1. ผู้เชื่อทุกคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า
2. เราควรตระหนักและนับอยู่เสมอว่าเราคือปุโรหิตหลวงของพระเจ้าและเพื่อพระเจ้า
3. คำว่า ผู้รับใช้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้นำเท่านั้น แต่หมายถึงผู้เชื่อทุกคน
.....
1. เรานำพี่น้องเข้าสู่การนมัสการสามัคคีธรรมที่เป็นตามน้ำพระทัย
2. คำว่า ปรนนิบัติพระเจ้า และคำว่า รับใช้พระเจ้า อาจดูคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน
a. ปรนนิบัติได้แก่ หญิงที่ชโลมพระเศียรและพระบาทของพระเยซู และนางมารีย์
b. รับใช้ได้แก่ สาวกทั้งหลาย และนางมาร์ธา
3. การแก้ไข และการแก้สิ่งที่ผิดจะมีอยู่เรื่อยไปเพื่อเห็นแก่พี่น้องที่เข้ามาใหม่
4. ทุกคนควรยอมรับฟังคำพูดของผู้ที่มีพระปัญญาฝ่ายวิญญาณ แต่บางกรณีเราต้องพิสูจน์เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
.....
- พระเยซูตรัสว่า เราไม่ได้มาเพื่อให้มนุษย์รับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้มนุษย์
1. ปุโรหิตจะประกาศข่าวประเสริฐต่อคนที่ไม่เชื่อ
2. ปุโรหิตจะประกาศเรื่องอาณาจักรต่อผู้เชื่อทั้งหลาย
- เรื่องอาณาจักรจะเกิดผลกับผู้เชื่อที่หล่นจากพระคุณและกลายเป็นศาสนาแล้ว แต่มีน้อยคนที่ได้รับทั้งๆ ที่ไม่ได้หล่นจากพระคุณ (มีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย)
- ยิ่งผู้เชื่อหล่นจากพระคุณและผ่านการทนทุกข์มากมายเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพบพระคุณซ้อนพระคุณมากเท่านั้น
3. ทุกคนควรทำหน้าที่ในที่ประชุมคือ เผยพระวจนะเพื่อเสริมสร้างผู้เชื่อด้วยกัน
ผู้เผยพระวจนะ คืออะไร การเผยพระวจนะมีสี่แบบ
1. รับจากพระเจ้าแล้วมาบอกมนุษย์
2. รับจากผู้ที่รับจากพระเจ้าแล้วมาบอกต่อ
3. รับจากพระเจ้าผ่านพระวจนะแล้วนำมาแบ่งปันตอนสามัคคีธรรม
4. ทำนายเหตุการณ์อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น
4. ปุโรหิตทุกคนควรมีส่วนในการอธิษฐาน, พูดเอเมน, ร้องเพลงสรรเสริญ, ปราศรัยด้วยบทเพลง, อ่าน, เป็นพยาน และเผยพระวจนะ
.....
1. ไม่ทำร้ายกันเองด้วยคำพูดประชดประชัน ถากถาง ใส่ร้ายป้ายสี ตัดสินต่างๆ นาๆ เหมือนตอนที่เราเป็น คริสเตียนศาสนา
2. ไม่ซุบซิบนินทา พูดเรื่องคนอื่นในด้านลบ (ถ้าไม่ใช่หน้าที่ของเรา) เหมือนตอนที่เราเป็น คริสเตียนศาสนา
a. เมื่อพี่น้องมาพูดกับเราในด้านลบว่า คนนี้ไม่ดีแบบนี้ คริสตจักรนี้ไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น เราบอกไปว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องกันและอยู่ในระหว่างการทำกิจของพระเจ้า
b. การพูดถึงคำสอนผิด การพูดการกระทำผิดของผู้อื่น
1. เราควรพูดในที่ประชุมของผู้ดูแล (ถ้าหากจำเป็นต้องนำมาพูด)
2. เราพูดในเวลาที่มีการแบ่งปันหรือเผยพระวจนะ แต่เราพูดในลักษณะเพื่อศึกษาเรียนรู้ เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานั้นจะเกิดกับเรา
3. ไม่ฟ้องเรื่องคริสตจักรต่อภรรยา / สามี และผู้อื่น เพราะเราจะนำภาระไปให้เขาแบก และอาจมีการแบ่งแยกแตกแยกเกิดขึ้นได้เหมือนตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา
4. มีจิตใจหนักแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน ไม่คิดหนีเมื่อพบปัญหาหรือไม่พอใจการพูดการกระทำของพี่น้อง แต่ยอมต่ำ ถ่อม เสียเปรียบ เพื่อเห็นแก่พระกายและเพื่อเห็นแก่พระเยซูของเรา
5. ไม่ถือสาคำพูดของพี่น้องที่เราอาจไม่ชอบหรือเป็นลบ เนื่องจากการพูดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หรือบางครั้งพระเจ้าให้เกิดเพื่อทดสอบความเชื่อ อดทนนานของเรา
6. การดูแลผู้เชื่อใหม่
- ไม่แนะนำตักเตือนในลักษณะของการจับผิดเขาอยู่ตลอดเวลา
- เราหนุนใจ ตักเตือนได้เมื่อเขาถาม หรือเมื่อได้เวลาอันควร
- เราจะวางใจในพระวิญญาณมากกว่าที่เราเห็นความบกพร่องของพี่น้องที่ยังใหม่
(เรื่องผิดถูกไม่สำคัญ เรื่องป้อนให้เขากินนั้นสำคัญกว่า)
7. เราทำทุกสิ่ง ด้วย “ตัวใหม่” และ “ในพระคริสต์” อันตรายของการใช้ความดีของอาดัมที่เป็นไม้ฟางและหญ้าแห้ง ในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า
8. ทุกคนมีของประทานอย่างแน่นอน
a. บางคนมีมากมีน้อย ไม่เท่ากัน คนที่ไม่มีจริงๆ อย่างน้อยจะมีของประทานอย่างหนึ่ง
b. ถ้าหากเราไม่ใช้ของประทานก็จะเป็นการฝังของประทานไว้ในดิน (มธ. 25:28-29 ของประทานจะถูกเอาไปจากเขา ถ้าไม่ใช้)
.....
1. ขณะที่เราอยู่คนเดียว หรือเราอยู่ร่วมกับพี่น้อง ให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ให้คริสตจักร หรือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เราเอ่ยชื่อพี่น้อง ผู้รับใช้ หรือหนังสือที่มีคุณต่อเรา บางครั้งคราวแต่ไม่บ่อยเกินไป เราควรใส่ใจไปที่พระคริสต์มากกว่าสิ่งอื่นใด.
2. ถ้าหากเราเรียนรู้ที่จะให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตและคริสตจักร การแตกแยกแบ่งแยกก็ไม่มี มีแต่ความรัก อดทนนาน ถ่อมใจ และไม่ท้อแท้ถดถอย