1. พระเยซูทรงแบ่งปันความทุกข์ยากทั้งหลายให้แก่เราเพื่อพระองค์จะได้แบ่งปันการครอบครองอาณาจักรร่วมกับพระองค์ให้แก่เราด้วย
2. เราอาจได้รับความทุกข์ยากไม่มากก็น้อย แต่พระองค์เป็นผู้ปลอบประโลมเราไม่เคยทิ้งเราห่างเราไปไหน ขอเพียงแค่เราอย่าทิ้งพระองค์ก็พอ
3. อย่าคาดหวังการใส่ใจปลอบประโลมจากมนุษย์จนเกินไปแต่ให้คาดหวังการปลอบประโลมจากพระเยซูก็เพียงพอแล้ว
4. ผู้เชื่อทั้งศาสนาและฝ่ายวิญญาณ ถ้าหากวางใจเป็น ก็จะได้รับการปลอบประโลมและการช่วยกู้ตามน้ำพระทัยอย่างแน่นอน
5. การอธิษฐานเผื่อพี่น้องและผู้รับใช้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะว่าเราเป็นพระกายเดียวกันต้องเอาใจใส่ดูแลช่วยเหลือกันและกัน
สำหรับพระคำพระเจ้าในวันนี้สำคัญมาก เกี่ยวกับเรื่องการที่เราที่เคยอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย หรือเรามีเพื่อนมีสังคมมีทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา แต่เราตอนนี้ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เราเห็นชัดเจนกระจ่างเกี่ยวกับพระคริสต์ที่เป็นผู้ปลอบประโลมเรา คำว่า "ผู้ปลอบประโลม" อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าเมื่อเราเป็นทุกข์มีทุกข์ แล้วพระองค์จะมานั่งเคียงข้างแล้วบอกว่า ไม่เป็นไรนะ โอเคนะ สบายใจได้นะ คือประมาณนี้ ไม่นะครับ
คำว่า "ปลอบประโลม" มีความหมายมากกว่าและลึกกว่าที่เราคิดเสียอีก ซึ่งพระองค์สัมผัสเรา พระองค์กระตุ้นเรา ให้พลัง ให้กำลังใจ ให้ทุกสิ่งแก่เราที่เราจะสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ยากทั้งกายทั้งใจได้
ซึ่งการปลอบประโลม หมายถึงเรื่องการช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยากจากปัญหาจากมรสุมที่เข้ามาในขณะนั้นในตอนนั้น อันนี้เราสรรเสริญพระเยซูเราขอบพระคุณพระเยซูที่ความหมายของคำว่าปลอบประโลมมันกว้างมันลึกมากกว่าที่เราคิด ไม่ใช่ว่ามานั่งแล้วบอกว่า "สบายใจได้นะ ไม่เป็นไรนะ คือลูบๆ ศีรษะเรา" อันนั้นไม่นะครับ
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นพระผู้ช่วย ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพวกเรา ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์รักเรามากและให้โอกาสเรา
แล้วสำหรับคริสเตียนศาสนาเนี่ยเขาจะคิดว่าพระเยซูจะมาเยี่ยมบ้านทีนึง หรือว่าแม้แต่พวกเราตอนนี้อาจจะยังสงสัยว่าเมื่อเราทำบาปอยู่เนี่ย แล้วพระคริสต์จะอยู่ในเราได้ยังไง อยู่ได้ครับ ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน พระองค์อยู่ในวิญญาณนะครับ วิญญาณเราไม่เคยทำบาป ส่วนที่ทำบาปในชีวิตของเราก็คือ จิตและกายที่ร่วมกันทำ เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์รักเรา ไม่ทอดทิ้งเราไปไหน ถึงแม้ว่าเราจะทำบาปอยู่เป็นประจำ แต่ว่าวิญญาณของเราถูกไถ่และเป็นบ้านถาวรเป็นที่อยู่ถาวรของพระเจ้าแล้ว เอเมน
คือสำหรับเรื่องความทุกข์ยาก เมื่อพระเจ้าอนุญาตให้เกิด พระเจ้าส่งมา พระเยซูเป็นคนแบ่งให้ อันนี้เป็นความหมายที่ถ้าหากเราเคยได้ยินคำว่า ร่วมทุกข์ร่วมสุข นี่แหละครับคือที่มาของพระคำพระเจ้าในการแบ่งปันความทุกข์ยากของพระเยซูให้เรา
แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าคริสเตียนเนี่ยต้องทุกข์ยากต้องมีแล้วก็อยู่ๆ ก็กลับไปยากจน อันนั้นไม่ใช่นะครับ
ความทุกข์ยากคือปัญหาที่เข้ามาเป็นระยะๆ อาจจะกระทบกระเทือนบ้างนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการทำมาค้าขาย เรื่องการทำมาหากิน
แต่อย่าลืมทุกครั้งที่ผ่านพ้นไปได้ เราวางใจในพระเยซู ในข้อต่อๆ ไปเราจะเห็นว่าการปลดปล่อยการช่วยเหลือ การเพิ่มในสิ่งที่เรามีอยู่ให้มีมากกว่าเก่า เพื่อปลอบประโลมเพื่อปลอบใจเรา เป็นเรียกว่ารางวัลปลอบใจ เอเมน
และเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่มาร่วมคืนวันพุธแล้วก็คืนวันเสาร์ อย่าลืมนะครับสิ่งที่เราทำเนี่ยไม่เสียเปล่า พระเจ้าเตรียมบำเหน็จให้พวกเรา สำหรับพี่น้องที่อาจจะไม่ว่างไม่สะดวก บางครั้งก็เข้ามาได้นะครับเข้ามานิดๆ หน่อยๆ มาร่วมกัน อธิษฐานคำสองคำ เรื่องสองเรื่อง แล้วก็มีส่วนร่วมในวิญญาณกับพวกเรา เป็นสิ่งที่จะทำให้เราได้สะสมบำเหน็จในสวรรค์ แล้วก็ช่วยเป็นแรงในการที่จะให้การทำงานของพระเจ้าราบรื่น แล้วพระเจ้าจะทำงานได้มาก เพราะว่าการขับเคลื่อนของพระวิญญาณอยู่ที่การอธิษฐานของเรา เอเมน
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์รักพวกเรา แล้วพวกเราก็รักพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต เป็นน้ำดื่มแห่งชีวิต และเรายิ่งกินดื่มพระองค์มากเท่าไหร่ก็มีส่วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์มากเท่านั้น และการปลอบประโลมการดูแลเอาใจใส่การปกป้องปกปักรักษาช่วยเหลือเลี้ยงดูก็มีเต็มอยู่ในพวกเรา รักพระเยซูเอเมน
ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ ซึ่งเราถ้าจะอ่านดูโดยที่ไม่ตรึกตรอง ไม่ขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะเห็นว่าก็เป็นแค่เพียงเรื่องพระเยซูเป็นผู้ปลอบประโลมของเรา แต่จริงๆ แล้วมันมีมากกว่านั้น
แต่ก่อนอื่นสิ่งแรกที่ผมอยากจะสรุปนะครับ ก็คือพระเยซูแบ่งปันความทุกข์ยากทั้งหลายให้แก่เรา เพื่อพระองค์จะได้แบ่งปันการครอบครอง อย่าลืมนะครับทำไมต้องแบ่งปันความทุกข์ยาก ประสบการณ์ชีวิตของพระเยซูที่ได้รับเป็นประสบการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการรับใช้ของพระเยซู ซึ่งการข่มเหงก็มี การเฆี่ยนตีก็ได้รับ การถูกฆ่าตายก็ได้รับ
เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์อยากให้เรามีส่วนในอาณาจักร พระองค์จะแบ่งปันอาณาจักรให้เรามีส่วนได้ครอบครอง แต่ก่อนอื่นพระองค์ต้องแบ่งปันความทุกข์ยากทั้งหลายให้แก่เราเหมือนกัน พระเยซูได้รับอะไรเราก็จะได้รับอันนั้น แต่ว่าอย่าคิดว่าเราจะได้รับเท่ากับพระองค์เหมือนกับพระองค์ ไม่นะครับ ก็คือเล็กๆ น้อยๆ หรือบางคนมากก็แล้วแต่น้ำพระทัย อยู่ที่พระองค์จะเป็นคนให้พระองค์ตัดสินพระองค์เลือกให้ พระองค์ดูว่าใครที่รับได้มาก ใครที่รับได้น้อย ใครที่อดทนนานได้โดยพลังโดยกำลังของพระคริสต์ที่อยู่ในเขาแล้ว หรือใครที่อดทนได้น้อย พระองค์ก็จะให้ตามความเหมาะสม ตามขนาดของความเชื่อของเรา (การยอมทนทุกข์ยากเพื่อพระคริสต์ ต้องอยู่ใต้การเร้าใจของพระวิญญาณว่าจะทำมากน้อยแค่ไหน)
เพราะฉะนั้นอย่ากลัว อย่าหวั่นไหว อย่าท้อ เมื่อเจอปัญหา เมื่อเจอมรสุมชีวิต เมื่อเจอสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามาสู่เรา นั่นคือการแบ่งปันของพระคริสต์ เรายินดีรับเราขอบพระคุณเพราะว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหลังและผลที่ตามมา ก็คือพระองค์จะแบ่งปันส่วนในการครอบครองอาณาจักรร่วมกับพระองค์ ฮาเลลูยา
และพระองค์ต้องการเพื่อนพระองค์ต้องการเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานในที่นี้ ก็คือร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่ใช่มารับแต่สุข ทุกข์ไม่เอา
แต่สำหรับมนุษย์และคริสเตียนเนี่ยปกติเขาจะชอบอยากแต่งงานกับสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีเขาไม่เอา แต่งงานกับสิ่งที่ดีความหมายภาษาอังกฤษก็คือ Marry to the good คืออยากได้แต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต แต่สำหรับพระคำพระเจ้าในพระคัมภีร์ใหม่เราพบว่า พระเยซูไม่ได้มาเพื่อให้เรามีสันติภาพ พระเยซูไม่ได้มาเพื่อให้ชีวิตของเราราบรื่น การงานราบรื่น ธุรกิจราบรื่น ครอบครัวอบอุ่น ทุกอย่างดีไปหมด ไม่นะครับ เราสังเกตดูเราจะเห็นว่าโดยเฉพาะในหนังสือ 1 โครินธ์และ 2 โครินธ์
เราจะพบว่า 1 โครินธ์ และ 2 โครินธ์ เขียนเพื่อหนุนใจผู้เชื่อทั้งหลายว่าอย่าคิดว่าเราเชื่อในพระเยซูคริสต์แล้วเราจะมีชีวิตที่ราบรื่นทุกด้านทุกเรื่อง แต่ตรงข้ามมันจะมีมาเป็นระยะๆ ที่พระองค์จะแบ่งปันความทุกข์ยากให้พวกเรา เพื่อเมื่อถึงเวลาพระองค์ก็จะแบ่งปันส่วนครอบครองในอาณาจักรและฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ให้แก่เรา ขอบคุณพระเยซูสำหรับการเปิดเผยในสิ่งนี้ เอเมน
