ขออ่านสรุปเพื่อย้ำเตือนเรา แล้วเราจะสามัคคีธรรมกันใน 4-5 ข้อนี้
** ข้อแรก ก็คือ เรื่องการเข้าสุหนัต ซึ่งเอ่ยถึงในหนังสือกิจการในบทนี้ คือการตัดหนังหุ้มปลายองคชาติ เพื่อทำสัญญากับพระเจ้าของชาวยิว เพื่อการเป็นประชากรของพระเจ้า และรับพระพรจากพระองค์
สำหรับเราคริสเตียน ก็คือลูกหลานฝ่ายวิญญาณของอับราฮัม และเป็นยิวแท้สำหรับพระเจ้า ขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ เราเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณ ทันทีที่เราเชื่อเราได้รับมรดกร่วมกับพระเยซูในพระเยซู เอเมน
** ข้อที่สอง เรื่องการรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้รับพระพรและได้รอดของชาวยิวในยุคพระบัญญัติ พระบัญญัติเดิมเป็นสิ่งชั่วคราว เพื่อชาวยิวจะรักษา เพื่อให้ได้รับพระพรและได้รอดในวันสุดท้าย พระบัญญัติเป็นสิ่งชั่วคราวเพื่อกักขังยิว และทำให้ยิวยอมแพ้ และหันมาร้องขอการช่วยเหลือจากพระคริสต์ในยุคพระคุณ ซึ่งก็คือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตในเราแทนเรา เพื่อเข้าไปในอาณาจักร
ตรงนี้นะครับผมอยากจะสามัคคีธรรมกับพี่น้อง ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยเมื่อรับมานาฯ มานาน ความรอดมี 2 รอดเอามาจากไหน แล้วหลักฐานข้อพระคัมภีร์อยู่ที่ไหน
โดยทั่วไปเราพบว่ามีพระคัมภีร์หลายตอน ที่บอกว่าเชื่อไม่พอต้องมีการปฏิบัติ ถ้าไม่มีการปฏิบัติก็คือความเชื่อที่ตายแล้ว และเชื่อไม่พอต้องตัดแขนตัดขาควักตา ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องอนาคตนะครับ ทีนี้เรามาค้นดู สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิบัติการรักษาพระบัญญัติ การทำดีการเลิกทำบาปต่างๆ
เราพบว่าในหนังสือมัทธิว และคำสอนของพระเยซูในอีกสามเล่ม พระเยซูย้ำนะว่าเข้าไปในอาณาจักร เข้าไปในอาณาจักร เข้าไปในอาณาจักร เรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ การรักษาพระบัญญัติ การทำดี จะเป็นเรื่องของการเข้าไปในอาณาจักร แล้วเรารู้นะว่าอาณาจักรของพระเยซูจะมาก็คือยุคพันปี ก็คือในคำทำนายในหนังสืออาโมสบทที่ 9 นี้
และเราพบอีกว่าคำว่ารอด รอด หรือ save หรือรอด เราพบในหลายๆ ตอนที่พระเยซูตรัสและพบในหลายตอนที่เปาโลกล่าวโดยพระวิญญาณ คือรอดในวันสุดท้าย
ซึ่งถ้าหากเราแยกสิ่งนี้ไม่ได้ เราไม่ได้รับการเปิดตาโดยพระวิญญาณ ในเกี่ยวกับเรื่องรอด 2 รอดนี้ มันจะเกิดในการแบ่งแยก แตกแยก และทุกวันนี้ก็เป็นอยู่แล้ว มี 2 กลุ่มใหญ่ ที่เชื่อว่าเชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติจึงจะรอด ต้องเลิกทำบาปจึงจะรอด ต้องทำทุกสิ่งจึงจะได้รอด ไม่ใช่เชื่อเท่านั้น แต่อีกกลุ่มหนึ่งบอกว่า เชื่อเท่านั้น คำว่าเชื่อคำเดียว เชื่อพระเยซู ต้อนรับพระเยซูว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ได้รอดแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ ซึ่ง 2 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มแบ๊บติสต์ก็คือกลุ่มแรก กลุ่มที่สองก็คือกลุ่มเพนเทคอสเป็นกลุ่มใหญ่ และก็มีการถกเถียงมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้
