลแห่งของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการงานที่มีรางวัลให้ ถ้าได้เข้าในราชอาณาจักร)
** "เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทุกข์ลำบากถูกข่มเหง"
- คริสตจักรที่แท้จริงต้องมีการข่มเหงเกิดขึ้นเสมอ เพื่อผ่านการทดสอบจากพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าต่อหน้ามนุษย์ได้
** "และยากจน (แต่ว่าเจ้าก็มั่งมี)"
- ยากจนฝ่ายร่างกายทรัพย์สินเงินทอง แต่มั่งมีในความชอบธรรม ความรัก และความดี ที่มาจากผลของชีวิตใหม่ (กท 5:22-23)
** "และรู้เรื่องการหมิ่นประมาทของคนเหล่านั้นที่กล่าวว่า เขาเป็นพวกยิวและหาได้เป็นไม่"
- พวกยิวทุกวันนี้ ไม่ใช่ยิวอีกต่อไปแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า เพราะเหตุที่พวกเขาประหารชีวิตกษัตริย์ที่พระเจ้าประทานมาให้ และกษัตริย์ดังกล่าวก็คือพระเจ้านั่นเองที่เสด็จมา
- พระเจ้าไม่ยอมรับว่าชาวยิวฝ่ายเนื้อหนังเป็นยิวสำหรับพระองค์อีกต่อไปแล้ว แต่ยิวแท้หรือยิวฝ่ายวิญญาณคือผู้ที่เชื่อในพระเยซูต่างหาก
** "แต่พวกเขาเป็นธรรมศาลาของซาตาน"
- พระวิหารของยิวถูกทำลายใน ค.ศ. 70 ยังคงเหลือแต่ธรรมศาลา ที่คนยิวใช้เป็นสถานที่นมัสการพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่สถิตย์อยู่ที่นั่นกับคนยิวอีกแล้ว เพราะว่าเราผู้เชื่อทุกคน คือวิหารของพระเจ้า
และที่ประชุมของยิวถูกเรียกว่า ธรรมศาลาของซาตาน (ทุกวันนี้เรียกกันว่า ซินนะกอก (Synagogue)
- ธรรมศาลาของยิวทั่วโลกในทุกแห่งหนที่เรียกกันว่า ซินนะกอก synagogue (โบสถ์ของชาวยิว) พระเจ้าไม่สถิตอยู่กับชาวยิวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นที่อยู่ของซาตานต่างหาก
2:10 อย่ากลัวความทุกข์ทรมานต่างๆซึ่งเจ้าจะได้รับนั้น ดูเถิดพญามารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อจะลองใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความทุกข์ทรมานถึงสิบวัน แต่เจ้าจงสัตย์ซื่อจนถึงความตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า
** พระเจ้าใช้การข่มเหงและความทุกข์ยากลำบาก เพื่อเป็นเครื่องทดลองหรือวัดความเชื่อของเรา และจะประทานบำเหน็จรางวัลให้ตามความเหมาะสมเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
** พระเจ้าทรงอนุญาตให้ผู้เชื่อถูกข่มเหงหรือประสบกับปัญหามากมาย แต่ปัญหาเหล่านั้นจะไม่หนักเกินไป ไม่นานเกินไป และพระเจ้าก็ทรงอยู่กับเราเพื่อปลอบประโลมเรา สิ่งที่เราทำคือยอมรับ ทำใจ และขอบพระคุณพระเจ้ากับปัญหาที่เข้ามา
** ดูเถิด พญามารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อจะลองใจเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความทุกข์ทรมานถึงสิบวัน แต่เจ้าจงสัตย์ซื่อจนถึงความตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า
- "มงกุฎแห่งชีวิต" ในที่นี้ก็คือ การได้มีส่วนร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคหน้าซึ่งพระเยซูและผู้ชนะจะครอบครองโลกนี้ ซึ่งพระคัมภีร์มัทธิวเรียกว่า ราชอาณาจักรสวรรค์นั่นเอง (มธ 3:2; 4:17; 6:10; 6:33)(พระคัมภีร์หลายฉบับใช้คำว่า "แผ่นดินสวรรค์" แทนคำว่า “ราชอาณาจักรสวรรค์”)