และสิ่งที่ 2 ก็คือเราอาจจะได้รับความทุกข์ยากอย่างที่ผมพูดนะครับไม่มากก็น้อย แต่อย่าลืมเราจะไม่ขาดผู้ปลอบประโลม ไม่เคยทิ้งเราไปไหน ไม่เคยห่างเราไปไหน พระองค์อยู่ในวิญญาณของเรา แล้วพระองค์รอคำอธิษฐาน รอคำพูดของเราร้องเรียกพระองค์ แล้วพระองค์จะตอบ แล้วพระองค์จะนำการปลอบประโลมมาสู่เรา จะพูดคุย จะเร้าใจ จะสัมผัสเรา ให้เรารู้สึกว่ามีพลังมีกำลังมีกำลังใจขึ้นมา และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ พระองค์จะช่วยกู้ แก้ไข จากหนักกลายเป็นเบา จากร้ายกลายเป็นดี จากยากกลายเป็นง่าย ทุกสิ่งอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ เพียงแต่เราเชื่อและยอมรับและมั่นใจว่าพระองค์คือผู้เลี้ยงที่ดี และผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุด เป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์
ที่ปรึกษามหัศจรรย์ คืออะไร? คือเรามีเรื่องอะไรจะถามพระองค์ เรามีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ เรามาหาพระองค์พระองค์เป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ ไม่เพียงแค่พระองค์ให้คำปรึกษาให้ทางออกให้สติปัญญา แต่พระองค์ยังช่วยเราให้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นได้ เอเมน
และเราเองนะครับที่เป็นมนุษย์ที่เป็นคริสเตียนเป็นผู้เชื่อเป็นบุตรพระเจ้า อย่าคาดหวัง อย่าคาดหวังใส่การปลอบประโลมจากมนุษย์ อย่าคาดหวังการปลอบประโลมจากมนุษย์จนเกินไป เพราะว่าบางครั้งเราต้องการการปลอบประโลม การพูดดี การเอาใจใส่ จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจากพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน อาจจะทำให้เราได้รับผลร้ายมากกว่าผลดี สิ่งร้ายมากกว่าสิ่งดีเสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นพระเยซูเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจเรา พระเยซูเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่ให้ทางออกจากเราได้ พระเยซูเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่ปลอบประโลมแล้วตรงประเด็นตรงจุดที่เรากำลังเจอปัญหานั้นพอดี เอเมน
สำหรับข้อสุดท้าย ก็คือการอธิษฐานเผื่อของพี่น้อง การอธิษฐานเผื่อเราขอบคุณพระเยซูที่พวกเรามีกลุ่มอธิษฐาน มีการสามัคคีธรรมอธิษฐานตอนคืนวันพุธแล้วก็คืนวันเสาร์ อันนี้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นสิ่งที่พระเจ้ารักมากและเป็นสิ่งที่พระเจ้าเตรียมบำเหน็จให้แก่ผู้ที่มีส่วนร่วม
เพราะฉะนั้นนะครับเรามามีส่วนร่วมในบำเหน็จของพระเยซูด้วยกัน ก็คือมีเวลามากน้อยเท่าไหร่ เข้ามาเล็กๆ น้อยๆ ก็ดี หรือเข้ามาอยู่นานก็ได้แล้วแต่ ซึ่งตอนนี้พวกเราผมได้ยินว่าพวกเราย่อเวลาเหลือแค่ 1 ชั่วโมง ซึ่งเพราะว่า 2 ชั่วโมงมันอาจจะนานเกินไป แต่สำหรับพี่น้องที่รู้สึกว่าอยากเข้าเฝ้าพระเจ้าร่วมกับพระกาย แล้วอยากชวนพี่น้องบางคน อ่ะต่อ 2 ชั่วโมงดีไหม หรือชั่วโมงครึ่งดีไหม ก็แล้วแต่นะครับแล้วแต่ ห้องเนี่ยก็ไม่ปิด ก็เราก็อยู่ร่วมกันอธิษฐานขอบพระคุณ บอกรัก แบ่งปันล้างเท้ากันและกัน ก็ดี แต่เวลาที่เห็นว่าทีมประสานกำหนดนะครับก็คือ 1 ชั่วโมง ซึ่งผมก็เห็นว่าอาจจะเหมาะสม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับ การสามัคคีธรรมก็ดี การนมัสการทุกวันอาทิตย์ก็ดี ทุกเวลาที่เราร่วมสามัคคีธรรม อย่าตั้งกฎเกณฑ์ว่าต้องเป็น 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง คือไม่มีเวลากำหนด ในวิญญาณไม่มีเวลากำหนดนะครับ เราสะดวกเมื่อไหร่ เราจะออกไปตอนนี้ รู้สึกว่ามีธุระต้องทำ มีธุระต้องไป ก็ไปได้นะครับ แล้วถ้าเราอยู่ได้ต่อก็อยู่ รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน อธิษฐานก็ไม่เวิร์ค อยากจะออกไปพักผ่อนนิดนึง ก็ไม่เป็นไรนะครับ คือพระเจ้าเข้าใจเรา เราทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ แม้แต่การมาร่วมกันอธิษฐานเผื่อพี่น้องเผื่อผู้รับใช้เผื่อการงานของพระเจ้า เผื่อเราเองเพื่อครอบครัว เผื่อธุรกิจการทำมาค้าขาย เผื่อสุขภาพ ทุกสิ่งขอให้ทำตามขนาดของความเชื่อของเรา แล้วนี่แหละที่พระเจ้าเรียกว่าทำได้ 100% เอเมน
มีพี่น้องบางคนส่งข้อความมาคุยกับผมเมื่อวานนี้บอกว่า *การอธิษฐานเนี่ยจริงๆ แล้วเราควรจะพูดอะไรก่อน พูดอะไรหลัง บางคนอาจจะพูดนับตายถวายตัวแล้วก็พูดนู่นนี่นั่น หลังจากนั้นก็ค่อยพูดสรรเสริญขอบคุณยกย่องพระเจ้า ถามว่าจะพูดอันไหนก่อน*
คำตอบ: คือสิ่งแรก เมื่อเราตื่นนอนตอนเช้า หรือเมื่อเราจะมาร่วมกันนมัสการพระเจ้า สามัคคีธรรมร่วมกันกับพี่น้องในกลุ่ม หรือกลุ่มไหนก็ตามนะครับ สิ่งแรกที่เราทำ ก็คือเริ่มเปิดปากยกย่องสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้า พูดแต่สิ่งดีๆ ให้พระเจ้า ก็คือ Blessed พระเจ้า ก็คือพูดสิ่งดีๆ ก็คืออวยพรพระเจ้า แล้วก็บอกรักด้วย เมื่อเราไม่มีอะไรจะพูดหมดไปแล้ว ก็คือพระเยซูเป็นพระเจ้าพระเยซูเป็นพระสหาย พระเยซูเป็นเพื่อนพระเยซูเป็นพ่อ พระเยซูเป็นน้ำแห่งชีวิตพระเยซูเป็นอาหาร พระเยซูเป็นกัปตันแห่งความรอดพระเยซูเป็นทุกสิ่ง คือพูดมาเลยทั้งหมดเลยนะครับ พระยาห์เวห์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ สรรเสริญพระเจ้าองค์สันติราช อะไรก็แล้วแต่ เมื่อเราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว จากนั้นนะครับก็สารภาพบาป จากนั้นนะครับก็นับตายถวายตัว จากนั้นนะครับค่อยขอ นี่คือสิ่งที่เหมาะสมในการอธิษฐานของเราแต่ละครั้ง
สำหรับพี่น้องที่เป็นคนมีความคิดในลักษณะนี้ ถ้าสมมุติว่าเขาไม่ได้เข้ามา เราก็เอาถ้อยคำนี้ไปบอกเขานะครับ บอกว่าอาจารย์... บอกหรือบอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์บอกหรือบอกว่าได้เรียนรู้มาแบบนี้จากมานาฯ ก็ไปบอกเขา เราล้างเท้าซึ่งกันและกัน เราให้โอกาสกัน ทุกสิ่งอยู่ที่การฝึก การเดิน การเปลี่ยนความคิดเนี่ยไม่ใช่เปลี่ยนวันนี้วันพรุ่งนี้ การเปลี่ยนความคิดนะครับจะค่อยๆ เปลี่ยนในแต่ละวัน Renew of the mind , The Renewing of the mind แล้วก็อีกคำหนึ่งก็คือ Renew day by day คำว่า Renew day by day ก็คือการเปลี่ยนความคิดการเปลี่ยนใหม่ในแต่ละวัน
ซึ่งเปาโลเองอย่าลืมนะครับเปาโลใช้เวลานานหลายปี เปาโลเมื่อได้รับมานาที่ซ่อนไว้ เมื่อพระเยซูสั่งสอน ท่านก็จำๆๆๆ ที่ในทะเลทรายที่ประเทศอาระเบีย 3 ปีกว่า ท่านได้รับมาๆๆ เหมือนที่พวกเราได้รับมานาฯ พอได้รับมานาฯ ปุ๊บปรากฏว่า คือปัญหาของมนุษย์นะครับปัญหาของมนุษย์ก็คือ เราอยู่ในรูปแนวศาสนามานาน เราอยู่ในความคิดของเนื้อหนังมานาน
เพราะฉะนั้นเปาโลเมื่อได้รับมานาที่ซ่อนไว้ เมื่อได้รับพระคำล้ำลึก ท่านออกไปเดินทางไปที่กรุงเยรูซาเล็มจากนั้นก็เริ่มประกาศ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านฝึกอยู่นะครับ ท่านอยู่ในความเชื่อ ท่านเดินไปกับพระเจ้า และท่านฝึกสิ่งหนึ่งก็คือ ท่านพยายามเลิกทำบาปด้วยตัวเก่า เห็นไหมครับ อันนี้เปิดเผยตรงไหนที่ไหนก็คือโรมบทที่ 7 เปาโลพยายามเลิกทำบาปด้วยตัวเก่า
จนสุดท้ายหลายปีผ่านไป เปาโลเห็นว่าไม่ไหวแล้ว โอ๊ยทำไมมันยากแบบนี้ เป็นคริสเตียนทำไมขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ดีบาปแบบนี้ ตายแล้วใครจะเป็นผู้ช่วยเรา แล้วในที่สุดเปาโลก็เปิดเผยว่า ข้าพเจ้าพบคำตอบก็คือผู้ที่เป็นผู้ช่วยได้ที่แท้จริงให้รอดจากการเลือกทำบาปได้ ก็คือพระคริสต์ โรมบทที่ 8 เป็นคำตอบ เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่เราผู้ที่อยู่ในพระคริสต์
เพราะว่าพระคริสต์เมื่อเข้ามาอยู่ในพวกเรา พระองค์นำเอากฎแห่งชีวิตเพื่อที่จะต่อสู้ทำลายกฎแห่งความตาย แล้วพระองค์นำเอากฎแห่งพระวิญญาณเข้ามาเพื่อที่จะกำจัดกฎแห่งความบาปที่มันครอบคลุมเป็นนายเราอยู่ แล้วพระเยซูเป็นตัวชอบธรรมเป็นผู้ชอบธรรมเข้ามาแทนที่ตัวบาปที่อยู่ในเรา นี่นะครับพระเยซูเป็นคำตอบพระเยซูเป็นทางออกพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยที่แท้จริง ก็คือเข้ามาดำเนินชีวิตแทนเราในเราเพื่อสง่าราศี เอเมน
