เมื่อเราเชื่อ เราชื่นชมยินดี และซาบซึ้งในพระคุณความรักของพระเจ้า เราจึงอยากเชื่อฟัง และทำให้พระเจ้าพอพระทัยในชีวิตเราด้วยการพยายามทำดี เชื่อฟัง เลิกทำบาป เมื่อเราเป็นทุกข์เราก็ขอสันติสุข และพยายามรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อรับสุข และพลัง
แต่เราผู้เชื่อทุกคนล้มเหลวเนื่องจากว่าเราป่วย และอ่อนแอแต่เราไม่รู้ตัว เรากลายเป็นคริสเตียนศาสนาหรือนับถือศาสนาคริสต์ เราเป็นทุกข์ และแบกภาระหนักมากเรื่องการรักษาพระบัญญัติ และไม่ได้เป็นแกะที่เดินตามพระเยซูออกจากคอก และได้พบทุ่งหญ้าที่เต็มด้วยอาหารและมีพระคริสค์ดำเนินชีวิตแทนเรา เพื่อที่จะได้พักผ่อน และชีวิตเบาสบาย เราขอบพระคุณพระเจ้าสำรับวันนี้ที่ได้เข้าใจยอห์นบทที่ 10 ซึ่งเมื่อก่อนเราอ่านหลายรอบแต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง สรรเสริญพระเยซูที่เราพบอาหาร และทรงเป็นอาหารนั้น และทรงนำเราออกจากคอกเข้าสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ที่เต็มด้วยสันติสุขแท้ และพลังที่ยิ่งใหญ่ เอเมน
- การตีความหมายของผู้นำมากมายทุกวันนี้ที่แปลว่าคอก คือคริสตจักรจะขัดแย้งตรงที่พระเยซูนำแกะออกจากคอก แสดงว่าพระเยซูไม่ให้มีคริสตจักร แต่ขอบพระคุณพระเยซูเราพบว่า คอก ในที่นี้ การแปลที่ได้ความหมายมากที่สุดก็คือพระบัญญัติซึ่งกักขังชาวยิวมานานหลายปีเพื่อรอพระสัญญาของพระเจ้ามาถึงพวกเขา
พระเยซูในพระธรรมยอห์น....
บทที่ 1 พระเจ้าทรงแนะนำพระองค์ต่อโลก
บทที่ 2 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงเปลี่ยนความตายให้เป็นชีวิตได้
บทที่ 3 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงให้บังเกิดใหม่ในวิญญาณในพระวิญญาณได้
บทที่ 4 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงให้สุขที่ไม่ต้องกระหายอีก
บทที่ 5 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงรักษาอาการป่วยของร่างกายได้ และไม่ใส่ใจเรื่องผิดถูกกฎพระบัญญัติ แต่ใส่ใจที่คนป่วยหรือมนุษย์มากกว่า
บทที่ 6 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง อาหารฝ่ายวิญญาณที่ต้องกินประจำวันเพื่อการเต็มล้น และเติบโตสู่พระนิสัยพระเจ้า
บทที่ 7 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ดินแดนแห่งพระสัญญาในยุคหน้าและนิรันดร์ ไม่ต้องเร่ร่อนอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
บทที่ 8 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงยกโทษบาปให้มนุษย์ที่มีบาปได้
บทที่ 9 พระเยซู คือคำตอบเรื่อง รักษาอาการบอดในวิญญาณ และออกจากการเดินในความมืด มาสู่ความสว่างได้
บทที่ 10 พระเยซู ทรงเป็น ผู้เลี้ยง ประตู ทุ่งหญ้า
10:1 "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ที่มิได้เข้าไปในคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าไปทางอื่นนั้นเป็นขโมยและโจร
** "คอกแกะ" คือพระบัญญัติ ที่กักขังควบคุมชาวยิวไว้ (กท 3:23)
** "ประตู" คือพระเยซู (ข้อที่ 7 และ 9)
** "ปีนเข้าไป" คือชาวยิวที่มาก่อนพระเยซู และไม่ได้รักษาพระบัญญัติใหม่ผ่านทางพระเยซู
** "ขโมยและโจร" คือชาวยิว (ลก 10:30)
10:2 แต่ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ
** พระเยซูเป็นทั้งประตูและผู้เลี้ยงแกะ (ข้อ 7, 9 และ11)
10:3 นายประตูจึงเปิดประตูให้ผู้นั้น และแกะย่อมฟังเสียงของท่าน ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป
** "นายประตู" คือพระเยซู
** "ประตู" คือพระเยซู
** "แกะ" คือผู้ที่เชื่อพระเยซูทุกคน
** "นำออกไป" คือไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิมอีก แต่อยู่ภายใต้การทำแทนของพระเยซู (ใต้พระคุณ)
** และแกะย่อมฟังเสียงของท่าน คือผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดตา และหลุดพ้นจากอาการตาบอด ไม่ต้องพยายามรักษาพระบัญญัติด้วยตัวเก่า หรือชีวิตอาดัมอีกต่อไป แต่ด้วยชีวิตใหม่ คนใหม่ที่มีพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเขา
10:4 เมื่อท่านต้อนแกะของท่านออกไปแล้วก็เดินนำหน้า และแกะก็ตามท่านไปเพราะรู้จักเสียงของท่าน
** คือผู้เชื่อทั้งหลายที่ได้รับการเปิดตา และเดินออกมาจากคอกได้แล้ว
10:5 คนแปลกหน้าแกะจะไม่ตามเลย แต่จะหนีไปจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของคนแปลกหน้า"
** คนแปลกหน้า คือผู้นำทั้งชาวยิว และผู้นำคริสเตียนที่พยายามกักขังผู้เชื่อให้รักษาพระบัญญัติเดิม
10:6 คำอุปมานั้นพระเยซูได้ตรัสกับเขาทั้งหลาย แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับเขาเลย
** ผู้ที่ถ่อมใจ และรับการเปิดเผยโดยพระวิญญาณเท่านั้น จึงได้รับการเปิดหูเปิดตาสู่ความจริงแห่งพระคำพระเจ้า
10:7 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย
** คือการย้ำเพื่อยืนยันของพระเยซูว่าทรงเป็นประตูเพื่อนำพวกเขาออกจากพระบัญญัติเดิม เพื่อเข้าสู่พระสัญญา และกลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อเพื่อรับสุข และพลังจากพระเจ้า
10:8 บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา
** ฝูงแกะที่ไม่ได้ฟังเขา คือคริสเตียนไม่ได้ฟัง และติดตามชาวยิว แต่ติดตามพระเยซู
10:9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นจะรอด และเขาจะเข้าออก แล้วจะพบอาหาร
** “ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา” คือสาวกทั้งหลายที่เริ่มเข้ามาเชื่อพระเยซู และพบพระบัญญัติใหม่ และรอดโดยทางพระคุณ
** “และเขาจะเข้าออก” “เข้า” คือผู้รับใช้ที่อยู่ในยุคก่อนๆ คือโมเสส เอลิยาห์ อิสยาห์ ดาเนียล และคนอื่นๆ มากมาย “ออกจากคอก” คือเปโตร เปาโล มัทธิว ยอห์น สาวกทุกคน
** “พบอาหาร” คือพระเยซูเป็นอาหาร (ผู้ที่กินเราและดื่มเรา) พบสุขและพบชีวิตพระเจ้าในเขา (ยอห์น 6:35 / 4:14 / 20:22)
10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
