ถาม.
เรื่องรูปพระเยซู เมื่อก่อนอยู่ใน คต. ศาสนา คือชอบมากชอบภาพพระเยซู อยากจะเอามาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะว่าเรารักพระเจ้ามาก โดยที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วภาพใหญ่พวกนั้นมีหลายภาพมากๆ ป้าลงทุนซื้อภาพละ 700-800 เมื่อก่อนจะมี ศบ. เขาทำขายก็เลยซื้อไว้เยอะแยะเอาไว้เป็นที่ระลึกในบ้าน เพราะว่ามีใจรักพระเยซูมาก ณตอนนี้ภาพนั้นก็ยังอยู่แต่มันไม่ได้แขวน เราควรจะเอาออกหรือเราควรจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ ขอถามตรงนี้ค่ะ
ตอบ.
คือผู้ชายที่อยู่ในรูปภาพ ที่เรามีสะสมอยู่ในบ้าน ไม่ใช่พระเยซูนะครับ และถ้าหากเรารู้ความจริงนี้ เราจะทำยังไง? ใช่ครับเราเคยซื้อมาด้วยราคาแพง แต่เรารู้แล้วว่าไม่ใช่พระเยซูของเรา คือพูดง่ายๆ นะครับก็คือเอาไป..ทิ้ง.. และเราไม่ควรให้คนอื่น เพราะว่าเขาจะเอาไปเพื่อเคารพ เพื่อนมัสการ เพื่อยกย่อง ซึ่งคริสเตียนหลายคนที่ยังไม่รู้เขาก็จะซื้อไปแน่นอนครับ
แต่เรา คือเราตัดเลย คือตัดไม่ต้องไปให้ใคร ไม่ให้ขายให้ใครต่อ คือเรารู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ เธอไม่ใช่พระเยซูของฉัน ไปเถอะจากชีวิตของฉัน
รูปภาพทั้งหลาย จี้สร้อยคอหรืออะไรก็ตามที่เป็นสัญลักษณ์ที่คริสเตียนศาสนาเขาทำทุกวันนี้ พระเยซูไม่ได้เข้าไปสถิตอยู่ในนั้น แต่พระเยซูสถิตอยู่ในเรา
และอีกอย่างรูปเคารพทั้งหลายที่คริสเตียนสร้างขึ้นมา ซาตานเข้าไปอยู่เข้าไปสถิตสิงสถิตอยู่ มันจะล่อลวงคริสเตียนให้กราบไหว้ ให้เห็นการอัศจรรย์ อีกไม่นานต่อมาเราจะเห็นว่าในอนาคตจะมีการอัศจรรย์ต่างๆ นาๆ การปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากรูปปั้นพระเยซูบ้าง รูปปั้นของนางมารีย์บ้าง รูปปั้นที่ร้องไห้ได้น้ำตาเป็นเลือดบ้าง ทำให้คริสเตียนทำให้คาทอลิกหลายคน คือแบบตกใจตื่นเต้นยกย่องพระเจ้ากันใหญ่ที่จะได้เห็น แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากซาตานเป็นคนทำ
ถ้าพระเจ้าจะทำปาฏิหาริย์ พระเจ้าจะทำการอัศจรรย์ ก็คือเพื่อประโยชน์ของผู้เชื่อทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ของคนที่ไม่เชื่อ เพื่อเขาจะได้ยกย่องพระเจ้า คือการรักษาโรคบ้าง การประกาศข่าวประเสริฐ นำข่าวดีเรื่องพระเยซู นำเรื่องความรอดมาถึงพวกเขา
ไม่ใช่ว่าให้น้ำตาออกมาเป็นเลือด หรือให้เห็นอยู่บนเมฆ บนท้องฟ้าเห็นรูปไม้กางเขน สิ่งเหล่านี้ที่คริสเตียนหลายคนเห็น ก็คือมาจากซาตาน ซาตานเป็นคนทำเพื่อหลอกเราไง ให้เราหลงทาง ให้เราหลงไปเชื่อว่าเป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า แล้วก็เห่อกันใหญ่เลย ก็คือพูดถึงแต่เรื่องการอัศจรรย์ การอัศจรรย์ จนเราเห็นกันทุกวันนี้ใช่ไหม
คริสตจักรบางคริสตจักรไม่ได้นมัสการพระเจ้าเลย คือใส่ใจแต่เรื่องการอัศจรรย์ เข้าไปในคริสตจักรปุ๊บทำอะไร? ยกมือนะครับร้อง สรรเสริญพระเจ้า โห่ร้อง ร้องไห้ หัวเราะ คือขอฤทธิ์เดช ขอไฟ เราเห็นกันแล้วใช่ไหม
แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการในคริสตจักรของพระองค์ คืออะไร?