2:11 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะจะไม่ได้รับอันตรายจากความตายครั้งที่สองเลย'
** ความตายครั้งที่สอง ในที่นี้คือ…
1. มนุษย์ตายครั้งแรกเมื่ออาดัมไม่เชื่อฟัง
2. มนุษย์ตายครั้งที่สองเมื่อเขาจะต้องถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟเพราะเหตุไม่รับชีวิตจากพระเจ้าผ่านพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์โลก
3. ผู้เชื่อจะไม่ต้องตายครั้งที่สองนี้ เพราะว่าเราได้รับชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้าผ่านการบังเกิดใหม่แล้ว
** การตายครั้งแรก คือการตายฝ่ายร่างกาย (ตายจากโลกนี้ไปอยู่ที่แดนคนตาย) ส่วนการตายครั้งที่สองคือการถูกพิพากษาและส่งไปยังบึงไฟ
** เนื่องจากว่าคริสตจักรมากมายเมื่อถูกข่มเหงและการทดลอง พวกเขายอมทิ้งความเชื่อ ทิ้งพระเยซู พวกเขาจึงต้องสูญเสียความรอด และต้องเข้าสู่ความตายครั้งที่สอง ซึ่งก็คือการพิพากษา และส่งไปยังบึงไฟนั่นเอง
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 2 (ข้อที่ 12-17) คริสตจักรชาวโลก (คริสตจักร ในเมืองเปอร์กามัม)
** ที่อยู่ของซาตาน** "โบสถ์" คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มารซาตานจะเข้ามาอยู่ได้อย่างไร ?
"วว 2:13 เรารู้จักที่อยู่ของเจ้าคือเป็นที่นั่งของซาตาน"
- คริสตจักรของพระเจ้าทำไมซาตานเข้ามาอยู่ได้หรือ ?
* เมื่อใดที่เรานำเอา "โลก" เข้ามาใน คริสตจักร มารซาตานที่อยู่ฝ่ายโลกก็ตามเข้ามาและครอบครอง คริสตจักร ได้
* "เอาโลกเข้ามา" คือการใช้ความรู้คำสอนบทเรียนจากแหล่งอื่นๆ ในฝ่ายโลก เช่นศาสนา ความรอบรู้ สติปัญญาของอาดัม และเดินด้วยตัวเก่าของอาดัม สิ่งเหล่านี้จำทำให้ คริสตจักรของพระเจ้ากลายเป็น คริสตจักรชาวโลกได้ และซาตานจะเข้ามาครอบครองคริสตจักร
- โบสถ์ คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่พระเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ มารซาตานจะเข้ามาไม่ได้ ?
* เป็นความเข้าใจผิด พระเจ้าไม่ได้อยู่ในโบสถ์ แต่อยู่ในเรา
* เมื่อเราอยู่ไหนไปไหนพระเจ้าก็อยู่ในเรา และขณะเดียวกันผีมารก็คอยจ้องที่จะเล่นงานเราเมื่อเราเผลอออกจากการสนิทในพระเจ้า
* เมื่อเราประชุมหรือนมัสการพระเจ้า ผีมารซาตานก็อยู่ที่นั่น และคอยดูว่าใครที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังและอยู่ในชีวิตที่ผิดบาป เมื่อพบมันก็จะปิดหูบังตา กระซิบไม่ให้เราเข้าถึงพระเจ้า
* ผีมารจะล่อลวงเราให้เชื่อผิดๆ หรือเชื่อความคิดคำสอนจากโลกที่ผู้นำ นำเข้ามาสอน
* เรื่องนี้ตรงกับ มธ 13: 31-32 (คำอุปมาเรื่องเมล็ดผักกาดที่หลายคนแปลผิด ว่าคริสตจักรเติบโต)