เขาไม่ได้พบอาณาจักร เขาจึงเข้าใจว่าความรอด มีรอดเดียว แต่รอดนึงก็คือเชื่อเท่านั้นก็พอ อีกฝ่ายนึงก็บอกว่าเชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ก็มีการถกเถียงกันมาจนถึงยุคนี้ และจนถึงวันสุดท้ายด้วย
แต่เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเปิดเผยความจริง และเปิดตาเราผ่านพระคำล้ำลึก โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งความจริง และเราได้มาพบความจริงว่ารอดมี 2 รอดในพระคัมภีร์ สรรเสริญพระเยซูสำหรับสิ่งนี้
** สำหรับข้อที่สาม การเชื่อเพื่อให้ได้รอดของยิวและต่างชาติในยุคพระคุณ มาถึงยุคพระคุณแล้วนะครับ ก็คือพระคุณและความรักของพระเจ้าเทลงมาอย่างมากมายทั่วโลก พระเจ้าปัจจุบันนี้ก็คือพระองค์ประทับที่พระที่นั่งแห่งพระคุณ เราจะเห็นในพระคัมภีร์นะครับ ซึ่งเมื่อก่อนพระเจ้าประทับที่พระที่นั่งแห่งการตัดสินแห่งการพิพากษา พระที่นั่งแห่งพระพิโรธ หลายๆ พระที่นั่ง
แต่ตอนนี้มาถึงยุคนี้ สรรเสริญพระเจ้าเราเกิดมาถูกยุคถูกเวลา ก็คือยุคพระคุณซึ่งพระองค์เทพระคุณและความรักของพระเจ้าลงมาอย่างมากมายเต็มโลกทั่วโลกทุกที่ทุกแห่งทุกหน เพราะฉะนั้นทุกคนที่เชื่อในพระบุตรก็ได้รอด และรับพระพรกลายเป็นบุตรพระเจ้า กลายเป็นลูกหลานอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ เป็นยิวแท้ ขอบคุณพระเยซูเราเป็นยิวแท้ เราไม่ต้องรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม
แต่เราเชื่อในพระบุตร พระเยซูเป็นคนรักษาพระบัญญัติ พระองค์เป็นคนชอบธรรมเป็นผู้บริสุทธิ์ เราจึงชอบธรรมเท่ากับพระเยซู เป็นผู้บริสุทธิ์เท่ากับพระองค์ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เพราะเรา แต่เครดิตนี้ก็คือยกให้พระเยซู ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้นการที่จะได้รอดเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ขอเพียงแค่เราเชื่อและต้อนรับพระเยซู เป็นพระบุตรพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เท่านั้นเอง
แต่สำหรับพี่น้องที่อยากมีส่วนในการครอบครองร่วมกับพระเยซู อยากนั่งที่นั่งที่อยู่ใกล้พระเยซู มีส่วนครอบครองจักรวาลร่วมกับพระองค์ ก็คือการแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ ก็คือดำเนินชีวิตของพระคริสต์ เพื่อสำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์ต่อโลกต่อพี่น้องต่อญาติต่อเพื่อนต่อทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา ให้เขาเห็นพระเยซูไม่ใช่เห็นเรา ถ้าเมื่อไหร่นะครับเราทำได้สำเร็จ เราก็กลายเป็นผู้ชนะ และเมื่อเรากลายเป็นผู้ชนะ เราก็จะมีส่วนได้รับมงกุฎและนั่งใกล้พระเยซู ไปที่ไหนเราก็ไปด้วย อยู่ที่ไหนเราก็อยู่ด้วย ขอบคุณพระเยซู
