ถาม.
อยากทราบว่าเรามาฝึกมานาทำไมมันปัญหาเยอะจังค่ะ เยอะแบบว่าปัญหาบางครั้งมันไม่ใช่เล็กๆ พระเจ้าอนุญาตให้เข้ามาแต่บางครั้งทำไมมันใหญ่มาก แต่ละครั้งก็แทบจะโอ้ยพระองค์เจ้าข้ามาอีกแล้ว มันรู้สึกว่ามันมาก มากกว่าเมื่อก่อนตอนที่เราอยู่ในคจ. แล้วพอเรามาฝึกเดินในวิญญาณรู้สึกว่ามันมากจริงๆ ปีหนึ่งนี้พระเจ้าให้มาแบบนับไม่ถ้วน ไม่นับเล็กๆน้อยๆ นับแบบใหญ่ๆ แบบกำลังไม่พอแล้ว ความเชื่อไม่ถึงแล้ว ก็เลยอยากทราบว่าสาเหตุนี้พระเจ้าจะฝึกให้เราเติบโต หรือฝึกให้เราแข็งแกร่ง หรือวัดความเชื่อของเราหรอคะ ว่าจิตใจของเรามีพระเยซูมากน้อยแค่ไหน มีชื่นชมยินดีจริงๆ ไหมในเมื่อปัญหาเข้ามา ก็เลยอยากสอบถามตรงนี้ค่ะ
ตอบ.
สำหรับปัญหาที่เข้ามาสู่พี่น้องที่รับการเปิดตา
อันแรก ซาตานพยายามทำให้เราท้อ ซาตานพยายามทำให้เราถอยออกมาจากมานา คือมันเกลียดมากคนที่รับการเปิดตาและสนิทในพระเยซูบอกรักพระเยซู เป็นที่รักเป็นเจ้าสาวที่น่ารักของพระเยซู มันเกลียดมาก
เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่สำแดงชีวิตของพระเยซู มันเกลียดมาก มันจึงนำปัญหาเข้ามา และพระเจ้าก็อนุญาตให้มันนำมาถึงเรา เนื่องจากว่าพระเจ้าต้องการทดสอบทดลองใจเรา ว่าเราจะต้องการสิ่งที่ดีกว่า ที่เป็นไข่มุก สิ่งที่ดีกว่า ที่มีคุณค่ามหาศาล เพื่อให้เรามีสันติสุขได้ทุกวันเวลา และเพื่อให้เรามีพลังที่จะดำเนินชีวิตในพระคริสต์ได้ พระเจ้าก็ต้องการลองใจเราเหมือนกัน
และสิ่งต่อมา ก็คืออย่าลืมนะทุกคนต้องการ การเติบโต และการเติบโตที่จะเข้ามาสู่ชีวิตของเราได้ ก็คือเราต้องเจอแสงแดด เราต้องเจอปัญหา เราต้องเจอมรสุมชีวิต เพื่อความเข้มแข็ง เพื่อการเติบโตของเราจะเข้ามาถึงเราได้ อันนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะฉะนั้นคนที่เชื่อพระเจ้า และเป็นคริสเตียนศาสนาก็มีปัญหาแต่ไม่มากหรือมีมาก แต่ไม่มากเท่าผู้เชื่อที่รับการเปิดตา เนื่องจากว่าพวกเราเป็นชุดเดียวเท่านั้นที่จะร่วมครอบครองจักรวาลกับพระเยซู จำได้ไหม? เพราะฉะนั้นการทดสอบการทดลองก็จะต้องยิ่งใหญ่มากกว่าใคร
แต่อย่าลืมนะครับ อย่าเพิ่งท้อถอย อย่าเพิ่งน้อยใจ พระเยซูอยู่ในเรา พระเยซูอยู่กับเรา ระเบิดไดนาไมต์พลังยิ่งใหญ่อยู่ในเรา สันติสุขที่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตก็อยู่ในเรา เราพร้อมที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้เมื่อเราเจอมรสุม เอเมน
ไม่เพียงแต่พี่น้องนะครับ หลายคนที่รับมานา และผมเองก็เคยเจอปัญหาที่หนัก หนักมากๆ จนคิดอยากจะหนีจากมานา และคิดอยากจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ
เราเห็นเปาโลนะครับ เปาโลเป็นตัวอย่างที่ดีเป็นแบบอย่าง คือเปาโลเจอมรสุมยิ่งใหญ่มาก เปาโลถูกข่มเหงมากกว่าใคร เรื่องความเชื่อ เรื่องการประกาศมานา และเปาโลเจอปัญหาเรื่องสุขภาพ เรื่องชีวิตของท่าน การเดินทางบ้าง การขัดสนบ้าง เรื่องการใช้จ่ายบ้าง แต่ท่านไม่เคยท้อถอยไม่เคยถดถอย ท่านสู้เนื่องจากว่าท่านมีพระคริสต์เป็นผู้เสริมกำลังให้ท่านอยู่ทุกเวลา
เราขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าไม่ทิ้งเราเมื่อเราอยู่ในมรสุมต่างๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าคิดว่าเราจะหนีปัญหาได้ วันนี้เราขอพระเจ้าให้มันเบา แต่ไม่นานพระเจ้าก็จะให้สิ่งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับเรา และแน่นอนทุกสิ่งพระเจ้าจะให้ผ่านไปได้ เอเมนไหมครับ
และเมื่อปัญหาที่เข้ามาแล้วหนักเกินไปนานเกินไป และพระเจ้าก็อยู่กับเราด้วย นี่คือสิ่งที่เราควรจะขอบคุณพระเจ้า
คริสเตียนศาสนาพอเจอปัญหาก็หนี ก็ท้อ ก็บ่น ก็เบื่อ
แต่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่พอได้รับการเปิดตาแล้ว พอเจอปัญหา มีอะไรเกิดขึ้น? เหมือนน้ำที่นิ่ง ขอบคุณพระเยซูเอเมน
และสันติสุขก็เต็มล้น สันติสุขทำงานมากกว่าตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาเมื่อเราเจอปัญหา
สำหรับผม คือได้มีประสบการณ์ ก็คือเหมือนกับไอน้ำ เหมือนกับน้ำแข็งที่มันเย็นชุ่มฉ่ำอยู่กลางใจอยู่บนหน้าอก แล้วขอบคุณพระเยซูเมื่อปัญหาเยอะขึ้น อันนี้นะครับก็คือความเย็นความชุ่มฉ่ำมันก็มีมากขึ้น เพื่อแก้ไขเพื่อช่วยให้ระงับความร้อนใจ ความกลุ้มใจ ความไม่สบายใจ ความเป็นทุกข์ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ถ้าหากใจเราดี ทุกอย่างก็ดีหมด
ถ้าหากใจเราไม่ดี อะไรมันก็ไม่ดี
ซึ่งถ้าหากจิตใจเราดี ปัญหามันจะมีมากมายมีร้อยพันประการ มรสุมจะยิ่งใหญ่แค่ไหนจะเข้ามาถึงเรา ขอบคุณพระเยซูจิตใจเราดี ก็คือมันมีสันติสุข มันมีความสงบสุข มีการอยู่นิ่ง
เพราะว่าเรารู้ดีว่าพระเจ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พระเจ้าอนุญาตให้มันเกิด และเราได้รับการเปิดตาว่าพระเจ้ามีเหตุผลจึงให้สิ่งนี้สิ่งนั้นเกิดกับเรา เมื่อเรามีความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ เรารู้ว่าเบื้องหลังเป็นมาแบบไหนยังไง เราจึงไม่สะทกสะท้าน เราจึงสงบนิ่งได้
และสิ่งที่ทำงานในเรา ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สันติสุขเคลื่อนไหว เราขอบคุณพระเยซูนี่คือวิธีการของพระเจ้า วิธีของพระเจ้า เพื่อช่วยเราให้อยู่ท่ามกลางปัญหาอย่างมีสันติสุข อย่างไม่กลัว ไม่ถดถอยได้
สิ่งแรก ก็คือพระเจ้าใส่ความรู้ ความเข้าใจ ความจริง ให้เราได้รู้ว่าพระเจ้าทำเพื่ออะไร พระเจ้าทำทำไม ปัญหาเกิดขึ้นเพื่ออะไร ขอบคุณพระเยซูเมื่อเรารู้แล้ว เราถูกเปิดตาเรารู้เราเข้าใจสิ่งนี้แล้ว
สิ่งที่สองตามมา ก็คือเมื่อมรสุมเข้ามาสู่ชีวิตเรา เรายืนอยู่บนรากฐานบนพื้นฐานแห่งความเข้าใจเหล่านั้นง่ายๆ มาก พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้สันติสุขเกิดขึ้นภายในเราง่ายมาก
ไม่เหมือนตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา ไม่เหมือนคริสเตียนศาสนาทั่วไป ที่เขาไม่มีพื้นฐานแห่งความจริงของพระเจ้า อย่างเช่น อ๋อ พระเจ้าทำทำไม พระเจ้าทำเพื่ออะไร เขาหวังแต่ได้รับสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตใช่ไหม เราเคยเป็นใช่ไหม เมื่อเราเป็นคริสเตียนศาสนาเราต้องการสิ่งที่ดีๆ เข้ามา ต้องการพระพร ต้องการชีวิตดี สันติสุข ครอบครัวดี การงานดี สุขภาพดี ทุกอย่างดี แล้วเราก็จะดีไปได้จิตใจเรามันก็จะดีได้
แต่ตรงข้ามพระเจ้าจะไม่ให้สิ่งเหล่านั้น คืออาจจะให้เป็นบางครั้งบางคราว ช่วยเราในการดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่สิ่งที่พระเจ้าจะให้เรา คือเป็นผู้ใหญ่มากเท่านั้น คือพระเจ้าต้องให้นะครับปัญหา แต่พระเจ้าให้ความเข้าใจ ให้เราอยู่บนพื้นฐานว่าพระเจ้าทำเพื่ออะไร ทำทำไม ปัญหาเข้ามาเพื่อใคร เพื่ออะไร
และสุดท้ายเราขอบคุณพระเจ้า เราสงบนิ่ง เราสรรเสริญพระเยซู เราร้องเพลงนมัสการพระเจ้า เมื่อเราเจอมรสุม เมื่อปัญหาเข้ามาสู่ชีวิตเรา และสิ่งที่ตามมาก็คือสันติสุขที่พระเจ้าให้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ดลบันดาลให้มันเกิดขึ้นภายในหัวใจของเรา
และอย่าลืมทุกวันนี้ศาสนาไหนก็ตามทุกศาสนาต้องการสิ่งนี้ ก็คือความสงบนิ่งของจิตใจ คือสันติสุข
แล้วเราได้มาแล้ว เรามีแล้ว เราขอบคุณพระเยซูมันอยู่ในเราแล้ว และพระเยซูนั่นแหละที่เป็นสันติสุขของเรา เอเมน
ผมขอย้ำว่าทุกศาสนาต้องการสันติสุขนี้ ทุกศาสนาต้องการมาถึงจุดนี้ ก็คือจุดที่ปล่อย ปลง วาง ก็คือจุดที่จิตของเราได้พักสงบ แต่เขาไม่เคยเจอ แต่เราคริสเตียน และเราที่ได้รับการเปิดตาได้เห็นว่า อ๋อ สิ่งนี้อยู่ในเราแล้ว
เพราะฉะนั้นปัญหาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าจิตใจของคุณดีทุกสิ่งก็จะดีไปหมด ถ้าจิตใจของคุณไม่ดี ทุกสิ่งก็จะเลวร้ายไปหมด
อ่านเพิ่มเติม: