- เรื่องพระเยซูคริสต์
- เรื่องความรอด (ในวันสุดท้าย)
- เรื่องไม้กางเขน
- เรื่องชีวิตนิรันดร์
- เรื่องพระเจ้า
- เรื่องสันติสุข
- เรื่องพระคุณพระเจ้า
- เรื่องอมตะ
- เรื่องราชอาณาจักร (น้ำพระทัยของพระเจ้า)
* ทุกข่าวประเสริฐ เพื่อสนับสนุนข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร
สำหรับข่าวดีหรือข่าวประเสริฐ พี่น้องคริสเตียนมากมายมักจะพูดใช่ไหมว่ามีข่าวประเสริฐเดียว แต่คำพูดที่พี่น้องคริสเตียนส่วนมากใช้ก็คือข่าวประเสริฐเดียว คือข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ พี่น้องบางท่านก็บอกว่าข่าวประเสริฐเดียวแทนที่จริงก็คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอด หรือรอดในวันสุดท้าย และบางท่านก็บอกว่าข่าวประเสริฐเรื่องไม้กางเขน บางคนก็บอกว่าข่าวประเสริฐเรื่องชีวิตนิรันดร์ แล้วแต่จะพูดกันนะครับ
แต่แท้ที่จริงคำที่ถูกต้องที่สุด ก็คือข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว ถูกครับ แต่ข่าวประเสริฐเดียวนั้นก็คือข่าวประเสริฐของพระเจ้า มีข่าวประเสริฐเดียวเท่านั้น และข่าวประเสริฐเดียวนั้น ก็คือข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในข่าวประเสริฐเดียวของพระเจ้ามีหลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่น..
มาระโก 1:1 กล่าวถึงข่าวประเสริฐ เรื่องพระเยซูคริสต์
และในโรม 1:1 กล่าวถึงข่าวประเสริฐ เรื่องพระเจ้า
ในโรม 10:15 กล่าวถึงข่าวประเสริฐ เรื่องสันติสุข
ในกิจการ 20:24 กล่าวถึงเรื่องข่าวประเสริฐ เรื่องพระคุณของพระเจ้า
และเอเฟซัส 1:13 กล่าวถึงเรื่องข่าวประเสริฐ ความรอด หรือความรอดในวันสุดท้าย
และ 1 คร 1:18 กล่าวถึงข่าวประเสริฐ เรื่องไม้กางเขน
และวิวรณ์ 14:6 กล่าวถึงเรื่องข่าวประเสริฐ เรื่องอมตะ
และข่าวประเสริฐที่สำคัญที่สุด ก็คือข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร
ซึ่งเราจะเห็นว่าพระเยซูเริ่มประกาศ คือพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร ท่านยอห์นเริ่มต้นก่อนใช่ไหมในมัทธิว 3:2 ท่านยอห์นกล่าวว่าจงกลับใจเสียใหม่เพราะว่าราชอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว คือข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร และเราจะเห็นว่าพระเยซูประกาศข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรเช่นกันในมัทธิว 4:17 และมัทธิว 4:23 และมัทธิว 9:35
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรรู้และเข้าใจ ก็คือข่าวประเสริฐทุกข่าวประเสริฐจำเป็นที่จะต้องประกาศ และข่าวประเสริฐทุกเรื่องมีไว้เพื่อสนับสนุนและมีไว้เพื่อข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรเท่านั้น
