ในมัทธิว 10:28 เราจะมาดูกันน่ะครับ ว่าภาษาไทยแปลผิดยังไง "อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้" อันนี้เป็นการแปลผิดน่ะครับ
(มธ 10:28 ฉบับแปลผิด กรีกแปลว่าจิตใจ ไม่ใช่จิตวิญญาณ)
เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ พระเจ้าระบายวิญญาณของพระองค์เข้าไปในร่างกายของมนุษย์ และเมื่อวิญญาณที่เป็นชีวิตของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในร่างกายของมนุษย์แล้ว เกิดมีสิ่งที่สาม พระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งที่สามนี้ (ปฐก 2:7 และมนุษย์จึงกลายเป็นจิตใจที่มีชีวิต and man became a living Soul) คือพระเจ้าให้วิญญาณของพระองค์ให้ชีวิตของพระองค์ระบายเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ และเกิดมีจิต หรือว่าจิตใจ ภาษาอังกฤษเรียกว่า soul ก็คือจิตหรือจิตใจ "จิตใจเป็นสิ่งที่ตามองไม่เห็นแต่เป็นอยู่"
จิตนี้ หรือ soul ประกอบด้วยสามส่วนด้วยกัน ก็คือ ความคิด ความปรารถนา และอารมณ์ความรู้สึก
ทันทีที่เราเชื่อพระเจ้า วิญญาณของเราถูกครอบครองโดยพระวิญญาณ พระวิญญาณพระคริสต์น่ะครับเข้ามาอยู่กับเราในสภาพของพระวิญญาณ พระองค์ทรงบันดาลวิญญาณของเราที่ตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง และพระองค์เข้ามาสร้างบ้านอยู่ในวิญญาณของเราเดี๋ยวนั้นเลย วิญญาณจึงกลายเป็นผู้ที่มีชีวิตใหม่และได้รับการครอบครองร้อยเปอร์เซ็น พระเจ้าครอบครองร้อยเปอร์เซ็น แล้วเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็น (โรม 6:4 / 2 คร 5:17)
และงานชิ้นต่อมาของพระเจ้าก็คือ การที่พระองค์จะขยายอาณาเขตจากการครอบครองวิญญาณเข้าไปสู่จิต หรือจิตใจ หรือ soul
สำหรับเรื่องความรอด ทันทีที่เราเชื่อพระเจ้า วิญญาณของเราถูกประทับตราก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่กับวิญญาณของเราเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณนี้ แล้วพระองค์จะไม่พรากจากเราไปไหนและพระองค์จะเป็นเจ้าของ จับจอง ครอบครองแล้วเรียบร้อย เราบังเกิดใหม่แล้ว เราจะไม่ตายอีก และเราจะไม่สูญเสียความรอดอีก ซึ่งความรอดนี้เรียกว่า ความรอดของวิญญาณ (Salvation of the Spirit ความรอดของวิญญาณ) คือการได้รอดในวันสุดท้ายรอดจากบึงไฟ
แต่ปัญหาของคริสเตียนทุกวันนี้ คริสเตียนกำลังแสวงหาความรอดของจิต ซึ่งจิตเราทุกวันนี้ถูกครอบครองโดยตัวบาป ซึ่งเป็นชีวิตของซาตานที่มันสิงอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง ที่ครอบครองจิตที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง
ถ้าหากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพระคริสต์ขยายบ้านเมื่อไหร่ จิตของเรานี้น่ะครับก็จะค่อยๆ ถูกครอบครองทีละส่วนๆ ความโกรธ หยิ่งผยองพองตัว ตัณหาของเนื้อหนัง ตัณหาของร่างกาย ก็จะถูกครอบครอง ครอบคลุมโดยพระวิญญาณ เราจะรักในการดี และทำดีได้โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ โดยกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต
แต่ถ้าหากเมื่อไหร่จิตของเรายังไม่ได้ถูกครอบครองโดยพระวิญญาณ พระคริสต์ยังทำแทนไม่ได้ จิตนี้ก็ถูกครอบครองโดยตัวบาป ที่จริงแล้วเรารักชอบในการทำดี แต่เราทำไม่ได้ จิตของเรามีกฏน่ะครับ คือกฎนี้ต้องการทำดีรักในการชอบธรรม รักในความดี ความบริสุทธิ์ แต่ทำไม่ได้ สาเหตุเนื่องมาจากว่ามีกฎแห่งความบาป กฎแห่งตัวบาปมันครอบงำมันครอบคลุมอยู่ มันมีพลังอำนาจเหนือกว่า เพราะฉะนั้นการที่เราจะต่อสู้กับความบาปพยายามเอาชนะความบาปได้ เราทำไม่ได้
เพราะว่ากฎของจิตของเรามันอ่อนกำลัง มันไม่มีกำลังพอที่จะต่อสู้กับกฎแห่งความบาปได้ และตัวบาปมันมีกฎแห่งความบาปที่ครอบงำเราอยู่ที่ครอบครองครอบคลุมกฎแห่งจิตของเรา (โรม 7:14-24)
ทำดีเพื่อคนอื่นทำดีแบบธรรมดาปกติก็ทำได้ ก็พอทำได้ แต่ทุกครั้งที่เราจะทำดีเพื่อพระเจ้า กฎแห่งความบาปก็จะลุกขึ้นและทำให้เราไปทำบาปแทนที่ โรมบทที่ 7 น่ะครับ อธิบายเกี่ยวกับเรื่องการพ่ายแพ้ต่อความบาปนี้ ต่อตัวบาปนี้ในแต่ละวันของชีวิตคริสเตียนทั่วไป
อีกครั้งน่ะครับ เมื่อเราเชื่อพระเจ้าแล้ว เราได้บังเกิดใหม่ พระวิญญาณจะเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา พระองค์ทรงประทับตราแล้ว (อฟ 4:30) คือเมื่อได้บังเกิดใหม่เราก็ได้รอดแน่นอน เราจะไม่สูญเสียความรอดอีกเลย
แต่ปัญหาของคริสเตียนทุกวันนี้ก็คือ จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งพระเยซูจะนำมาตั้งอยู่บนโลกนี้เป็นเวลาพันปี และหลังจากนั้นการครอบครองของเราก็จะมีส่วนครอบครองกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์
เนื่องจากว่าคริสเตียนไม่แสวงหา ซาตานวางกับดักไว้เต็มไปหมดเลย หนึ่งในหลายๆ กับดักนี้ก็คือ การแปลพระคัมภีร์ที่ผิด ที่จริงแล้วไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ซาตาน ซาตานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ผู้แปลผู้เขียนพระคัมภีร์แปลผิดเขียนผิด เนื่องจากว่าไม่เข้าใจ เราคิดว่าเราแสวงหาสวรรค์ แล้วเราคิดว่าความรอดของเราก็จะรอดแต่ฝ่ายวิญญาณก็พอแล้ว
แต่แท้ที่จริงมีความรอดสองแบบใหญ่ๆ คือ ความรอดของวิญญาณ ทันทีที่เราเชื่อแล้ว หลักการแห่งความรอดในพระคุณนี้และรอดเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ก็คือ รอดจากบึงไฟ เพียงแต่เราเชื่อเท่านั้น เชื่อพระเยซูว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา ความเชื่อนี้พระเจ้าทรงนับว่าเป็นความชอบธรรม (โรม 4:24) และให้เราได้ถึงความรอดจากบึงไฟเข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
แต่สำหรับการรอดของจิต การได้รับความรอดของจิต จิตใจของเรานี้จะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะต้องมาถึงชีวิตของเรา ถึงจิตเรา
สำหรับพระเจ้าเราชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าแล้ว เรากับพระเจ้า พระเจ้ามองว่าเราเป็นคนชอบธรรม
แต่สำหรับเรากับมนุษย์ยังอีกไกลน่ะครับ ยังต้องใช้เวลา คือมนุษย์มองเราเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นเรามีความชอบธรรมโดยการสำแดงออกชีวิตของพระเจ้า ความชอบธรรมของพระเจ้า แสงสว่างของพระเจ้า คุณสมบัติของพระเจ้าที่เป็นรสเค็ม นี่คือผลพิสูจน์ว่าเรามีจิตใหม่แล้ว
