โรมบทที่ 12 เป็นเรื่องของการเดินด้วยจิตใจใหม่
- การรับการชำระให้เป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่เพื่อเป็นคนชอบธรรม หรือเพื่อให้ได้รอด (Justification is not for justification)
- การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ไม่ใช่เพื่อให้เราเลิกทำบาป (Sanctification is not for sanctification)
- สง่าราศี ไม่ใช่เพื่อให้เราคิดถึงสง่าราศี (Glory is not for glory )
- ชีวิตของเราไม่ใช่เพื่อชีวิตของเรา แต่เพื่อพระคริสต์ และพระกายของพระองค์ (Life is not for life, but for Christ and for His body — The church)
- อย่าหวังว่า พระกายเที่ยงแท้ที่มีแต่ผู้ที่ถูกเปลี่ยนมากจะมีมาก ผู้ครอบครองร่วมกับพระเยซู และเข้าในอาณาจักร แท้ที่จริงแล้วมีน้อยมาก
.....
- โรมตั้งแต่บทที่ 1 จนถึง 8 เป็นเรื่องของคนบาปได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า (Romans 1 to 8: from sinners to the sons of God)
- ส่วนเรื่องการเปลี่ยนใหม่ ในหนังสือโรมมี 5 บท คือบทที่ 12 จนถึง 16 (Transformation has 5 chapter; from 12 to 16)
- บทที่ 9-11 เป็นเรื่องของการทรงเลือก (chapter 9-11 is about God selection)
- บทที่ 12-16 เป็นเรื่องของผู้เชื่อที่อยู่ร่วมกัน พระกายที่มีชีวิตอยู่ และเคลื่อนไหวภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณ ที่เป็น “ชีวิต” ในเรา (The living body of Christ)
- เราทุกคนมีส่วนในพระกาย (Everyone of us is the part of the body)
- เราควรจะอยู่กับพระกาย และในพระกาย เพื่อก่อสร้างกันและกันขึ้น (We need to remain in the body to build up each other)
.....
- บทที่ 12 เป็นเรื่องที่ต่อจากบทที่ 8 คือการฝึกอยู่ใน และเดินในพระวิญญาณ (Chapter 12 is the continuation of chapter 8, it’s a practice of living and walking in the Spirit)
- บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ คือเราอยู่ในกระบวนการการทำงานของพระเจ้า จากทำบาปมากกลายเป็นทำบาปน้อย เพื่อรอคอยการเปลี่ยนใหม่ที่ครบ (Transformation) (Chapter 6 sanctification is the life process; we’re put into life process)
- บทที่ 12 เป็นเรื่องของการเดินด้วยจิตใจใหม่ หรือเข้าสู่ชีวิตที่สุกงอมแล้วทุกวัน (Chapter 12 is a practicing of the transforming life )
- บทที่ 12 นี้ เราจะเห็นการเสริมสร้างกันและกัน และการฝึกในลักษณะของพระกาย ที่ผู้สุกงอมหรือเปลี่ยนแปลงได้มาก จะช่วยผู้ที่ยังเป็นเด็ก ที่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นบุตร (หนุ่ม) (In this chapter we’ll see that the church is the place for to practice the transforming life)
.....