ข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สำคัญ และเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สูงสุด คือพระเจ้าต้องการเป็นกษัตริย์ และเราควรจะเป็นประชากรของพระเจ้า และพระองค์เป็นผู้ที่สมควรเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นกษัตริย์ เนื่องจากว่าระบบการปกครอง ประชาธิปไตยก็ล้มเหลว ราชาธิปไตยก็ล้มเหลว อะไรก็ตามระบบการปกครองทุกระบบในโลกนี้ที่มนุษย์นำใช้ล้มเหลวหมด
แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการที่จะปกครองมนุษย์ในลักษณะรูปแบบของพระเจ้าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และกษัตริย์องค์นี้ไม่เคยล้มเหลวต่อมนุษย์ พระองค์ไม่เคยผิดพลาด พี่น้องคริสเตียนส่วนมากไม่รู้หรือว่าอาจจะรู้แต่รู้ไม่ครบนะครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องหนังสือมัทธิว หนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร เราจะเห็นว่ากิตติคุณ 4 เล่ม
มัทธิว เน้นเรื่องราชอาณาจักร และพระเยซูเป็นกษัตริย์ที่ออกไปตามหาประชากรแห่งราชอาณาจักร
และมาระโก เป็นข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์
และลูกา เป็นข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า
หนังสือยอห์น เป็นข่าวประเสริฐเรื่องชีวิตนิรันดร์
เราจะเห็นว่าในมัทธิวบทที่ 3 พระเยซูในสภาพของกษัตริย์ในฐานะของกษัตริย์ ออกมารับบัพติศมา การรับบัพติศมาของพระเยซู ไม่ใช่เพื่อสารภาพบาปเพื่อกลับใจเสียใหม่ แต่พระเยซูรับบัพติศมาเพื่อตายจากโลกนี้ ซึ่งเป็นอาณาจักรของอาดัมที่ถูกมารซาตานครอบครองแล้ว เป็นอาณาจักรของความมืด
การรับบัพติศมาของพระเยซู ก็คือการยอมรับการตายของพระองค์ในอนาคต และการฟื้นขึ้นมาใหม่ เป็นสภาพของพระวิญญาณเป็นมนุษย์คนที่สอง เพื่อที่จะเริ่มต้นเชื้อสายใหม่เผ่าพันธุ์ใหม่ของมนุษย์ที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ เพื่อเข้ามาแทนที่เชื้อสายของอาดัมคนแรกที่เสื่อมสลายและทำลายเกียรติของพระเจ้า
และพระเยซูนะครับเข้าสู่การทดลองในสภาพของกษัตริย์น่ะ (กษัตริย์ต้องผ่านการทดลองทดสอบ) คือสมัยก่อนถ้าใครจะเป็นกษัตริย์หรือเป็นผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าสู่การทดลอง เพื่อพิสูจน์ว่าคนคนนั้นมีดี ไม่ใช่ว่าการที่จะเป็นกษัตริย์ หรือผู้รับใช้ ผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่ คือเข้าได้ง่ายๆ ไม่ครับผม ต้องผ่านการทดลองนะครับ และสมัยก่อนเขามีการอดอาหาร 40 วัน ทั้งกษัตริย์และผู้เผยพระวจนะ
สำหรับพระเยซูคริสต์เมื่อพระองค์เข้าสู่การทดลอง พระองค์เข้าสู่การทดลองในสภาพของกษัตริย์ และพระองค์ต้องอดอาหาร 40 วันเหมือนกัน เหมือนในสมัยก่อนเลย และการทดลองครั้งนี้พระเยซูยืนอยู่ในสภาพของบุตรมนุษย์ของมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช้อำนาจ ไม่ใช้ฤทธิ์เดช ต้องเป็นมนุษย์และมนุษย์ผู้นี้ก็คือบุตรมนุษย์ และพระองค์จะเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล หรือกษัตริย์ของชาวยิว ในฐานะของมนุษย์ของผู้ชายคนหนึ่ง
และเมื่อพระเยซูชนะการทดลอง ผ่านการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระองค์จึงเริ่มออกเดินทางไปประกาศข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร และพระองค์ในฐานะของกษัตริย์ก็ไปตามหาประชากรของอาณาจักร และใครที่ติดตามพระเยซูในเวลานั้น ก็มีโอกาสที่จะได้เป็นประชากรของอาณาจักร
และเมื่อถึงมัทธิวบทที่ 5 พระเยซูเริ่มก่อตั้งรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญของอาณาจักรสวรรค์ อาณาจักรของพระเจ้า อาณาจักรสวรรค์ที่พระเยซูจะครอบครอง และเมื่อก่อตั้งรัฐธรรมนูญใหม่กฎหมายใหม่สำเร็จ พระเยซูก็สรุปในมัทธิวบทที่ 7 ว่าใครที่จะได้เข้าไปในราชอาณาจักรต้องมีคุณสมบัติยังไง ต้องมีชีวิตแบบไหน
เมื่ออาณาจักรสวรรค์ถูกยึดจากชนชาติอิสราเอล และพระเจ้ามอบอาณาจักรนี้ให้คนต่างชาติทั่วโลกได้มีโอกาส ได้เป็นประชากรแห่งราชอาณาจักร
สิ่งที่สำคัญที่สุดพระเยซูกล่าวในมัทธิวบทที่ 13:11, 13, 17, 19 พระองค์ตรัสว่า อาณาจักรเป็นข้อลึกลับ ซึ่งถ้าหากเป็นข้อลึกลับ ก็คือเป็นความลับ ถ้าหากเป็นความลับ ก็คือพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ที่ทราบ ไม่มีใครรู้นะครับ เหมือนกับถ้าหากเรามีเฟสบุ๊ค หรือว่ารหัสของอีเมล เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้ คนอื่นรู้ไม่ได้ และถ้าหากเราไม่บอกใคร เขาก็ไม่สามารถที่จะรู้และใช้รหัสของเราได้ เช่นเดียวกันนะครับถึงแม้ว่าเราจะอ่านเราจะเห็นในพระคัมภีร์ที่บอกว่าอาณาจักร อาณาจักร แต่เราจะเข้าใจไม่ได้ถ้าหากพระวิญญาณไม่เปิดตาเราให้เข้าใจ
เพราะว่าพระเยซูตรัสว่า เขามีตา แต่เขาไม่อาจเห็นได้ เขามีหู เขาฟัง แต่เขาไม่อาจเข้าใจได้
“มธ 13:13 เหตุฉะนั้น เราจึงกล่าวแก่เขาเป็นคำอุปมา เพราะว่าถึงเขาเห็นก็เหมือนไม่เห็น ถึงได้ยินก็เหมือนไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ”
เพราะฉะนั้นแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับซึ่งเราจะต้องใช้ความถ่อม ความถ่อมใจ การเปิดใจ การยอมรับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่เรานะครับที่จะใช้ความสามารถสติปัญญาของอาดัมที่มันตายแล้ว ซึ่งเป็น “ไม้” ถ้าหากเราใช้ “ไม้” นี้มากเท่าไหร่ ในการค้นหาขุดค้นแสวงหาถ้อยคำของพระเจ้าที่ซ่อนเร้นอยู่ในพระวจนะคำของพระเจ้าในพระคัมภีร์ มันจะกลายเป็นไม้ที่ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น เป็นไม้ทั้งท่อนเลยนะครับบังตาเรา
ไม้ - ทั้งท่อน คือสติปัญญาของอาดัม (1 คร 1:12, มธ 7:1-6)