2:12 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรในเมืองเปอร์กามัมว่า ‘พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบ ตรัสสิ่งเหล่านี้ว่า
** “‘พระองค์ผู้ทรงถือดาบสองคมที่คมกริบ” คือมีดสั้นสองคม ที่ชาวยิวใช้เพื่อฆ่าสัตว์ด้วยการแทงที่คอ หรือเนื้อของสัตว์
2:13 เรารู้จักการงานทั้งหลายของเจ้า และที่ ๆ เจ้าอาศัยอยู่ คือเป็นที่นั่งของซาตาน และเจ้ายึดนามของเราไว้มั่น และไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อของเรา แม้ในวันเหล่านั้นเมื่ออันทีพาเป็นพยานผู้ยอมตายที่สัตย์ซื่อของเรา ผู้ซึ่งถูกฆ่าในท่ามกลางพวกเจ้า ในที่ ๆ ซาตานอาศัยอยู่
** "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้าและที่อยู่ของเจ้าคือเป็นที่นั่งของซาตาน"
- คริสตจักรเปอร์กามัม นำทุกสิ่งที่เป็นฝ่ายโลกเข้ามาใช้ภายในคริสตจักร จึงเป็นเหตุให้ซาตานที่เป็นเจ้าผู้ครอบครองโลกเข้ามาครอบครองคริสตจักรได้
** "เจ้ายึดนามของเราไว้มั่นและไม่ปฏิเสธความเชื่อในเรา"
- ถึงอย่างไรก็ตาม คริสตจักรดังกล่าวก็ไม่ละทิ้งความเชื่อของพวกเขา เราจะเห็นคริสตจักรโลกเต็มอยู่ทุกหนทุกแห่ง คือคริสตจักรที่นำความรู้จากศาสนาอื่น สติปัญญาความคิดที่เฉลียวฉลาดเข้ามาใช้ภายในคริสตจักรเพื่อหาทางออกหรือเพื่อแก้ไขปัญหาแทนที่จะใช้พระสติปัญญาและแนวทางของพระเจ้า ซาตานจึงครอบครอเป็นกษัตริย์ของคริสตจักรได้
** "แม้ในเวลาที่อันทีพาผู้เป็นพยานที่สัตย์ซื่อของเราต้องถูกฆ่าในท่ามกลางพวกเจ้าในที่ซึ่งซาตานอยู่"
- เมื่อมีคนไม่ดีมากมายในคริสตจักร แน่นอนคนที่เชื่อฟังสัตย์ซื่อก็อยู่ไม่ได้หรือต้องถูกข่มเหงถ้าเขาจะอยู่ต่อไป
2:14 แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้างเล็กน้อย คือพวกเจ้าบางคนถือตามคำสอนของบาลาอัม ซึ่งสอนบาลาคให้ก่อเหตุเพื่อให้ชนชาติอิสราเอลสะดุด คือให้เขากินของที่ได้บูชาแก่รูปเคารพแล้วและให้เขาล่วงประเวณี
** "บาลาอัม" คือศาสดาห์ประจำศาสนาของชาวต่างชาติซึ่งสอนผู้ติดตามให้กราบไหว้รูปเคารพ และมีการล่วงประเวณีซึ่งเป็นเรื่องปกติหรือของพวกเขา (ไม่ผิด)
** ถึงแม้นว่า คริสตจักรจะรักเชื่อฟังรับใช้พระเจ้าเกิดผล แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้แสวงหาราชอาณาจักรและใช้ความรู้ในพระคัมภีร์เท่านั้นเพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและทุกสิ่ง สติปัญญาความรู้ย่อมมาจากพระเจ้าและจากพระคัมภีร์
** การใช้ความรู้จากศาสนาอื่นๆ และความรู้ของโลก เรียกว่าเล่นชู้ฝ่ายวิญญาณ
** คริสตจักร มากมายล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณแต่ไม่รู้ตัว และไม่ได้ตั้งใจ
2:15 และมีพวกเจ้าบางคนที่ถือคำสอนของพวกนิโคเลาส์นิยมด้วยเหมือนกัน ที่เราเองก็เกลียดชัง