สำหรับเรื่องการกินดื่มนะครับ เรากินอะไรก็ได้ กินอะไรก็ได้ไม่มีปัญหา ขอเพียงแค่เรากินด้วยการขอบพระคุณ ทุกครั้งที่เราจะกินไม่ต้องพูดยาวนะครับ “เอเมนพระเยซู” แล้วก็เชื่อนะครับว่าอาหารนี้ถูกชำระแล้ว ขอบพระคุณนะครับทุกสิ่งอยู่ในคำว่า “เอเมน” คำเดียว ไม่พูดยาว
แล้วสุดท้ายก็คือ ก็คือคำทำนายของหนังสืออาโมส ที่พูดถึงเรื่องการกลับมาสร้างพลับพลาของดาวิด กษัตริย์ดาวิดสร้างพระวิหาร แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็มาสานต่อ จากนั้นพระวิหารก็ถูกทำลาย ในประวัติศาสตร์มีพระวิหารการถูกทำลาย พระวิหาร 2 ครั้ง และพระวิหารครั้งที่ 3 ไม่ใช่ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ มันจะเกิดขึ้นคือกลียุค 3 ปีครึ่งสุดท้าย ซึ่งพระคริสต์เทียมเท็จจะมาแล้วสร้างได้สำเร็จ
แต่พระวิหารที่พระเยซูจะมา ไม่ใช่พระวิหารที่พระคริสต์เทียมเท็จสร้าง พระวิหารที่พระเยซูจะสร้างจะนำลงมาจากสวรรค์ ก็คือในยุคพันปี และจะอยู่จนถึงฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เอเมน
แล้วก็ทั้งยิวทั้งคนต่างชาติจะอยู่ร่วมกันกราบไหว้พระเยซู เข้าไปนำเครื่องถวายบูชาเครื่องถวายบรรณาการทุกสิ่งไปหาพระเยซูเมื่อไหร่ก็ได้ พระเยซูต้อนรับ พระเยซูไม่เคยหันหลังให้ใคร พระองค์ต้อนรับทุกๆ คนที่จะเข้าไป แล้วพระองค์ก็จะให้พร กลับมาทำมาค้าขาย ทำมาหากิน ทำไร่ไถนา ก็จะมีฝนมากมายเทลงมาสำหรับเขา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับยุคอาณาจักรที่กำลังจะมา ถึงแม้ว่าเราได้ยินข่าวร้ายทุกวันนี้เรื่องสงคราม เรื่องโรคระบาด เรื่องภัยธรรมชาติ แต่ฟ้าหลังฝนก็จะตามมา ก็คือยุคพันปี
ถาม.
ขอถามเรื่องการรับประทานเลือด การห้ามรับประทานเลือดครับอาจารย์ พี่น้องบางคนก็บอกว่ายุคสมัยเรานี้สามารถกินได้ เพราะว่าอาหารไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่หรือว่าต้มเลือด ก็เขาบอกว่าสะอาดแล้ว แต่ที่พระคัมภีร์ห้ามว่าห้ามกินเลือดหมายถึงเลือดที่คนต่างชาติเขาเอาไปบูชาพระอื่น อย่างเช่น ตอนที่เอาวัวมาเพื่อที่จะค่าถวายบูชาตอนที่เปาโลกับบานาบัสใช่ไหมครับ ที่ไปประกาศแล้วก็มีคนเชื่อ แล้วก็เขาเข้าใจผิดว่าเปาโล บานาบัส เป็นเทพเป็นพระเจ้า เขาจะเอาวัวมาถวาย เขาบอกว่าการที่ห้ามกินเลือดคือวัวที่ฆ่าสดๆ แล้วก็คนต่างชาติเขาจะกินเลือด พระคัมภีร์ข้อนี้ก็เลยหมายถึงว่าห้ามกินเลือดที่ถวายพระอื่น อาจารย์อธิบายให้ฟังหน่อยครับ
ตอบ.
