ถาม.
ก็อยากจะถามอาจารย์ค่ะว่า ถ้าปัญหาเราอ่ะไม่มีทางออก เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูแล้ว คือเราจะต้องทำอย่างไร คือยกให้พระองค์ทั้งหมดเลย แล้วก็วางใจกับพระองค์แล้วรอให้พระองค์ทำแทนกำหนดในทุกๆ สิ่งในชีวิตของเราใช่ไหมค่ะ คือเราไม่ต้องทำอะไรเลย คือหยุด Stop ทุกอย่าง แล้วก็รอการทรงนำ รอการทำแทน รอการเปิดเผยค่ะ เอเมน
ตอบ.
สิ่งไหนที่เราอาจจะต้องทำเพื่อ เมื่อถูกบังคับ หรือเมื่อต้องแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้น เราเชื่อว่าเราทำกับพระเยซูอยู่และเราเชื่อว่าพระเยซูเป็นคนทำในเรามากกว่า เราเป็นคนที่ถวายอวัยวะให้พระองค์เป็นคนใช้ร่างกาย สายตา หู การตัดสินใจ พระองค์เป็นสติปัญญา แล้วก็ให้พระองค์เป็นคนทำ แล้วก็ทำไปนะครับ
ถ้าหากว่าไม่มีใครบังคับเรานะครับ เรานิ่งสงบ เราหยุดนิ่ง เราไม่เคลื่อนไหว แต่ถ้าจะเคลื่อนไหวก็คือเคลื่อนไหวไปด้วยตัวใหม่แล้วเชื่อว่าพระองค์เป็นคนทำอยู่ เอเมน
อย่าลืมนะครับว่า การช่วยเหลือของพระเจ้าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ พระองค์เลือกที่จะช่วยเหลือตอนที่มันคือคับขัน แล้วก็ทางตันนะครับ มาถึงทางตันจริงๆ มาถึงที่ที่มันไม่มีทางออกจริงๆ อ่ะ คือตอนที่พอจะมีทางออกได้พอจะไปมาได้พอจะทำอะไรได้คิดได้พอจะเลือกทางได้ แต่ปรากฏว่าวิธีทางของพระเจ้าการช่วยเหลือของพระเจ้าจะมาก็ต่อเมื่อเราหมดทางแล้ว
ถามว่าทำไมพระเจ้าเลือกที่จะช่วยตอนที่เราหมดทาง เราหมดเรี่ยวแรง เราอ่อนแอมากจนช่วยชีวิตเราเองไม่ได้แล้ว ก็คือเพื่อให้เรารู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เราจะต้องพึ่งพา คล้ายๆ กับเรื่องผู้ชายที่ตกน้ำที่ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วปรากฏว่าหลายคนก็ยืนมองแล้วก็บอกเขาว่ายเอามือว่ายไปทางซ้ายไปทางขวาว่ายแบบนี้ว่ายแบบนั้น กระดิกน้ำก็สอนก็บอก แต่ไม่มีใครกระโดดลงไปช่วย แล้วบางคนจะกระโดดลงแต่มีผู้ชายคนหนึ่งเห็นเขาก็ห้าม ไม่ต้องกระโดดลงไปรอก่อน แล้วผู้ชายคนนี้ก็โกรธว่าไม่กระโดดได้ไงเขากำลังจะตายก็ต้องรีบลงไปช่วยสิ รอก่อนผู้ชายคนนั้นบอกว่าใจเย็นรอก่อนเราช่วยเขาแน่
ปรากฏว่าเขาว่ายน้ำคือทำยังไงก็จะไม่รอดแล้ว ก็คือจะจมลงไปแล้ว หมดเรี่ยวแรงแล้ว ผู้ชายคนนี้จึงตัดสินใจกระโดดลงไปแล้วดึงขึ้นมา เพราะว่าถ้าหากเราไปช่วยเขาตอนที่เขายังมีแรงอยู่ การช่วยเหลือนะครับคืออาจจะไม่สำเร็จ เขาอาจจะดึงเราไปตายด้วยกันทั้งสองใช่ไหม
คือการที่คนยังไม่มาถึงทางตัน เขาอาจจะคิดว่าเขาก็อาจจะมีทางทำดีได้ช่วยตัวเองได้ พระเจ้าก็เข้ามาช่วยนิดนึง เป็นผลงานของเขาบ้าง นี้คือสิ่งที่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราคิด เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเห็น คือเราต้องยอมจำนนจริงๆ ยอมรับจริงๆ ว่าคนที่ช่วยฉันไม่ใช่ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ก็คือเป็นพระเจ้านี่แหละ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้เรามาจนถึงทางตัน แต่ถ้าหากเราเรียนรู้ เราฝึกตลอดเวลาเรื่องการวางใจในพระเจ้า เรื่องการปล่อยวางฉันจะไม่เคลื่อนไหว แต่ถ้าจะเคลื่อนไหวก็คือเชื่อว่าฉันเป็นคนใหม่แล้วพระคริสต์เป็นคนที่เคลื่อนไหวในฉัน ก็ทำนะครับ
การฝึกในการวางใจพระเจ้าแบบนี้นะครับ ซึ่งหลายครั้งที่พระเจ้าอาจจะไม่นำเรามาจนถึงทางตันก็ได้ ขอบคุณพระเยซูเอเมน
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมจำไม่เคยลืม เพราะว่ามันเป็นบทเรียนที่ผมใช้อยู่เสมอกับการเดินในฝ่ายวิญญาณ คือผมสมัยที่ตอนยังเป็นเด็ก 5-6 ขวบ คือเป็นคนที่หัวดื้อมากชอบไปกวนคนนู้นคนนี้แล้วไปกวนไม่ใช่กวนเด็กอายุเท่ากัน ก็คือกวนผู้ใหญ่ ก็คือไปตีเขาแล้วก็วิ่งหนี ปรากฏว่าเขาก็วิ่งตามเขาก็จะมาตีผมนะครับ ผมก็วิ่งหนี แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งผมก็เดินไปแล้วก็เห็นผู้ชายคนนึงผมก็ไปตีเขา เขาก็วิ่งตามจะตีผม ปรากฏว่าผมวิ่งไปๆๆๆ เขาก็วิ่งตามมา พอดีมาจนถึงจุดที่ผมคือเหนื่อยไม่ไหวแล้ว แล้วก็กำลังจะหยุดแล้วจะหันไปบอกว่ายอมแล้วๆ มาตีเถอะ ปรากฏว่าพอหยุดนะครับหยุดวิ่งแล้วก็หันไปมองกำลังจะเอ่ยปากบอกว่ายอมแล้ว ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นก็เดินหนี
เมื่อเรามาถึงทางตัน ทางตันไม่ได้หมายความว่ามันคือความพ่ายแพ้น่ะ แต่สำหรับพระเจ้าเมื่อเรามนุษย์มาถึงทางตัน มันคือการเริ่มต้นสู่ชัยชนะของพระเจ้าที่ทำกับเราทำในเรา