ไม่ได้หมายความว่าการทำดีของเราที่ใช้ตัวอาดัมทำ ทำให้มนุษย์เห็นผลแห่งความดี อันนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาอาจจะดูดีได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นสิ่งที่พระเจ้ากับเรา พระเจ้ารู้ดี เราก็รู้ดีว่าผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามันเสแสร้งแกล้งทำ หรือว่าทำแบบบังคับใจ ฝืนใจ ไม่พอใจ ไม่เต็มใจ แต่ว่าทำเพื่ออยากเป็นคนดี อยากเชื่อฟังพระเจ้า
สำหรับจิตที่ได้รับการครอบครองโดยพระวิญญาณน่ะครับ ก็คือการกระทำทุกอย่างโดยที่ไม่มีการฝืนใจ เป็นธรรมชาติใหม่ หรือไม่โกรธก็ไม่โกรธ ไม่โลภก็ไม่โลภ ไม่รักโลกก็ไม่รักโลก คือไม่มีการบังคับไม่มีการฝืนใจ บังคับตนเองให้ชนะความบาปเหล่านั้น ไม่ครับผม
เป็นธรรมชาติใหม่ ซึ่งเรียกว่าเป็นการครอบครองของพระวิญญาณเป็นการครอบครองของกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตที่อยู่ในเรา ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์นำเข้า
สำหรับพระคัมภีร์ที่ซาตานทำให้เราเข้าใจผิด และผู้เขียนผู้แปล แปลผิด
เราจะมาดูกันน่ะครับ สำหรับคำว่า จิต หรือจิตใจ ภาษาอังกฤษเรียกว่า soul ภาษาอังกรีกเรียกว่า ปซูเค่/Psuche (จิต (ใจ) / soul /psuche)
และสำหรับวิญญาณภาษากรีกเรียกว่า พนูม่า และภาษาอังกฤษก็คือ spirit (วิญญาณ/ spirit/ pneuma)
อีกครั้งน่ะครับ จิตใจของเราก็คือ ปซูเค่/Psuche หรือภาษาอังกฤษก็คือ soul
และวิญญาณของเราก็คือ พนูม่า หรือภาษาอังกฤษก็คือ spirit ไม่เหมือนกันน่ะครับ
และ soul นี้ จิตนี้ เกิดขึ้นจากการที่วิญญาณพระเจ้าเข้ามาอยู่ในร่างกายของอาดัม และเกิดมีสิ่งที่สามขึ้นมาซึ่งพระเจ้าไม่ได้สร้าง นั่นก็คือ soul หรือ ปซูเค่/Psuche นี้เองครับ
และ ปซูเค่/Psuche ทุกวันนี้ก็คือสิ่งที่จะต้องการทำให้ ปซูเค่/Psuche หรือว่าจิตของเราได้รับความรอด ได้เข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งเป็นการที่จิตนี้ได้รับการครอบครองโดยพระเยซูแล้ว จิตนี้ก็คือภาชนะ จิตใจก็คือภาชนะ และจิตใจนี้ถูกครอบครองโดยพระวิญญาณโดยพระคริสต์
แล้วก็จะมีผลพระวิญญาณใน กาลาเทีย 5:22-23 ปรากฏออกมา จากผ่านชีวิตของเรา
...
ในมัทธิวบทที่ 10:28 เราจะมาดูกันหน่อยน่ะครับว่าภาษาไทยแปลผิดยังไง
(อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้) อันนี้เป็นการแปลผิดน่ะครับ
เราจะมาดูภาษากรีกน่ะครับ (มธ 10:28 กรีกไม่มี 'จิตวิญญาณ') ผมจะอ่านภาษาไทยในลักษณะของกรีก "อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตใจ หรือ soul แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะให้ทั้งจิตใจและกายพินาศในเกเฮนา หรือที่ ที่ทิ้งขยะได้" นี่คือการแปลถูกของภาษาอังกฤษน่ะครับ
นี่คือการที่จะถูกลงโทษของคริสเตียน ที่พระเจ้าอาจจะส่งออกไปอยู่ข้างนอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี ก็คือจิตของเราและร่างกายของเรา แต่วิญญาณรอดแล้ว วิญญาณรอดแล้วน่ะครับ หลังจากยุคพันปีผ่านไป ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่เริ่มขึ้น พระเจ้าจะไม่ให้คริสเตียนหรือผู้เชื่อถูกลงโทษและถูกส่งไปยังบึงไฟนิรันดร์ ไม่ครับผม.