สำหรับเลือดนะครับ คือฝ่ายพระเจ้า พระองค์มองว่าเลือดก็คือเป็นชีวิต พระเจ้าอาจจะนับศีรษะแขนขาอะไรอวัยวะต่างๆ แต่ที่ที่สำคัญที่สุดที่พระเจ้าเรียกว่า ชีวิต ก็คืออยู่ที่เลือด โลหิตนะครับ
และสำหรับเลือดนะครับเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรค ของพยาธิทุกชนิด มันมีเชื้อโรคและพยาธิมีอยู่มากกว่าทุกที่ทุกแห่งทุกหนในอวัยวะของเรา ในร่างกายของเรา ก็คืออยู่ที่เลือด ก็คือเราอาจจะต้มให้เดือดเพื่อให้มันสุก แล้วก็อาจจะฆ่าเชื้อโรคได้ แต่อันนี้เป็นความเข้าใจผิดนะครับ ใช่ครับ มีเชื้อโรค มีพยาธิหลายชนิดที่ตายเพราะความร้อน เพราะการต้มด้วยน้ำให้เดือด แต่มีพยาธิอีกมากมายหลายชนิดที่มันไม่ตายมันไหว้เล่นเฉยๆ ก็คือมันรอดจากความร้อนได้ มันไม่ตาย แล้วเมื่อเรารับประทานเข้าไป ก็คือจะมีอาการป่วยมีปัญหาทางสุขภาพ ทางด้านสุขภาพ
เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงห้าม..
ก็คืออันแรก ก็คือเพราะเห็นว่าเลือดเป็นตัวแทนของชีวิต คือการฆ่าชีวิต
อันที่สอง ก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ พระเจ้าจึงห้ามเราไม่ให้ทานเลือด
ใช่ครับเรากินอะไรก็ได้เราทานอะไรก็ได้ พระเยซูก็ตรัส เปาโลก็พูดถึง แต่เลือดเป็นสิ่งที่ต้องห้าม เพราะว่าเป็นสิ่งที่ระมัดระวังยากมาก
ถามว่าพระเจ้าทำไมห้ามเรื่องชีวิต เรื่องฆ่าสัตว์ จริงๆ แล้วนะครับ เรารู้กันดีใช่ไหมพระเจ้าสร้างอาดัมเอวาและลูกหลาน คือมีพระประสงค์ที่จะให้สัตว์อยู่เป็นเพื่อน เป็นผู้ช่วยงานของอาดัมเอวา เป็นเพื่อนนะครับ "ไม่ใช่ฆ่ากิน"
แต่มาถึงระยะหนึ่งที่มนุษย์ต้องการที่จะกินสัตว์ แล้วพระเจ้าเห็นว่าเมื่อคุณอยากกิน เมื่อคุณมาถึงจุดนี้พระเจ้าก็อนุญาต แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้กินนะครับ (ความเป็นจริง) เดิมที เพราะฉะนั้นเลือด การฆ่าสัตว์ การฆ่าสิ่งที่มีชีวิต เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย แต่เมื่อมีการฆ่าเพื่อต้องกินต้องเป็นอาหาร พระเจ้าก็ อ่ะ โอเคไปด้วย ไม่เป็นไร ก็คุยกันได้ประมาณนี้ เข้าใจกันนะครับ
จริงๆ แล้วเลือดเป็นตัวแทนของชีวิต ที่พระเจ้าต้องห้าม พระเจ้าไม่ต้องการให้เรากินเลือดหรือฆ่าสัตว์ หรือกินชีวิตนะครับ และอีกอย่างสุดท้าย ก็คือเลือดเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคของพยาธิต่างๆ ที่เราตามองไม่เห็น แต่มันมีผลร้ายต่อชีวิตของเรา ซึ่งบางชนิดก็ตายเมื่อถูกน้ำร้อน แต่บางชนิดไม่ตาย
อีกครั้งขอย้ำนะครับ มันว่ายเล่นมันอยู่สบายๆ เลยไม่รู้สึกอะไรเลย ความร้อนทำอะไรมันไม่ได้
