2:1 พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป
** เมื่อเราเชื่อเราได้ถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่ และพระเยซูแจกจ่ายชีวิตพระเจ้า (ตัวตนของพระองค์เอง) เข้ามาอยู่ในเรา ซึ่งก่อนเชื่อ เราเป็นมนุษย์ที่ตายแล้วโดยการละเมิดและการบาปของอาดัม
2:2 ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยดำเนินตามวิถีของโลกนี้ ตามเจ้าชายแห่งอำนาจในย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง
** "เจ้าชาย" คือมารซาตานเอง
** อำนาจในย่านอากาศ คือส่วนกลางระหว่างแผ่นดินโลกและสวรรค์ เป็นอาณาจักรของมารซาตานทุกวันนี้
** วิญญาณที่ครอบครองในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง คือลูกน้องของมารซาตาน (ทูตสวรรค์ชั่ว) มันครอบครองเป็นเจ้าของคนที่ไม่เชื่อทุกคนแบบเงียบๆ ไม่แสดงอาการก็มี หรือแบบไม่เงียบคือแสดงอาการผีเข้า
2:3 เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติเป็นพรรคพวกกับคนเหล่านั้น ที่ประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนังเช่นกัน คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อหนังและความคิดในใจ ตามสันดานเราจึงเป็นบุตรแห่งพระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่น
** ก่อนเชื่อ มนุษย์ทุกคนจะอยู่เพื่อตัณหาของเนื้อหนังแน่นอน เพราะเขาไม่รู้จักพระเจ้าและไม่รู้จะอยู่ในพระวิญญาณและอยู่เพื่อน้ำพระทัยพระเจ้า ชีวิตที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายวิญญาณคือการบาปทั้งสิ้น
** ตัณหาของเนื้อหนัง (lust of the flesh) ไม่เหมือนตัณหาของร่างกาย (lust of the body) ตัณหาเนื้อหนัง คือความต้องการ อยากได้ อยากมี อยากดี อยากเด่น อยากเป็น อยากนั่นนี่โน่น ในทางที่เป็นลบ หรือเพื่อตนเอง ส่วนตัณหาของร่างกาย คือความต้องการทางเพศ
2:4 แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น
** เต็มเปี่ยมด้วยพระกรุณา / ความรักอันใหญ่หลวง ของพระเจ้า เป็นเหตุให้เราทั้งหลายได้รอด ไม่ต้องพึ่งการกระทำดีเชื่อฟังรักษาพระบัญญัติ แต่โดยทางความเชื่อ
** มนุษย์ ยากที่จะเข้าใจความรักอันใหญ่หลวงของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องความรอดจากบึงไฟนี้ได้ ส่วนเรื่องรอดเข้าไปในอาณาจักรนั้นจำเป็นที่จะต้องแย่งชิงกันเข้า และพึ่งความชอบธรรมของพระเจ้า (พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเราในเราในแต่ละวัน) เพราะเป็นเรื่องของการได้ร่วมครอบครองร่วมกับพระเยซูชั่วนิรันดร์ คือตำแหน่งและบำเหน็จรางวัลของผู้ชนะ
2:5 ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)
** มีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ คือคนใหม่ที่บังเกิดใหม่มีชีวิตร่วมกับพระคริสต์ สองคนในร่างเดียว
** เปาโลย้ำโดยพระวิญญาณว่า ความรอดเราได้มาฟรีๆ โดยพระคุณของพระเจ้า
2:6 และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระคริสต์เยซู
** ทุกวันนี้ พระเยซูทรงประทับที่สวรรคสถานกับพระบิดา เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์ เราก็นั่งอยู่ที่นั่นกับพระบิดาในพระคริสต์ด้วย สิ่งนี้เป็นไปได้โดยความเชื่อ เพราะว่าพระเจ้าทรงนับว่าเราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ที่ไหนเราก็อยู่ที่นั่น ถ้าหากเรารู้และเชื่อและนับทุกวัน เราก็จะมีประสบการณ์สันติสุขและชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ทั้งร้อนรนกระตือรือร้นในชีวิตฝ่ายวิญญาณ
2:7 เพื่อว่าในยุคที่กำลังจะมา พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระคริสต์เยซู
