1. ซาตานใช้คนที่ไม่เชื่อข่มเหงทำลายคริสเตียน พระเจ้าก็ใช้คนที่ไม่เชื่อปกป้องช่วยเหลือคริสเตียนเช่นกัน
2. ถึงแม้ว่าเปาโลจะมีบิดามารดาเป็นคนชาติยิวแต่ท่านและบิดาถือกำเนิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลิเซีย ท่านจึงได้รับสัญชาติเป็นชาวโรมันและได้รับการคุ้มครองดูแลและผลประโยชน์ทุกประการที่ชาวโรมันควรจะได้รับ
3. เราพบคำสอนมากมายเรื่องพระบัญญัติใหม่ที่เข้ามาแทนที่พระบัญญัติเดิมที่เปาโลได้รับการเปิดตาและดลใจให้เขียนถึงคริสตจักรต่างๆ ทำให้ชาวยิวคิดว่าคือการทำผิดที่ร้ายแรงมาก ทุกวันนี้จึงมีผู้เชื่อหลายกลุ่มที่ยังรักษาทั้งพระบัญญัติเดิมและใหม่ พวกเขาจะอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ค้นมาได้ทั้งจากพระคัมภีร์เดิมและใหม่ ส่วนมากคนที่พยายามรักษาพระบัญญัติจะขาดความรักและความถ่อมใจ เราขอบพระคุณพระเจ้าถ้าหากผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดตาจะพบว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพระบัญญัติเดิมและใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องของตา
สิ่งที่พระวิญญาณเปิดเผยต่อผู้ที่ถ่อมใจก็คือ...
- พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกลบล้าง แต่ถูกแก้ไขและยกระดับจากมาตรฐานของมนุษย์สู่มาตรฐานของพระเจ้า (มธ บทที่ 5 ถึง 7 และ 5:17)
- พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกทำลายหรือลบล้างแต่เราเองที่ถูกทำลายและลบล้าง (โรม 7:4)
- พระบัญญัติเป็นครูที่ควบคุมชาวยิวชั่วคราวและเมื่อพระคริสต์เสด็จมาพระบัญญัติก็หมดหน้าที่การควบคุม ผู้เชื่อถูกย้ายเข้าไปอยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์เป็นผู้รักษาพระบัญญัติ (ใหม่) แทนพวกเรา (กท 3:24-25/ 1 คร 1:30/ กท 2:20)
- พระบัญญัติมีไว้ให้ชาวยิวรักษาเพื่อให้ได้รอดในยุคพระบัญญัติ แต่พอมาถึงยุคพระคุณทั้งยิวและต่างชาติจะได้รับความรอดโดยทางความเชื่อ (กท 3:23-24/6:14)
- พระบัญญัติเดิมจบหรือถูกยกเลิกแล้ว (ฮบ 7:18)
- พระเยซูคริสต์เป็นจุดจบของพระบัญญัติ (โรม 10:4)
- ถ้าหากผู้เชื่อยังรักษาพระบัญญัติเดิมอยู่จะถูกสาปแช่งและหล่นจากพระคุณ (กท 3:10/5:4)
- เรา (คริสเตียน) ไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิม แต่อยู่ใต้พระคุณ (โรม 6:14)
- เราจะเกิดผลมากมายแค่ไหนพระเจ้าก็ไม่นับถ้าหากไม่ใช่ผลของพระคริสต์ที่ทำแทนเราในเราผ่านเรา (กท 5:22-23/ 1 คร 3:12-15)
- พระคริสต์จะก่อร่างสร้างตัวขึ้นอยู่ภายในเรา (กท 4:19)
- พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของเรา (ฟป 1:20)
- สำหรับผู้เชื่อ การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ไม่ใช่เราเองที่มีชีวิตอยู่ (ฟป 1:21)
- ผู้ที่กินและดื่มพระเยซูก็จะมีชีวิตอยู่โดยพระองค์ไม่ใช่โดยเราเองอีกต่อไป (ยอห์น 6:56-57)