และเราไม่สามารถที่จะเห็นข้อลึกลับ ข้อลับลึกของพระวจนะคำของพระเจ้าได้ และเมื่อเราไม่เห็นเราก็เดินหลงทาง สาเหตุที่พี่น้องคริสเตียนมากมายทุกวันนี้เดินหลงทาง ก็เพราะว่าเขาใช้สติปัญญาของอาดัม คิดว่าคงไม่มีอะไรซ่อนเร้น คงไม่มีปริศนา คงไม่มีข้อลึกลับอะไร คงจะแบบว่าง่ายๆ นะครับ และเราก็เสียเวลาตลอดชีวิตเลยนะครับ เราหลงทาง
แต่พระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ขณะนี้เลย เดี๋ยวนี้เลย ทุกวันนี้เลย เป็นสวรรค์บนดินเริ่มจากที่นี่แล้ว ซึ่งพระเยซูสัญญาใช่ไหมว่าพระองค์จะประทานสันติสุขให้เรา เราสามารถมีสันติสุขได้ทุกวันทุกเวลาทุกนาทีได้ (รม 5:1, ยน 4:14, ฟป 4:4)
“ฟีลิปปี 4:4 กล่าวว่า จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด”
จงชื่นชมยินดีทุกเวลาเถิด และก็การชื่นชมยินดี การอยู่ในสันติสุข ก็คือการรักษาสะบาโตใหม่ของพระเยซูนะครับ คือการชื่นชมยินดีเป็นหนึ่งในกฎหมายใหม่ของพระเยซู ถ้าหากเราขาดสันติสุข ไม่มีความสุข ดำเนินชีวิตขึ้นลง ขึ้นลง สุขทุกข์ สุขทุกข์ เราละเมิดกฎบัญญัติใหม่ของพระเยซู
ก็คือ หนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร การที่จะเข้าใจหนังสือมัทธิวหรือพระคัมภีร์มัทธิว คือเราอ่านในฐานะของประชากรแห่งราชอาณาจักร และเราอ่านในลักษณะของหนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักร ซึ่งอาณาจักรนี้ เริ่มจากที่นี่ คือคริสตจักร
(อาณาจักรสวรรค์ในยุคนี้ คือการครอบครองผู้เชื่อ “คริสตจักร” ของพระเยซู)
เราทุกคนที่เป็นผู้เชื่อนะครับคืออาณาจักรและเป็นอาณาจักรสวรรค์ในยุคนี้ ที่พระเยซูเป็นกษัตริย์แล้ว เป็นแล้วนะครับ ตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่วันที่เราเชื่อ พระเยซูคือกษัตริย์ที่เข้ามาอยู่ในจิตใจของเราในชีวิตของเรา เพื่อครอบครองชีวิตของเราในสภาพของกษัตริย์ และเราควรจะเป็นประชากรของอาณาจักรเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลยนะครับ คือทุกวันเราดำเนินชีวิต “ขอพระเจ้าเปลี่ยนเรา ขอพระเจ้าช่วยเรา ให้เราเข้ามาถึงชีวิตที่เป็นผู้ชนะได้ เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7” และไม่ใช่เรานะครับที่จะทำ ให้พระเจ้าทำแทนเรา
ในหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติให้เรา แต่ในหนังสือยอห์นพระเยซูประทานผู้หนึ่ง ก็คือพระองค์เอง ที่จะมาในลักษณะของพระวิญญาณเพื่อเข้ามาอยู่ในเรา เพื่อรักษาพระบัญญัติแทนเรา และการรักษาพระบัญญัติของพระองค์ไม่ใช่ว่าพระองค์จะฝืน พยายาม อดทน อดกลั้น ไม่ครับ (พระบัญญัติคือธรรมชาติของพระเยซูคริสต์นั่นเอง)
สิ่งที่พี่น้องคริสเตียนมากมายไม่รู้และไม่เข้าใจ คือในหนังสือมัทธิวพระเยซูตรัสถึงผู้เชื่อ 2 แบบ แต่คริสเตียนเรานะครับมักจะเข้าใจผิดคิดว่าพระเยซูตรัสถึงผู้เชื่อและคนที่ไม่เชื่อที่เป็นชาวโลก แต่แท้ที่จริงพระเยซูตรัสถึงส่วนใหญ่นะครับ พระคัมภีร์จะกล่าวถึงผู้เชื่อ 2 แบบ ก็คือผู้ชนะและผู้ไม่ชนะ อย่างเช่น..
