a. คือการเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เลิกทำบาปได้
b. คือการกระจาย แพร่ขยายชีวิตพระเจ้าเพื่อครอบครองอยู่เต็มในจิตเรา
c. คือการเข้าสู่กระบวนการตั้งแต่การถูกทำให้กลายเป็นคนชอบธรรมไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงจิตใจเพื่อรับความรอดอย่างครบถ้วน (โรม 5:12-8:13)
d. ชีวิตที่อยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงนี้เรียกว่า การชำระ (แล้ว)
...
การมีส่วนร่วมในการตายและเป็นขึ้นกับพระเยซูคริสต์
- เมื่อเราเชื่อในพระเยซู ปัญหาเรื่องความบาป การยกโทษ การชำระทำให้กลายเป็นคนชอบธรรม การกลับมาคืนดีกับพระเจ้า และความรอด ได้หมดไปแล้ว
- หนังสือโรมสี่บทแรก เป็นเรื่องของการเป็นหนี้เพราะความผิดบาปของเรา ไม่ใช่เรื่องของ "ตัวเรา"
- พระเจ้านำเราออกมาจากความตกต่ำเข้าสู่ร่มพระคุณ ซึ่งเราสามารถชื่นชมยินดีในพระองค์ได้
- ตั้งแต่โรม 5:12 จนถึงบทที่แปด เปาโลเริ่มพูดถึงการจัดการกับตัวเรา
...
- เปาโลเริ่มเปลี่ยน:
1. จากเรื่องความบาป (sins) มาเป็นเรื่องตัวบาป (sin)
2. จากเรื่องการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรม (Justification) มาเป็นการชำระเพื่อให้เลิกทำบาปได้ (แยกออกเพื่อพระเจ้า) (Sanctification = separate unto God)
3. จากตำแหน่งที่อยู่ (Position) มาเป็นเรื่องนิสัยการประพฤติ (Disposition)
4. สรุปก็คือ จากเรื่องความรอดในวันสุดท้าย (Salvation) มาเป็นเรื่องการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน (Life)
- ปัญหาของตัวเรา คือนิสัยและธรรมชาติของเรา เปาโลจะพูดถึงในโรมบทที่ 5-8
- มนุษย์มีตัวบาปในเขา มนุษย์จึงอยู่ภายใต้การครอบงำของความตาย
- มนุษย์อยู่ภายใต้การตัดสินและปรับโทษเนื่องจากความชอบธรรมของพระเจ้า
- ร่างกายมนุษย์ถูกพิษของบาปแล้ว ตัวเราจึงตกต่ำและผิดบาปอย่างมากมาย
- สรุป คือมนุษย์ไม่ได้มีแต่ปัญหาเรื่องหนี้บาปจากอาดัมเท่านั้น แต่เรายังมีปัญหาเรื่องนิสัยและธรรมชาติอีกด้วย
...
โรม บทที่ 5
โรมบทที่ห้า กล่าวถึงคนสองคน การกระทำสองแบบ และผลที่ได้รับสองอย่าง
a. สำหรับพระเจ้ามีสองคนเท่านั้นในจักรวาล
b. คนเก่า คืออาดัมเป็นเนื้อหนัง และคนใหม่ คือพระคริสต์เป็นวิญญาณ
c. เกิดจากอาดัมเรียกว่าบังเกิดเก่า บังเกิดจากพระคริสต์เรียกว่าบังเกิดใหม่
d. เกิดจากอาดัมเป็นคนบาป บังเกิดใหม่จากพระคริสต์เป็นคนชอบธรรม
...
โรมบทที่ 6
โรมบทที่ 6 เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องการการเอาชนะบาป ก่อนที่เราจะเข้าใจบทที่หกเราต้องถูกเปิดตาอย่างชัดเจนในบทที่ห้านี้ก่อน
- เมื่อเราบังเกิดจากอาดัมและอยู่ในอาดัม เราจะบังเกิดจากพระคริสต์และอยู่ในพระคริสต์ได้อย่างไร
บัพติศมาเข้าในพระคริสต์ และการดำเนินในชีวิตใหม่
- ผู้เชื่อส่วนมากยังไม่ชัดเจนกับการรับบัพติศมา ยังมีการถกเถียงกันเรื่องการจุ่ม การพรม การร้องเพลงหรือไม่ร้อง ทำพิธีแบบไหนดี และใครควรเป็นคนรับให้
- เราบังเกิดจากอาดัม และเราบัพติศมาเพื่อเข้าในการตายและเป็นขึ้นของพระคริสต์
- วิธีของพระเจ้าคือ บัพติศมาเข้าในพระคริสต์เพื่อมีส่วนในพระองค์
- เราจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เราจะทำอะไรก็ไม่สำคัญต่อพระเจ้า เพราะเราเกิดจากอาดาม
- สรุปคือ การให้บัพติศมา คือการเอาผู้เชื่อเข้าในพระคริสต์ คือการย้ายฝ่ายวิญญาณจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเราเชื่อและรับบัพติศมาอย่างถูกต้อง
** บัพติศมา คือ การทำให้ชีวิตในอาดัมตาย และออกจากความตายนั้น ชีวิตใหม่ของเราถูกย้ายเข้าในพระคริสต์ **
- ผู้ที่เข้าใจความหมายของบัพติศมาจึงควรรับ หรือรับใหม่ถ้าหากเคยรับแต่ไม่เข้าใจ
- นับจากนี้ไป เราอยู่ในพระคริสต์ นี่คือความหมายของการเข้าส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์
- โรม 6:5 เพราะว่าถ้าเราเข้าเติบโตไปกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเติบโตไปกับพระองค์ในการเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์
** การได้รู้ และได้เห็นความหมายฝ่ายวิญญาณเกี่ยวกับการตาย และเป็นขึ้นร่วมกับพระคริสต์ เราจะเห็นการตายของตัวเก่ากับพระคริสต์เติบโตมากขึ้น และชีวิตใหม่ในพระคริสต์ก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน
** การบัพติศมาเข้าในการตายของพระคริสต์ เราได้เติบโตในความตายนั้น
** การเดินในชีวิตใหม่ในแต่ละวัน จะช่วยให้เราเห็นการเติบโตของชีวิตพระคริสต์ผู้เป็นขึ้น ทำกิจในเรามากขึ้น
- โรมบทที่ 5 เราบังเกิดจากอาดัมและกลายเป็นคนบาป
- โรมบทที่ 6 เรารับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์ เพื่อเข้าส่วนร่วมในการตายและเป็นขึ้นกับพระองค์
* การตายและเป็นขึ้นของพระคริสต์กลายเป็นประวัติศาสตร์ของเรา
* การตายของพระคริสต์ทำลายเนื้อหนังของเราแล้ว
* การเป็นขึ้นมาจากตายของพระคริสต์ คือชัยชนะของเราในเรา
- การได้รู้จักของเราอยู่บนพื้นฐานของการได้เห็น ไม่ใช่การได้เห็นในหลักคำสอน แต่เป็นการได้เห็นโดยการเปิดตาของพระวิญญาณเพื่อเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตที่ตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระคริสต์
...
การทำบัญชีทุกวัน
- ทำบัญชี คือ นับว่า ถือว่า reckoning / considering
- เมื่อเรารู้แล้วว่าเราตายและเป็นขึ้นกับพระเยซู เราจึงต้องทำบัญชี/นับ เกี่ยวกับการตายและเดินด้วยชีวิตใหม่ในพระคริสต์ทุกวัน
* ด้านหนึ่ง เราทำบัญชีตายต่อตัวบาป และอีกด้านหนึ่งเราทำบัญชีมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า (died to sin and live to God)
* โรม 6:1-10 เราได้เห็นความจริง ส่วน โรม 6:11 เราทำบัญชี/นับ
- โรม 6:11 เมื่อเราตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซูแล้ว จงทำบัญชี (นับ) ว่าท่านได้ตายต่อตัวบาปแล้ว และ (นับ) มีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า
- เมื่อเรานับว่าเราตายต่อบาป และมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้าแล้ว เรายังต้องถวายตัวเพื่อเป็นอวัยวะของความชอบธรรมต่อพระเจ้า
- ยิ่งกว่านั้น เราควรถวายตัวในฐานะทาสต่อพระเจ้า (โรม 6:16, 18-19, 22)
- อย่าห่วงหรือกลัวเรื่องการเป็นหนี้บาปหรือจะไม่รอด เพราะเปาโลใช้คำว่า "ยิ่งกว่านั้น - much more"
- ถ้าเราฝึกอย่างสม่ำเสมอ การชำระเพื่อแยกเราออก (sanctified) ก็จะตามมาอย่างแน่นอนและมีมากขึ้นตามเวลากำหนดของพระเจ้า
- โรม 6:12 อย่าให้บาปครอบงำร่างกายที่ต้องตาย (ร่างกายที่ตกต่ำแล้ว) ของเรา
* คือตัวบาปยังอาศัยอยู่ในร่างกายที่ตกต่ำนี้ และวิธีแก้คือเชื่อว่าร่างกายที่เห็นอยู่นี้คือร่างกายแห่งชีวิต (The body of life) และถวายแด่พระเจ้าในฐานะทาสตลอดไป (โรม 6:18)
...