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สำแดงความรักท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย ขอบคุณที่พระองค์นำเราคนกลุ่มน้อยนี้ด้วยความเมตตาที่พระองค์ให้เราได้เห็นพระคุณความรักพระคุณซ้อนพระคุณ เป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ซึ่งเมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนมานานหลายปี แต่วันนี้เราได้พบสวรรค์บนดิน วันนี้เราได้พบเส้นทางแห่งความจริง เราได้พบพระคำล้ำลึกของพระเจ้า ขอบพระคุณพระวิญญาณแห่งความจริงที่พระองค์นำมาเปิดเผยเพื่อพวกเราจะดำเนินชีวิตอยู่ใต้พระคุณ และไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไป แอกก็เบา ภาระก็เบา กางเขนก็เบา อยู่ในสันติสุขทุกเวลาได้ เป็นพระคุณอันล้นเหลือพระเยซูพวกเรารักพระองค์เอเมน
เราขอบคุณพระเยซูที่มาถึงกิจการบทที่ 23
เรื่องแรกที่เราได้อ่าน ก็คือเป็นเรื่องที่ซาตานใช้คนที่ไม่เชื่อเพื่อข่มเหงทำลายคริสเตียน ขณะเดียวกันพระเจ้าก็ใช้คนที่ไม่เชื่อเพื่อปกป้องช่วยเหลือคริสเตียนเหมือนอย่างเปาโลในตอนนี้ ก็คือนายพันคนนี้
และเรื่องที่ 2 ก็คือถึงแม้ว่าเปาโลจะมีบิดามารดาเป็นคนชาติยิว บิดามารดาของเปาโลก็คือเป็นยิว แต่พวกเขาก็ได้รับสิทธิได้กลายเป็น Citizen ก็คือสัญชาติชาวโรมัน เนื่องจากว่าพวกเขาเกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย เปาโลเองก็ได้รับสัญชาติเป็นชาวโรมันและรับการคุ้มครองดูแลรับผลประโยชน์ทุกประการที่ชาวโรมันควรจะได้รับ ซึ่งเราจะเห็นว่านายพันคนนี้ดูแลปกป้องปกปักรักษาเขาเป็นอย่างดี เพื่อไปสืบสวนไปสืบหาค้นหาเรื่องราวว่าเขาได้ทำผิดจริงหรือไม่ เขาจะไม่ปล่อยให้ชาวยิวรังแก
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าก็รักเรา และดูแลปกป้องปกปักรักษาเรา ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้นพระเจ้าก็เป็นคนอนุญาตให้มันเกิดเพื่อสิ่งดีที่จะตามมา หรือเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ หรืออาจจะบางครั้งเพื่อตีสอนเรา ซึ่งก็แล้วแต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอยู่เพื่อการขอบพระคุณทุกสิ่งจะดีขึ้นเองเอเมน
เรื่องที่ 3 ก็คือเราพบคำสอนมากมายเรื่องพระบัญญัติใหม่ที่เข้ามาแทนที่พระบัญญัติเดิมที่เปาโลได้รับการเปิดตาและดลใจให้เขียนถึงคริสตจักรต่างๆ ทำให้ชาวยิวคิดว่าคือการทำผิดที่ร้ายแรงมาก
ทุกวันนี้มีผู้เชื่อหลายกลุ่มนะครับที่ยังรักษาพระบัญญัติเดิมและใหม่ พวกเขาอ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่ค้นมาได้ทั้งจากพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ ส่วนมากคนที่พยายามรักษาพระบัญญัติเนี่ยเราจะสังเกตเห็นใช่ไหม ก็คือพวกเขามักจะขาดความรักและความถ่อมใจ ถูกไหมครับ เราไปคุยกับคนที่เป็นเขาเรียกว่านักรักษาพระบัญญัติ หรือนักพระบัญญัติ หรือคนที่เคร่งพระบัญญัติ คริสเตียนมากมายเราจะเห็นนะครับในคริสตจักรต่างๆ ในหลายๆ กลุ่ม พวกเหล่านี้คือสิ่งที่เห็นชัดเจนมากก็คือขาดความรัก การถกเถียงไม่ยอมแพ้ หยิ่งผยองพองตัว ไม่มีการถ่อมใจ
เราขอบพระคุณพระเจ้า เมื่อเราได้รับการเปิดตาเราจะพบว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพระบัญญัติเดิมและใหม่ ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องของ “ตา” เอเมน ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้เราได้พบความจริง เราได้เข้าใจเรื่องพระบัญญัติเดิมจบไป พระบัญญัติใหม่เข้ามา มันเป็นเรื่องของ “ตา” พระวิญญาณเปิดตา