คือสำแดงตัวตนของพระเยซู
คนนี้มีความรัก "อากาเป้" เกิดขึ้น สำแดงความรักให้พี่น้อง
คนนี้มีความ "เมตตา" เป็นของประทานเป็นสิ่งที่มาจากพระเยซูกระทำในเขา ก็สำแดงความเมตตา ก็ให้ เอื้อเฟื้อ ใจกว้าง
คนนี้รักษาโรคได้ คนนี้อดทนได้ ยกโทษให้ ใครทำผิดกับเขา เขาก็ยกโทษให้
นี่คือการสำแดงชีวิตพระเยซูในพระกายในคริสตจักร และในท่ามกลางของคนที่ไม่เชื่อทั้งหลาย
ถ้าหากเราจะดูในพระคัมภีร์ใหม่ทั้งเล่ม เราจะพบว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการมากที่สุด คือไม่ได้ต้องการให้เราแสวงหาคือพูดถึงแต่เรื่องความรู้ ความรู้ ความรู้ ไม่เอาอันนี้เป็นเรื่องรอง
และอีกเรื่องหนึ่งที่พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้คริสเตียนกระทำ ก็คือพูดถึงแต่เรื่องไฟๆๆ ฤทธิ์เดชๆๆ พระวิญญาณๆๆ เต็มล้นอะไรทั้งหลายไม่เอาสิ่งนี้เป็นเรื่องรอง
แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการในพระคัมภีร์ใหม่ในคริสตจักรของพระองค์ พระองค์เปิดเผยว่าพระองค์ต้องการสำแดงให้พวกเราทุกคนสำเเดงพระบุตร "พระบุตร"
เปาโลยังพูดเอง "ว่าข้าพเจ้าไม่อวดใคร ข้าพเจ้าอวดพระบุตร อวดพระเยซูคริสต์" เราจำกันได้น่ะว่าเปาโลพูดว่า
"ข้าพเจ้าพูดภาษาต่างๆ ได้มากกว่าพวกท่าน ข้าพเจ้ามีของประทานมากกว่าใคร ข้าพเจ้าทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าผู้เชื่อทั้งหลาย แต่ข้าพเจ้าไม่อวด ข้าพเจ้าอวดพระเยซู อวดพระคริสต์"
เห็นไหมครับ เพราะฉะนั้นชีวิตของเราอยู่เพื่ออะไรครับทุกวันนี้?
เราอยู่เพื่ออวดพระคริสต์ ก็คืออวดการกระทำของพระองค์ อวดผลของพระวิญญาณที่พระเยซูทรงกระทำผ่านพวกเรา กาลาเทีย 5:22-23 ความรักคืออะไรก็อวดสิ่งนั้น เราก็ได้อวดชีวิต และนิสัยของพระเยซู
สุดท้ายคนที่อวดชีวิต และนิสัยของพระเยซู ก็คือคนที่ได้อยู่ใกล้พระเยซูมากที่สุด และมีตำแหน่งสูงกว่าใครในอาณาจักร และในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
นี่นะครับคนที่จะเป็นผู้ชนะ คนที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริง ก็คือคนที่ใกล้พระเยซูมากที่สุด ไม่ใช่คนที่สร้างโบสถ์ได้หลายหลัง ไม่ใช่คนที่นำคนมาเชื่อเป็นร้อยเป็นพัน แต่คือคนที่ใกล้พระเยซูมากที่สุด คือพูดคุยกับพระเยซู บอกรักพระเยซู ไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐมากมายก็ไม่เป็นไร ไม่มีผลงานมากมายก็ไม่เป็นไร แต่เขาสนิท เขาบอกรัก เขาอยู่ใกล้พระเยซูมากกว่าใคร ซึ่งผลที่ตามมา ก็คือเขาสำแดงชีวิตของพระเยซูได้