เกลือ ก็คือผู้เชื่อทุกคน คือคริสเตียนทุกคนที่เป็นประชากรของอาณาจักร และถ้าหากเกลือที่ไม่มีรสเค็ม ก็คือผู้เชื่อที่ไม่มีชีวิตใหม่ไม่มีจิตใจใหม่ไม่มีคุณสมบัติของพระเจ้า
และตะเกียง ตะเกียงที่ไม่ส่องสว่าง ก็คือคริสเตียนที่ไม่มีชีวิตใหม่ไม่มีการทำดีที่เป็นผลของพระวิญญาณ คือไม่มีพระวิญญาณทำแทนเขา ไม่มีผลของพระวิญญาณเกิดขึ้นภายในชีวิตจิตใจของเขา
และทางคับประตูแคบ เป็นเรื่องของชีวิตคริสเตียนที่เข้าไปในทางคับแคบ ทางคับประตูแคบ ก็คือการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7
สรุปก็คือ หนังสือมัทธิวพูดถึงคริสเตียน 2 ประเภท คริสเตียน 2 แบบ คือผู้ชนะและผู้ไม่ชนะ และหนังสือมัทธิวพูดถึงเรื่องอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งเป็นอาณาจักรหรือคริสตจักรในยุคนี้ และเป็นอาณาจักรที่พระเยซูจะนำลงมาตั้งอยู่ในโลกนี้ในยุคหน้า
- อาณาจักรสวรรค์ในยุคนี้ คือการครอบครองผู้เชื่อของพระเยซู
- อาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า คือการครอบครองโลกนี้ของพระเยซู
และพระเยซูใช้คำว่า "ได้เข้าไปใน" "ได้ เข้าไปใน" บ่อยมาก คำว่า "รอด" อาจจะมีไม่กี่คำเท่านั้น เราจะเห็นนะครับว่าการได้รอดในวันสุดท้ายไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่าความรอดในวันสุดท้ายเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เราผ่านทางความเชื่อ โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ทรงชำระเราให้กลายเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์แล้วต่อพระพักตร์พระเจ้า เราได้รอดแล้ว เราเป็นบุตรพระเจ้าแล้ว พระเจ้าไม่ทิ้งเรา
แต่การที่จะได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ หรืออาณาจักรในยุคหน้าที่พระเยซูจะนำลงมา เพื่อให้เรามีส่วนในการครอบครองกับพระองค์ มีเกียรติ มีตำแหน่ง เราจำเป็นนะครับที่จะต้องแสวงหาการเปลี่ยนแปลง พระเยซูตรัสว่า จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
การแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า คือการได้พบอาณาจักรในหนังสือมัทธิว หนังสือมัทธิวเป็นคำตอบของการแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า
และหนังสือยอห์น เป็นคำตอบของการได้พบความชอบธรรมของพระองค์ เพราะว่าหนังสือยอห์นเป็นหนังสือที่พระเยซูเปิดเผยว่า พระวิญญาณพระเจ้าจะเข้ามาอยู่กับเรา พระบิดาเข้ามาอยู่กับเรา พระคริสต์เข้ามาอยู่กับเรา พระเจ้าทั้งสามพระภาค เข้ามาอยู่ในเราอยู่กับเรา (1 คร 6:19, ยน 14:16, 20, 23, คส 1:27)
และการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมต้องพึ่งพาพระวิญญาณ ต้องเกิดผลของพระวิญญาณ ต้องมีพระวิญญาณมีพระคริสต์เป็นคนทำแทนเรา