** "ยุคที่กำลังจะมา" ภาษาอังกฤษ คือ (the coming age / the age to come) คือยุคอาณาจักร
พระเยซูจะเสด็จกลับมาพร้อมผู้เชื่อที่ชนะเพื่อครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปี ก่อนทำลายโลกนี้และสร้างโลกใหม่สวรรค์ใหม่ (วว 21:1)
2:8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง ความรอดนั้นเป็นของประทานจากพระเจ้า
** "รอดโดยพระคุณ" คือโดยการกระทำทั้งหมดของพระเจ้า เราไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่เชื่อในสิ่งที่พระเจ้ากระทำผ่านพระเยซู เพื่อไถ่เราให้รอดเท่านั้น
** "ความรอดเป็นของประทาน" ภาษากรีกและอังกฤษคือ "ของขวัญ" (Gift) ของขวัญคือ เรารับมาโดยไม่ต้องทำอะไรเพื่อเป็นค่าตอบแทน
ส่วนค่าจ้างรางวัลคือเราต้องทำในสิ่งที่คนให้ เรียกร้องจากเรา ทำให้ได้ครบตามจำนวนเสียก่อน เราจึงจะได้รับค่าจ้างรางวัลจากคนให้
2:9 ไม่ใช่โดยการกระทำใด ๆ ด้วยเกรงว่าคนหนึ่งคนใดจะอวดได้
** ไม่ใช่โดยการกระทำใดๆ คือไม่เกี่ยวอะไรกับการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการถวาย บัพติศมา เชื่อฟังรักษาพระบัญญัติ รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ฯลฯ
2:10 เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์ ให้เข้าสู่การงานที่ดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เราดำเนินตามนั้น
** ในพระคริสต์มีชีวิตที่มีชัยชนะ มีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต เพื่อช่วยเราเอาชนะกฎแห่งความบาปและความตาย เพื่อดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมต่อสายตามนุษย์ได้
** ผู้เชื่อที่ไม่มาถึงชีวิตผู้ชนะ จะมาไม่ถึงการงานที่ดีนี้ได้เป็นอันขาด เขาทำได้แค่ก่อขึ้นด้วยไม้ ฟาง และหญ้าแห้ง (1 คร 3:12-15)
2:11 เหตุฉะนั้นท่านจงระลึกว่า เมื่อก่อนท่านเคยเป็นคนต่างชาติตามเนื้อหนัง และพวกที่ถือการเข้าสุหนัตซึ่งกระทำแก่เนื้อหนังด้วยมือเคยเรียกท่านว่า เป็นพวกที่มิได้เข้าสุหนัต
** ชาวยิวเรียกคนต่างชาติทุกชาติว่า พวกมิได้เข้าสุหนัต เพราะยิวทุกคนต้องเข้าสุหนัต
('เข้าสุหนัต' คือการตัดหนังปลายองคชาติเพื่อเข้าสู่พระสัญญาระหว่างพระเจ้าและชนชาติอิสราเอล)
2:12 จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนที่ไม่มีพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า
2:13 แต่บัดนี้ในพระคริสต์เยซู ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์
** พระโลหิตของพระเยซู เป็นเหตุให้เราคนต่างชาติ ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลไม่รู้จักพระเจ้า แต่บัดนี้ได้เข้ามาใกล้พระบิดา คือการได้เข้ามาเชื่อ (เข้า) ในพระองค์ เป็นบุตรพระเจ้า เป็นครอบครัวของพระบิดา
2:14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นความสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง
** พระเยซูเป็นทางแห่งความสงบสุข (peace) กับพระเจ้า ให้เราเป็นฝ่ายเดียวกันกับพระบิดา เราจึงไม่ต้องกลัวพระเจ้าและการลงโทษนิรันดร์ สันติสุข ในที่นี้ คือได้มาจากการเรียนรู้และเข้าใจเรื่อง 1. การยกโทษบาป 2. การเข้ามาหาพระเจ้าทางพระโลหิต และ3. ความมั่นใจในความรอด (ซึ่งสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากบทเรียนสู่การเป็นผู้ชนะ หัวข้อ 1-3 บทเรียน 9 บทสู่การเป็นผู้ชนะ)
** "ความสงบสุข" ภาษาอังกฤษ คือ peace (กรีก G1515) "ส่วนสันติสุข" (ความชื่นชมยินดี หรือแม่น้ำแห่งชีวิต) คือ joy (กรีก G5479)
2:15 และได้ทรงกำจัดการซึ่งเป็นปฏิปักษ์กันในเนื้อหนังของพระองค์ คือกฎของพระบัญญัติซึ่งให้ถือศีลต่าง ๆ นั้น เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละจึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข
** ชาวยิวที่เคยอยู่ใต้พระบัญญัติในยุคพระบัญญัติ ไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติเดิมของโมเสสอีกต่อไป เมื่อเขาเชื่อเข้าในพระเยซู จึงไม่ต้องรักษากฎเกณฑ์และถือศีล แต่อาศัยความชอบธรรมของพระเยซู เพื่อได้กลายเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า และพระคริสต์ในเราเป็นความชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ สาวกมากมายเป็นชาวยิวที่รับพันธสัญญาใหม่นี้ และได้หลุดพ้นจากพันธสัญญาเดิมเข้าสู่พันธสัญญาใหม่
** คนใหม่คนเดียว คือพระคริสต์ที่เป็นคนใหม่ และเราทุกคนที่เชื่อทั้งยิว และต่างชาติ ถูกนับเข้าเป็นอวัยวะหรือพระกายของพระเยซู โลกนี้สำหรับพระเจ้ามีแค่เพียงสองคนเท่านั้น คืออาดามและพระคริสต์ คนที่ไม่เชื่อถูกนับเข้าในคนเก่าคืออาดาม และทุกคนที่เชื่อ พระเจ้าทรงนับเข้าในคนใหม่คนนี้
2:16 และเพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขนซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป
2:17 และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และแก่คนที่อยู่ใกล้
** ("อยู่ไกล" คือคนต่างชาติ) ("อยู่ใกล้" คือชาวยิว)
2:18 เพราะว่าพระองค์ทรงทำให้เราทั้งสองพวกมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบิดา โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
** การเข้าเฝ้าพระบิดา เราไม่ต้องรอให้ชีวิตบริสุทธิ์ชอบธรรมปราศจากบาป แต่โดยทางพระโลหิต เราสามารถเข้าเฝ้าพระบิดาทุกเวลา และทุกที่ ทุกแห่งหน
** พระวิญญาณที่ทำงานในเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือต่างชาติ คือพระวิญญาณพระคริสต์และพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน
2:19 เหตุฉะนั้นบัดนี้ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับวิสุทธิชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า
** ในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีชาติยิว หรือ กรีก ไทย ลาว จีน ฝรั่ง ทุกคนคือคนใหม่คนเดียว และเป็นชนชาติอิสราเอล ลูกหลานอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ เราจึงกลายเป็นครอบครัวใหญ่ของพระเจ้า
2:20 ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้นบนรากแห่งพวกอัครสาวก และพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นศิลามุมเอก
** พระเจ้าทรงวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะก่อสร้างคริสตจักร ในรูปแบบของครอบครัวของพระองค์ และเป็นคนใหม่คนเดียว คือพระคริสต์เยซู ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึงพระคริสต์ในพระคัมภีร์เดิม และอัครสาวกทั้งหลายประกาศ และสั่งสอนเรื่องอาณาจักรสวรรค์ (คริสตจักร) ในยุคพระคุณ เริ่มจากสิบสองคนจนถึงทุกวันนี้ พระเยซูทรงเป็นศิลามุมเอกเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้เชื่อยิวและผู้เชื่อชาวต่างชาติ เข้าเป็นคริสตจักร หรือวิหาร หรือที่สถิตของพระเจ้าได้สำเร็จ
2:21 ในพระองค์นั้น ทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิท และเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
2:22 และในพระองค์นั้น ท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้า โดยทางพระวิญญาณด้วย
** เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคริสตจักรในเมืองเอเฟซัส ประมาณปี ค.ศ. หกสิบกว่าๆ หลังจากนั้นต่อมา คริสตจักรของพระเจ้าก็ได้ถูกก่อขึ้นทั่วโลก ผู้เชื่อถูกนับเป็นครอบครัว
พระบิดา และคนใหม่คนเดียวและเป็นที่สถิตของพระเจ้า เมื่อมีการประชุมสามัคคีธรรมร่วมกันในพระนามพระเยซู พระองค์ก็อยู่ที่นั่นท่ามกลางเขาทั้งหลาย