แต่ปัญหาของคริสเตียนน่ะครับก็คือ แสวงหาความรอดของจิตนี้ จิตใจ ไม่ให้ได้ออกไปอยู่ข้างนอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปีเพื่อใช้หนี้ให้ครบ จิตใจของเรานี้จะถูกลงโทษพร้อมกับร่างกายน่ะครับเป็นเวลาพันปี เพื่อก่อสร้าง เพื่อถูกตีสอน เพื่อถูกบ่มให้สุกงอม เพื่อพร้อมที่จะเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
และเรามาดูมัทธิวบทที่ 16:26 เดี๋ยวผมจะอ่านคำที่แปลผิดก่อน สำหรับฉบับที่ แปลผิดเขียนว่า (เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของทั้งสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกับคืนมา) อันนี้แปลผิด จิตวิญญาณแท้ที่จริงภาษากรีกใช้คำว่า ปซูเค่/Psuche และภาษาอังกฤษก็แปลถูกน่ะครับตรงนี้แปลถูกก็คือ soul
เราจะมาดูคำที่แปลถูกน่ะครับก็คือ "เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของทั้งสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตใจของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตใจของตนกลับคืนมา" นี่คือความรอดของจิตใจน่ะครับ พระคัมภีร์ข้อนี้ไม่มีคำว่า "วิญญาณ" แต่เป็นเรื่องความรอดของจิตใจ
และในมาระโกคำที่แปลผิดก็คือ มาระโก 8:36 (เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของทั้งสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร) ภาษาอังกฤษ ก็คือ soul อีกแล้ว แต่ภาษาแปลผิด ถ้าแปลถูกน่ะครับก็คือ "เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของทั้งสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตใจของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร"
และข้อที่ 37 (เพราะว่าผู้นั้นจะนำเอาอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา) อันนี้แปลผิดน่ะครับ ไม่มีคำว่าจิตวิญญาณ แต่ภาษาอังกฤษและกรีกใช้คำว่า ปซูเค่/Psuche และ soul ภาษาไทยก็คือ "จิตใจ" นั่นเอง
เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตใจ อันนี้ถูกครับ ถ้าจะแปลให้ถูกก็คือจิตใจ เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตใจของตนกลับคืนมา
และอีกข้อหนึ่งน่ะครับในมัทธิวบทที่ 22:37 (พระเยซูทรงตอบเขาว่า จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า ด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้าและด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า) ถ้าจะแปลให้ถูกก็คือ จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าด้วยสุดหัวใจ ด้วยสุดจิต (จิต ก็คือ soul) และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า
(แปลกรีก 1. รักสุดหัวใจ 2. รักสุดจิต (ใจ) 3. รักจนสุดความคิด)
ความคิดเป็นหนึ่งในสามส่วนประกอบของ soul จิตใจเรามีส่วนประกอบอยู่ สามส่วนก็คือ ความคิด ความปรารถนา และอารมณ์ความรู้สึก และพระเจ้าสั่งให้เรารักพระเจ้าด้วยสุดหัวใจ สุดหัวใจของเราเลย แล้วก็ด้วยสุดจิตของเรา ก็คือสุดจิตใจและด้วยสุดความคิด