ถ้าไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เราก็ไม่มีตา เอเมน นี่นะครับเราควรจะสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราควรจะขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พระองค์ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะช่วยผู้เชื่อมากมาย และคนเหล่านั้นที่พระองค์ช่วยได้ก็คือพวกเรา ขอบคุณสำหรับวันนี้ที่เราได้มาพบความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า และเราไม่ได้เดินในความมืดอีกต่อไป สรรเสริญพระเยซู
สิ่งที่พระวิญญาณเปิดเผยต่อผู้ที่ถ่อมใจ จะมีบางเรื่องที่ผมยกมาซึ่งพวกเราได้เรียนรู้กันมามากพอแล้วนะครับ พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกลบล้าง ขอให้เข้าใจตรงนี้นะครับ พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกลบล้างแต่ถูกแก้ไขและยกระดับมาตรฐานของมนุษย์สู่มาตรฐานของพระเจ้า แล้วเปลี่ยนชื่อว่าจากพระบัญญัติเดิมหรือพระบัญญัติของโมเสส กลายเป็นพระบัญญัติใหม่และเป็นพระบัญญัติของพระเยซู
อันนี้เราเห็นความจริงในมัทธิวบทที่ 5 จนถึงบทที่ 7 และโดยเฉพาะมัทธิ 5:17 พระเยซูบอกว่า เราไม่ได้มาเพื่อลบล้างแต่จะทำให้สำเร็จ
ต่อมาก็คือพระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกทำลาย ใช่ หรือลบล้าง ใช่ แต่เราเองที่ถูกทำลายเราเองที่ถูกลบล้าง ก็คือใน (โรม 7:4) ท่านทั้งหลายได้ตายแล้วจากพระบัญญัติ ถ้าเราตายต่อพระบัญญัติ เราจะต้องรักษาไหม ถ้าสามีตายจากภรรยา จะมีอะไรที่ผูกมัดมีความสัมพันธ์อะไรกับภรรยาอีกต่อไปไหม หรือภรรยาถ้าตายจะมีอะไรต่อสามีอีกไหม ก็ไม่มีสิทธิ์บังคับไม่มีอะไรที่จะผูกมัดอีกต่อไป ตายก็คือจบนะครับ
สำหรับเราขอบพระคุณพระเจ้า โรม 7:4 ท่านทั้งหลายได้ตายต่อพระบัญญัติ แสดงว่าทุกวันนี้เราไม่จำเป็นต้องรักษาพระบัญญัติเพราะว่าเราตายต่อพระบัญญัติแล้ว ขอบคุณพระเยซู
ความจริงแล้วนะครับพระบัญญัติเป็นครูที่ควบคุมชาวยิวชั่วคราว และเมื่อพระคริสต์เสด็จมาพระบัญญัติก็หมดหน้าที่การควบคุม ผู้เชื่อนะครับจึงถูกย้ายเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นผู้ที่รักษาพระบัญญัติใหม่แทนพวกเราอยู่ในเราผ่านพวกเรา (กท 3:24-25, 1 คร 1:30) เราทั้งหลายอยู่ในพระคริสต์แล้ว (กท 2:20) เราทั้งหลายได้ตายแล้ว ถูกตรึงที่กางเขนแล้ว ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา เอเมน
และพระบัญญัติเดิมมีไว้ให้ชาวยิวรักษาเพื่อให้ได้รอดในยุคพระบัญญัติ แต่พอมาถึงยุคพระคุณ ทั้งยิวและต่างชาติ พระเจ้าให้โอกาสให้ได้มาถึงพระคุณพระเจ้าที่อย่างเต็มล้นอย่างครบบริบูรณ์ ก็คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอด เชื่อเท่านั้นก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับผู้ที่เคร่งพระบัญญัติ หรือเรามีความชอบธรรมบริสุทธิ์เท่ากับพระบิดา เพราะว่าความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์ประทานให้เรา เอเมน อันนี้อยู่ใน (กท 3:23-24 , กท 6:14) ต่อมานะครับ พระบัญญัติเดิมจบหรือถูกยกเลิกแล้ว อันนี้ชัดเจนมากนะครับใน (ฮีบรู 7:18)