** คริสตจักรเปอร์กามัมยังมีคำสอนเกี่ยวกับกลุ่มนิโคเลาส์ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง
- คำสอนของพวก “นิโคเลาส์นิยม” คือคำสอนของพวกที่ใช้แพร่หลายใน คริสตจักรทั่วๆ ไปในทุกวันนี้ อย่างเช่น :
1. ผู้นำต้องเป็นใหญ่เหนือใคร ไม่มีใครเหนือเขา ทุกคนต้องเคารพนับถือและให้เกียรติ
2. ผู้นำทำตัวเหมือนโมเสส นั่งที่สูงและที่ที่มีเกียรติ ไม่ว่าจะอยู่ที่โบสถ์หรือที่บ้านสมาชิก
3. ผู้นำต้องไม่ผิดพลาด ต้องดีพร้อมครบถ้วน
4. ผู้นำต้องรู้หมด อธิบายและตอบทุกๆ คำถามได้ คำว่าผิดข้าไม่มี
5. อย่ายุ่งกับกลุ่มอื่นคณะนิกายอื่น พวกเราดีที่สุด
6. เป็นฟาริสีในยุคพระคุณ
2:16 จงกลับใจเสียใหม่ มิฉะนั้นเราจะรีบมาหาเจ้า และจะสู้กับเขาเหล่านั้นด้วยดาบแห่งปากของเรา
** คือการพิพากษาไม่ให้เข้าในราชอาณาจักรเมื่อพระเยซูเสด็จมา
** ถ้าหากคริสจักรโลกไม่กลับใจ แทนที่คริสตจักรจะเติบโต แต่พระเยซูจะนำการแตกแยกเข้ามาด้วยการนำพระคำพระเจ้าที่แปลถูกเข้ามาท่ามกลางคริสตจักร เพื่อให้มีการแตกแยกเกิดขึ้น
2:17 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลาย ผู้ที่มีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินมานาที่ซ่อนอยู่ และจะให้หินขาวแก่ผู้นั้นด้วย ที่หินนั้นมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้เลยนอกจากผู้ที่รับเท่านั้น'
** ถ้าหากกลับใจไม่รับคำสอนจากศาสนาปรัชญาความรอบรู้สติปัญญาที่เป็นของโลก พระเยซูจะประทานมานาที่ซ่อนไว้ ให้ทุกคนในคริสตจักรเพื่อไม่ต้องแตกแยก และเติบโตสู่ชีวิตผู้ชนะไปด้วยกัน
** "หินขาว" คือชีวิตใหม่ซึ่งเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่เชื่อทุกคนคือดิน แต่เมื่อรับพระคำล้ำลึกหรือมานาที่ซ่อนไว้ ก็จะกลายเป็นหินขาว และพระเจ้าจะประทานชื่อใหม่ให้เรา
** มานาที่ซ่อนไว้ พระคำที่ล้ำลึก คือความรู้ การแปลความหมายพระวจนะคำที่ถูกต้อง เป็นอาหารแข็ง หรืออาหารผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
** ท่ามกลางคริสตจักรทุกวันนี้มีการแปลผิดเพี้ยนมากมาย เรียกว่าเชื้อยีส ซึ่งเมื่อเราอ่านเชื่อรับเข้ามา เราจะไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตจิตใจใหม่ เพราะเราไม่ได้รับการแปลความหมายที่ถูกต้อง เราจึงเติบโตไม่ได้ ดั่งที่เห็นในทุกวันนี้ ชีวิตดีร้ายดีบาป สุขทุกข์ๆ หมุนเวียนกันไป ยังทิ้งโลก เลิกบาปไม่ได้
** การกินมานาที่ซ่อนไว้ และเลิกใช้ความรู้จากแหล่งอื่นๆ นอกจากพระคัมภีร์ เท่านั้นที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจาก คริสตจักรชาวโลกได้
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 2 (ข้อที่ 18-20) ตอน : คริสตจักรศาสนา (คริสตจักรที่เมืองธิยาทิรา)
- คริสตจักรที่ 1 คือคริสตจักรขาดรักดั้งเดิมให้พระเจ้า
- คริสตจักรที่ 2 คือคริสตจักรผู้ชนะที่รับการหนุนใจอย่าท้อแท้
- คริสตจักรที่ 3 คือคริสตจักรชาวโลก (นำโลกเข้ามาใน คริสตจักร)
- คริสตจักรที่ 4 คือคริสตจักรศาสนา
...
คริสตจักร ศาสนา คือ
- ขณะที่ คริสตจักร ชาวโลกที่นำเอาความรู้คำสอนของปัญญามนุษย์และศาสนาอื่นเข้ามา
- คริสตจักรศาสนาคือ คริสตจักรที่ใช้พระคัมภีร์เป็นหลักในการดำเนินชีวิต (แต่แปลความหมายผิดเพี้ยนจากความหมายที่แท้จริง ซึ่งเกิดจากการไม่พึ่งพระเจ้าและรับความจริงจากพระวิญญาณ)
2:18 และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรในเมืองธิยาทิราว่า ‘พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงมีพระเนตรของพระองค์เหมือนเปลวไฟ และมีพระบาทของพระองค์เหมือนทองเหลืองเงางาม ตรัสสิ่งเหล่านี้ว่า
** ‘ผู้ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงมีพระเนตรดุจเปลวไฟและมีพระบาทดุจทองเหลืองเงางาม"
- "พระบุตรพระเจ้า" คือพระคริสต์ผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นผลแรก บุตรหัวปี และพี่ชายคนโตของผู้เชื่อทุกคน
- "พระเนตรดุดเปลวไฟ" คือพระองค์สอดส่องมองเห็นความผิดบาปตกต่ำของคริสตจักรเมืองธิยาทิราซึ่งจำต้องรับโทษ
- "พระบาทดุจทองเหลืองเงางาม" คือการลงโทษเหยียบย่ำทำลายของพระองค์ที่มีต่อคริสตจักรเมืองนี้
2:19 เรารู้จักการงานทั้งหลายของเจ้า และความรัก และการปรนนิบัติ และความเชื่อ และความเพียรของเจ้า และบรรดาการกระทำของเจ้า และการเบื้องปลายมีมากกว่าการเบื้องต้น
** คริสตจักรเมืองนี้รักแบบฟิเลโอ มีความดีของอาดัม ฝึกเดินและรับใช้ในรูปแนวศาสนาอยู่อย่างมากมาย และรู้ว่าการเบื้องปลายของเจ้ามีมากกว่าการเบื้องต้น (เขามีการงานผลงานที่พระเยซูยอมรับและมีบำเหน็จรางวัลให้ ทั้งจะมีมากขึ้นอีก)
** เนื่องจากมีการข่มเหงมากขึ้นในช่วงปลายของยุคพระคุณ คริสตจักรศาสนาทั่วโลกจึงเกิดมีความกลัว และรีบเร่งในการเชื่อฟังและรับใช้มากขึ้นกว่าในสมัยแรกเริ่มของศาสนาคริสต์
2:20 แต่อย่างไรก็ตาม เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้างอยู่สองสามเรื่อง เพราะว่าเจ้ายอมให้ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเยเซเบล ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พยากรณ์หญิง ให้สอนและล่อลวงพวกผู้รับใช้ของเรา เพื่อที่จะกระทำการล่วงประเวณีและเพื่อที่จะกินสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้บูชาแก่รูปเคารพแล้ว
** "หญิงชื่อเยสเบล" คือผู้นำผู้รับใช้ที่ถูกมารซาตานปิดหูบังตาและใช้ความคิดปัญญาของมนุษย์ในการตีความหมายพระคำของพระเจ้า
** "ผู้หญิง" คือผู้นำคริสตจักรทั้งชาย และหญิงที่ตั้งตนเป็นอาจารย์ ศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักร (มธ 13:33) ที่นำผู้เชื่อเข้าสู่รูปแนวศาสนา ซึ่งคริสตจักรของพระคริสต์ควรที่จะฝึกเดินในรูปแนวของ ชีวิต เพื่อรับการหล่อเลี้ยงเลี้ยงดูรับน้ำแห่งชีวิต และรับการเติมเต็มให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณจากพระคริสต์ผู้เป็นศรีษะของคริสตจักร คริสตจักรจึงได้รับแค่ความรู้และกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อนำไปปฏิบัติเพื่อรับพระพรและความรอด"หญิงนั้นสอนและล่อลวงพวกผู้รับใช้ของเราให้ล่วงประเวณีและให้กินของที่บูชาแก่รูปเคารพแล้ว (ล่วงประเวณี ในที่นี้ คือการกราบไหว้รูปเคารพ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนาต่างๆ)
** "คือพวกเจ้ายอมให้ผู้หญิงชื่อเยเซเบล ที่ยกตัวขึ้นเป็นผู้พยากรณ์หญิง"
- "หญิงชื่อเยเซเบล" คือผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิม ไม่เกี่ยวอะไรกับผีเข้าสิง