เราจะเห็นนะครับว่าคริสเตียนมากมายลงประเด็นหลงทางไม่รู้ว่าอาณาจักรสวรรค์แตกต่างไปจากแผ่นดินสวรรค์อย่างมากมาย แผ่นดินสวรรค์ ก็คือสวรรค์ชั้นฟ้าที่ประทับของพระเจ้า ที่เขาคิดว่าถ้าหากคริสเตียนตายไปแล้วก็จะไปอยู่กับพระเจ้าที่สวรรค์ใช่ไหม แต่นะครับยังมียุคหน้าที่รอเราอยู่ และการก่อชีวิตของเราถ้าหากเราก่อชีวิตไม่เป็น เรารับใช้ไม่เป็น เราก็จะสูญเสียผลงานสูญเสียทุกอย่าง เรารอดนะครับแต่รอดเหมือนรอดผ่านไฟ ผลงานเหล่านั้นที่เราสร้างเราจะไม่สามารถได้รับรางวัล เพราะว่าตัวเราเองไม่มีจิตใจใหม่ เรายังเปลี่ยนไม่ได้ เรายังไม่สุกงอม เป็นข้าวที่ไม่สุกงอม
มีพี่น้องบางท่านนะครับบอกผมว่า ถ้าเราจะแปลคำว่า อาณาจักรสวรรค์หรืออาณาจักรของพระเจ้า เป็นคำว่า แผ่นดินสวรรค์หรือแผ่นดินของพระเจ้า เราก็แปลได้ เพราะว่ามันก็มีความหมายคล้ายๆ กัน ไม่ครับผมไม่ครับ. เราจะเห็นว่าสมัยก่อนใช่ไหมที่มนุษย์โลกนี้ปกครองเขตแคว้นแผ่นดินของเขาในสภาพของอาณาจักรและมีกษัตริย์เป็นผู้ครอบครองเป็นผู้ปกครอง และพระเยซูนะครับตรัสถึงอาณาจักรเป็นสิ่งที่ทุกคนในสมัยนั้นเข้าใจ
คืออิสราเอลก็รอการปกครองของพระเจ้าที่จะมาเป็นกษัตริย์ อิสราเอลก็รออยู่น่ะ ชาวยิวรออยู่ และถ้าหากเราจะแปลว่า แผ่นดินสวรรค์หรือแผ่นดินของพระเจ้า มันเป็นความหมายที่กว้างมาก คือก็เป็นแผ่นดินแล้วก็เป็นแผ่นดิน ใช่ครับของพระเจ้า แต่นะครับเราไม่เข้าใจเรื่องการครอบครองการปกครอง เพราะว่าการครอบครองจะต้องมีกษัตริย์ และถ้าหากมีกษัตริย์ ก็ต้องมีอาณาจักรสิครับ ถ้าหากมีกษัตริย์ครอบครองปกครองนะครับ
ในคลิปก่อนนะครับผมพูดถึงเรื่องการแปลที่ผิดเพี้ยนของพระคัมภีร์หลายฉบับ แต่ผมจะไม่เอ่ยชื่อนะครับ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พี่น้องเหล่านั้นเมื่อก่อนมีเป้าหมายที่ต้องการให้พี่น้องคริสเตียนเรามีพระคัมภีร์ใช้ แต่ปัญหานะครับก็คือเขาแปลผิด และถ้าหากแปลผิด เราก็จะเดินหลงทาง เราก็เชื่อผิด เราก็วางเป้าหมายชีวิตของเราผิด เพราะว่าทุกวันนี้เราคิดว่าเป็นแผ่นดินสวรรค์ ก็คือเราจะไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจเรื่องอาณาจักร เราไม่รู้ว่าอาณาจักรคืออะไร และเราก็ไม่แสวงหา เพราะว่าเราคิดว่าเราพบสวรรค์แผ่นดินสวรรค์แล้วใช่ไหม
(อาณาจักร - สวรรค์ เขาจะแปลว่า แผ่นดินสวรรค์)
แล้วปัญหานะครับ ปัญหาของพระคัมภีร์ฉบับที่แปลผิด ก็คือเขาแปล แผ่นดินสวรรค์ แผ่นดินสวรรค์ในหลายๆ ที่ แต่ถ้าหากว่าคำไหนที่มีคำว่า "อาณาจักร" คำเดียว เขาไม่เปลี่ยนเป็นคำว่า "แผ่นดิน" แต่เขายังใช้อยู่นะครับคำว่าอาณาจักร เขายังใช้อยู่ ผมจะยกตัวอย่างในบางข้อเท่านั้น..
คือมัทธิวบทที่ 4:8 เขายังใช้คำว่า "อาณาจักร" อยู่น่ะ แต่มัทธิวบทที่ 3:2 , 4:17 เขากลับใช้คำว่า "แผ่นดิน" (βασιλεία บาส-อิล-เอีย) (อาณาจักร) เขาใช้ที่หนึ่ง อีกที่หนึ่งเขาไม่ยอมใช้ นี่คือปัญหา ถ้าหากจะแปลข้อนี้ก็ต้องแปลทุกที่สิครับ ทำไมต้องใช้คำว่า "แผ่นดิน" อยู่ที่หนึ่ง แล้วอีกข้อหนึ่งใช้คำว่า "อาณาจักร" อันนี้เป็นการใช้คำที่ผิดนะครับ
“อาณาจักร” ใน มธ 4:8 เขายังใช้ “อาณาจักร” เหมือนเดิม “อาณาจักร” ใน มธ 3:2 เขาเปลี่ยนเป็น "แผ่นดิน"