“ฮีบรู 7:18 ด้วยว่าแท้จริงแล้วพระบัญญัติที่มีอยู่เดิมนั้น ก็ได้ยกเลิกไป เพราะพระบัญญัติขาดฤทธิ์และไร้ประโยชน์ ”
สรรเสริญพระเยซู เราเห็นชัดเจนนะครับว่านี่คือความจริงที่เปาโลเขียนโดยพระวิญญาณ พระบัญญัติเดิมได้ถูกยกเลิกไปแล้วจบไปแล้วไม่มีอีกแล้ว และใน (โรม 10:4) พระเยซูคริสต์เป็นจุดจบของพระบัญญัติ ถ้าหากผู้เชื่อนะครับยังรักษาพระบัญญัติเดิมอยู่ จะถูกสาปแช่งและหล่นจากพระคุณ ก็คือ (กท 3:10, กท 5:4)
เราคริสเตียนไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิมอีกต่อไป แต่อยู่ใต้พระคุณ (โรม 6:14) เราจะเกิดผลมากมายแค่ไหนพระเจ้าก็ไม่นับ ถ้าหากไม่ใช่ผลของพระคริสต์ที่ทำแทนเราในเราผ่านเรา เราจะทำดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่เชื่อว่าพระคริสต์ทำแทนอยู่ หรือไม่เห็นผลของพระวิญญาณของพระคริสต์ที่ทำในเราผ่านเรา ก็คือ ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง มันไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีบำเหน็จที่พระเจ้าจะให้เราในยุคหน้าและชั่วนิรันดร์ (กท 5:22-23, 1 คร 3:12-15)
พระคริสต์จะก่อร่างขึ้นอยู่ภายในเรา (กท 4:19)
พระคริสต์จะขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของเรา (ฟป 1:20)
สำหรับผู้เชื่อการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ไม่ใช่เราเองที่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป (ฟป 1:21)
พระเยซูย้ำ ผู้ที่กินและดื่มเราก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา ไม่ใช่โดยเจ้าอีกต่อไป ผู้ที่กินดื่มพระเยซูก็จะมีชีวิตอยู่โดยพระเยซู ก็จะขับรถโดยพระเยซู ก็จะเดินไปมาโดยพระเยซู จะพูด จะรัก จะอดทนนาน จะยกโทษให้ผู้อื่น โดยพระเยซูไม่ใช่โดยเราเอง ไม่ต้องพยายามไม่ต้องทำอะไร (ยน 6:56-57)
เอเมนสรรเสริญพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรารักษาพระบัญญัติแทนเรา เราตายต่อพระบัญญัติแล้วเราไม่เกี่ยวอะไรกับพระบัญญัติ แต่เราเป็นภรรยาของพระเยซู ไม่ได้เป็นภรรยาของพระบัญญัติอีกต่อไป หรือเป็นทาสของพระบัญญัติอีกต่อไป เอเมน
สำหรับเรื่องการถกเถียงนะครับ ผู้ที่เคร่งพระบัญญัติหรือยังเชื่อว่าต้องรักษาพระบัญญัติเดิม อันนี้เราหลีกเลี่ยงนะครับเราถกเถียงไม่ได้ เพราะว่าความหยิ่งผยองพองตัว การยังไม่ได้ถูกเปิดตาจะทำให้เขารับไม่ได้ ไม่มีใครเชื่อไม่มีใครยอมรับจนกว่าจะถึงเวลาของเขา
ถาม.
เอเมนครับขอช่วยขยายความคำว่า อยู่ใต้พระบัญญัติ สมมุติว่าก็คือเมื่อก่อนผมอยู่ที่โบสถ์ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้สอนเราให้ไปพยายามรักษาพระบัญญัติ 10 ประการ หรือพระบัญญัติของคนยิวก็ตาม แต่ถ้าเกิดโบสถ์มีหมายถึงว่าบังคับให้ผู้เชื่อทำตามกฎเกณฑ์ที่โบสถ์ตั้งขึ้นมาบังคับให้คนเชื่อฟังอันนู้นอันนี่ นี่ก็เรียกว่าการอยู่ภายใต้พระบัญญัติใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พยายามสอนพระบัญญัติเดิม แต่การที่บังคับให้คนเชื่อฟังทำตามนู่นตามนี่ อันนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ
ตอบ.
สำหรับพระบัญญัตินะครับเราจะลองใช้ภาษาอังกฤษก็คือ law law ก็คือกฎเกณฑ์ law ก็คือกฎหมาย law ก็คือพระบัญญัติ ก็คือบัญญัติคำสั่งที่ใครคนใดคนหนึ่งนะครับจะต้องรักษาจะต้องทำเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์บางอย่าง
ทีนี้เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน เราอาจจะไม่ได้รับการสั่งสอนให้รักษาพระบัญญัติ 10 ประการ หรือพระบัญญัติอีก 200 กว่าข้อในพระคัมภีร์เดิม แต่อาจารย์ผู้นำในคริสตจักรสั่งว่าต้องทำแบบนี้ต้องทำแบบนั้น ต้องไปอธิษฐาน ต้องมานมัสการ ขาดประชุมไม่ได้ เหล่านี้นะครับเรียกว่ากฎหรือพระบัญญัติหรือบัญญัติทั้งนั้น อันนี้เรียกว่า Under law หรืออยู่ใต้กฎเกณฑ์อยู่ใต้พระบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ใต้พระบัญญัติของพระเจ้าของโมเสส หรืออยู่ใต้กฎเกณฑ์ของมนุษย์ที่เป็นผู้นำเป็นอาจารย์ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมเรา ทั้งหมดทั้งมวลนะครับเรียกว่าอยู่ใต้พระบัญญัติครับ
สำหรับปัญหาที่มันเกิดขึ้นในคริสตจักรทุกวันนี้ คริสตจักรโดยส่วนมากโดยทั่วไปก็คือ 1. เราเป็นใจ 2. เขาเป็นคนสั่ง
เข้าใจนะครับเราเป็นใจคืออะไร คือเราเมื่อได้เป็นคริสเตียนเนี่ยเราจะซาบซึ้ง ซึ้งถึงพระคุณพระเจ้า เรามีความรักในพระเยซู เพราะว่าพระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา เราเห็นเหตุการณ์เราได้อ่านในพระคัมภีร์ เรารู้สึกรักพระองค์ แล้วก็เรายอมถวายตัว เรายอมที่จะไม่ทำบาปเราพยายามเลิกทำบาปเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัยในชีวิตของเรา ให้พระเจ้าดีใจ เราจะทำทุกสิ่งให้พระเจ้าพอใจ เราก็พยายามรักษาพระบัญญัติ ก็พยายามไม่ทำในสิ่งที่เป็นกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงทั้งหลาย อันนี้คือเราพอใจ
แล้วปรากฏว่าเมื่อเราไปที่คริสตจักร อาจารย์ผู้นำทั้งหลายก็สั่งเรานะครับว่าอย่าทำอย่าทำ อย่าทำนู่นอย่าทำนี่ ให้เลิกทำบาปทั้งหมด เลิกสูบบุหรี่เลิกเหล้าอะไรทั้งหลาย กิเลสตัณหา เราก็ทำ พยายามรักษาพยายามไม่ทำ อันนี้คือการเต็มใจของเราพอใจของเราและการถูกบังคับจากผู้นำคริสตจักร ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม 2 สิ่งนี้นะครับ พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเป็นพระเจ้าไม่ต้องการให้เราทำ
สรุปก็คือพระเจ้าไม่ต้องการให้เราอยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งหลาย อะไรที่เป็นกฎเกณฑ์ของมนุษย์ที่ตั้งขึ้น ผู้นำอาจารย์ที่ตั้งขึ้น หรือกฎเกณฑ์ที่มาจากพระบัญญัติของโมเสส พระเจ้าให้เราหลบหลีกหลีกหนีจากมันทั้งหลาย และเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ คืออะไร..
การเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ เรียกว่าทุกสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ถ้าหากเป็นสิ่งที่ดี การช่วยเหลือ การให้ การยกโทษ การอภัย การไม่ถือสา ไม่จดจำความผิดของพี่น้อง การอดทนนาน แล้วก็ทุกสิ่งที่เป็นผลของพระวิญญาณ ในกาลาเทียบทที่ 5:22-23 เมื่อเราทำและเราเชื่อว่าพระคริสต์ทำอยู่ และบางอย่างเราเห็นว่าพระคริสต์เป็นคนเคลื่อนในเราทำให้เราทำได้ ซึ่งเมื่อก่อนเราทำไม่ได้ เหล่านี้นะครับเรียกว่าการอยู่ใต้พระคุณ การไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไปแล้ว
การอยู่ใต้พระบัญญัติ ก็คือ การพยายามบังคับตนให้เชื่อฟังพระเจ้า