ความคิดน่ะครับเป็นตัวที่สำคัญ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของจิต เพราะฉะนั้นแล้วพระเจ้าต้องการหรือมีพระประสงค์ให้เรารักพระเจ้าหมดหัวใจของเรา สุดหัวใจของเรา รักด้วยสุดจิตของเรา สุดความคิดก็คือ คิดถึงแต่พระเจ้า รักแต่พระเจ้า แสวงหาแต่พระเจ้า ไม่ใส่ใจในเรื่องอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีก ความรู้ก็ไม่เอา ฤทธิ์เดชอำนาจก็ไม่เอา อะไรๆ ก็ไม่เอา ให้ทุกสิ่งเป็นรอง
ให้พระเจ้าที่เป็นบุคคล เป็นบุคคลเป็นตัวตน เป็นพระเจ้าเอง เราไม่ต้องการอะไรเราต้องการพระองค์ พระองค์เท่านั้น นี่คือความหมายของคำว่า จงรักพระเจ้าสุดหัวใจของท่าน สุดจิต สุดความคิดของท่าน
สำหรับข้อพระคัมภีร์ที่ผ่านมาน่ะครับ เราจะเห็นว่าพระคัมภีร์ภาษาไทยภาษาลาวหลายๆ ภาษาแปลว่า (จิตวิญญาณ)
คือถ้าหากเราได้ทุกสิ่ง แต่สูญเสียจิตใจของเรา เราก็จะไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร แต่ถ้าหากเราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เราปลง เราปล่อย เราวาง เราตายจากทุกสิ่งในโลกนี้แล้ว และดำเนินชีวิตอยู่เพื่อให้พระเจ้าใช้ชีวิตของเรา และขยายอาณาเขตจากวิญญาณเข้ามาสู่จิตใจของเราหรือ soul ของเรานี้
และเราก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ จะมีชีวิตของพระคริสต์สำแดงออกมาเป็นรสเค็ม และความสว่างของพระองค์ปรากฏออกมาให้โลกเห็น เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมด้วยการกระทำ ด้วยการปฏิบัติ ซึ่งไม่ใช่เราเป็นคนกระทำแต่พระคริสต์ทำแทนเราในเราเพื่อเรา เราจะเห็นว่าเราจะได้รับความรอดของ soul หรือจิตน่ะครับ
อีกครั้งน่ะครับ พระเจ้าสร้างมนุษย์ ไม่ได้สร้างจิต แต่จิตมันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าพระเจ้าระบายวิญญาณของพระองค์เข้าสู่ร่างกาย เมื่อวิญญาณเข้าสู่ร่างกายแล้วก็เกิดมีสิ่งหนึ่งขึ้นมาก็คือ จิต หรือ living soul และจิตนี้ยังไม่ได้รับความรอด เมื่อเราเป็นคริสเตียนเราเชื่อพระเจ้าแล้ว วิญญาณของเราได้รับความรอดทันทีเดี๋ยวนั้นเลย
(>เมื่อเชื่อ วิญญาณรอดเดี๋ยวนั้น>และเมื่อพระคริสต์เกิดผลในเรา>เราจึงจะได้เข้าในอาณาจักรสวรรค์)
เมื่อเราได้บังเกิดใหม่พระวิญญาณบริสุทธิ์บันดาลให้วิญญาณของเราเกิดใหม่ และเราได้รับการ Transformed หรือให้บังเกิดใหม่อย่าง 100% เต็มที่เลย ไม่มีการที่จะต้องพยายามทำดีต่อไปอีก วิญญาณไม่ทำอะไรแล้วครับ คือบังเกิดใหม่แล้ว
แต่จิตใจของเราคือสิ่งที่จะต้องพัฒนา จะต้องแก้ไข จะต้องได้รับการเปิดตาให้รู้ว่าเราเป็นใคร จิตใจของเราถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว
แท้ที่จริงน่ะครับ ทุกสิ่งมันจบแล้ว พระเจ้าสร้างเสร็จแล้ว เพียงแต่เราเดินด้วยความเชื่อ คือเชื่อเอา