** "ขโมยและโจร" คือชาวยิว (ลก 10:30)
** “เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต” คำว่า “ชีวิต” ในข้อนี้คือ Zoe (โซเอ้) วิญญาณ หรือชีวิตพระเจ้า หรือชีวิตที่นิรันดร์ที่ไม่มีการสร้างขึ้นมา
- ชีวิตพระเจ้า คือสิ่งที่อาดัม และลูกหลานยังไม่ได้รับ เนื่องจากว่าอาดัมยังไม่มีโอกาสได้รับชีวิตพระเจ้าผ่านผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต เขาและลูกหลานจึงมีชีวิตที่ยังไม่ครบบริบูรณ์ พระเยซูเสด็จมา และเป็นผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตเพื่อให้โอกาสลูกหลานอาดัมได้รับชีวิตดังกล่าว
สรุป
พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ทรงตายเพื่อแกะ ทรงนำแกะออกจากคอกเพื่อให้หลุดพ้นจากการพยายามรักษาพระบัญญัติด้วยตนเอง และทรงเป็นทุ่งหญ้า และเป็นอาหารให้เรากินดื่มพระองค์เพื่อรับสุข และเต็มล้านด้วยพลังแห่งชีวิตในพระองค์
ทรงเป็นทุ่งหญ้า เป็นอาหารของเรา
- ไม่มีพระในโลกนี้ที่เป็นอาหารประทานอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายวิญญาณได้นอกจากพระเยซู เรารับสุขและพลังได้ทุกเวลาที่ต้องการด้วยการสนิทในพระองค์
ทรงนำเราออกจากคอก คือพระบัญญัติเดิม
- พระบัญญัติเดิมมีไว้ชั่วคราวเพื่อกักขังชาวยิวจนกว่าพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมจะมาถึงผู้เชื่อโดยพระเยซู กท 3:19-29 พระสัญญาของพระเจ้าต่อผู้เชื่อ คือเชื่อเท่านั้นก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับยิวที่เครงศาสนา เราได้บังเกิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้า เราได้รับการยกโทษบาป เราได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว เราอยู่ในความรักและการดูแลของพระบิดา เราอยู่ในร่มพระคุณเพื่อการก่อขึ้นในชีวิตพระคริสต์ทุกวัน
- เรื่องพระบัญญัติเดิม
เมื่อพระเยซูเสด็จมาพระบัญญัติเดิมได้จบแล้วสำหรับคริสเตียน (โรม 7:4, 10:4 / กท 3:10) และกาลาเทียบทที่ 3 ทั้งหมด พระเยซูได้ยกระดับมาตรฐานพระบัญญัติเดิมให้สูงขึ้นจนไม่มีใครสามารถทำได้ และเรียกว่าพระบัญญัติใหม่ (ยน 13:14) หรือเรียกว่าพระบัญญัติของพระเยซู (ยน 14:15, 21 และ 15:10)
- พวกเราจึงไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ พระคุณก็คือการทำแทนของพระเยซูในเราในแต่ละวันนั่นเอง (โรม 6:14,7:4 / กท 2:20)
!!! ทำไมพระเจ้าจึงยกเลิกพระบัญญัติเดิม (ฮบ 7:12) คำตอบก็คือ...
- พระบัญญัติเดิมนั้นอ่อนแอ (ฮบ 7:8)
- พระบัญญัติเดิมนั้นไม่มีประโยชน์อะไร (ฮบ 7:18)
- เพราะว่าพระบัญญัติเดิมไม่ครบถ้วยสมบูรณ์ พระเยซูต้องมายกระดับให้สูงขึ้นเพื่อให้ครบถ้วนและสมบูรณ์ (มธ 5:22, 28, 32, 39, 44)
- พระบัญญัติเดิมไม่อาจให้ชีวิตแก่เราได้ (กท 3:21)
- พระบัญญัติเดิมมาเพื่อลงโทษประหารเราให้ตาย (2 คร.3:4-6)
- พระบัญญัติเดิมเป็นสิ่งที่ควบคุมคนอิสราเอลไว้ชั่วคราวเพื่อรอท่าพระเยซูเสด็จมา (กท 3:23)
- คนอิสราเอลต้องรักษาพระบัญญัติให้ครบ ถ้าผิดข้อเดียวก็ถือว่าผิดหมด (ยก 2:10)
- เมื่อพระเยซูเสด็จมาพระบัญญัติเดิมก็จบและถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นพระบัญญัติใหม่ (ยน 13:34/ โรม 10:4)
- พระเจ้าจะสาปแช่งคนที่รักษาพระบัญญัติอยู่ (กท 3:10)
- คนที่รักษาพระบัญญัติก็หล่นจากพระคุณแล้ว (กท 5:4)