การปฏิเสธตัวบาป
- คือ การยืนอยู่ฝ่ายพระคริสต์ที่อยู่ในเรา เพื่อชีวิตของพระคริสต์จะทำงานได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อเกิดผลของพระวิญญาณมากมาย ทุกสิ่งที่ไม่ใช่ของพระคริสต์จะถูกแยกออก (sanctified)
** เราบอกพระบิดาว่า ข้าเป็นของพระองค์และเป็นทาสของพระองค์ ข้าอยากร่วมมือกับพระองค์เพื่อน้ำพระทัยสำเร็จผ่านข้า
...
สรุป... เราได้เห็น เรานับ เราถวายตัว และถวายในฐานะทาส เราปฏิเสธตัวบาป และร่วมมือกับพระเจ้าทุกวันและเวลา เราจะได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
** อย่าทำตัวเป็นผู้รอบรู้หรือผู้เข้มแข็ง แต่จงทำตัวแบบสบายๆ และต่ำถ่อม เพราะว่าความหยิ่งผยองพองตัวจะทำให้พระเจ้าส่งการทดสอบเข้ามา
** อย่าทำอะไรด้วยตัวเราเองที่ปราศจากพระคริสต์กระทำกิจร่วมกับเรา
** อย่าแตะพระบัญญัติ หรือพยายามรักษาพระบัญญัติเมื่อไม่มีการสนิทในพระคริสต์ เพื่อบาปจะไม่เป็นนายและมีอำนาจเหนือเรา (โรม 6:14)
** เรา อธิษฐานว่า พระเยซู การรักเพื่อนบ้าน รักศัตรู รักภรรยา/สามี เป็นหน้าที่ของพระองค์ การอดทนนานอยู่ที่พระองค์ การดำเนินชีวิตเหนือพระบัญญัติอยู่ที่พระองค์ ข้าไม่เกี่ยว
- ขอบพระคุณพระเยซูเราได้เข้าสู่การแยกออกเพื่อพระเจ้า (sanctified) ต่อจากการทำให้กลายเป็นคนชอบธรรม (Justified)
- โรม 6 เปาโลพูดถึง การชำระเพื่อเข้าสู่ประสบการณ์ของชีวิตใหม่
- โรม 8 เปาโลพูดถึง การอยู่ภายใต้กฎแห่งพระวิญญาณแห่งชีวิต
- ถ้าหากเราต้องการรับการเปิดเผยโรมบทที่ 6 เราต้องเข้าใจเรื่องราวในโรมบทที่ 7 อย่าถี่ถ้วนเสียก่อน
- มีโรมบทที่ 7 ในพระคัมภีร์ไม่ใช่เพื่อให้เราทำตาม แต่เพื่อสอนเราให้เป็นบทเรียน ว่าอย่าพยายามรักษาพระบัญญัติด้วยตัวเราเอง ผลเสียก็คือ
1. เรากลายเป็นเนื้อหนัง
2. ผลที่เราทำคือการกระทำที่ตายแล้ว
3. เรากลับมาเป็นทาสของตัวบาป
4. เราจะถูกแช่งสาป
a. ตัวบาป
- เข้ามาอยู่ในมนุษย์ผ่านมนุษย์คนแรก คืออาดัม
- ตัวบาปสิงอยู่ในอวัยวะของร่างกาย มันไม่ได้สิงอยู่ในความคิด ในจิต และในวิญญาณเรา
- ร่างกายมนุษย์กลายเป็นเนื้อหนัง
- กฎแห่งบาปและกฎแห่งความตายก็อยู่ในร่างกายแห่งบาปนี้ (โรม 7:17-18, 23-24)
- พลังหรืออำนาจของตัวบาป คือพระบัญญัติ (1 คร 15:56; โรม 7:11)
- โรม 7:11 กล่าวว่าตัวบาปฆ่าเราทางพระบัญญัติ เพราะว่าพระบัญญัติให้พลังอำนาจแก่ตัวบาป (คือพระบัญญัติเปรียบเสมือนมีดที่ตัวบาปใช้เพื่อแทงเรา)
- ตัวบาปจะไม่มีพลังอำนาจอะไรเราได้ถ้าหากไม่มีพระบัญญัติ
- 1 คร 15:56 กล่าวว่าพลังของตัวบาปคือพระบัญญัติ
- อย่าแตะพระบัญญัติ ถ้าหากเราพยายามรักษาพระบัญญัติ เราจะถูกมีดแห่งตัวบาปประหารเรา
- เรารักษาพระบัญญัติไม่ได้แน่นอน เป็นความคิดที่ไม่ฉลาดถ้าหากเราคิดจะรักษา
- ทันทีที่เราพยายามจะรักษาพระบัญญัติ ตัวบาปจะใช้พระบัญญัติเพื่อประหารเรา
...
b. จงอยู่ห่างจากพระบัญญัติ ตัวบาปและความตาย
- พระบัญญัติ คือกฎบัญญัติของพระเจ้า
- ตัวบาป คือชีวิตซาตานที่มีพลังเหนือเราเมื่อเราพยายามรักษาพระบัญญัติ
- ความตาย คือการตายฝ่ายวิญญาณ คือการกลับไปเป็นเนื้อหนังหรืออยู่ในเนื้อหนัง
...
