เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์พระองค์ทรงระบายวิญญาณ (พะ-นิว-ม่า) เข้ามาในร่างกายมนุษย์แต่ยังไม่ได้ให้ ชีวิตของพระเจ้า (โซเอ้) แก่มนุษย์
พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีสิทธิและเสรีภาพในการเลือก พระองค์ให้ชีวิตของพระองค์ไว้ที่ต้นไม้แห่งชีวิต และพระเจ้าต้องการให้อาดัมและเอวากินผลของต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าไม่ห้ามเลย แต่ขณะเดียวกันก็มีต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่วด้วยซึ่งพระเจ้าห้ามกินผลจากต้นนี้
ดังนั้นต้นไม้ 2 ต้นนี้จึงมีความหมายถึงการดำเนินชีวิตของมนุษย์ 2 แบบ คือ
1. ต้นไม้แห่งชีวิต คือการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาพระเจ้า
2. ต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่ว คือการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง หรือตามการรู้ดีรู้ชั่วของมนุษย์เอง
วิญญาณ หรือ พะนิวม่า ที่พระเจ้าระบายให้แก่อาดัมมีฉายา หรือคุณสมบัติของพระเจ้า 4 ประการ คือ
1. ความรัก
2. ความจริงหรือความสว่าง
3. ความบริสุทธิ์
4. ความชอบธรรม
และมนุษย์ก็เห็นชอบ และเห็นดีกับคุณสมบัติ 4 ประการนี้อยู่ในใจ และต้องการจะสำแดงคุณสมบัติทั้ง 4 ประการนี้ออกมา แต่ตัวมนุษย์เองส่วนใหญ่จะกระทำต่อผู้อื่นไม่ได้ และส่วนมากอยาก (เรียกร้อง) ให้ผู้อื่นกระทำต่อตนเองมากกว่า
เนื่องจากมารมันรู้ว่าถ้าอาดัมกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตแล้ว เขาก็จะเป็นเหมือนพระเจ้า ดังนั้นมันจึงมาล่อลวงเอวาให้กินผลจากต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่วแทน และเมื่ออาดัมกินผลนี้ เขาจึงละเมิดคำสั่งของพระเจ้าที่ว่า "เจ้าขืนกินเมื่อไหร่เจ้าจะตาย" นั่นก็คือถูกแยกออกจากพระเจ้า และทำให้วิญญาณของอาดัมถูกแยก (ตาย) ออกไปจากพระเจ้า ไม่สนิทสนม และติดต่อกันไม่ได้อีก
แต่พระเจ้าก็ทรงเตรียมการไถ่มนุษย์โดยการส่งพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นต้นไม้แห่งชีวิต (ชีวิตของพระเจ้า) ใน ยน 6:33, 35 เพื่อจะให้มนุษย์มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ได้ใน ยน 10:10
และการกินพระเยซู ก็คือ "การรับเชื่อ (เข้าใน) พระเยซู" คือเอาชีวิตของเราย้ายเข้ามาอยู่ในพระเยซูใน 1 คร 1:30 และเราถูกย้ายเข้ามาอยู่ในพระเยซูแล้วใน กท 3:27 และใน ยน 15:5 กล่าวว่าจงเข้าสนิท (อาศัย) อยู่ในเรา และเรา...
ดังนั้นความจริงของพระเจ้าที่ทรงทำสำเร็จแล้ว ก็คือเราเข้าใน และเราอาศัยอยู่ในพระเยซูแล้ว และในสายตาของพระเจ้าทุกคนที่เชื่อพระเยซูก็เป็นผู้ชนะแล้ว ให้เราเชื่อเอาว่าเราเข้าในพระเยซูแล้ว สวมใส่ชีวิตของพระคริสต์แล้ว และเราเป็นผู้ชนะแล้ว
คริสเตียนไม่ได้อยู่เพื่อการทำดี เพื่อการเชื่อฟัง หรือเพื่อการรับใช้พระเจ้า แต่ชีวิตคริสเตียนอยู่เพื่อค้นหาความจริง 2 ประการ คือ
1. ค้นหาตัวเราให้ครบว่าเราเป็นใครแล้วมองแบบพระเจ้ามอง
2. ค้นหาพระเจ้าให้ครบ
ถ้าเราค้นหาความจริง 2 ประการนี้ได้แล้ว เราก็จะเห็นว่าเราเป็นผู้ชนะจริงๆ ใน 2 ทธ 4:4-7 และเราก็จะเดิน หรือใช้ชีวิตคริสเตียนเหมือนเช่นผู้ชนะจริงๆ ไม่ใช่แค่รู้เท่านั้น
ในประการที่ 2 การค้นหาพระเจ้าให้ครบ ก็คือพระคุณของพระเจ้าที่เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ คือ
1. พระคุณแรก คือพระเยซูมาตายเพื่อไถ่เราจากความบาป
2. พระคุณซ้อนพระคุณ คือพระเยซูอยู่เพื่อเราและทำแทนเรา
คำว่า จำเริญขึ้นในพระคุณ แปลว่าถูกเปิดตาให้เห็นความจริงทั้ง 2 ประการนี้ ดังนั้นเมื่อเราเห็นความจริงครบทั้ง 2 ประการนี้เราก็จะใช้ชีวิตคริสเตียนที่เป็นผู้ชนะใน วว 2:7
ชีวิตของเราเป็นแบบนี้หรือไม่
1. เราพบพระเยซู และต้อนรับพระเยซู
2. เราอยากรู้จัก และเริ่มค้นหาพระเยซู
3. เราได้พบพระบัญญัติ และคำสั่งสอนของพระเยซู
4. เราเริ่มลงมือ และพยายามเชื่อฟัง และทำตามพระบัญญัติ และคำสั่งสอน
(เมื่อมาถึงข้อที่ 4 นี้เราก็หล่นจากพระคุณเสียแล้ว คือไม่มีพระคริสต์ทำแทนแต่เราทำเอง เพราะเรายังไม่รู้ว่าพระบัญญัติคือเราทำเพื่อพระเจ้า แต่พระคุณคือพระคริสต์ที่อยู่ในเราทำเพื่อเราในเรา)
5. เราทำแล้วล้มเหลว คือทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
6. เราวนอยู่ในข้อ 4 และข้อ 5
7. เรายอมแพ้ เบื่อหน่าย และท้อ แต่ใจเราอยากทำต่อจึงพยายามสู้ และหาวิธี
8. เราพบมานาที่ซ่อนไว้ใน วว 2:17 คือพระคริสต์ที่เป็นบุคคลที่มาเปิดตาเรา
เมื่อเรารักษาพระบัญญัติเราทำด้วยเนื้อหนัง แต่เมื่อเราพึ่งพระคุณเราให้พระเจ้าทำแทนเรา
การไถ่มี 2 แบบ คือไถ่จากความบาป และไถ่จากตัวบาป และเป็นงานของพระเจ้าที่จะไถ่เราจากความผิดบาป และไถ่เราให้หลุดพ้นจากตัวบาปที่อยู่ในเนื้อหนังของเรา ก็คือเรามีพระคริสต์ที่อยู่ในเราซึ่งทำแทนเราใน กท 4:19