เพราะฉะนั้นเรารับการเปลี่ยนใหม่วันต่อวัน “Renew day by day” ใช้เวลานะครับ ซึ่งบางคนอาจจะยังมีความคิดที่อยู่ในรูปแนวศาสนา แต่ไม่รู้ตัว เรานำมาใช้เรานำมาฝึกเรานำมาพูดมาคุยมาแบ่งปันผู้อื่นในกลุ่ม เพราะฉะนั้นใครที่รู้ความจริงพบความจริงได้รับการเปลี่ยนใหม่แล้ว ก็แบ่งปันก็ล้างเท้าพี่น้อง แล้วขอให้เราอยู่ด้วยกันด้วยความถ่อมใจ
ความถ่อมใจอยู่ที่ไหน การเปิดเผยมากขึ้นก็อยู่ที่นั่น ความถ่อมใจอยู่ที่ไหน ตาสว่างจนเจิดจ้าก็อยู่ที่นั่น เอเมน
มีพี่น้องบางคนอาจจะจำแม่นันได้ ซึ่งแม่นันเป็นคนลาว แล้วปรากฏว่าแม่นันรับมานาฯ มานานหลายปี แต่ในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้มีกลุ่มพยานพระยะโฮวาห์ไปประกาศไปชักชวน แล้วสุดท้ายแม่นันก็หลงไปกับเขา แม่นันหลงไปกับเขาแล้วเขาพูดอะไรแม่นันก็เชื่อเขาหมด เห็นว่าโอ้ทำไมมันดีจัง รับมานาฯ แล้วมารับความรู้จากพยานพระยะโฮวาห์เนี่ยมันสุดยอดมากมันดีกว่ามานาฯ อีก
แล้วผมก็เลยชวนเขามาคุย ก็คือโทรหาเขา พอดีผมก็เลยบอกเขาไปว่าพยานพระยะโฮวาห์ไม่ได้เชื่อเรื่องสวรรค์นรก พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อว่ามนุษย์มีวิญญาณ และพยานพระยะโฮวาห์เชื่อว่าไม่มีนรกบึงไฟ แล้วมีความรู้อีกมากมายหลายเรื่องที่พยานพระยะโฮวาห์ไม่เชื่อเหมือนคริสเตียน แล้วพยานพระยะโฮวาห์ถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มเทียมเท็จ
แล้วหลังจากนั้นนะครับผมก็ให้เขาไปถามกลุ่มพยานพระยะโฮวาห์ แต่อย่าบอกว่าใครสอนใครบอก เขาก็ไปแอบถามนะครับว่า อันนี้เป็นจริงไหม ไม่มีสวรรค์นรกสำหรับกลุ่มพวกเราไหม เขาบอกว่าใช่ไม่มีนรก พระเจ้าใจดี คือตายแล้วก็ดับสูญไปเลยไม่มีวิญญาณ มนุษย์ไม่มีวิญญาณ แล้วก็ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็มีอีกหลายเรื่องนะครับ แล้วก็พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า พระเยซูเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เป็นผู้ที่มาช่วยตายไถ่บาปให้พวกเรา แต่พระองค์เป็นมนุษย์ไม่ได้มาจากสวรรค์ไม่ได้เป็นพระบุตรพระเจ้า ปรากฏว่าแม่นันเห็นว่ามันจริงซึ่งในพระคัมภีร์มีเต็มบอกว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า มีสวรรค์มีนรกมีบึงไฟ มีวิญญาณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่แม่นันถ่อมใจ แล้วก็เปิดใจ สุดท้ายแม่นันก็หนีออกมา เขาก็ตามนะครับเขาตามเขาตื้ออยู่ แต่แม่นันก็หนีออกมา
สำหรับเราที่รับมานาฯ ที่รับพระคำล้ำลึก เมื่อเราถูกเปิดตา พระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยความจริงให้เรา เมื่อเข้าถึงพระคำล้ำลึกเมื่อเข้าถึงแก่นแท้ ในที่สุดเนี่ยอาจจะมีการล่อลวงจากผู้อื่นจากครูสอนปลอม ขอให้ระมัดระวัง สิ่งที่เราทำได้นะครับก็คือขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อเรา อธิษฐานเผื่อกันและกัน อย่าให้พวกเราหลงไป แล้วขอพระวิญญาณบริสุทธิ์รักษาทางของเราไม่ให้หลุดหลงออกไปจากมานาฯ ซึ่งเป็นพระคำแห่งความจริง เรามีบุญเรามีโชคเราโชคดีแค่ไหนที่ได้พบพระคำล้ำลึกนี้ แต่อย่าให้ซาตานดึงเรานำเราออกไปจากความจริงของพระเจ้า เอเมน
ถาม.
อาจารย์ค่ะอยากถามว่า การที่เราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ อย่างเราเชื่อว่าคือได้รับใหม่หมดแล้วกับพระเจ้า แต่คราวนี้ว่าการเปลี่ยนความคิดของเรา เราจะต้องอดกลั้นใจตัวเอง เราก่อน คือทำในสิ่งที่เราเคยอยากได้ แล้วเราพยายามอดกลั้นใจของเรา เราก็เข้ามาสารภาพกับพระเจ้า แล้วก็พระเจ้าจะเปลี่ยนเราหรือว่าเราจะต้องเปลี่ยนความคิดเราก่อนค่ะอาจารย์
ตอบ.
การอดกลั้นใจนะครับอย่าให้มันมากเกินไป ความหมายก็คือ เราอดกลั้นนิดๆ หน่อยๆ คือถ้าหากเราอดกลั้นมากจนเกินไป เรียกว่าเราใช้เนื้อหนัง ใช้กำลังของเราเอง แล้วสุดท้ายเราก็หลุดเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ
การกระทำของคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราทำทุกสิ่งตามขนาดของความเชื่อ คือเราอดกลั้นนิดๆ หน่อยๆ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์อนุญาตให้เราทำ แล้วก็เราบอกว่าเราอดกลั้นด้วยตัวใหม่ด้วยคนใหม่คนนี้ และอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในข้าพระองค์ ข้าพระองค์อดกลั้นด้วยกำลังของพระคริสต์ แต่เมื่อมันเกิดความอยากได้มากแล้วมันอดไม่ได้นะครับ ไปซื้อ แล้วสารภาพ
แล้วบอกว่า “พระเยซูคราวหน้าขอพระองค์ชำระข้าพระองค์ แล้วตอนนี้ถ้าข้าพระองค์จะอดกลั้นแล้วไม่ไปซื้อในสิ่งที่ต้องการ คือมันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่ข้าพระองค์อยากได้ แต่ครั้งนี้ข้าพระองค์พลาดเพราะว่าความเชื่อของข้าพระองค์ยังไม่ถึง การทำตามขนาดของความเชื่อของข้าพระองค์ยังไม่ถึง ข้าพระองค์ก็ซื้อ เพราะว่าไม่อยากอยู่ใต้พระบัญญัติ แต่อยากอยู่ใต้พระคุณ คราวหน้าขอพระองค์ชำระและขอพระองค์ช่วยข้าพระองค์อย่าให้ซื้อได้”
ถ้าพูดแบบนี้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะครับ เราจะเห็นว่าในที่สุดอีกไม่นาน อีกไม่นานเราเห็นสิ่งที่เราอยากได้มากๆ คือความอดกลั้นเนี่ยมันจะมาเอง แล้วเป็นความอดกลั้นของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในเรา พระองค์จะอดกลั้นแทนเรา คำว่าอดกลั้นของพระเยซู แค่นิดๆ หน่อยๆ พอเห็นปุ๊บคือมันไม่เกิดมีอารมณ์อยากได้ไม่เกิดมีความอยากได้ไม่เกิดมีกิเลส เอเมน
อย่าลืมนะครับกฎของพระวิญญาณ การใช้ชีวิตอยู่ใต้พระคุณ ก็คือให้พระเยซูทำ เราอย่าทำ เราอย่าอดกลั้น เมื่อความอดกลั้นมันถึงที่สุดแสดงว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อนุญาตให้เราต้องฝึกต่อไปอีกนิดนึงนะครับ ก็ไปซื้อเมื่อเราอยากได้อะไรที่ไม่ใช่น้ำพระทัย หรือเมื่อเราจะโกรธแล้วเราอดกลั้นนิดๆ หน่อยๆ แต่ความโกรธมันระเบิดมันไม่ไหวต้องโกรธ ก็ปล่อยมัน ก็โกรธ แล้วมาสารภาพ หลังจากสารภาพยังไม่พอนะครับเราต้องมีสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คือ “ขอพระองค์ชำระ เพื่อคราวหน้าข้าพระองค์จะมีความอดทนไม่โกรธโดยพระคริสต์เป็นคนทำ ไม่ใช่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะอยู่ใต้พระคุณ ไม่ใช่อยู่ใต้พระบัญญัติ”
เราเข้าใจความหมายนะครับอยู่ใต้พระบัญญัติคืออะไร คือการพยายาม คือการอดกลั้น คือการฝืนใจทำในสิ่งที่เราอยากทำ เข้าใจนะครับคือเรามนุษย์เนื้อหนังอยากทำบาป ชอบมากในการบาป ชอบมากในความโกรธ ชอบมากในความโลภ กิเลสตัณหา มันเป็นความชอบของเราที่มันติดกับชีวิตของเรามานานเพราะว่าตัวบาปมันอยู่ในเรา
เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะหลุดพ้นสิ่งเหล่านี้หลุดพ้นจากมันได้ ก็คือไม่ใช่อดกลั้นไม่ใช่พยายามไม่ใช่ฝืนใจ การฝืนใจการพยายามใช่ครับเราอาจจะชนะเราอาจจะจบด้วยการไม่ไปซื้อมัน แต่อย่าลืมนะครับเราทำผิดต่อพระเจ้าแล้ว เพราะว่าเราอดกลั้นเราฝืนใจโดยใช้กำลังของตัวเก่า คือการเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ อันนี้คำตอบอยู่ในโรมบทที่ 6 บทที่ 7 บทที่ 8
สรุปการอดกลั้นของเรา อดกลั้นนิดๆ หน่อยๆ เพราะว่ามีบางคนเลิกเหล้าเลิกบุหรี่แล้วเขาบอกว่าจะอดกลั้น จะอดกลั้น จะอดกลั้น สุดท้ายมันก็ระเบิดแล้วก็ไปสูบบุหรี่ไปกินเหล้า
แต่สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราอดกลั้นเราบอกว่าไม่กินไม่ดื่ม ก็เคยดื่มก็เคยสูบเนาะ แต่ถ้าเราบอกว่าไม่กินไม่ดื่มไม่กินไม่ดื่ม อดกลั้นนะครับ แต่สุดท้ายเราก็ไป แล้วก็บอกพระเยซู สารภาพบาปแล้วก็ขอการชำระ “คราวหน้าขออย่าให้เกิดขึ้น ขอให้พระองค์เป็นคนอดกลั้น ขอให้พระองค์ชำระ เพื่อข้าพระองค์จะไม่มีความอยาก คือจะใกล้ไม่ได้อีกแตะไม่ได้อีก” หลายครั้งต่อมาสุดท้ายพระเจ้าก็ทำ อันนี้หลักฐานหรือพยานคนที่เป็นพยานได้ดีก็คือน้องชายผมเอง
ซึ่งแต่ก่อนเขาสูบบุหรี่แต่ก่อนเขากินเหล้าดื่มเหล้าแล้วก็ติดยาบ้าด้วย แต่เขาอธิษฐานนะครับ แล้วก็ผมอธิษฐานเผื่อ ภรรยาเขาก็อธิษฐานเผื่อด้วย คือใช้เวลานานนิดนึงน่าจะประมาณ 2-3-4 เดือน จนสุดท้ายเขาแตะไม่ได้ คืออยากดื่มอยากสูบแต่รสชาติมันไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย แล้วก็ความปรารถนา desire ของเขาความปรารถนาความต้องการมันไม่มี อันนี้คือการอดกลั้นของพระเยซูคือการชำระของพระเยซูที่เกิดขึ้นแล้วในเขา เอเมน
ถาม.