c.ยืนอยู่ในร่มพระคุณในพระคริสต์และในชีวิต
- การเต็มล้นด้วยพระคุณ และการขาดพระคุณ
- เราเชื่อเอาว่าเรามีพระคุณของพระเจ้าเต็มล้นในเราแล้ว
- ขอบพระคุณที่พระคริสต์เป็นพระคุณของเราอยู่ในเรา
- พระคุณจะเป็นแหล่งของทุกสิ่งที่เราต้องการในชีวิตฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกาย
- ถ้าหากเราเต็มล้นด้วยพระคุณ เราก็ทนต่อการงานหนักและทุกสิ่งได้
- ตัวบาปมีกำลังมาก แต่พระคุณมีกำลังมากกว่าหลายเท่า
- ฮบ 2:14 ซาตานมีพลังแห่งความตาย
- พระคริสต์เป็นพระคุณมาอยู่ในเรา เพื่อให้เราดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดี
- ที่ใดมีพระคุณที่นั่นก็ต้องมีปัญหา แต่พระคุณจะนำพาเราให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ได้
- เมื่อเราเผชิญกับปัญหา อย่าขอให้พระเจ้ายกปัญหาออกไป แต่ขอให้เพิ่มพระคุณในเรา ปัญหาจะเล็กลงเพราะว่าพระคุณในเราใหญ่ขึ้น
- เมื่อพระคุณเต็มล้นในเรา คำพูดของเราจะมีรสเค็มมากมาย และเราดำเนินในพระวิญญาณทั้งเดินในพระวิญญาณได้ในแต่ละวัน
- ในด้านหนึ่งเราตายต่อชีวิตเก่า และอีกด้านเรามีชีวิตใหม่คือ divine life ชีวิตพระเจ้า เพื่อช่วยเราในการดำเนินชีวิตที่ชำระแล้ว (sanctified) ได้ และแน่นอนที่สุด เราจะเห็นชีวิตและพระลักษณะของพระคริสต์อย่างเต็มล้นในเราผ่านเรา
- โรมบทที่ 7 มีสิ่งที่เป็นด้านลบอยู่สองสิ่งด้วยกัน คือพระบัญญัติและเนื้อหนัง
- โรมบทที่ 7 เปิดเผยเกี่ยวกับเนื้อหนังเป็นทาสและอยู่ใต้อำนาจของพระบัญญัติ
- ในพระคริสต์ เราตายและเป็นขึ้นมาแล้ว และยังเติบโตขึ้นในการตายต่อตัวเก่าและต่อการมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ แต่ในอาดัม เนื้อหนังยังคงอยู่และมีพระบัญญัติเป็นนายบังคับ เนื้อหนังจะมีชีวิตถ้าหากเราปักใจไปที่เนื้อหนังหรือออกจากการสนิทในพระคริสต์
- พระบัญญัติอยู่นอกเรา แต่เนื้อหนังอยู่ในเรา
- โรมบทที่ 5 - 6 คริสเตียนไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติแต่อยู่ใต้พระคุณ การเรียนรู้โรม 7:1-6 จึงสำคัญมากเพื่อการยืนและเดินในร่มพระคุณ และหลุดพ้นจากพระบัญญัติอย่างสิ้นเชิง
- โรมบทที่ 5 มีคนอยู่สองคน มีชีวิตสองแบบ การกระทำสองแบบ และผลที่ได้รับสองแบบ
ส่วนโรมบทที่ 7 มีสามีสองคนคือพระบัญญัติและพระคริสต์ และข้อที่ 1-6 คือการหลุดพ้นจากสามีเก่าเพื่อจะเป็นภรรยาของสามีใหม่ก็คือตาย และพระเจ้านับเราเข้าส่วนในการตายของพระคริสต์แล้ว เราผู้เชื่อทุกคนจึงเป็นของพระคริสต์มีชีวิตอยู่เหนือพระบัญญัติ
...
โรม 7:7-25 มีกฏอยู่สามกฎ (three laws)
1. พระบัญญัติของพระเจ้า
2. กฎของจิตใจ (กฎแห่งความดีความชอบธรรม)
3. กฎแห่งความบาปและความตาย
...