- "หญิงคนนี้" เล็งถึงผู้รับใช้ทุกวันนี้ที่นำผู้เชื่อไปสู่ความตกต่ำ ทำให้คริสเตียนมากมายทั่วโลกกลายเป็นคริสเตียนศาสนา
- "ผู้หญิงคนนี้" เป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่เอาเชื้อมาผสมใส่แป้งไร้เชื้อเพื่อทำอาหาร (คำสอนที่มาจากการตีความหมายพระคำผิดเพี้ยน) ให้คนในบ้าน (คริสตจักร)
- ข้อ 20 นี้ ตรงกับ มธ 13:33-34 (เรื่องผู้หญิงกับเชื้อยีส)
- "ผู้หญิง" แปลว่า ผู้นำผู้สอนผู้เทศนา
- ล่วงประเวณี 1 คือรับความรู้ผิด คือการล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ
- ล่วงประเวณี 2 คือผู้นำผู้รับใช้และสมาชิกแอบรักแอบชอบและแอบไปมีอะไรกันในที่ลับตาผู้คน
* กินของที่แท่นบูชาที่เคารพแล้ว 1 ฝ่ายวิญญาณ คือยุ่งเกี่ยวเกี่ยวข้องกับผีมารซาตานโดยไม่รู้ตัว
* กินของที่แท่นบูชาที่เคารพแล้ว 2 กินอาหารที่ศาสนาอื่นๆ ที่เซ่นไหว้บูชาพระแล้วนำมาขายที่ตลาด
2:21 และเราได้ให้หญิงนั้นมีระยะเวลาที่จะกลับใจจากการล่วงประเวณีของนาง และนางก็ไม่ได้กลับใจเลย
** พระเจ้าได้ให้โอกาสหญิงนั้นกลับใจจากการล่วงประเวณีของนาง แต่นางก็ไม่ได้กลับใจเลย
** ผู้นำคริสตจักรส่วนมากไม่รู้ว่าเขาเชื่อผิด สอนผิด ดำเนินชีวิตผิดและรับใช้ผิด เขาจึงไม่ยอมรับว่าเขาผิด และไม่รู้จักคำว่า "กลับใจ"
2:22 ดูเถิด เราจะทิ้งหญิงนั้นไว้บนเตียงพร้อมกับคนทั้งหลายที่เล่นชู้กับนางให้เข้าในความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง ยกเว้นคนเหล่านั้นกลับใจจากบรรดาการกระทำของตน
** “เราจะทิ้งหญิงนั้นไว้บนเตียง”
- "เตียง" หรือ "ที่นอน" โดยปกติ คือที่สำหรับพักผ่อนหลับนอนเพื่อให้ร่างกายพักฟื้น แต่เตียงนอนในที่นี้คือเตียงนอนของคนป่วย คือการเจ็บป่วยเป็นทุกข์และไม่ได้พักผ่อนหลับนอน
- เนื่องจากว่าผู้นำคริสตจักรศาสนาต้องแบกภาระหนักของสมาชิกโบสถ์ทุกวัน กินก็ไม่ได้กิน นอนก็ไม่ได้นอน ต้องเป็นทุกข์เนื่องจากสมาชิกโบสถ์นำปัญหามาให้ผู้นำแก้ไขไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาจึงป่วยและนอนรอการกลับมาพิพากษาก่อนยุคพันปี
** "และคนทั้งหลายที่ล่วงประเวณีกับนาง" คือการที่ผู้นำคริสตจักรไปยุ่งเกี่ยว เกี่ยวข้องกับศาสนาต่างๆ ในโลกเพื่อหาทางออกจากการเป็นผู้นำที่ป่วย และต้องแบกภาระหนักของตน
** เตียงนอนปกติใช้เพื่อการพักผ่อนรื้อฟื้นร่างกาย แต่เตียงนอนผู้รับใช้มากมายกลายเป็นเตียงนอนของโรงพยาบาล คือการนอนเจ็บปวดใจ เป็นทุกข์ นอนไม่หลับเพราะเหตุ คริสตจักรมีปัญหา สมาชิกไม่มีความสุข ผู้นำผู้รับใช้และคริสเตียนเหล่านี้จึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
