บทที่ 2 จนถึง 12 เป็นเรื่องเราเข้ามาหาพระเจ้า
บทที่ 14 เป็นเรื่องพระเจ้าเข้ามาหาเรา
บทที่ 15 คำอุปมาเรื่องเถาองุ่นและกิ่ง เป็นเรื่องของการสนิทของเราที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพื่อรับการสนิทของพระเจ้ามากขึ้นในแต่ละวัน
คำอุปมาเรื่องเถาองุ่นและกิ่ง
15:1 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
** "เถาองุ่นแท้" คือพระเยซูเป็นคนกลาง หรือผู้ที่ทำให้มนุษย์ได้เข้ามาหาพระเจ้า และพระเจ้าเข้ามาหามนุษย์ พระเจ้าและมนุษย์จึงกลายเป็นหนึ่งเดียวได้
** "พระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา" คือพระบิดาทรงเป็นชาวไร่ชาวสวน ทรงเป็นผู้วางแผน เป็นชีวิต เป็นดิน เป็นน้ำ เป็นอากาศ เป็นแสงแดดเป็นทุกสิ่งเพื่อให้เรารับชีวิตที่ครบบริบูรณ์เพื่อสำแดงพระเจ้า (เกิดผลแห่งพระวิญญาณใน กท 5:22-23) ได้
** ภาษากรีก - เราเป็น / เราคือ
** เถาองุ่น / ต้นองุ่น พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า เราเป็นเหมือน เราเหมือน เราเปรียบเสมือน แต่ทรงตรัสว่า เราเป็น/เราคือ ซึ่งความหมายก็คือ พระเยซูทรงเป็นเถา/ต้นองุ่น ซึ่งเราเชื่อว่าต้นไม้ทิพย์หรือต้นไม้แห่งชีวิตอยู่ที่กลางสวนเอเดนก็คือพระเยซูที่มาในสภาพต้นองุ่นเพื่อรอให้อาดัมกินผลไม้แห่งชีวิตจากพระเจ้านั่นเอง (วว 22:2 ในท่ามกลางถนนของนครนั้น และริมแม่น้ำ "ทั้งสองฟาก" (ภาษากรีกแปลว่า อยู่ฟากนั้นและฟากนี้ของแม่น้ำ) มีต้นไม้แห่งชีวิต (ต้นเดียว) ซึ่งออกผลสิบสองชนิด และออกผลของมันทุก ๆ เดือน และใบทั้งหลายของต้นไม้นั้นสำหรับการรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย)
15:2 กิ่งทุกกิ่งในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงเอาไปเสีย และกิ่งทุกกิ่งที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดกิ่งนั้น เพื่อให้มันออกผลมากขึ้น
** "ตัดทิ้ง" คือปล่อยให้เป็น คริสเตียนศาสนา ดังที่เราเห็นทุกวันนี้ ที่เกิดผลแห่ง พระวิญญาณ หรือสำแดงชีวิตพระเจ้าไม่ได้ คริสตจักร คริสตียน ครอบครัว จึงได้แค่เชื่อ แบกภาระหนักมาก การกระทำไม่มี (ไม่ได้มาตรฐานที่พระเจ้าต้องการ)
** "กิ่งที่ออกผล" คือผู้เชื่อที่ถ่อม แสวงหา ดิ้นรนเพื่อการเติบโต พระเจ้าเห็นว่ายังพอมีทางที่จะนำเขามาถึงผู้ชนะได้
** "ทรงริด" คือจะทรงชำระ เปลี่ยน เพื่อให้ได้รับจิตใจใหม่ 1. ชำระด้วยพระคำ 2. ชำระด้วยพระวิญญาณ
** กิ่งทุกกิ่งในเรา คือผู้เชื่อทุกคนที่พระเจ้าซื้อ ประหาร และประทานชีวิตใหม่ ให้เราเข้าส่วนในการตายและการเป็นขึ้น อยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์ก็อยู่ในเราแล้ว
** ที่ไม่ออกผล ก็คือผลของชีวิต คือความดีความชอบธรรมที่ออกมาจากผลของชีวิตพระคริสต์ที่อยู่ในเรา รักแทนเราทำดีแทนเรา เนื่องจากว่าผู้เชื่อส่วนมากไม่รู้ว่าเขาตายและได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว จึงพยายามทำดี รักเพื่อนบ้านและรักศัตรูด้วยกำลังของเขาเอง จึงหล่นจากพระคุณและกลายเป็นคริสเตียนศาสนาแบบไม่รู้ตัว
** กิ่งทุกกิ่งในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงเอาไปเสีย คือพระเจ้าจะปล่อยทิ้งเขาไว้หรือตัดเขาออกจากผู้เชื่อที่ชนะจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายแห่งยุคพระคุณและตีสอนเขาที่เกเฮนาในยุคพันปี เนื่องจากว่าผู้เชื่อเหล่านี้รอดแต่ไม่ได้เกิดผลของชีวิตพระคริสต์
15:3 บัดนี้ท่านทั้งหลายก็สะอาดแล้วโดยทางคำนั้นซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว
** ข้อนี้ คือคำตอบใน ข้อ 2. พระเยซูใช้คำว่า "ชำระ" แทนคำว่า "ริด" แต่เป็นความหมายเดียวกัน
** นี่คือการชำระด้วยพระคำหรือด้วยถ้อยคำของพระเจ้า เรียกว่า การได้รู้และเข้าใจ ถูกเปิดตาให้ได้เข้าใจในความจริงแห่งถ้อยคำของพระเจ้า และเมื่อผู้เชื่อรู้และเข้าใจจริงๆ ก็จะใส่ใจจดจ่อที่การสนิท-บอกรักพระเยซูเพื่อให้ได้เกิดผลของชีวิตพระคริสต์ เมื่อผู้เชื่อรับการชำระด้วยพระคำมากขึ้น (ถูกเปิดตามากขึ้น) ก็จะเข้าสู่การชำระด้วยพระวิญญาณคือเกิดผลชีวิตพระคริสต์ได้อย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน
15:4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่านทั้งหลาย กิ่งจะออกผลเองไม่ได้นอกจากกิ่งนั้นเข้าสนิทอยู่ในเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็เกิดผลเองไม่ได้อีกต่อไปฉันนั้นนอกจากท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา
** เราต้องเข้าสนิท (คุย / สามัคคีธรรม) กับพระคริสต์เยซูก่อน เราเข้ามามากเท่าไหร่ใกล้มากเท่าไหร่ พระเจ้าก็ให้เราเกิดผลมากเท่านั้น
** การออกผลเกิดผล ในที่นี้ ไม่ใช่ผลงานหรือผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เป็นผลแห่งชีวิตใหม่ใน (กท 5:22-23) คือผลแห่งพระวิญญาณพระคริสต์เยซู
** การเกิดผลได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่การพยายามหรือฝึกบังคับตนเอง แต่ได้มาด้วยการ "สนิท"
** คริสเตียนมากมายไม่ได้สนิท ถึงแม้เขา อธิษฐาน อ่าน แต่ทำแบบศาสนาทำกัน รีบทำรีบไป รีบอธิษฐาน และอ่านๆ ให้จบ
** จงเข้าสนิทอยู่ในเรา สนิท ในที่นี้ คือการสร้างความสัมพันธ์/ผูกพัน ใกล้ชิดด้วยการด้วยการพูดคุย จดจ่อที่พระเยซูเป็นระยะๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรก็ตาม
** จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่านทั้งหลาย เมื่อเราสนิทในพระเยซูสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือพระเยซูก็จะสนิทในเรา พระองค์ก็จะสร้างความสัมพันธ์/ผูกพัน ใกล้ชิดเราด้วยการพูดคุย ใส่ใจที่เรา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรก็ตาม
** กิ่งจะออกผลเองไม่ได้นอกจากกิ่งนั้นเข้าสนิทอยู่ในเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็เกิดผลเองไม่ได้อีกต่อไปฉันนั้นนอกจากท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้เชื่อส่วนมากไม่สนิทในพระเยซูแต่ชอบขอความรักจากพระเจ้าเพื่อให้ไปรักเพื่อบ้านได้ หรือต้องขอความอดทนเมื่อขาดความอดทน หรือต้องขอสันติสุขเมื่อขาดสันติสุข ฯลฯ แต่พระเจ้าไม่ได้ทำแบบนั้นเพื่อช่วยเรา พระองค์ให้เราสนิทในพระคริสต์และพระคริสต์สนิทในเรา จากนั้นพระคริสต์ก็จะดำเนินชีวิตแทนเรา
คริสเตียนเป็นมิตรสหายของพระคริสต์
15:5 เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นบรรดากิ่ง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นเองก็เกิดผลมาก เพราะแยกจากเราแล้ว ท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ได้เลย