แท้ที่จริงแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคริสต์ สถิตอยู่ในจิตใจของเราแล้ว เพียงแต่ขอให้เราเปิดตา ได้พบว่าจิตใจของเราถูกครอบครองแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเจ้าของแล้ว เชื่อทุกวัน เราเดินด้วยความเชื่อและความเชื่อนี้จะต้องมีทุกวัน ก็คือ นับทุกวัน เชื่อทุกวันว่า ขอบพระคุณพระเจ้าขอบพระคุณพระเยซู พระองค์สถิตและสร้างบ้านอยู่ในจิตใจของข้าพระองค์แล้ว ขอบพระคุณพระองค์ๆ เดินด้วยความเชื่อนี้ เดินด้วยความจริงนี้ ซึ่งเป็นความจริงที่พระเจ้าเป็นผู้กระทำและบันทึกไว้ในพระคำของพระเจ้า ให้เราค้นหาให้พบ ซึ่งเป็นการพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเปิดตาเรา
เอเฟซัส 3:17 "เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านโดยความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อทรงวางรากฐานท่านไว้อย่างมั่นคงในความรักแล้ว" เพื่อพระคริสต์จะสร้างบ้านอยู่ภายในจิตใจของเราหรือ soul เรานี้โดยทางความเชื่อ คือเชื่อเอา
ขอพระเจ้าช่วยเราให้เข้าใจในคลิปสั้นๆ นี้แต่มีความหมายมากน่ะครับ ก็คือ การที่เราจะสามารถได้รับความรอด "จิตของเรา"
คือความรอดมีสองแบบ แบบที่ 1. ก็คือ ความรอดของวิญญาณ ภาษาอังกฤษก็คือ... คือการได้รอดจากบึงไฟเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เชื่อปุ๊บก็ได้รอดปั๊บเลย เราเป็นบุตรพระเจ้าเราได้บังเกิดใหม่
แต่ความรอดอันที่สอง ความรอดประการที่ 2. ก็คือ การได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งเป็นความรอดของจิต คือการได้เปลี่ยนแปลง การได้เป็นคนใหม่แล้ว ดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่ทุกๆวัน มีผลของพระวิญญาณออกมาอย่างเต็มที่ นานๆทำบาปทีนึงไม่เป็นไร เรากลับมาตั้งใหม่ วันนี้ทำผิด ชั่วโมงต่อไปเราทำใหม่ แก้ใหม่
และชีวิตที่ดำเนินอยู่แบบนี้ สนิทในพระองค์ทุกวันทุกเวลาแบบนี้ การที่จะเป็นคนใหม่ การจะเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายวิญญาณก็หนีไม่พ้นน่ะครับ
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเปิดตาพี่น้องหลายท่านได้รับสันติสุขแล้ว มีความสงบสุขภายในจิตใจกับพระเจ้าและไม่กลัวอีก
แต่สิ่งต่อมาที่พระเจ้าต้องการจะทำงานกับชีวิตของเราก็คือ การเปลี่ยน "จิต" ของเราและการเปลี่ยน "จิต" ก็ไม่ได้มีอะไรยากน่ะครับ ก็คือการที่จะรับการเปิดตาให้ได้พบว่า เราเป็นผู้ชนะแล้ว เราเป็นคนใหม่แล้ว เราเป็นคนดีแล้ว เรามีธรรมชาติของพระคริสต์แล้ว พระคริสต์สร้างบ้านอยู่ในวิญญาณของเราแล้ว ในจิตใจแล้ว ครบแล้ว เพียงแต่เราเชื่อทุกวัน เชื่อทุกวันๆ
และสนิทกับพระองค์ และรับอาหารซึ่งเป็นพระคำพระเจ้าซึ่งเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราอ่านเราเชื่อว่าเรากินเข้าไป เมื่อเราอธิษฐานเราเชื่อว่าเรารับพระวิญญาณเข้ามา เมื่อเราขาดสุข เมื่อเรารู้สึกว่างเปล่า เราก็เชื่อว่าเรารับสันติสุข รับแม่น้ำ รับน้ำแห่งชีวิตเข้ามาโดยการเชื่อ
การที่จะได้อะไร เป็นอะไร มีอะไร เชื่อเอาหมด ชีวิตของคริสเตียนดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ โรม 1:17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้นความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้แสดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