อาจารย์ค่ะถ้าเกิดเราอธิษฐานเผื่อคนที่เขายังสูบบุหรี่ยังติดสารเสพติดอย่างเงี่ย แต่ใจเขายังไม่กลับใจ เขาเป็นคริสเตียนแล้ว เราอธิษฐานคนเดียวอ่ะมันจะเกิดผลไหมค่ะ หรือว่ามันต้องหลายๆ คนอ่ะคะ
ตอบ.
ขออย่างเดียวนะครับ ขอให้เขามีใจ ถามเขาว่าอยากเลิกบุหรี่ไหม อยากเลิกดื่มเหล้าไหม อยากเลิกสิ่งเสพติดทั้งหลายไหม ถ้าเขาตอบคำเดียวว่าอยากเลิก ด้วยความจริงใจด้วยความปรารถนาที่แรงกล้า แล้วเขาบอกว่าอยากเลิก อยากจริงๆ นะครับ ก็คือเราอธิษฐานเผื่อคนเดียวก็ได้นะครับ หรือหลายคนก็ดี
1. คนเดียวได้ หลายคนก็ยิ่งดี แรงของการอธิษฐานเผื่อของพี่น้องหลายคนก็คือ ทำให้เกิดผลมากกว่า แต่การอธิษฐานของเราคนเดียวถ้าหากว่าเรามีของประทานในการอธิษฐาน ก็เกิดผลได้ เอเมน.
สำหรับคนที่ไม่เชื่อ หรือแม้แต่คริสเตียนก็ตาม ถ้าหากว่าเขาไม่ขอร้องให้เราช่วยอธิษฐานเผื่อ แล้วเขาไม่มีใจที่อยากจะเลิก อันนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่โดยพระเมตตาที่เรารักเขาที่เราสงสารเขาเราขอพระเจ้าหรืออาจจะอดอาหารเผื่อเขา อันนี้ก็อาจจะเวิร์คก็อาจจะเกิดผลได้ แต่ถ้าจะให้เกิดผลให้เกิดผลที่ดีกว่าก็คือ เขาเองเป็นคนที่ยอม ยอมให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อ ยอมเพราะว่ามีใจปรารถนาที่อยากจะเลิก อันนี้เกิดผลมากเอเมน
ถาม.
ถามอาจารย์ค่ะอย่างเช่นเราปรารถนาดีกับคนที่เรารัก อย่างเช่นอยากให้ลูกเราหรือคุณแม่ของเราหรือว่าตัวเราด้วย ก็คือเจริญขึ้นในพระคุณเติบโตในฝ่ายวิญญาณ พบการเปิดตา แต่ว่าก็คือเราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่ทีนี้เราก็เลยมีความปรารถนาหนึ่งก็คืออดอาหารอธิษฐานเผื่อสม่ำเสมอดีกว่า แต่ว่าสิ่งที่เราทำเราก็ไม่ได้ไปเปิดเผยหรือว่าไปบอกเขา แต่ภาระใจของเราก็คือต้องการแบบเนี้ยค่ะ แล้วก็เผื่อคุณพ่อด้วยค่ะเผื่อท่านจะได้รับความรอดในอนาคต ซึ่งเราก็พึ่งพาพระเจ้าอย่างเงี้ย คือได้ใช่ไหมค่ะ แต่บางครั้งใจเขาอาจจะไม่ได้มีความปรารถนา แต่ว่าเราใจเราอ่ะปรารถนา ปรารถนาดีแบบนี้ แต่เราก็พึ่งพาพระเจ้าในแบบนี้จากที่เราพอที่จะทำได้นะคะ
ตอบ.
ขอย้ำนะครับว่าการอธิษฐานเผื่อพี่น้องหรือเผื่อคนที่ไม่เชื่อ ถ้าหากเขาไม่ยินยอมหรือเขาไม่รู้เรื่อง ก็ได้ เพราะพระเจ้าเห็นแก่เรา พระเจ้าเห็นแก่เราพระเจ้าเมตตาสงสารเราที่เรามีใจอยากให้เขาเลิก เป็นไปได้นะครับ และขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อก็ได้ก็เป็นไปได้ก็เกิดผลได้
แต่สิ่งที่ดีกว่าอยากจะให้เกิดผลดีกว่าก็คือถามเขา "อยากเลิกไหม อยากให้อธิษฐานเผื่อไหม จะขอพระเยซูให้ช่วย" อันนี้ดีกว่านะครับ
แต่ถามว่าเราไม่ต้องพูดไม่ต้องบอกเขา คือแอบอธิษฐานเผื่อเขาเรื่อยมานานๆ ทีนึง หรือทุกวัน หรือยังไงก็แล้วแต่ หรือสงสารเขามากก็อดอาหารเผื่อเขา กลัวเขาจะเป็นมะเร็ง กลัวเขาจะเป็นอะไรมากกว่านี้ ก็ได้นะครับโดยเห็นแก่ความเชื่อของเราพระเจ้าก็รักษาเขาได้ เอเมน
ถาม.
อยากจะถามว่าของประทานในการอธิษฐาน แล้วก็ของประทานในความเชื่อ มันคล้ายๆกันมั้ย คือสมมุติว่าเราอธิษฐานให้พี่น้องหรือใครก็ตามที่เรานึกถึงหรือว่าเราคิดถึงเขา เราอธิษฐานเผื่อเขา หรือเรารู้ว่าคนนี้มีปัญหา เราก็อธิษฐานเผื่อ แล้วมันก็เกิดผล สมมุติว่าเราอธิษฐานให้ 10 คน แล้วก็มันก็เกิดผลประมาณสัก 6-7 คนที่หายที่ดี อันนี้เป็นของประทานในการอธิษฐานใช่มั้ยค่ะ หรือว่าเราเชื่อว่าเราอธิษฐานแล้วมันก็เกิดผล มันอะไรกันแน่ค่ะ ขอให้อาจารย์อธิบายด้วยค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรานะครับ ถ้าหากว่ามีพี่น้องมาขอให้อธิษฐานเผื่อครั้งสองครั้ง เกิดผล อันนี้เรายังพิสูจน์ไม่ได้
แต่ปรากฏว่า 10 คนมาหาเรา 7-8 คนได้รับคำตอบ 20 คนมาหาเรา คนส่วนมากได้รับคำตอบ สามสิบห้าสิบร้อยหนึ่งนะครับจะมีงานเข้า อย่าลืมใครก็ตามที่มีของประทานอะไรพระองค์จะให้มีงานเข้า จำสิ่งนี้ไว้นะครับ
แล้วก็ใครก็ตามที่มีของประทานอะไร เมื่อเราแตะ เราวางมือ เราพูด พูดกับพระเจ้า พระเจ้าจะตอบ เอเมน
แล้วถ้ามีถ้ามีงานเข้าบ่อยๆ ขอให้สังเกต งานจะเข้าบ่อยๆ แล้วอย่าฝังของประทานก็คือ ใช้มันนะครับ ใครเรียกใครขอใครให้ไปอธิษฐานเผื่อ แต่อย่าลืมนะครับการเร้าใจการให้หมายสำคัญของพระเจ้าเครื่องหมายสัญญาณ พระเจ้าจะบอกเราไป มีงานเข้าละไป มีคนโทรมาไป ต้องมีการเร้าใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ บางครั้งอาจจะไม่ใช่เราก็รอ เรารอก่อน เอเมน
ถาม.
อาจารย์คะขอถามอีกเรื่องค่ะ ในกรณีที่เราอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย แล้วก็การขับผี กรณีคนที่เป็นคริสเตียนโอเค แต่ว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้เป็นคริสเตียน ที่พระเจ้าบอกว่าเมื่อผี 7 ตัวออกไป เขาก็จะนำผีเข้ามาอีกมากกว่านั้น เราควรจะขับผีคนไม่เชื่อมั้ยค่ะ
ตอบ.
คนที่ไม่เชื่อแล้วไม่ได้มาขอให้เราอธิษฐาน อันนี้เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขานะครับ เราเกี่ยวไม่ได้ยุ่งไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นมรดกเขาเป็นทรัพย์สินเขาเป็นลูกของเจ้าของโลกนี้
ถาม.
กรณีที่เขาขอค่ะ แต่ว่าเขาไม่เชื่อด้วย เขายังไหว้รูปเคารพด้วย แต่เขาก็ขอให้อธิษฐานเผื่อเขาด้วย
ตอบ.