- คนที่รักษาพระบัญญัติก็กลายเป็นคริสเตียนเนื้อหนัง ไม่ใช่คริสเตียนวิญญาณ เพราะว่าคริสเตียนวิญญาณนั้นให้พระเยซูทำแทนในเราเพื่อการเชื่อฟังพระเจ้าและดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรม (โรม 7:14-24)
10:11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ
** พระเยซูจะไปตายเพื่อเรา อีกไม่นานต่อมา
** สละชีวิตเพื่อฝูงแกะ คือแม้ตัวจะตายพระองค์ก็ยอม เพื่อช่วยเราให้รอดจากพระบัญญัติ และการมีชีวิตที่อยู่ภายใต้การพิพากษา
** “ย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ” “ชีวิต” ในข้อนี้คือ “ปะซูเค” คือจิตใจ คือพระเยซูจะสละจิตใจ (ตายที่ร่างกายและจิต) เพื่อเรา
10:12 แต่ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามา เขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป
** ผู้รับจ้าง คือพวกผู้นำศาสนาทั้งหลายที่เป็นชาวยิวที่มีหน้าที่สั่งสอนพระบัญญัติต่อชนชาติอิสราเอล
** สุนัขป่า คือพวกผู้นำยิวที่ชั่วร้าย และครูสอนปลอมทั้งหลายที่ต้องการทำลายแผนการงานของพระเจ้า เนื่องจากว่าพวกเขาต้องการเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ และถูกซาตานหลอกใช้ (มธ 7:15)
10:13 ผู้ที่รับจ้างนั้นหนีเพราะเขาเป็นลูกจ้างและไม่เป็นห่วงแกะเลย
** สมัยก่อนมนุษย์ไม่มีความรักแบบอะกาเป จึงรักกันและกันไม่ได้นอกจากพ่อแม่บางคนเท่านั้น ผู้นำผู้เลี้ยงจึงทำทุกสิ่งเพื่อหวังผลเนื่องจากว่าเขาเป็นแค่ ผู้รับจ้าง เท่านั้น
10:14 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี และเรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา
** พระเยซูทรงรู้จักเราดีว่าจะเชื่อ บังเกิดใหม่ และได้รอดแน่นอน
** เราก็รู้จัก และรักพระเยซู และจะไม่ทิ้งความเชื่อโดยเด็ดขาด
** คำว่า รู้จัก ในที่นี้ คือการรู้จักรู้จัก ซึ่งพระเยซูทรงรู้ทรงเห็นทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับผู้เชื่อแต่ละคนตั้งแต่ก่อนสร้างโลก และเมื่อเราเกิดมาเราจะเลือกเชื่อ วางใจ และไม่ทิ้งพระองค์อย่างแน่นอน
10:15 เหมือนพระบิดาทรงรู้จักเรา เราก็รู้จักพระบิดาด้วย และชีวิตของเรา เราสละเพื่อฝูงแกะ
10:16 แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย และแกะเหล่านั้นจะฟังเสียงของเรา แล้วจะรวมเป็นฝูงเดียว และมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว
** “แกะอื่น” คือผู้เชื่อชาวต่างชาติ
** “แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย” คือพระเจ้าจะนำผู้เชื่อยิว และผู้เชื่อต่างชาติมาร่วมเป็นพระกายเดียวกัน (เกิดขึ้นจริงในพระธรรมกิจการฯ)
10:17 ด้วยเหตุนี้พระบิดาจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก
** คือการทำนายถึงพระองค์เองว่าจะถูกฆ่าตาย และเป็นขึ้นมาอีก
10:18 ไม่มีผู้ใดชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตด้วยใจสมัครของเราเอง เรามีสิทธิที่จะสละชีวิตนั้น และมีสิทธิที่จะรับคืนอีก พระบัญชานี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา"
** การยอมสละชีวิต (จิตและร่างกาย) เนื่องมาจากความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ พระเจ้าทรงทราบดีว่าเมื่อจิตและร่างกายตายวิญญาณของพระองค์ก็ยังคงดำรงอยู่ และยิ่งก่วานั้นร่างกาย และจิตก็จะกลายเป็น ทิพย์ และเสด็จขึ้นไปอยู่กับพระบิดา แต่สิ่งที่พระเยซูหลีกเลี่ยงไม่ได้คือความทุกข์ทรมารที่ได้มาจากการถูกเฆี่ยนตี
** พระบัญชานี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา คือพระเจ้าทรงเตรียมแผนการงานนี้เอาไว้ร่วมกับพระเจ้าพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว
10:19 พระดำรัสนี้จึงทำให้พวกยิวแตกแยกกันอีก
** พวกยิวที่ได้ยินได้ฟังคำตรัสของพระเยซูตั้งแต่แรกว่า พระองค์เป็นผู้เลี้ยง เป็นประตู พระบิดาทรงรักเรา ต้องตายเพื่อแกะและเป็นขึ้นมาใหม่ บ้างก็เปิดใจรับถ้อยคำของพระองค์ บ้างก็ไม่ยอมรับ พวกเขาจึงแตกแยกกัน
** สรุปข้อที่ 11-19
- ท่ามกลางฝูงแกะ มีผู้เลี้ยง (ผู้รับใช้) ที่ไม่ดีที่จะทิ้งแกะไปได้ มีสุนัขป่า (ผู้นำศาสนาหรือครูสอนปลอม) ซึ่งจะทำลายและทำให้ฝูงแกะแตกแยกและหนีไปจากพระเจ้า แต่พระเยซูเป็นผู้เลี้ยง "ที่ดี" ที่จะต้องไปตายเพื่อแกะ และเป็นขึ้นมาใหม่เพื่อเลี้ยงดูดูแลแกะของพระองค์ตลอดไป ไม่ทิ้งเราไปไหนเลยและจะอยู่ในเราร่วมกับพระบิดา เพื่อเราจะรับชีวิตที่ครบเพื่อให้เรามีสันติสุขอย่างเต็มล้นเพื่อรับปัญหาและเรื่องร้ายทุกสิ่งได้ แกะที่อยู่ในคอกคือยิว และแกะอื่นคือคนต่างชาติจะมาร่วมเป็นหนึ่งเดียวในพระกายของพระเยซู และนี่คือแผนการงานของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างโลก
- คำว่า ผู้เลี้ยงแกะ คือคำที่พระเยซูใช้เพื่อเรียกสาวกทั้งหลายที่มีของประทานในการเลี้ยงดูดูแลผู้เชื่อด้วยอาหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อช่วยผู้เชื่อให้เข้าสู่พระคำที่เป็นความจริงและเติบโตสู่ชีวิต และนิสัยของพระเยซูได้
- การได้หลุดพ้นจากพระบัญญัติซึ่งเป็นภาระหนักที่ชาวยิวต้องแบกมานานหลายปี เป็นมาโดยพระคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ เราจึงไม่ต้องเป็นทุกข์เรื่องความรอด และสันติสุข และอยู่ห่างไกลจากพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากว่าเรามีพระเยซูผู้เป็นผู้เลี้ยงที่ดี เอเมน
ยอห์น บทที่ 10
พระเยซู ทรงเป็น ผู้เลี้ยง (ที่ดี) ประตู ทุ่งหญ้า
- "ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี" ผู้เชื่อมากมายไม่เข้าใจคำนี้ จึงต้องกระวนกระวาย กระเสือกกระสน เป็นทุกข์ อยู่ไม่เป็นสุข ร้อนอกร้อนใจ บ่น ระบายกับคนโน้นคนนี้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะพูดย้ำถึงสามครั้งใน มธ บทที่ 6 ก็ตาม สำหรับคนที่เข้าใจ และถูกเปิดตาให้รู้จักว่า เราผู้เลี้ยงที่ดี คำนี้จะทำให้ผู้เชื่อปล่อยวาง และหลับสบาย ตื่นก็สบายได้ เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะดูแล และไม่ทอดทิ้งเรา เราต้องเข้าใจว่าโลกนี้เป็นที่อยู่ชั่วคราว และการข่มเห็งก็ต้องมีมาแน่นอนเพื่อหล่อหลอม และก่อเราขึ้นสู่ชีวิต และนิสัยของพระเยซู