สำหรับร้านอาหาร ร้านอาหารทั่วไป ถ้าเป็นได้นะครับ ผมหนุนใจพวกเราหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง ผมรู้นะครับว่าหลายคนชอบ แล้วมันก็อร่อย ก็เข้าใจนะครับ แต่คือสิ่งที่มันอร่อยสิ่งที่มันดีสำหรับเราที่เห็นว่าชอบ แต่มันจะทำลายชีวิตของเราอีกไม่นานต่อมาเราจะเสี่ยงกินมันมั้ย มันมีอาหารหลายๆ อาหารหลายประเภทที่อร่อยมากกว่านั้นนะครับ
และผมอยากจะขอบอกกับพวกเราว่า สำหรับผู้ที่เดินในพระเยซู สิ่งที่ไม่อร่อยมันก็กลายเป็นสิ่งที่อร่อยได้ สิ่งที่มันขมพระเจ้าเปลี่ยนให้มันเป็นรสหอมหวานได้ เชื่อไหมครับ คือสิ่งที่ไม่อร่อยกลายเป็นสิ่งที่อร่อยมากๆ ได้
มานาจากสวรรค์ สำหรับอิสราเอล 40 ปี อิสราเอลรับประทาน 40 ปี มันเป็นแค่เมล็ดที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่ เป็นแผ่นนะครับแล้วก็มันเป็นแป้ง ไม่มีรสชาติอะไรมากมาย แต่พอกินเข้าไปก็คือประทังชีวิตได้ 40 ปี แล้วก็ชาวอิสราเอลกินไม่เบื่อ ก็คือมันมีรสชาติที่อร่อย
สำหรับคนที่อยู่ในพระเจ้าเดินไปกับพระคริสต์ สิ่งที่ไม่อร่อยก็อร่อยได้
มีพี่น้องบางคนที่เอ่ยถึง ที่พูดถึงเรื่องบัพติศมา ก็คือต้องเรียนรู้ให้พอก่อน จึงค่อยบัพติศมาได้ใช่ไหม อันนี้เป็นกฎของหลายคริสตจักร หลายคริสตจักรตั้งกฎแบบนี้ จริงๆ แล้วนะครับสำหรับในพระคัมภีร์ เราพบคำตอบใช่ไหมว่า ฟิลิปเดินทางไปประกาศ แล้วก็นั่งรถม้าไปกับขันทีคนหนึ่ง พอพูดถึงเรื่องพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ขันทีคนนี้ก็คือเลื่อมใสในศาสนายิว ไปนมัสการที่โบสถ์ของยิวที่พระวิหารที่เยรูซาเล็ม
ขากลับนะครับตอนกลับก็คือมีฟิลิปเดินทางไปด้วยนั่งรถม้าไปด้วย ปรากฏว่าฟิลิปก็พูดถึงเรื่องพระเยซูเรื่องคำทำนายที่ขันทีคนนั้นได้รับได้เรียนรู้มาจากพระวิหาร ต่อมาขันทีคนนี้ก็ต้อนรับพระเยซู เชื่อ ไม่ต้องมีคอร์ส มีอะไร ต้องเรียนรู้มากมายขนาดไหนใช่ไหม เพียงแต่เขาได้รู้ว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วอธิบายนิดๆ หน่อยๆ นะครับ พอเป็นปูพื้นให้เขา จากนั้นเมื่อขันทียินดีที่จะรับเชื่อ ต้อนรับ ก็คือให้เขารับบัพติศมาทันที เราเห็นนะครับคำตอบ
แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ใช่ไหม ต้องเรียน ต้องมีบทเรียนเก้าบท บทเรียนสิบบท บทเรียนอะไร แล้วก่อนที่จะรับบัพติศมาก็ต้องมีคนมาอธิษฐาน มีร้องเพลงสัก 2-3 เพลงก่อนพอเป็นพิธี แต่เราดูในพระคัมภีร์มีคำตอบนะครับ ก็คือ ไม่ใช่พิธีรีตอง ไม่ใช่ทำอะไรมากมาย ก็คือลงไปในน้ำแล้วก็บอกว่า จะรับโดยที่เรายินยอม เราเชื่อในพระบุตร เชื่อในพระเยซูคริสต์ ว่าเป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