ส่วนการอยู่ใต้พระคุณ คือ การไม่ได้บังคับตน ไม่ได้ทำอะไรแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในเราเป็นคนอดทนแทนเรา ใจดีแทนเรา รักแทนเรา กระทำคุณให้คนอื่นแทนเรา ยกโทษให้ผู้อื่นแทนเรา รักศัตรูแทนเรา เหล่านี้เรียกว่าอยู่ใต้พระคุณ
สำหรับเรื่องการรักษาพระบัญญัติมันมีเป็นสิ่งที่ควบคู่กับชีวิตคริสเตียนมาตั้งแต่เราเริ่มเชื่อใหม่ๆ บวกกับคริสตจักรที่อยู่ในความมืด ก็คือไม่ได้พบความสว่างของพระเจ้า ไม่ได้พบพระคำล้ำลึก เพราะฉะนั้นก็เดินไปตามทางที่ตาบอดจูงคนตาบอด เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาเป็นคริสเตียน เราเข้าไปโบสถ์ที่ไหนก็ตามนะครับ เขาจะสั่งเราเลิกทำบาปนะ เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ เลิกกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงทั้งทั้งหลาย การพนันทั้งหลายอะไร ก็คือเขาก็บังคับให้เราทำ เพราะว่าหวังดีอยากให้เราได้รับพระพร
แต่จริงๆ แล้วเรามาอ่านดูพระคัมภีร์ และขอการเปิดเผยจากพระเจ้า เราจะพบว่าความดีที่เราทำอยู่มันคือ ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง มันมาจากตัวเก่าชีวิตเก่าและตัวเก่าชีวิตเก่าเราพบแล้วนะครับว่าวันนี้ในพระคำพระเจ้าเปิดเผยว่า ตัวเก่าชีวิตเก่าความดีเก่าๆ ทั้งหลายมันจบที่กางเขนแล้ว ไม่มีอะไรเล็ดลอดออกมาจากกางเขนสู่อุโมงค์ แล้วออกมาจากอุโมงค์ มาสู่ชีวิตใหม่ๆ ในพระคริสต์ ตัวเก่าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในคริสตจักร ตัวเก่านิสัยเก่าชีวิตเก่าความดีเก่าๆ ทั้งหลายไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตผลอยู่ในพระคริสต์ หรืออยู่ในตัวใหม่ชีวิตใหม่ เอเมนพระเยซู
อีกครั้งสรุป เมื่อเราทำดีเราเชื่อว่าพระคริสต์เป็นคนทำ และเมื่อเราทำดีโดยมีอะไรเคลื่อนอยู่ในเรา นั่นคือการกระทำของพระคริสต์ที่เกิดผลแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะทำเราจะสังเกตได้ หรือสัมผัสได้ หรือบางครั้งสัมผัสไม่ได้ แต่ขอให้เชื่อนะครับว่าทุกวันนี้ผมพูดอยู่ก็คือพระคริสต์เป็นคนพูด ผมฟังอยู่ก็คือพระคริสต์เป็นคนฟัง ผมเดินก็คือพระคริสต์เป็นคนเดิน
ทั้งๆ ที่อาจจะยังไม่เห็นบางครั้ง หรือเห็นบางครั้งก็แล้วแต่ แต่ขอให้เชื่อ ทุกสิ่งที่เราทำในด้านดีเนี่ยก็คือพระคริสต์กำลังเป็นคนทำอยู่เชื่อแบบนี้ แล้วอีกไม่นานเราจะเห็นว่าพระคริสต์จะเคลื่อนมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นในเรา จนเราไร้ตัวตน จนเราไม่เห็นว่าชีวิตเก่าของเรายังหลงเหลืออีก ขอบคุณพระเยซูสำหรับชีวิตที่อยู่ใต้พระคุณนี้ เป็นชีวิตที่เบาสบายมาก อยู่ในการพักผ่อนในพระองค์ตลอดเวลา เอเมน
สำหรับพี่น้องที่รักษาพระบัญญัติเดิมอยู่ในคริสตจักรต่างๆ สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจน เปาโลเป็นคนพูดโดยพระวิญญาณ ไม่มีใครชอบธรรม ไม่มีใครทำได้ ไม่มีใครรักษาพระบัญญัติได้อย่างเคร่งครัด เพียงแต่ว่าเป็นการใส่หน้ากากเป็นการหลอกผู้อื่น และหลอกตัวเขาเอง และหลอกพระเจ้าด้วย โกหกพระเจ้าว่าเขาทำได้ จริงๆ แล้วเนี่ยพระเจ้าก็เห็น เขาก็รู้ตัวดีนะครับว่าเขาทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นคนที่รักษาพระบัญญัติได้จริงๆ จะถ่อมใจ และคนที่รักษาพระบัญญัติได้จริงๆ จะมีแต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ ความรักอากาเปจะเกิดผลมากมายต่อเขา จะไม่มีการถกเถียง ไม่ต่อสู้ ไม่เป็นคนที่พูดมาก แต่เป็นคนพูดน้อย และยอมรับฟังผู้อื่น ไม่ใช่ลักษณะอาการนิสัยที่เราเห็นกันทุกวันนี้ เอเมน
อ่านต่อเรื่อง: เรามาเพื่อให้พระบัญญัติสำเร็จ