อันนี้เป็นโอกาสนะครับ เชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์นำ เป็นโอกาสที่อยู่ดีๆ คนที่ไม่เชื่ออยู่ดีๆ ก็มาขอให้เราอธิษฐานเผื่อ อันนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นสิ่งที่เรารีบทำเลย คือขอการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก่อนให้หมายสำคัญก่อนนะครับ
แต่สิ่งนี้ปกติแล้วก็คือพระเจ้าให้มีคนมาขอเราอธิษฐานเผื่อแบบนี้ก็คือเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้านะครับ เพราะว่าพระเจ้าต้องการปลดปล่อยทุกคนให้หลุดพ้นจากอำนาจของผีมารซาตาน เมื่อเขาขอ เรารีบไป “แต่ขอหมายสำคัญก่อน พระเจ้านำก่อน” แล้วเรารีบไป เมื่อไปก็อธิษฐานเผื่อเขา
ซึ่งถ้าหากว่าเขา (ยังไม่เชื่อ) คือการอธิษฐานไล่ผี หรือรักษาโรค ต้องตามมาด้วยการชวนเขาให้รับเชื่อ เอเมนนะครับ ถ้าไม่เข้าใจไม่รู้วิธีขั้นตอนก็คุยกับพี่น้องในกลุ่มไลน์ว่าจะชวนเขาเชื่อยังไงพูดอะไรบ้างทำแบบไหนยังไง เพราะว่าทุกครั้งที่เราอธิษฐานเผื่อ มีโอกาสแบบนี้นะครับ อย่าปล่อยก็คือ ชวนเขารับเชื่อ บอกเขาว่าการรับเชื่อต้อนรับพระเยซูจะมีผลดีมากนะ คือผีมารมันจะกลับมาไม่ได้ แล้วมันจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นต้องต้อนรับพระเยซู ก็คือไม่ได้ทำอะไรมาก ไม่ต้องเสียตังค์ไม่ต้องเสียอะไร ก็คือเอ่ยปากนะครับบอกว่า “ขอเชิญพระเยซูเข้ามาในชีวิตของข้าพระองค์ ขอพระเยซูปกป้องรักษาคุ้มครอง” อะไรประมาณนั้น แล้วก็ชวนเขาบอกว่า “ข้าพระองค์ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด” คือเราชวนเขาพูดอะไรเขาก็จะพูดล่ะตอนนั้น เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่ตามมาหลังจากไล่ผีให้เขา ก็บอกเขาชวนเขาให้เชื่อรับเชื่อ เอเมน
ถาม.
ที่อาจารย์บอกหนูทำไปแล้วค่ะ แล้วเขาก็พูดตามแล้ว แต่เขาก็กลับไปไหว้รูปเคารพเหมือนเดิม
ตอบ.
การกลับไปไหว้รูปเคารพเหมือนเดิม เป็นเพราะความไม่เข้าใจ เขายังไม่เข้าใจนะครับ แล้วก็เขายังเคารพเขายังเชื่อในสิ่งนั้นอยู่ เขากลับไปทำ
อันนี้ถามว่าผีมารจะกลับมาไหม.. เขาตอนนี้นะครับเมื่อเขาขอให้เราอธิษฐานเผื่อเขาไล่ผีให้เขา พระเจ้ากำลังทำงานอยู่พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำงานอยู่กับเขา เนื่องจากว่าเขาไม่เข้าใจเขายังไม่ได้เรียนรู้มากพอเขาจึงกลับไปกราบไหว้รูปเคารพ
แต่อย่าลืมนะครับเขาอยู่ในช่วงระยะเวลาของการทำงานของพระเจ้า พระเจ้าดูแลปกป้องเขาอยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดเราอย่าห่างจากเขา อย่าห่างเรื่องอะไร เรื่องการอธิษฐานเผื่อ คำอธิษฐานเผื่อของเราพระเจ้าจะทำงานพระเจ้าจะดูแลปกป้องปกปักรักษาเขา และช่วยเขาปลดปล่อยเขาให้หลุดพ้นจากผีมารทั้งหลาย เอเมน
มีโอกาสนะครับเรากลับไปเยี่ยมเขา มีโอกาสเรากลับไปพูดคุยกับเขา แต่อย่าบอกเขานะครับว่าเลิกไปกราบไหว้ เลิกทำในเรื่องพิธีศาสนาเดิม ไม่ต้องห้ามเขา ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำเขา ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนช่วยเขา หน้าที่ของเราก็คือไปอธิษฐานเผื่อ เเล้วก็อธิบายนิดๆ หน่อยๆ เอเมน
สำหรับคนไหนที่ยังไม่เชื่อและอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ลักษณะนี้ แล้วเขาขอให้เราไปไล่ผี ตอนนี้เนี่ยเป็นตอนที่ขอย้ำนะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้า ทูตสวรรค์ กำลังดูแลเขาอยู่เพราะว่าเขาอยู่ในขั้นตอนของการช่วยเหลือ
ไม่ใช่ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มาพระเยซูมาแล้วก็ไล่ผีไป ผีมันไปปุ๊บเนี่ย พระเจ้า,เรา,ทูตสวรรค์,พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะหนีห่างเขาทิ้งเขาไป ไม่นะครับ คือพระเจ้าพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี พระเจ้าเป็นความรัก พระเจ้าเป็นผู้ปลอบประโลม พระเจ้าเป็นทุกสิ่ง พระเจ้าไม่ทิ้งใครง่ายๆ อย่าลืมนะครับถ้าใครเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เอ่ยปากต้อนรับพระเยซู พระเจ้าไม่ทิ้งใครหนีไปง่ายๆ อย่าไปคิดว่าพระองค์จะทิ้งเราทิ้งเขาง่ายๆ ไม่มีทาง พระองค์จะทำทุกวิธี ทำจนสุดกำลัง เพื่อช่วยไถ่คนๆ หนึ่งให้มาเป็นบุตรพระเจ้า และหลุดพ้นจากผีมารซาตานทั้งหลาย เอเมน
ถาม.
อยากจะถาม อจ. คือเราซึ่งผู้เป็นแม่ เชื่อในพระเจ้าแล้ว แล้วเราก็อยู่กับพระเจ้าทุกวัน แล้วทีนี้ลูกเราบางคนเขายังไม่ได้เชื่อ แต่ทีนี้เราอธิษฐานเผื่อครอบครัวเราและลูกเรา จะได้หรือไม่ค่ะ
ตอบ.
สำหรับครอบครัวหนึ่ง ถ้าหากว่ามีสามีหรือมีพ่อ หรือมีภรรยาหรือมีแม่ ที่เป็นคริสเตียน การดูแลปกปักรักษาการช่วยเหลือการคุ้มครองปกป้องอยู่ในครอบครัวนั้นนะครับ เขามีโอกาสได้รับผลประโยชน์ผ่านเราที่เป็นคนเชื่อ เอเมน
1 คร 7:14 ถ้าภรรยาเชื่อสามีและลูกก็จะได้รับผลรับมรดกรับพระพรรับมากมายหลายสิ่งที่พระเจ้าประทานให้คนที่เป็นภรรยาที่เป็นผู้เชื่อ
ไม่ใช่ว่าภรรยาเชื่อ สามีกับลูกไม่เชื่อ แล้วพระเจ้าจะไม่สนไม่ยุ่งไม่เกี่ยว อ่ะ ปล่อยให้มันตายปล่อยให้มันเป็นอะไรก็แล้วแต่ คือไม่นะครับ เมื่อครอบครัวไหนที่มีแค่คนเดียวที่เป็นคริสเตียน พระเจ้าจะปกป้องปกปักรักษาคนทั้งครอบครัวจะช่วยเหลือเขา
ถาม.
อาจารย์คะแล้วอีกกรณีหนึ่งที่บอกว่าถ้าเกิดเราทำความดีมาก และเราประกาศแล้วเขาไม่เชื่อ ให้เคาะรองเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้น อันนี้หมายถึงบริบทไหนอ่ะคะ
ตอบ.
อันนี้เป็นเรื่องของพระเยซูกับสาวก ที่พระองค์สั่งสาวกทั้งหลายตอนนั้นอยู่ในมัทธิวบทที่ 10:14 ก็คือเป็นเรื่องของสาวกของพระเยซูที่ไปทำกับยิวเท่านั้น คริสเตียนพวกเรานะครับห้ามทำแบบนี้ เพราะว่าในพระคัมภีร์ใหม่มีเฉพาะแต่แค่ตอนเดียวที่พระเยซูสั่งสาวกให้ไปประกาศกับชาวยิว อย่าลืมนะครับพระเยซูบอกว่าไปประกาศกับชาวยิวเท่านั้น และสิ่งนี้นะครับการกระทืบเท้าสะบัดผงคลีดิน สาวกของพระเยซูทำกับชาวยิวเท่านั้น
ตลอดพระคัมภีร์ใหม่เราไปค้นพบว่ามีแต่สาวกของพระเยซูที่ทำกับชาวยิว แล้วห้ามทำกับคนต่างชาติ เพราะว่าความสกปรกฝุ่นที่ติดดิน ก็คือความบาป มันจะไม่หลุดออกไปจากชาวยิว อันนี้เป็นคำสั่งที่พระเยซูให้ไปทำกับชาวยิวเท่านั้น ไม่ใช่ทำกับคนต่างชาติ
ทีนี้สมมุติว่าเราเป็นคริสเตียน ไปพูดกับคนที่ไม่เชื่อไปประกาศกับเขา เมื่อเราไปประกาศกับคนต่างชาติคนไทยคนลาวคนฝรั่งคนอะไรก็แล้วแต่ แล้วปรากฏว่าเขาไม่รับ อย่าไปสะบัดผงคลีดินนะ อย่าไปเคาะรองเท้า เราเดินออกมาด้วยความสุภาพอ่อนโยนด้วยความรัก ยิ้ม เขาไม่รับไม่เป็นไรก็เอเมนเป็นเพื่อนกันได้ยังคบกันเหมือนเดิม ยังมีความผูกพันกันฉันเพื่อนฉันพี่น้องฉันอะไรก็แล้วแต่ แต่อย่าไปมองเขาอย่าไปสาปแช่งอย่าไปทำแบบนั้นเพราะว่าอันนั้นเป็นคำสั่งของพระเยซูที่ให้สาวกทำกับยิวตอนนั้นเท่านั้น เอเมน
ทุกวันนี้คริสเตียนทำกันอยู่ใช่ไหม คริสเตียนทำกันเยอะมาก คือไปบ้านใคร แล้วเขาไม่เชื่อเนี่ย กระทืบใหญ่เลยสะบัดผงคลีดินใหญ่เลย อันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรนะครับเพราะว่าเราเป็นบุตรพระเจ้าที่สำแดงความรัก เราเป็นบุตรพระเจ้าที่ประกาศความรอดให้กับคนที่ไม่เชื่อ เรานำสันติสุขนำสันติภาพไปให้เขา เมื่อเขาไม่รับ ไม่เป็นไร เอเมนขอบคุณพระเยซูยังไม่ถึงเวลา เราพูดแบบนี้
เพราะว่าเราไปประกาศพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาถึงเขา ความจริงก็มาถึงเขา อยู่หน้าบ้านของเขารออยู่ วันนี้เขาไม่รับ วันหนึ่งพระเจ้าอาจจะให้นิมิตพระเจ้าอาจจะให้เขาฝัน พระเจ้ามีทางที่จะช่วยเขา
ไม่ใช่ว่าคืออย่าลืมนะครับมนุษย์เนี่ยถ้าไปช่วยใครไปทำดีกับใคร แล้วเขาปฏิเสธเนี่ย เราจะรู้สึกโกรธแค้นไม่ชอบหน้าแล้วก็หนีไปจากเขาใช่ไหม แต่พระเจ้าพระเจ้าตื้อนะ พระเจ้าไม่ทิ้งนะ พระเจ้าดื้อพระเจ้าตื้อพระเจ้าไม่ทิ้ง เมื่อข่าวประเสริฐไปถึงหูใคร วันนี้เขาไม่รับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงานทำงานทำงานทุกวันจนกว่าจะได้ชัยชนะจะได้ใจเขา แต่ถ้าหากว่าเขามีใจแข็งกระด้างแล้วเป็นคนที่แบบว่าไม่ได้ถูกเลือกให้ได้รอด ก็คือเขาจะไม่รับตลอดชีวิตก็เป็นได้ แต่การทำงานของพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยท้อ เราสะบัดผงคลีดินเราเคาะรองเท้าเราหนี แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังอยู่ที่นั่น เชื่อไหม
อีกครั้งขอสรุป อย่าใช้วิธีนี้ก็คือสะบัดผงคลีดินหรือเคาะรองเท้า อันนี้เป็นวิธีที่พระเยซูสั่งสาวกให้ไปทำกับยิวเท่านั้น ห้ามทำกับคนต่างชาติ
ถาม.