เรื่องพระบัญญัตินะครับถามว่าทำไม คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ยังรักษาพระบัญญัติเดิม ทั้งๆ ที่พระเยซูตรัสหลายที่หลายแห่งในพระคัมภีร์ใช่ไหม มีหลายข้อนะครับ พระเยซูบอกว่าเราให้บัญญัติใหม่ เราให้บัญญัติใหม่แก่เจ้า แล้วทำไมเขาไม่เห็นพระบัญญัติใหม่ แล้วในโรมบทที่ 10:4 บอกว่าพระเยซูเป็นจุดจบของพระบัญญัติ พระวิญญาณตรัสผ่านเปาโล พระเยซูเป็นจุดจบของพระบัญญัติ (Christ is The End of the law) แต่ทำไมคริสเตียนไม่เห็น อันนี้มันเป็นเรื่องของตา ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้พบคำตอบ
ก็คือเมื่อก่อนเรียกว่าพระบัญญัติของโมเสส แต่เดี๋ยวนี้พระเยซูตรัสว่าพระบัญญัติของเรา สรรเสริญพระเยซู แล้วพระเยซูตรัสว่าเราให้บัญญัติใหม่แก่เจ้า แสดงว่าเมื่อก่อนมีพระบัญญัติของโมเสส เรียกว่าพระบัญญัติเดิม แต่เดี๋ยวนี้เป็นพระบัญญัติของเรา ก็คือของพระเยซู และเรียกว่าพระบัญญัติใหม่ สรรเสริญพระเจ้า
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ หรือหนังสือพระราชบัญญัติ หนังสืออะไรต่างๆ ในพระคัมภีร์เดิม มีหลายเรื่องหลายสิ่งหลายตอนที่ถูกแก้ไขที่ถูกตัดทิ้งไป และพระเยซูยกระดับ ให้ถึงมาตรฐานของพระเจ้า และเรียกว่าพระบัญญัติของพระเยซู และเป็นพระบัญญัติใหม่
วันนี้เรามีพระบัญญัติใหม่ แต่เราเองไม่ได้เป็นคนรักษา เพราะว่าหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติ แต่หนังสือยอห์นเราพบคำตอบ ก็คือพระเยซูประทานผู้ที่จะดำเนินชีวิตรักษาพระบัญญัติให้เราแทนเราในเรา ขอบพระคุณพระเจ้า
ถาม.
ขอถาม พระคัมภีร์อาโมส 9:13 ค่ะ พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา เนินเขาทั้งสิ้นจะละลายไป อันนี้ความหมายคืออะไรค่ะ
ตอบ.
อาโมส 9:13 ที่คนไถจะทันคนที่เกี่ยว และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น และภูเขาทั้งหลายจะหยดน้ำองุ่นหวาน และเนินเขาทั้งสิ้นจะละลายไป อันนี้พูดถึงเรื่องยุคพันปีนะครับ อาณาจักรพันปีของพระเยซูที่จะมาก่อตั้งในโลกนี้
ถาม.
เข้าใจค่ะ แต่ว่าอยากรู้ความหมายคำว่า คนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว แล้วก็คนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่าน นี่คือมีความหมายไหมค่ะ นอกจากว่าเป็นยุคพันปีอ่ะค่ะ
ตอบ.
ในยุคพันปี ทุกสิ่งจะอุดมสมบูรณ์ในยุคพันปี คนไถนาจะตามทันคนเก็บเกี่ยว คนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น คือฤดูการของพระเจ้าจะรวดเร็วมาก พอไถนาเสร็จก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วก็ถึงเวลาไถนาอีก
และภูเขาทั้งหลายจะหยดน้ำองุ่นหวาน และเนินเขาทั้งสิ้นจะละลายไป คือน้ำองุ่นจากผลจะมีมากมายจนล้นเหลือทั่วแผ่นดิน ไม่มีการอดอยากยากแค้น