- คริสตจักรบางแห่งล้มเหลวในการรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการฝ่ายวิญญาณ ยกเว้นผู้เชื่อที่หล่นจากพระคุณเท่านั้น (Some churches fail to see; accept those who fallen from grace)
- ผู้เชื่อต้องมีประสบการณ์ที่เปาโลเคยมี ในโรมบทที่ 7 (The Christians must go through what Paul has been through)
- เพื่อเราจะกลายเป็นพระกายที่เที่ยงแท้ ไม่ใช่ทำได้แค่พูดว่า “รักพระเจ้า” “รักพี่น้อง” และฝึกเนื้อหนัง แต่อ้างว่า เป็นฝ่ายวิญญาณ เหมือนนกแก้ว แต่ต้องมีผลของชีวิต ด้วยการกระทำของพระคริสต์ในเรา (Then they can become the true church, not just say you love the Lord and love others, but you can act what you say)
- การฝึกเดินในชีวิตประจำวัน เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเดินของพระกาย เพราะฉะนั้น จงคิดถึงพี่น้องของท่านอยู่เสมอ อย่าลืมทุกคน (Our daily practicing transforming life is for the body)
- การฝึกเดิน และการฝึกเดินร่วมกัน เราต้องกำจัดทุกสิ่งที่เป็นการงานของเนื้อหนังออกไป ผู้ใหญ่สอนและอดทนต่อเด็ก เข้าใจและเห็นใจเด็ก
ร่างกายของคริสเตียนเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต
12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต อันบริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการปรนนิบัติอันสมควรของท่านทั้งหลาย
** เปาโลวิงวอนให้ผู้เชื่อถวายตัวใหม่แด่พระเจ้า
- "ตัวใหม่" คือเครื่องบูชาที่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า
- "การปรนนิบัติอันสมควร" คือการใช้ตัวใหม่คนใหม่ถวายแด่พระเจ้า มอง พูด ฟัง คิด ทุกอย่างในลักษณะของคนที่อยู่ในพระคริสต์ ไม่คิดลบ ไม่แตกแยก เด่นดีดังเพียงเดียว
- "พระกายใหม่" คือมนุษย์วิญญาณทั้งหลายทีสวมเสื้อใหม่และอยู่ในถุงหนังใหม่และการมองแบบใหม่ (God asks us to present ourselves and we should do what He asking for)
- "เครื่องบูชาในสมัยเดิมต้องถูกฆ่าให้ตาย แต่เครื่องบูชาสมัยใหม่" คือยังไม่ตายและมีชีวิต ซึ่งเต็มด้วยชีวิตของพระคริสต์ (Many churches failed to be the living church and offer the living sacrifice)
12:2 อย่าทำตามอย่างของยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ด้วยการรับการเปลี่ยนความคิดของท่าน เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าอะไรดี อะไรดี เป็นที่ยอมรับ และดียอดเยี่ยม
** In greek word is met-am-or-foo (transform/transfiguratively)
- Transformation is not a change; it is to replace one thing from another
- "ตามอย่าง" คือระบบโลกที่ซาตานอยู่เบื้องหลัง แฟชั่น ยี่ห้อ ทรงผม การแต่งกาย ในแต่ละยุค ซาตานจะเปลี่ยนระบบเพื่อให้มนุษย์เดินตาม
- ถ้าหากเราจะเดินตามพระเจ้า เราต้องหันหลังให้ระบบโลก นี่คือการกระทำภายนอก แต่ภายในเราก็ต้องรับการเปลี่ยนใหม่เพื่อเราจะเปลี่ยนภายนอกได้โดยธรรมชาติใหม่
- "จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่" คือรับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
- "รับการเปลี่ยนความคิดใหม่" คือรับการชำระด้วยพระคำที่แปลถูก ที่เป็นความจริงอันมีชีวิตและฤทธิ์เดช
- เมื่อเรารับการเปลี่ยนความคิดจากพระเจ้าให้เชื่อถูก รู้จักความจริงและพบอาหารแข็ง เราจึงรู้จักและเข้าใจอะไรดี ดีกว่าและดีที่สุด
- การทำตามอย่างของคนยุคนี้จะทำให้เราไม่ได้รับการเปลี่ยนความคิดและการเปลี่ยนใหม่
- "ความคิด" (the mind) ในโรม 7 มีอิสระ แต่ในโรม 8 พึ่งพาพระคริสต์และถูกครอบครองโดยพระคริสต์ ไม่มีอิสระ และกำลังฝึกเดิน ส่วนโรม 12 คือความคิดที่รับการเปลี่ยนสภาพแล้ว