ถามต่อจากเคสที่ผีเข้าเมื่อสักครู่นะคะที่พี่น้องเป็นพยานให้ฟัง อย่างเคสนี้เราไม่รู้ว่าเขาเชื่อจริงหรือเปล่า ที่เขาต้อนรับเนี่ยคือเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์มั้ยคะ แล้วเราก็ยังต้องดูแลเขาอย่างนี้ไปตลอดมั้ยคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ใครก็ตามนะครับ ถ้าหากเชื่อด้วยใจรับด้วยปาก ก็ได้รับความรอด ได้บังเกิดใหม่ ได้รับมรดก ได้รับทุกสิ่งเข้ามาหลั่งไหลเข้ามาสู่ชีวิตเขา (โรม 10:9-10)
แล้วถามว่า เราล่ะจะทำยังไง หน้าที่ของเรานะครับก็คือดูแลเขาเท่าที่จะดูแลได้ ดูแลเขาตามขนาดของความเชื่อ ขณะที่เราอยู่ใกล้ชิดอยู่ใกล้เขา ผูกพันพูดคุยได้ไปมาหาสู่ได้ ก็ดูแลเขา เป็นหน้าที่ของเรานะ เรารับผิดชอบ
แต่ว่าถ้าหากว่าคือเราย้ายไปที่อื่น หรือขาดการติดต่อ หรือติดต่อเขาไม่ได้ อันนี้ก็คือพระเจ้าให้ผู้อื่นเป็นผู้มาดูแลช่วยเหลือเขาต่อไป แต่ถ้าหากว่าอยู่ในช่วงนี้ก็คือหน้าที่ของเราต้องเป็นคนที่อธิษฐานเผื่อเขา ถ้าหนุนใจพูดคุยอะไรได้ก็นิดๆ หน่อยๆ ก็โอเคก็เอเมนครับ
ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เราทำเหมือนเปาโลเราทำเหมือนสาวกทั้งหลายที่ทำกันอยู่ ไม่ใช่ว่าบอกเขาเรื่องความรอดแล้วก็จากกันไปแล้วก็จบหน้าที่ของเราก็หมด
คือสำหรับเรา เมื่อประกาศเสร็จนะครับ เขาต้อนรับพระเยซู หรือไม่ต้องรับ หรือยังไงก็แล้วแต่ ชื่อของเขาจะอยู่ในความคิดของเราไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม พูดง่ายๆ ก็คือรับผิดชอบ รับผิดชอบเขาครับ ก็ไม่หนักใช่ไหม งานเบา ก็คืออธิษฐานเผื่อเขา คิดถึงเขา “พระบิดาขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเขา”
ถาม.
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะรับแค่ช่วงที่เขาถูกผีเข้า เขาอาจจะไม่ได้เชื่อจริงอย่างเงี้ยค่ะ เราก็ยังต้องดูแลเขาใช่มั้ยค่ะ
ตอบ.
คือเราไม่ทราบนะครับเราไม่รู้ว่าเขาเชื่อจริงหรือไม่ ใช่ไหม บางคนอาจจะเชื่อจริงบางคนอาจจะไม่เชื่อจริง แต่คำพูดเนี่ยมันพิสูจน์ยากมาก เพราะว่าบางคนพูดเหมือนจะไม่เชื่อแต่สุดท้ายเชื่อ บางคนที่พูดดูดีมากโอ้เชื่ออยากเชื่ออยากต้อนรับพระเยซูแต่ต่อมาทำตัวสบายๆ แบบไม่สนใจพระเจ้าไม่แสวงหาพระเจ้าเลย ก็มี
เพราะฉะนั้นอย่าตัดสินนะครับ คือหน้าที่ของเราเมื่ออธิษฐานเสร็จ เราเชื่อว่าเขาเป็นของพระเยซู เขาบังเกิดใหม่ เราเชื่อว่าเขาต้อนรับพระเยซู เราคิดในแง่บวกคิดแต่สิ่งดี จากนั้นก็คือเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องรับผิดชอบวิญญาณของเขา
แล้วผลงานบำเหน็จ ไม่ใช่ว่าเขากลับใจแล้วเราค่อยได้รับบำเหน็จ ไม่นะครับ คือเราทำหน้าที่ของเราตามหน้าที่ของเราครบถ้วนสมบูรณ์ บำเหน็จแน่นอนครับเป็นของเรา เอเมน
ถาม.
จินไม่มีคำถามแต่ว่าอยากให้ช่วยอธิษฐานเผื่อ ตอนนี้ก้อนเนื้อที่อยู่ที่หลอดคอไม่รู้ก้อนเนื้ออะไร เคยไปหาหมอแล้วหมอก็หาสาเหตุไม่ได้ มันบวมแล้วก็คันค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร เอเมนขอบคุณพระเยซู
ตอบ.
พระเยซูถ้าหากว่าบุตรสาวของพระองค์ ได้ทำอะไรที่ผิดต่อน้ำพระทัย ขอพระองค์ยกโทษบาปให้เขา พระเยซูถ้าหากว่าเป็นการทดลอง ก็ขอพระองค์ให้ความอดทนแก่เขา พระเยซูถ้าหากว่าให้เกิดขึ้นเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ก็สรรเสริญพระเยซู พวกเราได้เห็นว่าเขาอยู่ในความเชื่อไม่ทิ้งพระองค์ไปไหน แล้วมาร่วมกับพวกเรา
พระเยซูขอความรักพระเมตตาฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์เข้ามาอยู่เต็มล้นในเขา เพียงแค่พระองค์แตะครั้งเดียวแตะนิ้วเดียวเขาก็จะหายดี แต่ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามเวลาของพระองค์ เป็นไปตามกำหนดของพระองค์ เพื่อที่เราจะได้รับพระคุณของพระองค์ตามสมควรตามน้ำพระทัยของพระบิดา เอเมนขอให้พระเมตตาของพระองค์มาถึงเขา เอเมน
พวกเราอธิษฐานเผื่อกันและกันในที่นี้ ขอบพระคุณที่มีพี่น้องบางคนเจ็บป่วยไม่สบาย ขอพระองค์แตะสัมผัส ฤทธิ์เดชของพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย พระองค์แบกเอาความเจ็บไข้ของพวกเราไปที่กางเขนแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราทั้งหลายอยู่ในพระคริสต์ ในพระคริสต์มีแต่สิ่งดีๆ ในพระคริสต์มีแต่สุขภาพที่แข็งแรง ในพระคริสต์ไม่มีอาการเจ็บไข้ป่วย ในพระคริสต์มีแต่ความสุขสันติสุขเต็มล้น ในพระคริสต์คือที่ที่อยู่ของพวกเรา เอเมนพระเยซู
ในวันนี้นะครับก็คือสิ่งที่เราควรจะนับ ก็คือนับว่าพระเยซูเป็นผู้ปลอบประโลม พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี พระเยซูอยู่กับเราไม่เคยทอดทิ้งเราไปไหน แม้แต่เราทำบาปอยู่พระองค์ก็อภัย เมื่อเราสารภาพ แล้วพระองค์จะช่วยเหลือช่วยกู้ช่วยไถ่เราให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้าย เหตุการณ์ที่ร้ายแรง มรสุมชีวิตทั้งหลาย เพียงแค่เราวางใจในพระองค์
“พระเยซูสอนพวกเราทั้งหลายให้รู้จักเข้าใจวิธีการวางใจที่แท้จริง เพื่อพวกเราจะไม่แบกภาระไว้อีกต่อไป ไม่กังวลไม่เป็นทุกข์ไม่กระวนกระวาย แต่วางใจในพระองค์ เพื่อพระองค์จะดูแลทุกส่วนทุกสิ่งในชีวิตของพวกเราทุกด้าน เอเมนพระเยซู”
พี่น้องเคยดูคลิปใช่ไหม “เรื่องการวางใจ” ในบทเรียนเกี่ยวกับคริสตจักรที่เราสัมมนาที่กรุงเทพฯ ก็คือถ้าหากใครยกเก้าอี้ที่มันหนัก คือยกไปเรื่อยๆ ยกจนกว่ามันรู้สึกหนักมากๆ จากนั้นก็เอาไปให้คนอื่นยก หรือวางไว้ แล้วเมื่อเราเอาไปให้คนอื่นยก มันไม่ได้อยู่ในมือของเรา แล้วเรารู้สึกยังไงยังหนักอยู่ไหม? (เบาสบายครับ) บายสบายเอเมน นี่น่ะครับคือการวางใจที่แท้จริง
(https://youtu.be/-KBVAk5u6XI?feature=shared)
เมื่อเราอธิษฐานเราบอกว่า “พระเยซูข้าพระองค์ให้ภาระนี้ ปัญหานี้ อยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์” เมื่อเราพูดแบบนี้ เราต้องนับจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ว่าให้ไปแล้วยกให้พระเจ้าไปแล้ววางไว้ที่พระหัตถ์ของพระเยซูแล้ว เรายังกลับมาคิดเก็บมาคิดยังหนักใจยังเป็นทุกข์อยู่ อันนั้นแสดงว่าเราไม่ได้มอบปัญหาไม่ได้ยกปัญหาให้พระเจ้า เรายังถือมันไว้อยู่ยังยกมันไว้อยู่ อันนี้ไม่ใช่การวางใจที่แท้จริง