- "ทรงเป็นประตู" เมื่อก่อนยิวต้องถูกกักขังให้อยู่ใต้พระบัญญัติเพื่อให้ได้รอด และรับพระพร พระบัญญัติคือคอกที่ไม่มีประตู และไม่มีทางออกไปจากคอกนี้เลย แต่ด้วยรักและเมตตา พระเยซูจึงเสด็จมาเพื่อนำชาวยิวออกจากคอก เพื่อให้ได้รอด และรับพระพรโดยทางความเชื่อ (เท่านั้น)
- "ทุ่งหญ้า" คือเมื่อมาเชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์ก็ประทานชีวิตของพระองค์เอง และเข้ามาอยู่ในเราไม่มีวันจากเราไปไหน ชีวิตดังกล่าวคือสันติสุข และพลังเพื่อรับปัญหา และการข่มเห็งทั้งความทุกยากนา ๆ ประการ เราจึงมีชีวิตที่เหมือนสวรรค์บนได้ ขณะที่โลกนี้เป็นเหมือนนรกบนดินสำหรับมนุษย์ และคริสเตียนศาสนา
- "คอก" เล็งถึงพระบัญญัติ
- "แกะ" คือผู้เชื่อทุกคนทั้งคริสเตียนศาสนาและฝ่ายวิญญาณ
- "ออกมา" คือแกะหรือผู้เชื่อที่ถูกเปิดตาและไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติแต่อยู่ใต้พระคุณ
- "ผู้เลี้ยง" คือผู้นำยิว และคริสเตียนที่ไม่ได้รักแกะและทิ้งแกะเมื่อถึงเวลา
- "ขโมยและโจร" ย่อมมาเพื่อจะลัก และฆ่า และทำลายเสีย คือชาวยิวที่รักษาพระบัญญัติ และบังคับให้ผู้อื่นรักษาด้วย
- "ปีนเข้าไป" คือชาวยิวที่มาก่อนพระเยซู และไม่ได้รักษาพระบัญญัติใหม่ผ่านทางพระเยซู
- "สุนัขป่า" คือผู้นำศาสนาหรือครูสอนปลอมบางคนที่ตั้งใจหลอกคนให้หลง และบางคนไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากเขาคิดว่าเขาเชื่อถูก
10:20 พวกเขาหลายคนพูดว่า "เขามีผีสิงและเป็นบ้า ท่านฟังเขาทำไม"
10:21 พวกอื่นก็พูดว่า "คำอย่างนี้ไม่เป็นคำของผู้ที่มีผีสิง ผีจะทำให้คนตาบอดมองเห็นได้หรือ"
** การขัดแย้งแตกแยกได้เริ่มเกิดขึ้นในท่ามกลางชาวยิวที่ได้ยินได้ฟังถ้อยคำของพระเยซู เนื่องจากว่าพวกเขาเชื่อว่าการอัศจรรย์ย่อมมาจากพระเจ้า
10:22 ขณะนั้นเป็นเทศกาลเลี้ยงฉลองพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และเป็นฤดูหนาว
10:23 พระเยซูทรงดำเนินอยู่ในพระวิหารที่เฉลียงของซาโลมอน
10:24 แล้วพวกยิวก็พากันมาห้อมล้อมพระองค์ไว้และทูลพระองค์ว่า "จะทำให้เราสงสัยนานสักเท่าใด ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ก็จงบอกเราให้ชัดแจ้งเถิด"
** ผู้นำและชาวยิวที่ไม่พอใจที่พระองค์ทรงรักษาชายตาบอดในบทที่เก้า เนื่องจากว่าวันนั้นเป็นวันสะบาโต พวกเขาอยากได้ยินจากปากพระเยซูว่าพระองค์คือพระคริสต์จริงหรือไม่
10:25 พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้ว และท่านไม่เชื่อ การซึ่งเราได้กระทำในพระนามพระบิดาของเราก็เป็นพยานให้แก่เรา
10:26 แต่ท่านทั้งหลายไม่เชื่อ เพราะท่านมิได้เป็นแกะของเรา ตามที่เราได้บอกท่านแล้ว
10:27 แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา และเรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะนั้นตามเรา
10:28 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น และแกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
10:29 พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดสามารถชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้