** "คนทั้งหลายที่ล่วงประเวณีกับนาง" ผู้นำเหล่านี้คิดไม่ดีทั้งเรื่องฝ่ายวิญญาณและร่างกายกับสมาชิกและคนทั่วไป คือมีชีวิตรักโลกอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง
2:23 เราจะประหารลูกทั้งหลายของหญิงนั้นเสียให้ตาย และคริสตจักรทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้พินิจพิจารณาจิตใจ และเราจะให้สิ่งตอบแทนแก่เจ้าทั้งหลายทุกคนให้เหมาะสมกับการงานของเจ้า
** "เราจะประหารลูกทั้งหลายของหญิงนั้นเสียให้ตาย" คือการแตกแยกขัดแย้งไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกคริสตจักร จนอาจถึงขั้นหนีไปตั้งคริสตจักรใหม่ คือทำให้สมาชิกคริสตจักรแตกแยก และตั้งอยู่ไม่ได้
** "และคริสตจักรทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราเป็นผู้พินิจพิจารณาจิตใจ และเราจะให้สิ่งตอบแทนแก่เจ้าทั้งหลายทุกคนให้เหมาะสมกับการงานของเจ้า" คือผู้เชื่อมากมายไม่รู้ว่าคริสตจักรที่แตกแยกและอยู่ร่วมกันไม่ได้ เนื่องมาจากพระบุตรที่มีพระเนตรดุจเปลวเพลิงและพระบาทดุจทองเหลืองซึ่งตรวจค้นดูความผิดบาป บกพร่อง ตกต่ำ และนำโทษมาสู่พวกเขานี่เอง
2:24 แต่สำหรับพวกเจ้า และสำหรับคนอื่นที่เหลืออยู่ในเมืองธิยาทิรา ผู้ใดก็ตามที่ไม่ถือหลักคำสอนนี้ และซึ่งไม่รู้จักความล้ำลึกของซาตาน ตามที่พวกเขากล่าวนั้น เราขอบอกว่า เราจะไม่มอบภาระอื่นให้แก่พวกเจ้า
** ผู้ไม่ถือคำสอนนี้ และไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกว่า ความล้ำลึกของซาตานนั้นเราขอบอกว่า เราจะไม่มอบภาระอื่นให้เจ้า
- "คำสอนนี้ และความล้ำลึก (mystery) ของซาตาน" คือเชื้อยีสทั้งหมดที่ซาตานนำเข้ามาผสมกับพระคำของพระเจ้าโดยใช้ผู้นำผู้สอนผู้แบ่งปันทั้งหลาย ซึ่งพวกเขาเป็นเครื่องมือของซาตานในการทำลายคริสจักรโดยไม่รู้ตัว
2:25 แต่สิ่งที่พวกเจ้ามีอยู่แล้วนั้น จงยึดไว้ให้มั่นจนกว่าเราจะมา
"แต่สิ่งที่เจ้ามีอยู่แล้วนั้นจงยึดไว้ให้มั่นจนกว่าเราจะมา" คือการยึดถือหลักคำสอนที่ไม่มีเชื้อของซาตาน
2:26 ถ้าเราชนะปัญหา คริสตจักรศาสนานี้ได้ หรือเราหนีจาก คริสตจักรศาสนานี้ เราจะได้มีส่วนครอบครองร่วมกับพระเยซูเมื่อทรงเสด็จกลับมา
2:27 และผู้นั้นจะบังคับบัญชาประชาชาติเหล่านั้นด้วยคทาทำด้วยเหล็ก เหมือนกับบรรดาภาชนะของช่างหม้อ ประชาชาติเหล่านั้นจะถูกทำให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ’ เหมือนอย่างที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา
2:28 "และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้แก่ผู้นั้น"
** ข้อ 28 "และเราจะมอบดาวประจำรุ่งให้แก่ผู้นั้น" คืออำนาจตำแหน่งและสง่าราศรีเพื่อการครอบครอง
2:29 ผู้ใดที่มีหู ก็ให้ผู้นั้นฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด’”
** ("มีหู" ในที่นี้ คือหูฝ่ายวิญญาณ)
** (พระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักทั้งหลาย ก็คือคริสตจักรทั่วๆไป แต่ใช้คริสตจักรนี้เป็นตัวแทน)