นี่คือจุดอ่อนของคริสเตียนทั้งหลายทุกวันนี้ เมื่อเราอธิษฐาน "เราเป็นทุกข์ ขอพระเจ้าช่วยด้วย ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ แต่สุดท้ายเราก็เอาปัญหากลับมา เก็บมันไว้อยู่ ไม่ยอมเอาไปไหน ไม่ให้พระเยซู" นี่คือจุดอ่อนของคริสเตียน
แต่พวกเรามาถึงความจริงของพระเจ้า เรารู้ว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วย เรารู้ว่าพระเยซูเป็นพระผู้ปลอบประโลม ไม่ใช่แค่เพียงปลอบใจ แต่พระองค์ช่วยแก้ปัญหาให้เราด้วย
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่เมื่อเราพูดไปแล้วว่า “ข้าพระองค์วางใจในพระองค์” จากนั้นนะครับห้ามคิด ถ้าหากเราคิดเราบอกว่า “พระเยซูช่วยข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ไม่อยากคิดเพราะว่ายกปัญหาให้พระองค์แล้ว ไม่อยากคิด แต่ตอนนี้มันยังคิดอยู่ ไม่อยากคิดชำระข้าพระองค์ด้วย” คือพูดแบบนี้อธิษฐานแบบนี้ขอแบบนี้นะครับ ในที่สุดพระเยซูก็จะช่วย จำกันได้ไหมขออะไรพระเยซูก็ช่วย หาอะไรพระเยซูก็จะประทานให้ เคาะอะไรพระเยซูก็จะเปิดให้ เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเรามีพระเยซูเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้ปลอบประโลมที่ดีที่สุดของพวกเราและพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่สุดของพวกเรา ฮาเลลูยา
คำพยานของพี่น้อง: เอเมนขอบคุณพระเยซูค่ะ ขออนุญาตเป็นคำพยานในเรื่องความวางใจในพระเจ้าค่ะ ขอบคุณพระเยซูเมื่อเราอยู่ในอาดัมเรามีแต่ความทุกข์ใจกระวนกระวายค่ะ แต่พระองค์ก็ตรัสถึง 3 ครั้งว่า อย่ากระวนกระวาย อย่ากระวนกระวาย อย่ากระวนกระวาย ถึงกระนั้นก็ยังกระวนกระวายอยู่ดี แล้วหลังจากนั้นเมื่อพระองค์เปิดตาเราให้เข้าใจถึงน้ำพระทัยของพระองค์ว่า อ๋อคนตายแล้วจะกระวนกระวายได้ยังไง ก็ย้อนกลับมาที่กาลาเทียบทที่ 2:20 ว่า อ๋อ เราตายแล้ว เราจะกระวนกระวายทำไมเราจะทุกข์ร้อนทำไมเมื่อเราตายแล้ว พระองค์เป็นอยู่ในเรา เราอยู่ในพระองค์ค่ะ แล้วก็เชื่อวางใจ หลังจากนั้นพระองค์ก็ประทานสันติสุข ประทานความชื่นชม พระองค์เป็นบ่อน้ำพุ พระองค์เป็นความหวังเป็นพลัง ขอบคุณพระเยซูสรรเสริญพระเยซูค่ะเอเมน ขอพระเกียรติเป็นของพระองค์ค่ะ
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับคำพยานนี้นะครับ ก็คือคนที่ตายแล้วเนี่ยมันจะคิดอะไรได้ คนที่ตายแล้วเนี่ยจะเป็นทุกข์ได้ยังไง คนที่ตายแล้วเนี่ยมันจะกังวลกระวนกระวายคิดหนักเป็นทุกข์กลุ้มใจได้ยังไง คนที่ตายแล้วก็คือตายไปแล้วนะครับ เราตายแล้วกับพระเยซูเมื่อ 2,000 ปีก่อน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาอะไรมาคิดมาหนักใจมาแบกให้มันหนัก เพราะว่าชีวิตของเราเรามาหาพระเยซู “ผู้ที่มาหาเราก็จะได้รับการพักผ่อน แอกก็เบา ภาระก็เบา กางเขนก็เบา ชีวิตก็เบา อะไรก็เบาไปหมด เอเมน (มธ 11:28-30)”
ถาม.
อาจารย์คะขอถามอีกเรื่องค่ะ เรื่องการรับใช้ค่ะว่าควรจะรออยู่ในห้องชั้นบนก่อน จนกว่าจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำในการรับใช้ หรือว่าลองไปเรื่อยก่อน จนกว่าจะแสวงหาว่าของประทานคืออะไร แต่บริบทที่แสวงหาไปเรื่อยมันรู้สึกหนักอ่ะค่ะ ควรจะวางใจควรจะทำยังไงที่จะรู้สึกว่าแอกของพระเจ้าอ่ะเบาค่ะ
ตอบ.
การแสวงหาไปเรื่อย เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่อย่าใช้กำลังมากจนเกินไปอย่าทำจนฝืนใจทำ เข้าใจความหมายนะครับ คือเราไม่นั่งอยู่ห้องชั้นบนแล้วตอนนี้ ก็คือเราลุกขึ้น เราใช้ชีวิตในพระคริสต์ ในพระคริสต์เป็นชีวิตที่เบาสบาย
อย่าลืมขอย้ำพระเยซูตรัสว่า “ผู้ที่มาหาเราแอกก็เบาภาระก็เบาการงานก็เบาทุกสิ่งเบาไปหมดกางเขนก็เบา และยังไม่พอเรายังอยู่ในการพักผ่อน ก็คืออยู่ในสันติสุขของพระเยซูทั้งวัน 24 ชั่วโมงทุกๆ นาที เรามีสันติสุขนี้”
เพราะฉะนั้นเมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ แสวงหาไปเรื่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ก็คือถ้าหากว่าสมมุติว่าเรารู้สึกว่าเรามีของประทานในการเผยพระวจนะ เราก็เผย เราก็พูด เราก็แย่งพี่น้องพูดเลย เมื่อเราสามัคคีธรรมกับพี่น้องในคริสตจักร ในกลุ่มออนไลน์พวกเราตอนนี้
และถ้าหากว่าเรามีของประทานในความเชื่อ เราก็อธิษฐานเผื่อพี่น้อง
เรามีของประทานในการรักษาโรค เราก็ลองนะครับ เมื่อมีคนเจ็บไข้ป่วย แล้วก็เรารู้สึกว่าพระเจ้าสัมผัสเราเร้าใจเราให้ไปหาไปเยี่ยมไปวางมือ เราไป มีกี่คนที่เราได้สัมผัสได้ยินมีข่าวมา งานเข้าเราไป เมื่อปรากฏว่าเรารักษาเขาไม่หาย 10 คนวางมือหายแค่คนหนึ่งสองคน แสดงว่าน่าจะไม่ใช่ เราก็หยุดนะครับ แล้วก็แสวงหาค้นหาของประทานอื่นที่เรามี
ถ้าสมมุติว่ามีผีเข้า แล้วก็มีคนมาบอก แล้วก็งานเข้า พระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเราให้ไป ไปๆๆ พอเราไปปุ๊บวางมือมันหาย แล้ว 2 คน 3 คน 10 คน หาย 7-8 คนแสดงว่าใช่ เรายึดไว้นะครับของประทานแล้วก็ใช้มัน เมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะให้งานเข้าพระเจ้าจะให้สัญญาณเครื่องหมายหมายสำคัญบอกเรา
ก็คือลองไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่ลองด้วยความหนักใจ ลองด้วยการยากลำบาก อย่าลืมนะครับการอยู่ในพระคริสต์ การรับใช้ ทุกสิ่งเบาสบายเป็นงานที่เบา คืออย่าไปอยู่ใต้พระบัญญัติอยู่ใต้พระบัญญัติคือการพยายามทำการฝืนใจทำการทำในลักษณะที่มันหนัก อันนี้แสดงว่าไม่ได้อยู่ใต้พระคุณแล้ว เอเมน
ถาม.
แล้วถ้าเกิดสมมุติว่าพอเราไปรับใช้ ถ้าเกิดชีวิตธรรมดาก่อนรับใช้ ชีวิตเราก็เรื่อยๆค่ะไม่มีปัญหา แต่พอเข้าไปรับใช้ปุ๊บปัญหามาทันทีเลย มันไม่ได้มาจากโบสถ์นะคะ มันจะเป็นปัญหาส่วนตัวเหมือน ถ้าเกิดทางฝ่ายวิญญาณเหมือนลักษณะมารโจมตีไม่อยากให้เราทำ เราจะแก้ยังไงอ่ะคะ ทุกครั้งที่เป็นการรับใช้ก็จะเกิดเหตุการณ์ ทำให้ไม่อยากออกไปเลย เพราะว่าออกไปก็จะเจอปัญหาหนักรออยู่ข้างหน้าแล้ว
ตอบ.
ผมอยากให้พวกเรามอง 2 ด้านนะครับ เมื่ออยู่ดีๆ เนี่ยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พออยากจะดำเนินชีวิตอยู่ในความเชื่อรักพระเจ้าใกล้ชิดพระเจ้าหรือออกไปประกาศรับใช้ ปัญหาก็เกิดขึ้น อันนี้นะครับอีกด้านหนึ่งด้านที่ 1. ก็คือ มารซาตานเป็นคนขัดขวาง อย่าลืม..เรามีศัตรูนะ ไม่ใช่ทุกสิ่งราบรื่นนะครับ เราเดินออกไปเพื่อประกาศเพื่อรับใช้เพื่อพระเจ้าทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า แน่นอนครับซาตานจะมา การขัดขวางจะมี และด้านที่ 2. ด้านที่สองวันนี้ที่เราเรียนกันเรื่องอะไรครับ ใครเป็นคนแบ่งปันความทุกข์ยากให้เรา การข่มเหงการขัดขวางการกำจัดเรา ใครแบ่งปันให้เรา (พระเยซู) แน่นอนนะครับ
มองในด้านที่ 1. ในแง่ที่ 1 ก็คือซาตานพยายามขัดขวางกำจัดเราไม่ให้เราทำงานเกิดผล
แต่ด้านที่ 2. พระเยซูอนุญาตให้เกิดขึ้น พระเยซูเป็นคนแบ่งปันให้เรา เมื่อพระเยซูได้รับการขัดขวางการต่อสู้การต่อต้านที่มาจากซาตานที่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง แน่นอนครับพระเยซูจะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ให้เรา เมื่อเราอยากรับใช้อยากมีส่วนในอาณาจักรอยากครอบครองร่วมกับพระเยซู มีเกียรติได้รับมงกุฎ เราต้องแลกมาด้วยการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพระเยซู การร่วมทุกข์คืออะไร พระเยซูจะแบ่งปันสิ่งที่พระองค์เคยรับเคยถูกข่มเหงเคยถูกเฆี่ยนตีเคยเจอความทุกข์ยากฝ่ายร่างกาย ให้กับเรา เข้าใจหรือยังครับ
เป็นเรื่องปกตินะครับ การที่จะเดินในความเชื่อแน่นอนครับซาตานไม่ชอบ การที่จะอธิษฐานเป็นประจำเขาใกล้พระเจ้ามากเท่าไหร่ ซาตานเกลียดมาก และการที่จะออกไปประกาศไปแย่งคนของมัน ใครจะชอบ
สมมุติว่าสมมุติเรื่องไหนดี เรื่องแย่งกัน ไปแย่งของคนอื่นมา เราไปเอาอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็นของคนอื่น เขาอยู่เฉยไหมเขานิ่งเฉยไหมหรือเขาทำอะไร (ไม่พอใจ) แน่นอนยังไม่พอนะยังไม่พอใจยังไม่พอนะ เขาจะตะโกนด่าเราเขาจะมาตีเราเขาจะมาทำร้ายเราเพราะว่าเราไปแย่งของเขา
อันนี้ก็เหมือนกัน เมื่อเราจะไปประกาศก็คือการประกาศเป็นศัตรูกับซาตานเลยนะ ก็คือการที่จะไปประกาศไปแย่งเอาคนของมันมา เพราะฉะนั้นแน่นอนมันไม่นิ่งเฉยมันไม่พอใจ แล้วมันก็จะมาทำร้ายทำลายขัดขวางกำจัดเราให้ได้
อยู่ดีๆ เนี่ยมันก็ดีอยู่แล้ว คริสเตียนถ้าไม่ประกาศไม่รับใช้ไม่อะไรมันก็ดีอยู่แล้วก็ปกตินะ แต่พอจะทำอะไรเพื่อพระเจ้า แน่นอนตัวบาปในเราก็ลุกขึ้น ซาตานที่อยู่ภายนอกเราก็ลุกขึ้น อย่าหวังนะครับว่าการรับใช้ก็คืองานที่สบาย ไม่ใช่แล้วครับ
แล้วถ้าเรามองในด้านบวกในแง่บวกก็คือ พระเยซูถามเรา อยากมีส่วนครอบครองอาณาจักรร่วมกับเราไหม อยากได้รับเกียรติจากเราไหม อยากได้มงกุฎไหม ถ้าเราตอบว่าอยากได้ พระเยซูจะบอกแบบนี้ก็คือ เอาไปเราจะแบ่งความทุกข์ยากให้เจ้า เราได้รับอะไรเจ้าก็จะได้รับอันนั้น เอเมน
พี่น้องอยากเข้าใจชัดเจนมากกว่านี้อยากเห็นหลักฐานก็คือไปดูใน 1 โครินธ์ ที่เราเรียนรู้กันอาทิตย์ที่แล้ว กับสัปดาห์นี้ จะมีเกี่ยวกับเรื่องพระเยซูแบ่งปันความทุกข์ยากนี้ให้เรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขนี้ เอเมน
ผมเข้าใจนะครับสำหรับคริสตจักรทั่วไป คริสตจักรทั่วไปมีความคิดแบบนี้ ก็คือการดำเนินชีวิตคริสเตียนเนี่ยต้องสบาย รับแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ชีวิตราบรื่น การรับใช้ราบรื่น ครอบครัวราบรื่นอบอุ่น การทำมาค้าขายธุรกิจการงานราบรื่น แล้วก็การไปประกาศ พระเจ้าปกป้องคุ้มครองดูแลไม่ให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น อันนี้เป็นคำสอนที่ผิดนะครับ
ถ้าเราจะดูพระคัมภีร์ดีๆ ในพระคัมภีร์ใหม่เราพบว่าสาวกทุกคนไม่ได้ตายดี บางคนที่ไม่ตายก็ทุกข์ยากลำบากประสบความทุกข์ยาก เพราะฉะนั้นแน่นอนครับพระเยซูจะแบ่งปันความทุกข์ยากนี้ให้สาวก แล้วให้พวกเราทุกคนที่เป็นสาวกในสมัยนี้
แต่อย่าลืม..ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องท้อ พระเยซูจะเป็นผู้ปลอบประโลม คือผู้ช่วย แล้วพระเยซูจะเป็นผู้ให้ความทุกข์ยากตามขนาดตามความเหมาะสม ไม่หนักเกินไป ไม่ยากเกินไป ไม่ทนทุกข์จนเกินไป จนอยากตาย ไม่นะครับ คือพระเจ้าเลือกให้คนที่เหมาะสมตามน้ำพระทัยของพระองค์ด้วยความรักและเมตตา เอเมน
ใครบ้างที่เคยไปทำงานที่อินเดียหรือรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของคนงานของคนอินเดีย คือไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กคุณจะเป็นผู้ใหญ่เขาไม่สนนะ คุณจะเป็นผู้ชายเป็นผู้หญิงเขาไม่สน ถ้าเข้าไปทำงานที่ไหนที่นึงเนี่ยส่วนมากจะเป็นเหมือนกันคือเขาจะใช้จนเรา คือเราความอดทนมันมีน้อย ความอดทนมันจนไม่มี จนอยากจะเลิก แต่เพราะเห็นแก่เงินเดือนคือต้องมีรายได้ต้องมีเงินเพื่อใช้จ่ายต้องมาซื้อข้าวกิน ก็ต้องยอมทำ แต่เขาจะข่มเหงเขาจะด่าว่าเขาจะทำทุกสิ่งคือใช้แรงงานเรามันมากกว่าเงินที่เขาจะให้เรา นี่คือมนุษย์นะครับและเป็นตัวอย่างของประเทศบางประเทศ
แต่สำหรับพระเจ้า คือเมื่อมาเป็นคนงานของพระเจ้าเป็นชาวนาชาวสวนเป็นผู้ร่วมงานของพระเยซูคริสต์ เพื่อที่จะได้รับมรดกก็คืออาณาจักร เป็นผู้ที่มีส่วนในการครอบครอง อย่าลืมนะครับพระองค์จะให้ตามความเหมาะสม เราแบกได้เท่าไหร่ น้ำหนักเรารับได้กี่กิโล ความทุกข์ยากเรารับได้ประมาณเท่าไหร่ พระองค์ก็จะให้ประมาณนั้นๆ ตามความเหมาะสมตามความรักและเมตตา เอเมน
ถาม.
อาจารย์ค่ะและหน้าที่ของเราก็คือติดสนิทอย่างเดียว ก็คือเป็นวิธีการรับมือของพระเจ้าและมาจากพระเจ้าต่อชีวิตของพวกเราทุกๆคนใช่มั้ยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับใช้หรือการดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ที่เราแบ่งปันกันเรื่องปัญหาทุกยากลำบากที่เราได้รับและพระเยซูก็แบ่งปันให้เราได้ชิมเหมือนอย่างที่พระองค์ แต่หน้าที่ของเราแล้วก็การรับมือที่มาจากพระเจ้าการช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า หน้าที่เราก็คือ ติดสนิทอย่างเดียวใช่มั้ยค่ะ แล้วก็ติดสนิทมากๆ จากหนักมันก็จะเบาเอง เอเมน
ตอบ.
การติดสนิทในพระเยซู การติดสนิทในพระองค์ พูดคุยบอกรักอยู่เสมอ อธิษฐานอยู่เสมอ คือกุญแจสำหรับการหาทางออกทุกทาง
ทางตันไม่มีทางออกปัญหามรสุมชีวิตปัญหาสุขภาพปัญหาการงานปัญหาอะไรก็แล้วแต่ มีกุญแจกุญแจเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากทุกสิ่งได้ก็คือ การสนิท การบอกรัก การติดสนิทอยู่ในพระเยซู ห้ามออกไปไหนห้ามห่างพระเยซู นี่คือเคล็ดลับของการหลุดพ้นจากปัญหาทุกอย่าง เคล็ดลับของการทำให้ปัญหาหนักกลายเป็นเบาได้ ยากกลายเป็นง่ายได้ หรือปัญหาที่มีอยู่ให้หายไปได้ คือ “การสนิท”
การสนิทได้รับพลัง
การสนิทได้รับสันติสุข
การสนิทได้รับการช่วยเหลือ
การสนิทได้รับการปลอบประโลม
การสนิทได้รับการช่วยกู้ช่วยแก้ไขปัญหา
การสนิทได้รับชัยชนะจากตัวบาปที่อยู่ในเรา
การสนิททำให้เราหลุดพ้นจากกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตาย การสนิททำให้เราหลุดพ้นจากกับดักของมารซาตานที่คอยที่จะจ้องเล่นงานเราทำร้ายทำลายเราอยู่ การสนิทคือทางออกสำหรับทุกสิ่งของเรา พระเยซูเป็นพระเอกพระเยซูเป็นคำตอบพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยของเรา Christ is our savior อย่าลืม..ไม่ใช่ช่วยให้รอดในวันสุดท้าย ไม่ใช่ช่วยเฉพาะให้เข้าอาณาจักร แต่..พระองค์ช่วยเราในแต่ละวันด้วย เอเมน
สรุปบทเรียนในวันนี้ก็คือขอบคุณพระเจ้าที่หนังสือ 1 โครินธ์ และ 2 โครินธ์ เปิดเผยให้เราได้เข้าใจว่าปัญหาการข่มเหงความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวมาจากไหน ก็คือการแบ่งปันของพระเยซูที่พระองค์ให้เรา เพื่อว่าพระองค์จะแบ่งอาณาจักรให้เราได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ในยุคหน้าและชั่วนิรันดร์ เอเมน
และเมื่อได้รับความทุกข์ยากเมื่อได้รับมาเราได้รับมาไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่พระองค์ก็จะเป็นผู้ปลอบประโลม คำว่าปลอบประโลมในภาษากรีกไม่ใช่แค่มานั่งปลอบใจ "ใจเย็นๆ นะ สู้ๆ นะ" ไม่นะครับ ก็คือการเข้ามามีส่วนเป็นทุกข์กับเราและเข้ามาเร้าใจให้สันติสุขเต็มล้นแก่เราเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ แล้วยังไม่พอก็คือพระองค์ยังหาทางออก หาทางช่วย แก้ไขปัญหาให้หนักเป็นเบา ให้ยากกลายเป็นง่าย ให้จากมีอยู่กับมีน้อยลงหรืออาจจะหายไปเลยก็เป็นได้ คือตามน้ำพระทัยของพระองค์ แต่ที่เรารู้ก็คือพระองค์เป็นผู้ปลอบประโลมที่ดีของพวกเรา เอเมน
และสิ่งต่อมา อย่าคาดหวังจากมนุษย์เรื่องการปลอบประโลม จากการปลอบใจ การเป็นกำลังใจ การเป็นเพื่อนของเรา อันนี้เราอาจจะผิดหวังได้ ซึ่งผู้เดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ปลอบประโลมที่ดีเป็นพระผู้ช่วยที่ดีของพวกเราก็คือ “พระเยซูคริสต์”
และการวางใจในพระเจ้า ถ้าหากเราวางใจเป็น เราพูดไปแล้ว “บอกพระเยซูว่าภาระทุกสิ่งทั้งหลาย ข้าพระองค์มอบให้พระองค์เป็นผู้กระทำเป็นผู้ช่วยเหลือ” ห้ามคิดนะครับห้ามคิดถึงห้ามเก็บมาคิดห้ามหนักใจเป็นทุกข์อีก เพราะว่านั่นคือไม่ใช่การวางใจที่แท้จริง
และสุดท้ายก็คือ การอธิษฐานเผื่อกันและกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นงานหลักของคริสเตียน เพื่อช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้พระเจ้าช่วยพวกเราปลดปล่อยพวกเรา นำพาพวกเรา เสริมสร้างเลี้ยงดูพวกเรา และปลอบประโลมพวกเราเมื่อยามเป็นทุกข์ เอเมน