** พระเยซูเป็นเถาองุ่นหรือต้นองุ่น ที่เป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในกลางสวนเอเดน พระองค์ถูกซ่อนไว้และเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่จะประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์จากต้นไม้แห่งชีวิตอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่อาดัมและลูกหลานยังไม่มีโอกาสได้รับ พระเยซูตรัสว่าเราผู้เชื่อทุกคนเป็นกิ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้เกิดผลของชีวิตใหม่จากต้นไม้แห่งชีวิต และแน่นอนที่สุดกิ่งทั้งหลายต้องต่อติดกับต้นเพื่อรับชีวิตของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เข้าสนิทคือคนที่ได้พบพระคำล้ำลึก และตระหนักถึงความสำคัญของการสนิทว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้ามากกว่าการทำทำทำเพื่อพระองค์ และรู้จักวิธีสนิทอย่างถูกต้อง เพื่อให้ต้นองุ่นส่งชีวิตมาหล่อเลี้ยงพวกเราให้เติบโต และเกิดผลมาก เราขอบพระคุณพระเจ้า การสนิทไม่ใช่การอธิษฐานวันละสามครั้ง หรือการรับใช้ทั้งวัน แต่คือการพูดคุยสนทนากับพระเยซูที่อยู่ในเราอย่างสม่ำเสมอ (1 ทส 5:17)
** "จะเกิดผลมาก" คือการดำเนินชีวิตใน มธ บทที่ 5-7 และน้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จในตัวเขา กลายเป็นผู้ชนะ
** ขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกิดผลชีวิตใหม่ ไม่เกี่ยวกับผลงานหรือผลแห่งของประทาน นำคนมาเชื่อ งานรับใช้ต่างๆ แต่คือผลแห่งพระคุณ (ผลของชีวิตใหม่) เพื่อมนุษย์จะเห็นพระเจ้าผ่านตัวเรา
** วิธีเดียวที่เราจะเลิกทำบาปได้และเกิดผลชีวิตพะคริสต์ในเราได้คือการสนิท ไม่มีทางอื่น เนื่องจากว่าพระเจ้าต้องการความรักและการสนิทในแต่ละวันของเราต่อพระองค์ เรื่องการทำดีพระเจ้าจะจัดการเอง เรายิ่งสนิทมากเราก็จะเกิดผลมาก และถ้าหากเราไม่สนิทเราก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราได้ทำดีพยายามเชื่อฟัง แต่พระเยซูตรัสว่า ทำสิ่งใดในพระคริสต์ไม่ได้เลย มันเป็นแค่เพียงการกระทำดีในอาดัมหรือเกิดผลของชีวิตเก่าเท่านั้น
15:6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกทิ้งเสียเหมือนกิ่ง และเหี่ยวแห้งไป และผู้คนก็รวบรวมกิ่งเหล่านั้นไว้ และทิ้งพวกมันไว้ในไฟ และพวกมันก็ถูกเผาเสีย
** นี่คือผลของชีวิตผู้เชื่อที่ไม่ได้ถูกเปิดตา หรือชำระด้วยถ้อยคำของพระเยซู ชีวิตนี้ก็เหี่ยวแห้ง
** และทิ้งพวกมันไว้ในไฟ และพวกมันก็ถูกเผาเสีย คือการถูกตีสอนในยุคพันปีเพื่อให้ได้รอดในวันสุดท้าย
** "ถูกทิ้ง" คือทิ้งในเวลานี้ "เหี่ยวแห้ง" คือชีวิตที่สุขบ้างทุกข์บ้าง ขึ้นลง ๆ ๆ ๆ ในชีวิตนี้
** "รวบรวมไปทิ้งในไฟ" คือก่อนเข้ายุคหน้าต้องถูกทดลองด้วยไฟ เมื่อผลของชีวิตผ่านไฟไม่ได้ ก็จะไม่ได้รางวัล และถูกบังคับให้สุกงอมเป็นเวลาพันปี
** เราพบว่าผู้เชื่อมากมายทุกยุคทุกสมัยขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปอยู่ในชีวิตที่เหี่ยวแห้งไปทีละน้อย เนื่องจากว่าไม่สนิทใน
** "ในไฟ" ในที่นี้ ไม่ใช่ไม่รอด ไม่ใช่บึงไฟ เพราะเป็นเรื่องของผู้เชื่อที่ไม่เข้าใจการสนิทเพื่อเกิดผลแห่งชีวิตพระคริสต์ที่แท้จริง
15:7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และบรรดาคำของเราฝังอยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายจะขอสิ่งใดซึ่งท่านทั้งหลายปรารถนา และสิ่งนั้นจะถูกกระทำแก่ท่านทั้งหลาย
** บรรดาคำของเราฝังอยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ผู้เชื่อที่แสวงหาการเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณควรเข้าสนิทในพระคริสต์ในแต่ละวัน และสะสมถ้อยคำของพระเยซูที่เป็นความจริงไม่มีเชื้อยีสผสม การฝังถ้อยคำ ก็คือการสะสมให้มากเท่าที่จะมากได้ เรานำมาขีดเขียน แยกเรื่องต่างๆ เพื่อให้จดจำง่ายและนำมาใช้ได้ง่ายขึ้น
** เมื่อเรามีพระคำที่เป็นความจริง เรานำมาฝึกในชีวิตประจำวัน ในฐานะคนชอบธรรม และสนิทในพระเยซู เราจะขอสิ่งใดพระเจ้าก็จะตอบเนื่องจากว่าสิ่งที่เราขอ คือขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระบิดา ไม่ใช่ตามใจเรา
15:8 ในสิ่งนี้พระบิดาของเราทรงได้รับสง่าราศี คือที่ท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ดังนั้นท่านทั้งหลายก็จะเป็นพวกสาวกของเรา
** สาวก ในที่นี้ ก็คือ สาวกที่พระเยซูทรงรัก เนื่องจากว่าเขาเกิดผลแห่งชีวิตพระคริสต์ได้มากมาย
** สิ่งเดียวที่พระเจ้าแสวงหาในเรา คือการให้พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา โอ้ พระเจ้าจะได้รับเกียรติมากมาย และเราก็คือสาวกที่รักของพระคริสต์ (ฟป 1:21 สำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็ "คือ" พระคริสต์ ไม่ใช่ "เพื่อ" พระคริสต์)
15:9 พระบิดาทรงรักเราแล้วฉันใด เราก็รักท่านทั้งหลายแล้วฉันนั้น ท่านทั้งหลายจงเข้าสนิทอยู่ต่อไปในความรักของเรา
** คือการร้อนรน กระตือรือร้น ในวิญญาณของเรา ในการเข้าสนิท รัก สร้างสัมพันธ์ พูดคุยอย่างต่อเนื่อง
** การสนิทในพระเยซูเท่านั้นยังไม่พอหรือไม่ครบถ้วน สิ่งที่พระเยซูต้องการให้เราทำให้ครบก็คือ สนิทและบอกรัก เพราะว่าพระองค์รักเราและต้องการความรักจากเราเช่นเดียวกัน
15:10 ถ้าท่านทั้งหลายรักษาบรรดาบัญญัติของเรา ท่านทั้งหลายก็จะเข้าสนิทอยู่ในความรักของเรา เหมือนที่เรารักษาบรรดาพระบัญญัติของพระบิดาของเราแล้ว และเข้าสนิทอยู่ในความรักของพระองค์
** พระเยซูทรงรักษาพระบัญญติได้ครบเพื่อไถ่เราตอนที่เป็นมนุษย์ และตอนนี้พระเยซูทรงรักษาพระบัญญัติได้ครบในเราเพื่อช่วยเราที่รักษาไม่ได้ สิ่งนี้เกิดมาจาก ความรัก ที่พระองค์มีต่อเรา
** "พระบัญญัติ" ในที่นี้ คือพระบัญญัติใหม่ ไม่เกี่ยวกับ พระบัญญัติเดิมอีกแล้ว
** เราจึงไม่เอ่ยคำว่า พระบัญญัติ 10 ประการอีกต่อไปเพราะว่าเป็นอันเดิม
** พระบัญญัติเดิม นำมาซึ่งการถูกแช่งสาป และนำเราเข้าอยู่ใต้พระบัญญัติ และตกจากพระคุณ
** เมื่อเราพบคำสั่งว่า จงรักษา พระบัญญัติ ของเรา เรารู้ดีว่าเรามีผู้รักษาแทนเราในเรา เพราะฉะนั้นอย่าเริ่มทำเริ่มเชื่อฟังด้วยตัวเราเอง เพราะเราจะหล่นจากพระคุณของพระคริสต์
15:11 สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อความปีติยินดีของเราจะดำรงอยู่ในท่านทั้งหลาย และเพื่อความปีติยินดีของท่านทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
