ในมัทธิวบทที่ 5 พระเยซูทรงละผู้คนจำนวนมากมายที่ติดตามพระองค์ไป เเล้วก็ทรงเสด็จขึ้นไปบนภูเขา หลังจากนั้นสาวกจำนวนหนึ่งไม่รู้ว่ามีกี่ร้อยคนก็เดินติดตามพระองค์ไป ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการก่อตั้งรัฐธรรมนูญใหม่ของพระเยซูคริสต์ ในมัทธิวบทที่ 5 ตั้งแต่ข้อที่ 3 จนถึงข้อที่ 12 พระเยซูก่อตั้งพระบัญญัติใหม่
เมื่อพระองค์ตรัสถึงคุณสมบัติ 9 ประการแรกของประชากรแห่งราชอาณาจักรสวรรค์ พระองค์ทรงตรัสอีกว่า ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลกแต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะที่เสียสำหรับคนเหยียบย่ำ มธ 5:13
หมายความว่ายังไง? ท่านทั้งหลาย ในที่นี้ก็คือ ผู้เชื่อทุกคนเป็นเกลือ ก็คือธรรมชาติใหม่ บังเกิดใหม่ ขาวสะอาด เป็นคริสเตียน เป็นผู้ที่ติดตามพระเยซู เป็นบุตรพระเจ้าแล้ว ปกติเกลือในที่นี้ก็คือเกลือที่มีความเค็ม หรือมีรสเค็มอยู่แล้ว เมื่อเราได้บังเกิดใหม่พระวิญญาณสถิตอยู่ในเราและคอยวันที่พระองค์จะสำแดงคุณสมบัติของพระองค์ออกมาให้โลกเห็น
ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ในที่นี้ คริสเตียนที่เป็นเกลือ แล้วก็ความเค็มเน้นที่คุณสมบัติ ไม่ได้เน้นที่การกระทำ ไม่ได้เน้นที่ปฏิบัติ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย คือคุณสมบัติเท่านั้น ท่าที มารยาท กิริยาอาการ อ่อนโยน สุภาพ คำพูดจาเราจะมีคุณสมบัติที่เหมือนพระเยซูเหมือนพระเจ้า
ซึ่ง ความเค็มหรือรสเค็ม ในที่นี้ ก็คือการกระทำของพระเจ้าที่สำแดงออกมาผ่านเรา ไม่ใช่มารยาทของเราไม่ใช่คุณสมบัติของเราเอง
.....
และถ้าหากเกลือกลายเป็นเกลือที่หมดรสเค็มไปแล้วคืออะไร?
ปกติผู้เชื่อทุกคนได้บังเกิดใหม่และมีรสเค็มอยู่แล้ว มีความเค็มอยู่แล้ว มีคุณสมบัติของพระเจ้าอยู่แล้ว อยู่ในตัวเขา แต่เนื่องจากว่าเขาไม่แสวงหา เราก็รู้ว่าผู้เชื่อทุกคนเมื่อเชื่อพระเจ้าแล้ว สิ่งที่เราเริ่มทำต่อมาเราก็เริ่มพยายามทำตัวเป็นคนดี พยายามเปลี่ยนแปลงแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง แก้ไขในความผิดบาป แล้วก็การพูดจาคุณสมบัติต่างๆ เราพยายามทำให้ดีขึ้น แต่ความหมายที่แท้จริงของคำว่าความเค็มหรือรสเค็มในที่นี้ ไม่ใช่คุณสมบัติ มารยาท อาการท่าที ยืน เดิน นั่ง การพูดจาคำพูดของเราเอง แต่นี่เป็นผลแห่งพระวิญญาณที่อยู่ในเราที่เกิดผลผ่านเราเป็นคุณสมบัติของพระเจ้า ไม่ใช่คุณสมบัติของเรา
เกลือที่หมดรสเค็ม ก็คือเมื่อเราเป็นคริสเตียนเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปีบางคนจนตายไม่มีคุณสมบัติของพระเจ้า การพูดจาก็ไม่เปลี่ยน กิริยาอาการก็ไม่เปลี่ยน ดูเหมือนว่าเราดูดีดูมีมารยาท มีคุณสมบัติมีความอ่อนน้อม อ่อนโยน การพูดจาดี เฉพาะแต่ตอนที่เราอยู่ในคริสตจักรใช่ไหม หรือไม่งั้นก็ตอนแรกๆที่เราพบกับพี่น้องใหม่ๆ หลังจากนั้นไม่นานต่อมาเราก็กลับคืนสู่สภาพของการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
เกลือที่หมดรสเค็ม ก็คือคริสเตียนที่ไม่มีคุณสมบัติที่พระวิญญาณเป็นผู้กระทำสำแดงคุณสมบัติของพระองค์ คำพูดของพระองค์ ความอ่อนน้อม ความอ่อนโยน กิริยาอาการที่เป็นคนอ่อนสุภาพน่ารัก นี่คือคุณสมบัติของพระเจ้าที่สำแดงผ่านเราเรียกว่ารสเค็มหรือความเค็ม
เมื่อเราเป็นคริสเตียนเราพยายามทำดี พยายามเชื่อฟังพระเจ้า เราไม่รู้ว่าพระคริสต์สถิตอยู่ในเราและรอคอยที่จะสำแดงคุณสมบัติเหล่านี้ออกมา เราพยายามทำเองเปลี่ยนเองแก้ไขเอง พยายามฝึกการพูดเอง อันนี้ทำให้พระเจ้าไม่มีโอกาสที่จะสำแดงพระองค์ผ่านเราเรียกว่าเกลือที่หมดรสเค็ม
พูดง่ายๆ ก็คือเกลือที่หมดรสเค็ม ก็คือคริสเตียนที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว แต่ไม่รู้วิธีการดำเนินชีวิตที่ให้พระเจ้าสำแดงคุณสมบัติของพระองค์ออกมาผ่านเราให้โลกเห็น เราทำได้แต่เฉพาะคุณสมบัติของเราเอง มารยาทของเราเอง การพูดจาของเราเอง ซึ่งส่วนมากเราจะเห็นกันเฉพาะแต่ตอน 2-3 ชั่วโมงที่อยู่คริสตจักร หรือต่อหน้าพี่น้องทั้งหลายต่อหน้าพี่น้องคริสเตียน
หมายความว่ายังไง? ท่านทั้งหลายใน ที่นี้ ก็คือ ผู้เชื่อหรือสาวกของพระเยซูคริสต์ เป็นความสว่าง แท้ที่จริงแล้วพระคัมภีร์กล่าวชัดเจนน่ะครับว่า คริสเตียนหรือมนุษย์ มนุษย์เป็นตะเกียง สุภาษิต 20:27 ความสว่างก็คือพระเจ้า ความหมายในที่นี้ก็คือเราทั้งหลายเป็นตะเกียง เป็นอวัยวะที่บรรจุพระเจ้า น้ำมันคือพระวิญญาณ และแสงสว่างที่ส่องออกมาจากเราก็คือชีวิตของพระเจ้า การทำดีของพระเจ้า ความชอบธรรมของพระเจ้าที่ปรากฏที่สำแดงออกมาผ่านตัวเรา
เราจะเห็นน่ะครับว่ามัทธิว 5:13 พระเยซูกล่าวว่า เราเป็นเกลือที่มีรสเค็ม เกลือก็คือเราผู้เชื่อที่บังเกิดใหม่แล้ว รสเค็มก็คือคุณสมบัติ 4 ประการของพระเจ้าที่ปรากฏออกมาผ่านเรา
ส่วนมัทธิว 5:14-15 กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นความสว่าง แท้ที่จริงเราเป็นตะเกียง พระวิญญาณเป็นน้ำมัน ความสว่างก็คือพระเจ้า การทำดี คือความชอบธรรมของพระเจ้าที่กระทำดีเกิดผลแห่งพระวิญญาณผ่านตัวเรา
.....
ไม่มีผู้ใดเมื่อจุดตะเกียงแล้วเอาถังมาครอบไว้
หมายความว่ายังไง? ถัง ในที่นี้ภาษาอังกฤษและภาษาอังกรีกก็คือ ถังหรือกระบุง หรืออะไรก็ได้ที่ใช้เพื่อตวงข้าวเพื่อวัดข้าวเพื่อตวงว่ามีกี่กิโลมีกี่พราว เพราะว่าสมัยก่อนอาจจะมีตาชั่งแต่สิ่งที่ชาวยิวใช้มากที่สุดก็คือถัง ซึ่งใช้เพื่อตวงข้าว
เอาถังมาครอบไว้ ความหมายในที่นี้ ก็คือ การยุ่งอยู่กับการทำมาหากินไม่มีเวลาที่จะสำแดงชีวิตของพระเจ้าให้โลกได้เห็นพระองค์ เมื่อเราอยู่ที่ทำงานเราก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน เมื่อเราอยู่ที่บ้านเราก็ยุ่งอยู่กับการทำงานบ้าน และใช้ชีวิตอยู่ในฝ่ายเนื้อหนังมากกว่าใช่ไหมครับ
เราจึงไม่มีโอกาสเราจึงไม่มีเวลาที่จะสำแดงชีวิตของพระเจ้าให้โลกได้เห็นพระองค์ คือการทำดีออกมา
เราจะเห็นน่ะครับว่าเกลือที่หมดรสเค็มและตะเกียงที่ส่องสว่างมีความแตกต่างกันยังไง
เกลือที่มีรสเค็ม เน้นที่ คุณสมบัติ ยังไม่ได้ทำอะไรน่ะครับ คือเน้นที่คุณสมบัติ การยิ้ม การพูดจา คำพูด ความถ่อมใจ การแสดงอาการที่อ่อนโยน อ่อนสุภาพ ท่าทีการยืน นั่ง ไป มา อันนี้คือคุณสมบัติหรือรสเค็ม แต่ไม่ใช่ของเราน่ะครับของพระเจ้าน่ะครับ
ส่วน ตะเกียงที่ส่องสว่าง ก็คือ เราที่เป็นตะเกียง และแสงสว่างนั้นได้มาจากน้ำมันคือพระวิญญาณ ที่สถิตอยู่ในเราที่ปรากฏเกิดผลแห่งความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม ความดี คือผลแห่งพระวิญญาณที่สำแดงออกมาผ่านเรา ถ้าหากเรายุ่งอยู่กับการทำงาน ยุ่งอยู่กับงานบ้าน ยุ่งอยู่กับชีวิตในฝ่ายเนื้อหนังเราจะไม่มีโอกาสที่จะสำแดงพระเจ้า ไม่มีโอกาสที่จะส่องสว่างให้โลกได้เห็นความดีของพระเจ้าที่ทำผ่านเรา
- เพราะฉะนั้นถ้าเกลือที่หมดรสเค็ม ตะเกียงที่ส่องสว่างไม่ได้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปในราชอาณาจักร
อย่าลืมน่ะครับว่าหนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งเป็นราชอาณาจักรที่อยู่ในยุคที่ 4 หรือยุคสุดท้ายที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาพร้อมกับอาณาจักรนี้
ส่วนเรื่องความรอดเรารู้แล้วน่ะครับว่าเรารอดแน่นอน เรารอดโดยพระคุณทางความเชื่อ เอเฟซัส 2:8-9 กล่าวว่าความรอดเราได้มาโดยทางความเชื่อ คือเป็นพระคุณของพระเจ้าเป็นของขวัญที่พระเจ้าให้เรา ภาษาอังกฤษและภาษากรีกก็คือ Gift - Gift ก็คือของขวัญ ของขวัญเราไม่ต้องทำอะไรแลก เราไม่ต้องทำอะไรเพื่อที่จะรับของขวัญนั้น คือเขายื่นให้เรา เราก็รับเอา พระเจ้ายื่นของขวัญให้เราคือความรอด เรารับเอา เรามีความเชื่อ เรายอมรับพระเยซูคริสต์ อันนี้เรารอดแน่นอน
โรม 11:6 ยังกล่าวอีกว่า พระคุณก็คือพระคุณ ถ้าหากมีการปฏิบัติการเชื่อฟังมาเกี่ยวข้อง พระคุณก็จะไม่ใช่พระคุณอีกต่อไป ขอย้ำเอเฟซัส 2:8-9 ความรอดเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ให้เรา คือเราไม่ต้องทำอะไรเพื่อจะแลก แต่เราเชื่อ ยอมรับพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ที่ตายไถ่บาปแทนเรา เราก็มีโอกาสได้รอดแล้วน่ะครับ ความรอดนี้พระเจ้าให้เราไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติการกระทำน่ะครับ เพื่อที่จะไม่มีใครอวดได้น่ะครับ
อ่านต่อเพิ่มเติม: เกลือที่ไม่มีรสเค็มคืออะไร ? (มธ 5:13)