พระบัญญัติของพระเจ้า มีไว้เพื่อให้ตัวเก่ารักษา (The law of God)
- พระเจ้าประทานพระบัญญัติ เนื่องจากว่ามนุษย์ไม่เลือกชีวิตที่จะพึ่งพาพระเจ้า แต่กลับเลือกชีวิตที่พึ่งตนเองโดยอาศัยความรู้ดีชั่วนำทาง
- พระเจ้าประทานพระบัญญัติเพื่อให้มนุษย์รักษาไม่ได้และยอมแพ้ (โรม 7:1-6)
- พระบัญญัติมีหน้าที่ให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับบาปว่าอะไรบ้างที่ผิดต่อพระเจ้า (โรม 3:20; 7:7)
- ถ้าหากที่ใดไม่มีพระบัญญัติ พระเจ้าก็ถือว่าที่นั่นไม่มีการละเมิด (โรม 4:15)
- พระบัญญัติเข้ามาเพื่อจะได้มีการละเมิดมากขึ้น (โรม 5:20)
เก่า-ใหม่
เก่า = เพราะความตกต่ำ เราคือคนเก่า
ใหม่ = เพราะเชื่อในพระคริสต์ เราคือคนใหม่
เก่า = เพราะความตกต่ำ เราคือภรรยาของพระบัญญัติ เราต้องรักษาพระบัญญัติ
ใหม่ = เพราะเชื่อ เราคือภรรยาของพระคริสต์
...
- พระบัญญัติจะเป็นนายและมีอำนาจเหนือเราตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ (โรม 7:1)
- โดยพระบัญญัติ ตัณหาของบาปจึงทำงานได้ในเรา และให้เกิดผลบาปที่นำไปสู่ความตาย (โรม 7:5-6)
- เราถูกทำให้ตายแล้วในพระคริสต์ทางพระกายของพระองค์ ไม่ใช่ในตัวเราเอง (โรม 7:4)
- เราร่วมตายกับพระคริสต์ (โรม 6:6) และร่วมเป็นขึ้นมากับพระคริสต์ และร่วมมีชีวิตกับพระคริสต์
- ทางพระบัญญัติเราตายต่อพระบัญญัติ เพื่อเราจะมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า (กท 2:19)
- พระบัญญัติมีไว้สำหรับเนื้อหนังตัวเก่า และเมื่อตัวเก่าตายแล้ว เกิดมีตัวใหม่ เรามีพระคริสต์เป็นสามีใหม่ของเรา และเป็นศีรษะของเรา
- ในฐานะภรรยา และ ร่างกายของพระคริสต์ เราฝึกในการที่จะให้พระองค์เป็นผู้นำ คิดตัดสินใจ ทำแทนในทุกด้าน (Depends on Christ) เราจึงสามารถเกิดผลถวายแด่พระเจ้า (โรม 7:4) และดำเนินชีวิตตามลักษณะวิญญาณ (โรม 7:6)
- ผู้เชื่อส่วนมากชอบตั้งคำถามถามว่า ผมจะรับใช้ เชื่อฟังอย่างไร ผมไม่รู้ว่าผมมีของประทานอะไร อย่างไหนถูกอย่างไหนผิด นั่นไม่ใช่การพึ่งพาในสามีและศีรษะของเรา
- กท 4:21-26, 31 ลูกแห่งพระสัญญากับลูกทาส ลูกแห่งพระคุณกับลูกแห่งพระบัญญัติ
- ขอบคุณพระเยซูเรากลับมาอยู่ในฐานะของภรรยาของพระคริสต์ เพื่อเกิดผลถวายเกียรติแด่พระเจ้า และผลในที่นี้ก็คือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตในเรา
- เพราะว่าเนื้อหนังที่ปราศจากพระคริสต์ดำเนินชีวิตในเราร่วมกับเรา ก็คือ ความตาย
- เรามีพระคริสต์เป็นสามีและเป็นศีรษะ ทรงเป็น Life liver และ law keeper ในเรา พระองค์เป็นกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตที่เคลื่อนไหวในเรา เพื่อเอาชนะกฎแห่งความบาปและความตาย (โรม 8:1)
- "พระคริสต์ในเรา" คือคำตอบของปัญหาที่อาดัมมีอยู่ ทรงเป็นความหวังแห่งสง่าราศี (คส 1:27)
โรม 7:7-25 มีสามกฎ คือ
- 1. กฎบัญญัติของพระเจ้า (พระบัญญัติของพระเจ้า) the law of God