- โรม 8 ความคิดกำลังฝึกให้จดจ่อปักใจไปที่พระวิญญาณฝ่ายวิญญาณ แต่โรม 12 พระคริสต์ช่วยในการจดจ่อปักใจแล้ว
- เมื่อรับการเปลี่ยนแปลงความคิดจากพระวิญญาณ แน่นอนที่สุดเราจะถอดทิ้งการคิดเป็นใหญ่หรือไม่ฟังพี่น้องผู้อื่น เมื่อคริสตจักรเดินในความถูกต้องคือรูปแนวชีวิต เราควรขอพระบิดาเปลี่ยนความคิดของเราให้สอดคล้องกับคริสตจักรและหลักคำสอนที่เป็นความจริง
- The more amount you receive trans from the Holy Spirit the more you can keep the Lord new law and finally you can love your enemies
การดำเนินชีวิตผู้ชนะที่มีพระคริสต์ทำแทน บางคนมีมากบางคนมีน้อย
12:3 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคน โดยพระคุณซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า อย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่มนุษย์ทุกคน
** การที่จะฝึกเดินในวิญญาณร่วมกันในฐานะพระกาย ต้องคิดต่ำ ถ่อมและยอมเสียเปรียบตามขนาดของความเชื่อ ไม่หยิ่งผยองพองตัว อวดดี อวดรู้ อวดเก่ง อวดฉลาด คิดแยกเป็นกลุ่มย่อย ถ้าแยกเพื่อการสามัคคีธรรม ควรแจ้งต่อคริสตจักรให้ทราบ ผู้ใหญ่ต้องเช้าใจเด็ก(ฝ่ายวิญญาณ)
คริสเตียนทุกคนเป็นอวัยวะของร่างกายเดียวกัน มีของประทานที่แตกต่างกัน
12:4 เพราะว่าในร่างกายอันเดียวนั้นเรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด
12:5 พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น
** เราควรพูดกับพี่น้องว่า ผมทำได้สิ่งนี้ที่พี่น้องทำไม่ได้ แต่ทำไม่ได้ในสิ่งที่พี่น้องทำได้
** เป็นอวัยวะแก่กันและกัน คือเราต่างคนต่างต้องการพึ่งกันและกัน ผมขาดพระกายไม่ได้และพระกายก็ขาดผมไม่ได้
** ถ้าหากเราถูกเปิดตาให้ได้เห็นถึงความสำคัญของพระกาย เราจะไม่คิดหนีอย่างแน่นอน แต่สู้เพราะเห็นแก่พระคริสต์ที่รักพระกายของพระองค์มาก
12:6 และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกันตามพระคุณที่ได้ทรงประทานให้แก่เรา คือถ้าเป็นการพยากรณ์ ก็จงพยากรณ์ตามกำลังของความเชื่อ
** พระบิดาให้เราแต่ละคนมีความสามารถและมีของประทานที่แตกต่างกันเพื่อที่จะอยู่ร่วมกันและอาศัยกันและกันในฐานะพระกายของพระคริสต์
** พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานของประทานตามใจของพระองค์ เราเลือกและขอในสิ่งที่เราชอบไม่ได้
12:7 ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน
** ผู้ที่ไม่มีของประทานสั่งสอนก็ปรนนิบัติ ไม่ใช่ทุกคนสั่งสอนได้ แต่คนส่วนมากในพระกายจะเผยพระวจนะได้ ไม่มากก็น้อย
** "ปรนนิบัติ" ในที่นี้ คือการรับใช้ร่วมกันในที่ประชุม ที่นมัสการ และสามัคคีธรรมของคริสตจักร
12:8 ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติ ถ้าเป็นการให้ก็จงให้โดยเต็มใจ ผู้ที่เป็นผู้นำก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตาก็จงแสดงด้วยใจยินดี
** ไม่ใช่ทุกคนเตือนสติได้ บางคนเตือนแต่พูดไม่เป็น กลายเป็นการตัดสินลงโทษพูดให้เสียใจน้อยใจ
** บางคนมีของประทานในการให้ สนับสนุนเรื่องทรัพย์สินเงินทองซึ่งบางคนอาจทำไม่ได้เหมือนเขา
การดำเนินชีวิตผู้ชนะที่มีพระคริสต์ทำแทน บางคนมีมากบางคนมีน้อย
12:9 จงให้ความรักปราศจากมารยา จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
12:10 จงรักกันฉันพี่น้อง ส่วนการที่ให้เกียรติแก่กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว
** ความรักของมนุษย์วิญญาณ เราไม่มีการเสแสร้างแกล้งทำ ไม่หน้าซื่อใจคด ไม่หลอกลวงใคร ไม่โกหกใครว่ารัก แต่เรารักจริงๆ ด้วยการกระทำและคำพูด
12:11 อย่าเกียจคร้านในการงาน จงรับการเผาไหม้ ในวิญญาณให้กระตือรือร้น จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า
** คำว่า "เกียจคร้าน" คือดับพระวิญญาณ ไม่คิดจะรับใช้ร่วมกัน ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของปุโรหิตหลวง ไม่อธิษฐาน ไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่ประกาศ ไม่ปรนนิบัติพระเจ้า
** คำว่า "รับการเผาไหม้ ในวิญญาณ" คือการรับการกระตุ้นจากพระวิญญาณในเราเพื่อเราจะร้อนรนกระตือรือร้น ขยันหมั่นเพียรในการใช้ชีวิตเพื่อสนิทเชื่อฟัง และรับใช้พระเจ้า
12:12 จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงอดทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน
** "ขะมักเข้นอธิษฐาน" คือพูดคุยกับพระเจ้าอยู่เสมอ เพื่อเราจะทนต่อปัญหาและทุกสิ่งได้
12:13 จงช่วยวิสุทธิชนเมื่อเขาขัดสน จงมีน้ำใจอัธยาศัยไมตรี
** เราไม่ควรละทิ้งพี่น้องที่ขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ แต่เราต้องพึ่งพระวิญญาณอย่างมากเพื่อสิ่งที่เราทำจะเป็นน้ำพระทัยของพระบิดา
12:14 จงอวยพรแก่คนที่ข่มเหงท่าน จงอวยพร อย่าแช่งด่าเลย
** สำหรับพระเจ้า คำว่า "ผู้ที่แช่งด่า" ควรจะเป็นคนที่ไม่เชื่อ แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือผู้เชื่อก็ยังมีแช่งด่าไม่ต่างไปจากคนที่ไม่เชื่อ
12:15 จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
12:16 จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่จงถ่อมใจลงมาหาคนที่ต่ำต้อย อย่าถือว่าตัวฉลาด
การปฏิบัติต่อบุคคลภายนอก
12:17 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย ‘แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ซื่อสัตย์ในสายตาของคนทั้งปวง’
** สำหรับพระเจ้า คนที่ทำชั่ว คือคนที่ไม่เชื่อ ผู้เชื่อจะไม่ทำการชั่ว แต่เนื่องจากว่ามารซาตานปิดหูบังตาผู้เชื่อไม่ได้ให้พบมานาที่ซ่อนไว้ ชีวิตจึงมาไม่ถึงผู้ชนะ และกระทำการชั่วในท่ามกลางสังคมคริสเตียน บ้างก็ทำต่อกันมากจนน่ากลัวและบ้างก็ทำผิดบาปเล็กน้อยต่อพี่น้อง
** พระเยซูสั่งให้เราทำดีตอบแทนการชั่วของคนไม่เชื่อและพี่น้องผู้เชื่อด้วย และสัตย์ซื่อต่อการงานการรับใช้ของตน เพราะว่าเรากระทำทุกสิ่งเพื่ออวดพระเจ้า ไม่ได้อวดมนุษย์ และเมื่อเราทำดีเพื่ออวดพระเจ้าได้ มนุษย์ก็จะมองเห็นสิ่งดีที่เราทำได้
12:18 ถ้าเป็นได้คือเรื่องที่ขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน
12:19 ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนอง”
** ถ้าหากเราแก้แค้นเองพระเจ้าจะไม่เข้ามาช่วย แต่ถ้าหากเรามอบการแก้แค้นไว้ที่พระเจ้า พระองค์ก็จะยื่นมือเข้ามาจัดการอย่างแน่นอน เพราะทรงสัญญาว่าการแก้แค้นเป็นของพระเจ้า
12:20 เหตุฉะนั้น ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้นเป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา’
** คำว่า "สุมถ่านที่ลุกโพรงไว้บนศีรษะ" ก็คือเพื่อนบ้านที่เป็นชาวยิวในสมัยก่อนมาขอไฟจากข้างบ้าน เขาก็ให้ไฟ และเอาไฟใส่ในหม้อดินแล้ววางบนศีรษะ เพื่อนำไฟกลับไปจุดใช้ที่บ้าน
12:21 อย่าให้ความชั่วชนะท่านได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
** สำหรับความเป็นจริงของพระเจ้า ศัตรูของเรา คือคนที่ไม่เชื่อ
เราผู้เชื่อเป็นพี่น้องกันในพระคริสต์ แต่สำหรับความเป็นจริงของมนุษย์ผู้เชื่อมากมายแตกแยกแบ่งแยกไม่ได้รักกันจริงตามแบบที่พระเจ้ารัก ยังมีจงเกลียดจงชัง ทำร้ายกันเอง ไม่มีอดทนนานกระทำคุณให้ ไม่มีอภัย 70X7 ครั้ง เราผู้ชนะที่ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณควรทำใจและอธิษฐานเผื่อพวกเขา
การเปลี่ยนใหม่ (Transformation)
ได้มาจาการเข้าใจพระคัมภีร์ที่ถูก หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนความคิดให้ถูกต้อง (โรม 12:2)
จิตใจที่ได้รับไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระเยซูที่ทำดีอยู่ในเรา (กท 2:20)