- ข้อลึกลับอันอุดมสมบูรณ์ คือพระคริสต์ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี
- ในพระคริสต์ คือความเป็นจริงของพระเจ้า ขณะที่ในอาดัมไม่ใช่ความจริงอีกต่อไปแล้ว
- พระคริสต์ ทรงเป็นศีรษะของพระกาย คือคริสตจักร
- พระคริสต์ คือศูนย์กลางของทุกสิ่ง ไม่ใช่ พระคริสต์ และคริสตจักร คือศูนย์กลาง
1:1 เปาโล อัครสาวกของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า และทิโมธีน้องชายของเรา
1:2 เรียน วิสุทธิชนและพี่น้องที่สัตย์ซื่อในพระคริสต์ ณ เมืองโคโลสี ขอให้พระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์เจ้าดำรงอยู่กับท่านเถิด
1:3 เราขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เราอธิษฐานเพื่อท่านทั้งหลายเสมอ
1:4 ตั้งแต่เราได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระคริสต์เยซู และเรื่องความรัก ซึ่งท่านมีต่อวิสุทธิชนทั้งปวง
** คริสตจักรในเมืองโคโลสี มีความรัก อะกาเป อยู่บ้าง แต่ชีวิตยังไม่มาถึงผู้ชนะ (ดูข้อที่ 10)
1:5 โดยเหตุซึ่งมีความหวังอันสะสมไว้สำหรับท่านในสวรรค์ ซึ่งเมื่อก่อนท่านเคยได้ยินมาแล้วในพระวจนะแห่งความจริงของข่าวประเสริฐ
1:6 ซึ่งแผ่แพร่มาถึงท่านดังที่กำลังเกิดผล และทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเป็นอยู่ในตัวท่านทั้งหลายด้วย ตั้งแต่วันที่ท่านได้ยิน และได้รู้จักพระคุณของพระเจ้าตามความจริง
1:7 ดังที่ท่านได้เรียนจากเอปาฟรัส ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่รักของเรา เขาเป็นผู้รับใช้อันสัตย์ซื่อของพระคริสต์เพื่อพวกท่าน
1:8 ผู้ได้เล่าให้เราฟังถึงความรักที่ท่านมีอยู่ในพระวิญญาณด้วย
1:9 เพราะเหตุนี้พวกเราเหมือนกัน นับตั้งแต่วันที่เราได้ยิน ก็ไม่ได้หยุดในการที่จะอธิษฐานขอเพื่อท่าน และปรารถนาให้ท่านเต็มไปด้วยความรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ ในสรรพปัญญา และในความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ
** "สรรพปัญญา" คือความรู้ที่ได้มาจากการแปลความหมายพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง การได้รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า การได้รู้แผนการบริหารงานของพระเจ้า เรื่องยุค เรื่องราชอาณาจักร และความชอบธรรมของพระเจ้าเรื่องพระบัญญัติเดิม และใหม่ เรื่องรอดมีสองรอด การได้รู้ว่าชีวิตเก่าตายไปชีวิตใหม่เป็นอยู่ ผู้เชื่อที่รับมานาที่ซ่อนไว้ (ข้อพระคำล้ำลึก) ก็ได้พบสรรพปัญญาของพระเจ้า
** ในความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ เป็นสิ่งที่ผู้เชื่อที่หล่นจากพระคุณแล้วเท่านั้นจึงจะมาถึงความเข้าใจฝ่ายวิญญาณนี้ได้ คือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตจนเขาสามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ยกตัวอย่าง..เปโตรเมื่อเชื่อและติดตามพระเยซู ท่านยังไม่ได้พบสรรพปัญญา ยังไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดอะไรมากนัก ท่านประกาศและดูแลผู้เชื่อ จนต่อมาวันหนึ่ง เปาโลกลับใจ ท่านรับความรอบรู้สรรพปัญญาจากพระเยซูที่ประเทศอาระเบีย ท่านจึงนำมาเผยแพร่ต่อสาวก และคริสตจักรทั้งหลาย เปโตรจึงได้เรียนรู้จากเปาโล
ขณะนั้นเปาโลก็ยังไม่เข้าใจฝ่ายวิญญาณอย่างลึกซึ้ง เพราะท่านยังฝึกเดินในพระวิญญาณอยู่ และอีกไม่นานต่อมาท่านยอมแพ้ต่อการพยายามรักษาพระบัญญัติ ด้วยกำลังของอาดามในท่าน พระเจ้าจึงเปิดตาท่านให้ได้เข้าใจการฝ่ายวิญญาณจนครบ