** นี่คืออีกข้อที่บ่งบอกว่าเราจะไม่สูญเสียความรอดเลย...
** สรุป
1. เริ่มมีการแตกแยก คือบางคนเชื่อว่าพระเยซูมาจากพระเจ้าและบางคนหาว่าพระเยซูมีผีเข้าสิง
2. ยิวที่ไม่เชื่อ เนื่องจากว่าพวกเขาเห็นว่าไม่ควรรักษาโรคในวันสะบาโต พระเยซูจึงถูกกล่าวหาว่าทำผิดร้ายแรง และในข้อที่ 30 ที่จะมาถึง พระเยซูตรัสว่า เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งเป็นคำที่พระเยซูอ้างตนเท่าเทียมกับพระบิดา ทำให้ยิวหายสงสัยและปองที่จะฆ่าพระองค์
3. คำว่า ไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้ และคำว่า ไม่มีผู้ใดสามารถชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้ เป็นคำที่พระเยซูยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เราถูกใครมาแย่งชิงไปจากพระองค์เป็นอันขาด เพียงแต่ว่าผู้เชื่อที่ไม่มีผลของชีวิตพระคริสต์จะไม่มีบำเหน็จหรือตำแหน่งในยุคอาณาจักรและฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
- พระเจ้าทรงซื้อเราแล้ว และจะไม่ขายเราให้ใครอีก
- ชีวิตเก่าเราไม่มีอีกแล้ว มันถูกประหารที่กางเขนและถูกฝัง ตอนนี้กลายเป็นชีวิตใหม่แล้ว
10:30 เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"
** "อันหนึ่งอันเดียว" คือเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง
10:31 พวกยิวจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกจะขว้างพระองค์ให้ตาย
** การขว้างก้อนหินใส่นักโทษให้ถึงตาย คือการลงโทษชาวยิวที่มีความผิดใหญ่หลวง ชาวยิว และผู้นำหลายคนโกรธแค้นที่พระเยซูละเมิดกฎวันสะบาโต และกล่าวว่า เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันซึ่งเล็งถึงการทำตนเท่าเทียมกับพระเจ้า
10:32 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "เราได้สำแดงให้ท่านเห็นการดีหลายประการซึ่งมาจากพระบิดาของเรา ท่านทั้งหลายหยิบก้อนหินจะขว้างเราให้ตายเพราะการกระทำข้อใดเล่า"
10:33 พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า "เราจะขว้างท่านมิใช่เพราะการกระทำดี แต่เพราะการพูดหมิ่นประมาท เพราะท่านเป็นเพียงมนุษย์แต่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า"
10:34 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ในพระราชบัญญัติของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า `เราได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นพระ'
10:35 ถ้าพระองค์ได้ทรงเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นพระ และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้