** ความรัก/การสนิท ทำให้เกิดความชื่นชมยินดีจากวิญญาณและหลั่งไหลมาสู่จิตใจของเรา เราจึงไม่ขาดน้ำแห่งชีวิตและเผชิญกับทุกสิ่งได้
** ความปิติยินดี ภาษากรีกคือ χαρά, ᾶς, ἡ (คาร่า) ภาษาอังกฤษคือ Joy, delight, gladness คืออาการชื่นชมยินดี ดีใจ จนยิ้มหรือหัวเราะออกมาได้ ซึ่งผู้เชื่อต้องเข้าใจว่าคือการยิ้มดีใจหัวเราะตามแบบนิสัยของพระเจ้าที่สุภาพอ่อนโยน ไม่ใช่ตามแบบของมารที่หัวเราะดังลั่นกลิ้งไปมา
15:12 นี่แหละเป็นบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน เหมือนที่เรารักท่านทั้งหลายแล้ว
** คำว่า รัก ที่พระเยซูใช้ ในที่นี้ คืออกาเปา ἀγαπάω ซึ่งมาจาก อกาเปนั่นเอง
** เมื่อเราสนิท-รักพระเยซู ความรักอากะเปก็หลั่งไหลเข้ามาสู่จิตของเรา เราจึงทำทุกสิ่งด้วยรักได้ และรักพี่น้อง รักเพื่อนบ้าน รักศัตรูได้ อย่างไม่มีเงื่อนไข
** "รัก" คือพระบัญญัติใหม่ “ รัก ” ขอย้ำ ไม่ใช่ทำโน่นทำนี่ อธิษฐานมากๆ อ่านมากๆ รับใช้มากๆ อดอาหารมากๆ ทำดีมากๆ แต่คือ รักก่อน
** พระเจ้าต้องการรัก
** พี่น้องคริสตจักรต้องการรัก
** คุณก็ต้องการรัก
** ชาวโลกต้องการรัก
** "รัก" คือสิ่งที่เราส่งออกไปจากใจในแต่ละวัน
** ถ้าเราใส่ใจเรื่องรัก มากเท่าไหร่ จิตใจใหม่ก็เพิ่มมาก น้ำมันแห่งการเกิดผลพระวิญญาณก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไม่แห้งและจวนจะดับเหมือน คริสเตียนศาสนา
15:13 ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือที่ผู้หนึ่งจะสละชีวิตของตนเพื่อเหล่ามิตรสหายของตน
** ขอบพระคุณพระเยซูที่ทรงถ่อมใจและรับเราเป็นเพื่อนที่รัก หรือมิตรสหายของพระองค์
** คำว่า เพื่อน หรือมิตรสหาย ที่พระเยซูใช้ในข้อนี้ มีความหมายมาก คือการรัก เข้าใจ เห็นอกเห็นใจ คอยดูแล ช่วยเหลือ อยู่เคียงข้างเรายามที่เราไม่มีค่า ตกต่ำ เป็นทุกข์และหมดหนทาง พระองค์จะไม่ทิ้งเราและซ้ำเติมเรา
15:14 ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทั้งหลายกระทำสิ่งใดก็ตามที่เราสั่งท่านทั้งหลาย
** เราสนิท-บอกรัก สะสมถ้อยคำที่เป็นความจริงของพระเยซู เรามีสันติสุขและพลังที่จะเกิดผลชีวิตพระคริสต์และเราถูกนับว่าเป็นเพื่อนรัก/เพื่อที่รัก/มิตรสหายของพระองค์
15:15 เราไม่เรียกท่านทั้งหลายว่าทาสอีก เพราะทาสไม่ทราบว่านายของเขาทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงแก่ท่านแล้ว
** ถึงแม้ว่าเราจะถวายตัวเป็นทาสของพระองค์ ซึ่งนั่นคือการยอมให้พระเยซูใช้อวัยวะของเราเพื่อพระองค์จะสำแดงชีวิตผ่านเรา แต่พระเยซูก็ยังยกเราขึ้นและไม่เรียกเราว่าทาส แต่เป็นเพื่อนของพระองต์ พระองค์จึงเปิดเผยมากมายหลายสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระบิดาแก่เรา
15:16 ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านจะไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านอยู่ถาวร เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน
** เพื่อให้ผลของท่านอยู่ถาวร คือผลของชีวิตใหม่ที่ตัวใหม่ให้พระเยซูดำเนินชีวิตในเราแทนเราเพื่อเรา ซึ่งจะไม่สูญเสียและถูกไฟเผาไหม้เนื่องจากว่าเป็นผลแห่งทองคำเงินและเพชรพลอย สุดท้ายคือมงกุฏเพื่อครอบครองร่วมกับพระองค์ในยุคหน้า และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
15:17 สิ่งเหล่านี้เราสั่งท่านทั้งหลายไว้ว่า ท่านจงรักซึ่งกันและกัน
** พระเยซูย้ำคำนี้บ่อยมาก คือรักกันและกัน เพราะว่าความรักต่อพี่น้องและเพื่อนบ้านทั้งศัตรู คือน้ำพระทัยของพระบิดา
**ทำไมเราต้องสนิทและบอกรักพระเยซู ยอห์นบทที่ 15 คือคำตอบ**