** ทุกวันนี้ผู้เชื่อใหม่ที่อยู่ในกลุ่มที่รับมานาที่ซ่อนไว้ หรือมีพระคำล้ำลึกไว้เพื่อเลี้ยงดูพวกเขา เขาถือกำเนิดจากกลุ่มผู้ชนะก็จริง แต่สิ่งที่เขาได้รับคือความรู้ความเข้าใจที่เป็นสรรพปัญญาของพระเจ้า เขายังไม่เข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณ เมื่อปัญหาเกิดขึ้น และตัวบาปนำพาให้เขาทำบาป เขาก็จะรีบทำบาปทันทีหรือไม่ก็ร้อง โอ้...พระเยซูๆๆ เพื่อบังคับอาดัมในเขาไม่ให้ทำบาป เขาจะยังสวมหน้ากากที่ทับซ้อน และเป็นคริสเตียนศาสนาเหมือนคณะนิกายทั่วๆ ไป จนกว่าวันหนึ่งเขาหล่นจากพระคุณและยอมแพ้ พระบิดาก็จะเปิดตาเขาเข้าสู่ความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณ
1:10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ตามบรรดาความชอบ ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า
** เมื่อมีความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณแล้ว พระคริสต์ก็สามารถครอบครองจิตใจ และนำชีวิตเราให้อยู่ในพระลักษณะของพระบุตรในแต่ละวัน
1:11 มีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งสง่าราศีของพระองค์ ให้มีบรรดาความเพียร และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี
** ฤทธิ์เดชแห่งสง่าราศีของพระองค์ คือพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ในเราเป็นสง่าราศีที่พระบิดามองเห็นและยอมรับ
1:12 ให้ขอบพระคุณพระบิดา ผู้ทรงทำให้เราทั้งหลายสมกับที่จะเข้าส่วนได้รับมรดกด้วยกันกับวิสุทธิชนในความสว่าง
1:13 พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายเรามาตั้งไว้ในอาณาจักรแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์
** ความจริง หรือในความเป็นจริงของอาดัม เรายังอยู่ในโลกนี้ แต่สำหรับพระเจ้า ความจริง และความเป็นจริงของพระองค์คืออยู่ในพระคริสต์ พระองค์ได้ย้ายเราออกจากโลกนี้และเข้าสู่อาณาจักรของพระคริสต์แล้ว เราจึงอยู่ในพระคริสต์ ในอาณาจักรสวรรค์ และอยู่ในการครอบครองเลี้ยงดู ดูแลรักษาของพระคริสต์เยซู
1:14 ในพระบุตรนั้นเราจึงได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ คือเป็นการทรงโปรดยกบาปทั้งหลายของเรา
** การชำระด้วยพระโลหิต คือขั้นตอนที่หนึ่งที่ผู้เชื่อทุกคนได้รับ เพื่อเราจะได้กลายเป็นคนชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้าทุกวันและทุกเวลา
1:15 พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง
** พระเจ้าทั้งสามพระภาคทรงสำแดงพระองค์ผ่านพระเยซู เนื่องจากว่า พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ ไม่มีร่างกาย หรือรูปร่างเหมือนมนุษย์
** "ทรงเป็นบุตรหัวปี" คือพระเยซูเป็นบุตรชายคนแรกของพระเจ้าที่มาแทนที่อาดาม เราผู้เชื่อทุกคนคือน้องๆ ของพระเยซู
1:16 เพราะว่าโดยพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอบครอง หรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
** พระเจ้าทั้งสามพระภาค ร่วมกันสร้างจักรวาล และทุกสิ่งในนามของพระบุตร และเพื่อพระบุตร
1:17 พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์
** พระเจ้าพระบุตรทรงดำรงอยู่กับพระบิดาตั้งแต่แรกเริ่ม
** เดิมทีไม่มีคำว่า พระเจ้าพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ แต่เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นเกี่ยวกับการงานของพระเจ้าทั้งสามพระภาค พระเจ้า จึงให้ผู้เขียนใช้คำว่าพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ เมื่อมีคำว่า พระบุตร ผู้เชื่อมากมายจึงเข้าใจผิดคิดว่า พระบิดาทรงสร้างพระบุตร
1:18 พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นที่เริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง
** พระคริสต์เยซู เป็นที่เริ่มต้นของเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใหม่ เพื่อเข้ามาแทนที่อาดาม ซึ่งจบแล้วที่กางเขน พระองค์เป็นทางสายใหม่ และเป็นคนใหม่คนเดียวในโลก พระคริสต์เยซูสามารถสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านพระกาย คือผู้เชื่อทั้งหลาย (คริสตจักร) นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า
1:19 ด้วยว่าเป็นที่ชอบพระทัยพระบิดา ที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นมีอยู่ในพระองค์