** คำว่า พระ ในที่นี้ ภาษาฮีบรู คือ θεός, οῦ, - God, a god ที-โอส ระหัสกรีก 2316 จึงทำให้ผู้เชื่อบางกลุ่มรวมถึงนักเทศน์หลายคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเชื่อว่ามนุษย์คือพระเจ้า หรือเป็นพระเจ้าองค์เล็กๆ แต่ความหมายที่แท้จริง ก็คือผู้รับใช้ หรือผู้เผยพระวจนะที่ประกาศสั่งสอนในยุคพระคัมภีร์เดิมถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนของพระเจ้า แต่พวกเขาไม่ใช่พระเจ้าเหมือนดั่งที่คริสเตียนทุกวันนี้เข้าใจ ถึงแม้ว่ามนุษย์จะถูกสร้างโดยพระเจ้าตามพระฉายาของพระองค์ และให้เป็นเหมือนพระองค์ แต่มนุษย์ก็เป็นได้แค่บุตรของพระเจ้าเท่านั้น เราไม่ควรพูดว่า เราเป็นพระเจ้า เราเป็นพระเจ้าองค์เล็ก ๆ หรือ เราเป็นพระเจ้าในด้านชีวิต และนิสัยไม่ใช่เป็นพระเจ้าผู้ประทับที่พระบัลลังก์ก็ตาม เราคือมนุษย์/บุตรพระเจ้า จะไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นพระเจ้า และทูตสวรรค์ก็ถูกสร้างให้เป็นบุตรพระเจ้า จะไม่มีวันเปลี่ยนหรือเลื่อนตำแหน่งเป็นพระเจ้าได้เลย
10:36 ท่านทั้งหลายจะกล่าวหาท่านที่พระบิดาได้ทรงตั้งไว้ และทรงใช้เข้ามาในโลกว่า `ท่านกล่าวคำหมิ่นประมาท' เพราะเราได้กล่าวว่า `เราเป็นบุตรของพระเจ้า' อย่างนั้นหรือ
** สมัยพระคัมภีร์เดิมชาวยิวส่วนใหญ่จะให้เกียตริผู้รับใช้ที่พระเจ้าส่งมา ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะหมิ่นประมาท หรือไม่ต้อนรับพวกเขา ส่วนพระเยซู ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือพระองค์ทำดีในวันสะบาโต ซึ่งยิวรับไม่ได้ และไม่เคยมีใครทำในสมัยก่อน และยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ใช้คำว่า เราเป็น และเราเป็นบุตรพระเจ้า ซึ่งเป็นคำพูดที่ตั้งตัวเป็นพระเจ้า ซึ่งพระเยซูก็ได้รับสิทธิอำนาจในการพูด และพระองค์เองที่เป็นพระเจ้า
10:37 ถ้าเราไม่ปฏิบัติพระราชกิจของพระบิดาของเรา ก็อย่าเชื่อในเราเลย
10:38 แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้เชื่อในเรา ก็จงเชื่อเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเชื่อว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา"
** พระราชกิจของพระเจ้าไม่ได้อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของใคร พระองค์ประสงค์จะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่บนฐานแห่งความรักและเมตตาเป็นหลัก
10:39 พวกเขาจึงหาโอกาสจับพระองค์อีกครั้งหนึ่ง แต่พระองค์ทรงรอดพ้นจากมือเขาไปได้
** สำหรับมนุษย์ที่คิดลบเมื่อเขาตั้งใจจะทำร้าย หรือข่มเห็ง และไม่ยอมฟัง เราจะพูด หรืออธิบายดี และมีเหตุผลแค่ไหนก็ตาม เขาจะไม่ยอมรับฟังโดยเด็ดขาด นอกเสียจากว่าพระเจ้าจะดลใจเขาให้เห็น และยอมรับฟัง
10:40 พระองค์เสด็จไปฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นอีก และไปถึงสถานที่ที่ยอห์นให้บัพติศมาเป็นครั้งแรก และพระองค์ทรงพักอยู่ที่นั่น
10:41 คนเป็นอันมากพากันมาหาพระองค์ และกล่าวว่า "ยอห์นมิได้ทำการอัศจรรย์ใดๆเลย แต่ทุกสิ่งซึ่งยอห์นได้กล่าวถึงท่านผู้นี้เป็นความจริง"
10:42 และมีคนหลายคนที่นั่นได้เชื่อในพระองค์