- 2. กฎแห่งจิตใจ (กฎที่ดีชอบธรรม) the law of good และ
- 3. กฎแห่งความบาปและความตาย the law of sin and death
- 7:7 พระบัญญัติให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบาป (ต่อพระเจ้า)
- 7:8 พระบัญญัติช่วยตัวบาปให้ทำงานในเรา (พระบัญญัติไม่ได้ช่วยอะไรเราเลยในการเอาชนะบาป)
- 7:9 พระบัญญัติปลุกตัวบาปให้ลุกขึ้นมาเพื่อขัดขวางเรา เมื่อเราจะทำดีเชื่อฟังพระเจ้า
- 7:10 ถ้ารักษาพระบัญญัติได้จริงๆ เราก็ได้รับชีวิต แต่ปรากฏว่าการรักษาพระบัญญัติกลับทำให้เรามาถึงความตาย (เพราะรักษาไม่ได้จริงๆ)
- 7:11 บาปจะยุให้เรารักษาพระบัญญัติ เพื่อพระบัญญัติจะลงโทษและประหารเรา (เพราะบาปทำอะไรเราไม่ได้)
- 7:12-13 พระบัญญัติเป็นมาจากพระเจ้า แต่พระบัญญัติเป็นเหตุทำให้บาปมีกำลังมากขึ้น
- 7:14 เนื้อหนังถูกขายให้บาปแล้ว บาปเป็นเจ้าของและเป็นนายของเนื้อหนัง
- 7:15 "ข้าพเจ้าไม่รู้" หรือ "ไม่อนุญาต" คือไม่ยินดี หรือ ไม่เป็นใจ ไม่พอใจที่จะทำบาป
- 7:16 คือ ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ เพราะเราเป็นทาสของบาป
- 7:18 อยู่ในเนื้อหนังของเราไม่มีอะไรดีสถิตอยู่ (แต่ในวิญญาณและในจิตส่วนที่ชำระแล้วมีพระคริสต์)
- 7:19-20 บาปเป็นคนกระทำในเรา ไม่ใช่เราเป็นคนทำ เมื่อบาปใช้ร่างกายนี้ทำบาป เราจึงถูกปรับโทษ
- 7:21 มีกฎหนึ่ง (คือกฎแห่งความบาปและความตาย) จะต่อสู้เรา เมื่อใดที่เราตั้งใจจะทำดีเพื่อพระเจ้า
- 7:22 ผู้เชื่อทุกคนมีความปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระเจ้า
- 7:23 มีอีกกฎหนึ่ง (คือกฎแห่งความบาปและความตาย) ต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของเราและชักนำเราให้อยู่ใต้อำนาจของมัน
- 7:24 "โอ ข้าพเจ้า" ช่างเป็นคน "อ่อนแอ (ไร้สมรรถภาพ)" เช่นนี้ เปาโลยอมรับในความอ่อนแอของเนื้อหนัง
"ใคร" จะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจาก เปาโลมองหาผู้ช่วยเพื่อมาช่วยเขา
ร่างกายแห่งความตายและร่างกายแห่งบาป คือร่างกายที่เห็นอยู่นี้ที่เป็นที่อยู่ของตัวบาป ถูกขายให้บาป และอ่อนแอ ไม่มีกำลังเอาชนะบาปได้
- โรม 7:25 "โดยทางพระคริสต์" เราจึงเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายได้ เพราะว่าพระคริสต์นำเอากฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเพื่อเอาชนะบาปได้ (โรม 8:1-2)
- ในเรามีสองคน คือเนื้อหนังและวิญญาณ ถ้าหากเราอยู่ในพระวิญญาณในจิตใจที่ถูกชำระแล้วเราเกิดผลแด่พระเจ้า แต่ถ้าหากเราอยู่ในเนื้อหนังเรารับใช้กฎแห่งบาป
- โรมบทที่ 7 เราเป็นทาสบาป โรมบทที่ 8 เราเป็นอิสระจากบาป
- โรมบทที่ 7 เรามีพระบัญญัติ โรมบทที่ 8 เรามีพระวิญญาณของพระคริสต์
- โรมบทที่ 7 เราเป็นเนื้อหนัง โรมบทที่ 8 เราเป็นวิญญาณ
- โรมบทที่ 7 เราเป็นทาสของบาปในเนื้อหนัง โรม 8 เรามีอิสระของพระวิญญาณในวิญญาณของเรา
.....
