พยายาม พยายามทำทุกอย่างเพื่อพระเจ้า แต่การพยายามมันกลับล้มเราล้มมากี่ครั้งนับไม่ได้ใช่ไหม
แต่เมื่อเราได้มารู้จักการอยู่ใต้พระคุณนี้ พระคุณคือพระเจ้าทำทุกสิ่งเพื่อเราแทนเราเพื่อช่วยเรา ไม่ใช่ทำทุกสิ่งแบบว่าพระเจ้าเป็นคนใช้เราไม่ใช่
พระเจ้าให้อำนาจบันดาลให้มือเราจับ ให้ขาเราเดิน ให้ปากเราพูด ให้หูได้ฟังและการกระทำทุกอย่างที่พระเจ้าให้อำนาจนี้จะเกิดผลดีสำหรับเราเองและสำหรับทุกคนนี่คือการอยู่ใต้พระคุณ
ใต้พระบัญญัติคือเราจะต้องทำทุกสิ่งเพื่อให้พระเจ้าพอใจแล้วพระเจ้าจึงอวยพรเราและให้เรารอดพ้นใต้พระบัญญัติเราต้องทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าพอพระทัยจึงอวยพรเราและให้เรารอดพ้นใต้พระบัญญัติเราจะต้องทำทุกสิ่งเพื่อรับพระพรและรับความรอด
ใต้พระคุณหมายความว่าอะไร คือพระเจ้าทำทุกสิ่งแทนเราเพื่อให้พระองค์พอพระทัยเองและเพื่อพวกเราจะได้รับพระพรและความรอด
ใต้พระคุณคือ พระเจ้าทำแทนเราทุกอย่างเพื่อให้พระองค์พอพระทัยเอง
สมมุติว่าผมมีลูกชายคนหนึ่ง แล้วลูกชายคนนี้จะต้องทำทุกสิ่งให้ผมพอใจผมถึงจะให้เงินไปใช้จ่ายหรือว่าจะซื้อรถให้แต่ปรากฏว่าลูกชายคนนี้เขาตะเก้ตะกละเขาไม่ดีเป็นคนเกียจคร้านห้องก็รกรุงรังไม่เคยทำความสะอาดสักทีหนึ่งแล้วเขาก็ติดนิสัยเป็นอย่างนั้น
แล้วปรากฏว่าผมสั่งเขานี่อยากได้รถอยากได้เงินพ่อให้ไปใช้จ่ายต้องทำดีกับพ่อต้องทำทุกอย่างที่บอกที่พ่อสั่งทำความสะอาดห้อง แต่งตัวให้ดี ตื่นแต่เช้า ขยันอ่านหนังสือ อ่านพระคัมภีร์ ปรากฏว่าลูกทำไม่ได้มันเยอะเกินไปลูกนิสัยเกียจคร้านไปแล้ว
เหมือนกับเราที่เป็นคนบาปที่ทำไม่ได้มันมากเกินไปปรากฏว่าพระเจ้าบอกว่า (สมมุติผมบอกลูกชายว่าโอเคลูก พ่อจะเป็นคนทำความสะอาดเองพ่อจะเป็นคนทำทุกอย่างให้มันดีเองให้ปกติในห้องของลูก แล้วพ่อจะให้เงินลูกซื้อรถด้วยให้เงินไปใช้ด้วย นี่คือความหมายของการอยู่ใต้พระคุณ)
ใต้พระคุณ คือ พระเจ้าทำแทนเรา เราเรียกร้องให้พระองค์ทำ ถวายตัวต่อพระเจ้าเท่านั้นยังไม่พอ คือทุกครั้งที่เราจะทำอะไรจะไปไหนจะพูดกับใครจะฟังใคร จะทำงานจะขับรถ เราบอกว่าพระเจ้าขับรถแทนข้าพระองค์ด้วย พระเจ้าทำกับข้าวแทนข้าพระองค์ด้วยเพราะว่าข้าพระองค์ทำอร่อยมากเท่าไหร่คิดว่าอร่อยแล้วแต่สามีก็ยังติ
แต่ปรากฏว่าวันนั้นคุณทำกับข้าวไม่รู้ว่าพระเยซูดลบันดาลให้ใส่แค่นั้นแค่นี้น้ำปลากี่หยดเกลือกี่เม็ดน้ำตาลกี่ช้อนแล้วเอาไปให้เขากินเวลาเขากินเขาบอกคุณไปใส่อะไรมาคุณทำอะไรทำยังไงวันนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา
นี่คือลักษณะของพระเจ้าทำแทนเรา คือพระเจ้าก็ใช้มือเราใช้ตัวเราแต่ฤทธิ์เดชฤทธิ์อำนาจการกระทำคือพระเจ้าเป็นคนทำ นี่คือการดำเนินชีวิตอยู่ใต้พระคุณ เอ่ยปากขอร้องให้พระองค์ทำแทนเราเพราะว่าเราทำไม่ได้เราทำได้แต่พระเจ้าไม่พอพระทัย
คือการกระทำของมนุษย์เราคือความดีของเรามันดีไม่พอแบบว่าพวกเราเนี่ยนะถ้าจะทำดีในใจ เราคิดอะไรต้องได้ผลตอบแทนต้องมีบางอย่างแลกเปลี่ยนมันจะต้องมีบางอย่างมีเหตุผลเราทำดีด้วยเหตุผล
แต่สำหรับพระเจ้าเราจะต้องทำดีแบบไม่มีเหตุผลคือจะรักใครก็รักไปเลยไม่ต้องบอกว่า เอ๋อคนนี้น่ารักฉันจะรักเขา แต่คนนี้ไม่น่ารักฉันจะไม่รัก
อันนี้คือความรักแบบมนุษย์แบบมีเหตุผล
แต่สำหรับพระเจ้ารักนะ คือพระเจ้ารักทุกคนไม่มีเหตุผลเลยใครจะเป็นยังไงก็ช่างรักหมดนี่คือการรักของพระเจ้า อะกาเป
อย่าลืมว่าวิญญาณของทุกคนมีราคาเท่ากันไม่ใช่วิญญาณพระวิญญาณที่อยู่ในฝรั่งในอเมริการาคาแพงกว่าวิญญาณพระเยซูที่อยู่ในคนลาว
เมื่อคืนนี้ผมก็พูดว่าถ้าในโบสถ์เรามีแขกฝรั่งเข้ามารู้สึกว่าทุกคน โอ้ เอ้าๆ
เชิญ เชิญเข้ามานั่งนี่ที่ดีที่สุดนะเลือกให้เขานั่งใช่ไหม
ในวิญญาณของเขานะครับมีพระวิญญาณองค์เดียวกันกับที่มีอยู่ในเรา
ในพ่อตู้สี พ่อตู้สา เป็นคนบ้านนอกคอกนาเข้ามาแบบใส่เสื้อผ้าแบบไม่เหมาะสมกับการที่มาโบสถ์แต่พระเจ้าก็อยู่กับเขา เขาก็ราคาเดียวกันกับพระเจ้าที่อยู่กับคนฝรั่งที่มานั่งที่ดีๆ ฉะนั้นแล้วเราจะต้องดูแลทุกคนให้เท่ากันไม่มีใครสูงกว่าใครถ้าเราดูแลคนฝรั่งได้ เราต้องดูแลพ่อตู้สีพ่อตู้สาได้เหมือนกัน เอเมน
การทำแทนของพระเยซู
เราต้องเข้าใจเองว่าไม่ใช่การใช้พระองค์หรือพระองค์ไม่ใช่คนใช้เราภายในใจเราส่วนลึกอย่าคิดว่าพระองค์เป็นคนใช้เราหรือเราทำแบบว่าพระเจ้าทำแทนข้าพระองค์ แต่ต้องมีคำว่าอ้อนวอนร้องขออ้อนวอนให้พระเจ้าทำแทนเรา
พระบิดาข้าพเจ้ารักคนนั้นไม่ได้คนนั้นเป็นคนน่าชัง พูดกวนใจ พูดไม่เพราะ พูดไม่เข้าหู พระองค์ฟังแทนข้าพเจ้าด้วยรักเขาแทนข้าพเจ้าด้วย
เป็นการร้องขอร้องเรียกอ้อนวอน
คือพระองค์เป็นพระผู้ช่วยไม่ใช่พระผู้เป็นคนใช้ เป็นคนละลักษณะ
คือ ทำแทนเป็นคำที่เราใช้ แต่เราพูดพูดพูดเนี่ยเราเข้าใจเองว่าพระองค์ไม่ใช่คนใช้เราและหน้าที่ของพระองค์ไม่ใช่มาเพื่อเป็นคนใช้
แต่มาเพื่อทำแทนเพื่อช่วยเราเพราะเราทำไม่ได้
การขอให้พระเจ้าทำแทนทุกอย่างที่ถูกต้องก็คือ ในขณะนั้นเราต้องเชื่อว่าตัวเราเนี้ยเป็นตัวใหม่แล้วเป็นคนใหม่แล้วคือใช้ชีวิตแบบว่าเรากำลังเป็นคนใหม่อยู่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ แล้วก็เวลาเราเรียกร้องพระเจ้าให้ช่วยเราให้ทำแทนเรา เราก็ต้องรู้สึกว่าตัวเราเป็นคนใหม่เป็นตัวใหม่อยู่