** "ความครบบริบูรณ์ทั้งสิ้น" คือการทำให้ทุกสรรพสิ่งกลับมาอยู่ในสภาพดี และเป็นที่พอพระทัยพระบิดาในพระคริสต์
1:20 และโดยพระองค์นั้นให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระองค์เอง โดยพระองค์นั้นข้าพเจ้าพูดได้ว่า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในท้องฟ้า พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์
** เมื่ออาดัมทำบาป ไม่เพียงแต่อาดามเท่านั้นที่ตกต่ำ แต่ทุกสรรพสิ่งย่อมตกต่ำเสื่อมทรามไปด้วย พระคริสต์เยซูจึงเป็นเหตุให้ทุกสรรพสิ่งได้คืนดีกับพระเจ้า และกลับมาสู่สภาพนิรันดร์ คือความเป็นจริงในพระคริสต์
1:21 และพวกท่านซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ถูกกันและเป็นศัตรูในใจด้วยการชั่วต่างๆ บัดนี้ พระองค์ทรงโปรดให้คืนดีกับพระองค์
** ผู้เชื่อเมืองโคโลสี และคนทุกชาติทั่วโลกได้มีโอกาสคืนดีกับพระเจ้า โดยทางพระโลหิตของพระเยซู เพื่อรับการไถ่ให้หลุดพ้นจากความบาป และตัวบาป อย่างสิ้นเชิงในวันสุดท้าย
1:22 โดยความตายแห่งพระกายเนื้อหนังของพระองค์ เพื่อจะได้ถวายท่านให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้ตำหนิและไร้ข้อกล่าวหาในสายพระเนตรของพระองค์
1:23 คือถ้าท่านดำรงและตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อ และไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้ยินแล้ว และที่ได้ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า ซึ่งข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ในการนั้น
1:24 บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดีในการที่ได้รับความทุกข์ยากเพื่อท่าน ส่วนการทนทุกข์ของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็รับทนจนสำเร็จในเนื้อหนังของข้าพเจ้า เพราะเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร
** เปาโลยอมทนทุกข์ลำบากเพื่อคริสตจักร เพื่อคริสตจักรจะได้รู้ถึงความรอบรู้พระสติปัญญาของพระบิดา และได้รู้ข้อลึกลับที่ลึกลับที่สุด คือพระคริสต์เยซูอยู่ในเรา ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ไม่รู้ว่าพระคริสต์ทรงสถิตอยู่ภายในเราทุกวันและทุกเวลา ไม่ห่างหรือหนีไปจากเราเลย เพื่อรอรับการเปิดตาและฝึกเดินในพระวิญญาณให้พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา
1:25 ข้าพเจ้าได้ถูกตั้งให้เป็นผู้รับใช้ตามที่พระเจ้าได้ทรงโปรดมอบภาระให้ข้าพเจ้าเพื่อท่าน เพื่อจะให้พระวจนะของพระเจ้าสำเร็จ
1:26 คือข้อความลึกลับซึ่งซ่อนเร้นอยู่หลายยุคและหลายชั่วอายุนั้น แต่บัดนี้ได้ทรงโปรดให้เป็นที่ประจักษ์แก่วิสุทธิชนของพระองค์แล้ว
** ความชอบธรรมหรือสง่าราศีของอาดามไม่อาจเป็นที่พอพระทัยพระบิดาได้ พระองค์ไม่นับการทำดีเชื่อฟังเหล่านั้น สง่าราศีของพระคริสต์คือการทำแทน คิดแทน พูดแทน ดำเนินชีวิตแทนผู้เชื่อ เพื่อโลกจะได้เห็นคุณสมบัติของพระบุตรผ่านเรา นี่คือสง่าราศีที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
1:28 พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคน และสั่งสอนทุกคน โดยใช้สติปัญญาทุกอย่าง เพื่อเราจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระเยซูคริสต์
** ชีวิตของผู้ชนะ คือเครื่องบูชาอันหอมหวนถวายแด่พระเจ้า
1:29 เพราะเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงกระทำการงานด้วย โดยความอุตสาหะ ตามการกระทำของพระองค์ผู้ทรงออกฤทธิ์กระทำอยู่ในตัวข้าพเจ้า