โรม บทที่ 8 ไม่มีคำสอนเรื่องการเดินในพระวิญญาณในฝ่ายวิญญาณ มีเพียงคำสั่งให้เราเดินในพระวิญญาณเพื่อวิญญาณของเราจะเต็มล้นด้วยชีวิตหรือพระคุณของพระคริสต์
- 8:1 มีคำว่า กฎ คำว่า พระวิญญาณ และ คำว่า ชีวิต และสามสิ่งนี้เป็นหนึ่งเดียว
- 8:2 มีคำว่า กฎ คำว่า บาป และคำว่า ความตาย และสามสิ่งนี้เป็นหนึ่งเดียว
- 8:3 พระคริสต์มาในสภาพเหมือนเนื้อหนัง เพื่อปรับโทษบาปที่อยู่ในเนื้อหนัง เพราะเนื้อหนังรักษาพระบัญญัติไม่ได้
- 8:4 เพื่อความชอบธรรมจะสำเร็จในเรา คือเพื่อเราจะเห็นพระคริสต์ทำแทน เพราะว่าเราเดินในพระวิญญาณ เราไม่ได้เดินในเนื้อหนังอีกต่อไป
** การทำให้ความชอบธรรมสำเร็จในเรา คือการฝึกเดินในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเข้าสู่ การแยกออก (Sanctification) การเปลี่ยนใหม่ (transformation) และสง่าราศี (glorification)
- 8:5 คนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง คนที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณปักใจในสิ่งที่เป็นของพระวิญญาณ
** ปักใจ แปลว่า mind – การปักใจ คือกุญแจสำคัญในการเดินในพระวิญญาณ
** จิตในส่วนที่เป็นความคิด มีอิสระเสรี ไม่มีใครบังคับได้ แต่ถูกซาตานหลอกได้ หรือถูกพระเจ้าตักเตือนและหนุนใจได้
** เมื่อ ความคิด ต้องการพึ่งพาพระคริสต์ผู้เป็นสามี ยอมเป็นทาส หรือยอมอยู่ใต้บังคับของพระคริสต์ โดยการขอให้พระองค์เป็นนายและนำพา ความคิดและการปักใจจะจดจ่อไปที่พระวิญญาณและฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน (ฟป 2:13)
** โรมบทที่ 7 ความคิดเป็นอิสระแต่ถูกซาตานทำให้หลงทาง เชื่อผิดคิดผิด
** โรมบทที่ 8 ความคิดยอมอยู่ใต้การนำพาของพระวิญญาณแล้ว
** ปักในใส่พระวิญญาณฝ่ายวิญญาณ คือทุกส่วนของชีวิตเราหันมาให้ความสนใจที่ฝ่ายวิญญาณ
.....
อ่านผลที่ได้รับสองแบบใน โรม 8:6 >>> ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนังก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข
- 8:6 ตาย ในที่นี้ คือความอ่อนแอหรือการตายทีละนิดละหน่อยของวิญญาณของเรา คือการออกห่างพระเจ้าไป และเนื้อหนังมีชีวิตมากขึ้น
** ยกตัวอย่าง เราคิดจะซื้อมือถือรุ่นใหม่ ราคาก็แพงและมือถือของเราก็ยังใช้ได้อยู่ เราพูดว่าผมรับใช้พระเจ้า ใช้เงินเพื่องานการรับใช้ยังมากกว่านี้หลายเท่า อีกสักเครื่องก็ไม่เป็นไรหรอก นี่คือวิญญาณตายลง และเมื่อเรายิ่งคิดเรื่องความสวยงามและทันสมัยของมือถือเครื่องนั้น วิญญาณของเราก็ตายมากขึ้นและเนื้อหนังของเราก็มีชีวิตอยู่ เมื่อเขามาร่วมในที่ประชุม เขาอาจจะอ่าน อธิษฐาน ร้องเพลง และเผยพระวจนะ แต่วิญญาณของเขาตายเนื่องจากเขายังปักใจในสิ่งที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง
** ชีวิต คือเต็มล้นด้วยชีวิตหรือพระคุณของพระคริสต์ในเรา สันติสุขคือความสงบสุขและความชื่นชมยินดี
** จงรักษาวิญญาณของเราให้มีชีวิอยู่ คืออย่าอยู่นิ่งเฉยเมื่ออยู่คนเดียวหรือร่วมกับพี่น้อง เพราะการนิ่งเฉยคือการตายในวิญญาณ เราจะไม่ได้ช่วยอะไรพี่น้องในการเสริมสร้างเลย
- จงรักษาวิญญาณของเราให้มีชีวิตอยู่ คือสนิทในพระคริสต์และปักใจไปที่ฝ่ายวิญญาณหรือพระวิญญาณ เมื่อเผลอรีบกลับมาอยู่ในวิญญาณและขอพระคริสต์ให้รักษาเราไว้
...
