- มีพี่น้องบางท่านถามว่า การชำระด้วยไฟแห่งพระวิญญาณมีไหม? การชำระ ภาษาอังกฤษก็คือ Sanctified หรือ sanctification (คำตอบก็คือการชำระด้วยไฟแห่งพระวิญญาณไม่มี (ไม่มี))
1. ด้วยพระโลหิต Sanctified by the Blood (ฮบ 10:10 / 1 คร 6:11)
- ขั้นแรกพระเจ้าชำระด้วยพระโลหิต ผู้เชื่อทุกคนได้รับการชำระนี้แน่นอน เมื่อเราเชื่อรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา การชำระด้วยพระโลหิตจะมาถึงเราทุกคน
...
2. ด้วยพระคำพระเจ้า Sanctified by the word (ยน 17:17)
- การชำระในขั้นตอนต่อมา ก็คือการชำระด้วยพระคำ การชำระด้วยพระคำ มีผู้เชื่อเล็กน้อยเท่านั้นที่ได้รับการชำระนี้ เนื่องจากว่าการตีความหมายของผู้นำ ของคริสตจักรมากมายทุกวันนี้ ตีความหมายด้วยการใช้จิตใจ ความรู้ ความคิดของอาดัมที่ตายแล้ว คือสมอง คือความคิด สติปัญญาที่เรานำมาเพื่อพิจารณาตีความหมายพระคัมภีร์ของพระเจ้า
- เราไม่สามารถที่จะเข้าใจความล้ำลึกแห่งพระคำได้ ถ้าหากเราไม่พึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยอมจำนนจริงๆ พระเจ้าจึงเปิดตาเรา เราจึงสามารถมาถึงขั้นตอนนี้ได้ คือการรับการชำระด้วยพระคำ และเมื่อเราได้รับการชำระด้วยพระคำ เราจะเป็นอิสระ ชีวิตของเราจะเบา ภาระของชีวิตก็จะเบา กางเขนก็เบา มีสันติสุขได้ทุกวันเวลา เราเริ่มเข้าสู่กระบวนการการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
...
3. ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ Sanctified by the Holy Spirit (1 ปต 1:2)
- เมื่อเราได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็ได้รับจิตใจใหม่ ชีวิตใหม่ ความรักเข้ามาแทนที่ความโกรธ ความถ่อมใจถ่อมตัวถึงดิน ถ่อมถึงดินเลย คือยอมรับว่าเราเนี่ยไม่มีคุณค่าอะไร เราเป็นคนที่ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ เป็นผู้เล็กน้อย ไม่มีอะไรไม่มีความหมายต่อสายตาของใคร ไม่มีชื่อเสียงเกียรติยศใดๆ เลย
สิ่งเหล่านี้ การถ่อมนี้จะเข้ามาแทนที่การหยิ่ง ผยอง พองตัว และความรักในโลกแห่งฝ่ายวิญญาณ ความรักในราชอาณาจักรของพระเจ้าที่เป็นฝ่ายวิญญาณจะมีมากกว่า ความรักในสิ่งของในโลกนี้ และการหลงรักพระเยซูคริสต์ก็จะเข้ามาแทนที่ การรักในความใคร่ ตัณหาของเนื้อหนังของร่างกาย
- ส่วนการชำระด้วยไฟ (ไม่มี) ในพระคัมภีร์มี 3 แบบด้วยกัน
ไฟ แบบที่ 1. ก็คือไฟแห่งการเผาผลาญ ไฟแห่งการลงโทษ ไฟแห่งการพิพากษา
ไฟ แบบที่ 2. ก็คือไฟแห่งการทดสอบทดลอง 1 โครินธ์ 3:12-15 เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาพระองค์จะใช้ไฟนี้เพื่อทดสอบทดลองดูผลงานของเรา ถ้าหากผลงานที่เราก่อขึ้น การดำเนินชีวิต และการรับใช้ของเรา ถ้าเราก่อถูก ก่อเป็น ก่อขึ้นได้ ตั้งอยู่ได้ และผ่านไฟแห่งการทดลองนี้ เราก็จะได้รับรางวัลและได้เข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า และมีส่วนร่วมครอบครองกับพระเยซูเป็นเวลาพันปี
ถ้าหากไฟแห่งการทดลองนี้เผาไหม้ผลงานของเรา การดำเนินชีวิตของเราทุกอย่างเผาไหม้ทิ้งหมด เราก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในราชอาณาจักร และต้องถูกบังคับให้สุกงอมอยู่ข้างนอกเป็นเวลาพันปี ถูกตีสอน เพื่อเราจะมีโอกาสได้รอดในวันสุดท้าย
ไฟ แบบที่ 3. ก็คือไฟแห่งการเผาไหม้ในจิตใจ ในวิญญาณของผู้เชื่อ โรม 12:11 กล่าวว่า จงร้อนรน หรือรับการเผาไหม้ในวิญญาณของท่าน หมายความว่ายังไง
เมื่อเรารับการเผาไหม้ เมื่อเรามีจิตใจที่ร้อนรนกระตือรือร้น เราก็มีจิตใจที่กระตือรือร้นมีใจปรารถนาที่จะอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ออกไปรับใช้ ออกไปประกาศ หรือทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าได้
ถ้าหากเราเป็นอุ่นๆ เราก็ไม่มีไฟแห่งพระวิญญาณนี้เผาผลาญเผาไหม้อยู่ในจิตใจของเราอยู่
- สรุป ก็คือไฟแห่งพระวิญญาณ ไม่ได้มีหน้าที่ชำระเราให้เปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่มีชีวิตใหม่
หลายครั้งที่พี่น้องคริสเตียนเมื่อไปฟื้นฟูในคริสตจักร หรือในงานฟื้นฟูต่างๆ แล้วกลับมาบอกว่า ได้รับจิตใจใหม่ มีความสุขมากๆ มีสันติสุขมาก มีความรักมากขึ้น มีจิตใจที่เปลี่ยนใหม่มากขึ้น อยากดำเนินชีวิตมีใจปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรมบริสุทธิ์ของพระเจ้า อันนี้เป็นประสบการณ์ของการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในก็ตาม แต่อีกไม่ช้าไม่นานประสบการณ์นี้ความรู้สึกนี้ก็จะจืดจางหายไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถรักษาจิตใจของเราให้ใหม่อยู่เสมอ มีจิตใจของพระคริสต์ ให้มีพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ก็คือการได้รับการชำระด้วยพระคำ และต่อจากนั้นก็คือการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เนื่องจากว่าเราไม่เข้าใจไม่ได้เรียนรู้ เราจึงสับสนในการชำระ ในการเผาไหม้ของไฟแห่งพระวิญญาณ เราจึงเชื่อถูกเชื่อผิด เราไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ขอพระเจ้าช่วยเราเพื่อให้เราสามารถที่จะเข้าใจในแต่ละงานของพระเจ้า ในแต่ละหน้าที่ของไฟ ของพระวิญญาณ ของพระคำ ของพระโลหิต เมื่อเราเข้าใจละเอียดทุกอย่างเราจะดำเนินชีวิตที่ง่าย และการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา การรับใช้ของเรา การเชื่อฟังของเรา การอยู่ในพระวิญญาณของเราในแต่ละวันก็จะง่ายขึ้น
- มีพี่น้องบางท่านถามว่า การล้มในพระวิญญาณมีไหม? (คำตอบคือการล้มในพระวิญญาณไม่มี (ไม่มี))
เราจะเห็นว่าในพระคัมภีร์แต่ละข้อที่เอ่ยถึงการล้มของแต่ละคน คืออาจารย์เปาโล ท่านยอห์นในหนังสือวิวรณ์ แล้วก็ทหารที่มากับพระเยซูในยอห์นบทที่ 18 เราจะเห็นว่าแต่ละคนล้มเพราะความกลัว
ทหารที่มาจับพระเยซู เป็นทหารยิว ทหารยิวรู้ดีว่า I am หรือ เราเป็น สำหรับชาวยิวไม่มีใครมีสิทธิ์ไม่มีใครกล้าที่จะพูดคำนี้ คือคำว่า เราเป็น หรือ I am คำว่า "เราเป็น" สงวนลิขสิทธิ์ พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้พูดคนเดียว ถ้าหากเราไปพูดต่อหน้าสาธารณชน หรือต่อหน้าผู้มีอำนาจ เราจะโดนหินขว้างเราจะโดนประหารชีวิต
เพราะฉะนั้นเมื่อทหารยิวมาจับพระเยซูที่สวน พระองค์ถามว่า ท่านมาหาใคร เขาบอกว่า มาหาเยซูชาวนาซาเร็ธ พระเยซูตอบว่า "เราเป็น" ทหารจึงล้มลง (ยอห์น 18:6) การล้มนี้ คือการกลัว ไม่ใช่การล้มโดยพระวิญญาณ ทหารยิวเกี่ยวข้องอะไรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์? (คำตอบคือไม่เกี่ยว เพราะว่าเขาไม่เชื่อ เขาจะล้มลงด้วยพระวิญญาณได้ยังไง)
แล้วอาจารย์เปาโล เมื่อได้เห็นพระเยซูขณะที่เดินทางอยู่ พระเยซูปรากฏต่ออาจารย์เปาโล อาจารย์เปาโลก็ล้มลง เพราะว่าอาจารย์เปาโลกลัว จึงล้มลง (กิจการ 22:6-7)
และท่านยอห์น ในหนังสือวิวรณ์บทที่ 1:17 กล่าวว่า เมื่อท่านยอห์นเห็น ท่านยอห์นก็ล้มลง