การปักใจไปที่พระวิญญาณ คือการตรึงเนื้อหนังตัวเก่าของเราทุกส่วนไม่ให้ทำอะไรได้
(กท 5:24 ผู้ที่เป็นของพระคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยากและราคะตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนเสียแล้ว)
- 8:7 เมื่อเราอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เราถูกนับว่าเป็นศัตรูกับพระเจ้า เป็นเรื่องของการเดินในแต่ละวัน
- 8:8 การทำดีด้วยเนื้อหนัง หรือ เป็นคริสเตียนอาดัม จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้
- 8:9 ถ้าหากพระวิญญาณสถิตในเราจริงๆ แล้ว คือถ้าหากเรารู้จริงๆ เข้าใจและเชื่อจากนั้นเราก็ทำบัญชี เราจึงไม่อยากอยู่ฝ่ายเนื้อหนังแต่อยู่ในพระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คือเขาไม่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นของพระองค์
- 8:10 ร่างกายก็ตายไปเพราะบาป คือร่างกายนี้จะตายไปเพราะเป็นที่อยู่ของตัวบาป แต่วิญญาณก็มีชีวิต คือวิญญาณเราได้บังเกิดใหม่และมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรมของพระคริสต์ เราจึงได้บังเกิดใหม่ วิญญาณที่ตายจึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และต่อมา ความชอบธรรมนี้จะเกิดผลในเรา
- 8:11 คือพระวิญญาณจะประทานชีวิตจากวิญญาณสู่จิตและจากจิตไปสู่ร่างกาย ทั้งสามส่วนจะเต็มล้นด้วยพระวิญญาณและพระคุณ ที่เป็นชีวิตของพระเจ้าในเรา ร่างกายเราจะแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี ไม่เหนื่อย อ่อนแอง่วงเหงา และสุดท้ายร่างกายนี้จะถูกเปลี่ยนใหม่เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา
- 8:12 เราเป็นหนี้พระเจ้า เราจึงควรที่จะจริงจังกับการถวายตัวเพื่อดำเนินในพระวิญญาณอย่างสม่ำเสมอเพื่อเกิดผลแด่พระองค์
- 8:13 ตาย คืออยู่ในการปรับโทษ เป็นทุกข์ ชีวิตขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาป
- 8:14 บุตร ในที่นี้ คือบุตรที่รัก
- 8:15 เมื่อเราถูกเปิดตา เราจึงได้รู้ว่า พระเจ้าประทานนิสัยที่ไม่กลัวพระองค์ เพราะว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมทางออกทุกทางให้กับเราเพื่อเดินในพระวิญญาณอย่างง่ายดาย ภาระเบา แอกก็เบาและอยู่ในสะบาโตของพระคริสต์ทุกเวลา
...
อับบา ภาษาอาราแมค แปลว่า บิดา หรือ พ่อ
- พระเจ้าชอบธรรม จึงต้องทำให้เรากลายเป็นคนชอบธรรม (Justified)
- พระเจ้าบริสุทธิ์ จึงต้องแยกเราออกเพื่อที่จะใช้เรา (เพื่อพระองค์) เราจึงบริสุทธิ์ (Sanctified)
- พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีสง่าราศี จึงทำให้เรามีสง่าราศีเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้ชั่วนิรันดร์
- เปาโลเขียนหนังสือโรม ท่านลำดับสามเรื่องที่สำคัญด้วยกันอย่างเช่นการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรม การชำระเพื่อแยกออก (sanctification) (กระบวนการการเปลี่ยนแปลงของจิต) และสงร่าศีของร่างกาย (the glory of the body)
- พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ และทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงมีสง่าราศี การทำงานเพื่อไถ่มนุษย์จึงเกี่ยวข้องกับสามสิ่งนี้
- ธรรมชาติของพระเจ้า คือ ความบริสุทธิ์ (God nature is Holiness) พระเจ้าเปลี่ยนจิตเราเพราะว่าพระเจ้าบริสุทธิ์
- การกระทำทุกสิ่งของพระเจ้าเป็นความชอบธรรม (everything God does is righteous) พระเจ้าชำระให้เรากลายเป็นคนชอบธรรมเพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม
- การสำแดงพระองค์เอง คือ สง่าราศี (God express is glory) พระเจ้าทำให้เราเข้าสู่สง่าราศีเพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงมีสง่าราศี
- ในการชำระให้ชอบธรรม (Justify) ทำให้วิญญาณเรากลับมามีชีวิต,
- ในการชำระให้บริสุทธิ์ (Sanctify) ทำให้จิตของเราได้รับมีชีวิตพระเจ้า
- ในการทำให้มีสง่าราศี ทำให้ร่างกายของเรามีสง่าราศีเหมือนพระเยซูคริสต์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
- หลังจากเราได้รับการชำระให้เป็นคนชอบธรรมแล้ว วันนี้เราจะอยู่เพื่อการชำระให้บริสุทธิ์ คือเลิกทำบาปได้
- การชำระดังกล่าว ไม่ใช่เป็นแค่การเปลี่ยนตำแหน่งหรือสภาพต่อพระเจ้า แต่เป็นการแยกออกมาเพื่อพระเจ้า
คือ การแยกจากการทำบาปทั้งสิ้นที่เป็นนิสัยและธรรมชาติของบาป
คือ การแยกจากการคิดลบและคิดแบบเนื้อหนังทั้งสิ้น
คือ การแยกจากการพูดจาแบบอาดัมที่ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าทั้งสิ้น
คือ การแยกจากการกระทำทุกสิ่งที่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระบิดาทั้งหมด
- การชำระให้เป็นคนชอบธรรมไม่ต้องใช้เวลาคือได้รับทันทีที่เราเชื่อ แต่การชำระให้บริสุทธิ์นี้ ต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ และแต่ละคนจะรับการเปลี่ยนใหม่ไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน