1. การพยายาม “ควบคุมอารมณ์” และ “ไม่ตอบโต้” คือการกลับไปเป็นเนื้อหนัง (ทันทีที่เราจะทำอะไรเพื่อพระเจ้า หรือจะรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า เรากลายเป็นเนื้อหนัง เพราะว่าพระบัญญัติมีไว้ให้เนื้อหนังเท่านั้น)
2. ขณะที่เราโกรธอยู่เราก็โกรธ แต่ไปโกรธในที่ที่ไม่มีใครอยู่ด้วย
3. ถ้าเราทนไม่ไหวก็ระเบิดออกมาต่อหน้าเขา
เราจะไม่พยายามควบคุม เพราะถ้าเราทำเราก็อยู่ใต้พระบัญญัติ พระคริสต์จะทำแทนไม่ได้เลย
ในระยะที่เราฝึกเดินเพื่อให้พระคริสต์ทำแทน พระเจ้าเข้าใจ และตีสอนเราไม่มาก
เมื่อเราโกรธ เราทำบาป แล้วกลับมาสารภาพ ถ้าเป็นได้ไปโกรธที่อื่นที่ไม่มีใครอยู่
เราสารภาพ จากนั้นเราขอการชำระ และฝึกเดินเรื่อยไป จนในที่สุดเราจะรับการชำระ และความโกรธจะอ่อนแอมากจนเราสั่งมันได้ (คือธรรมชาติของพระคริสต์หยุดความโกรธที่ยังเหลืออยู่ของเรา)
อย่าควบคุม อย่าพยายามไม่โกรธ เพราะเราจะกลายเป็นเนื้อหนัง และอยู่ใต้พระบัญญัติ (กฎหมายมีไว้สำหรับคนไม่ดีฉันใด พระบัญญัติก็มีไว้สำหรับเนื้อหนังฉันนั้น)
ทางออกที่ดีเพื่อไม่ให้เขาสะดุดเรา ก็คือเราออกไปจากที่นั่นทันทีที่โกรธ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ทำบาป พระเจ้าเข้าใจเพราะเราอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลง การควบคุมเนื้อหนังพระคริสต์จะไม่ทำแทน เราต้องหยุด (ควบคุม) พระคริสต์จึงเริ่มทำในเราได้
โรม 7:14–24 ถ้าหากเราจะควบคุมไม่ทำบาปเมื่อโกรธ ตัวบาปก็ลุกขึ้น และทำให้เราทำบาปเพราะความโกรธของเรา เนื่องจากว่า เนื้อหนังของเราถูกขายให้ตัวบาป อย่าใช้เนื้อหนังทำอะไรเพื่อพระเจ้า
โรม 7:21 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า เป็นกฎอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดข้าพเจ้าตั้งใจจะกระทำความดี (ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ทำบาป) ความชั่ว (การทำบาปที่กำลังควบคุมอยู่) ก็ยังติดอยู่ในตัวข้าพเจ้า
...
ถาม:
เอเมนค่ะ แล้วเราใช้วิธีนี้ คือไม่เก็บอารมณ์ ใช้กับพี่น้องใน คจ. ได้มั๊ยคะ
ตอบ:
ถ้าหากเราโกรธ เราออกจากพี่น้องครับ ไปโกรธหรือทำบาปที่อื่น หลังจากนั้นก็สารภาพ แล้วรับสุขเหมือนเดิม และค่อยกลับมาสามัคคีธรรม หรือมาหาพี่น้อง
...
ถาม:
อาการโกรธกับไม่พอใจเหมือนกันไหมคะ เพราะตัวหนูไม่โกรธ แต่รู้สึกไม่พอใจ
ตอบ:
ไม่เหมือนกันครับ ความไม่พอใจอาจก่อให้เกิดมีอาการโกรธในเวลาต่อมา หรือไม่โกรธก็ได้ แต่แค่ไม่พอใจ
...
สรุป ถ้าหากเราควบคุมอารมณ์เพื่อรอจนกว่าจะสุกงอม (พระคริสต์ทำแทน) เราจะไม่เห็นการทำแทนเลย เมื่อโกรธหรือทำบาปก็ทำ ถ้าหลบหนีจากพี่น้องไปทำบาปที่อื่นได้ก็ไป และถ้าทนไม่ไหวก็ทำต่อหน้าเขา เมื่อเราหายโกรธก็สารภาพ และมาขอโทษพี่น้อง
...
ถาม:
เอเมนค่ะ ในเรื่องการโกรธแล้วไม่เก็บ แสดงออกได้เลย ค่อนข้างมองได้หลายแง่มุมมากเลยค่ะ ในด้านมารยาททางสังคม การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เราควรทำยังไงคะ
ตอบ:
ครับ ขอให้เราเข้าใจว่า พระเจ้าไม่เอาเรื่องเรามากมาย เนื่องจากว่า เราอยู่ในการฝึก และพี่น้องก็ต้องเข้าใจกันและกันว่า ไม่มีใครชอบธรรม และเอาชนะบาปได้ในเวลาปีสองปี
...
ถาม:
บาปก็คือบาป อ. เคยสอนว่า ทำบาปทำไป แต่เน้นให้สนิทก่อน สนิทมากขึ้นตัวใหม่จะมาเองโดยความเชื่อ
ตอบ:
เอเมนครับ คือถ้าหากเราเข้าใจคำนี้ก็จะง่ายที่จะเห็นพระคริสต์ทำแทน คือเราต้องหยุด (ควบคุม/พยายามไม่ทำบาป) พระคริสต์จึงเริ่มทำแทนเราในเราได้
เราหยุด (ทำ/ควบคุม) พระคริสต์จะทำ
เราตาย (ไม่ควบคุมไม่ทำ) พระคริสต์จะดำเนินชีวิต
เราไม่พยายาม (ควบคุมหรือทำ) แต่วางใจ เราจะเห็นพระคริสต์ทำ
We stop He start, We end He begins
We died He lives
We don’t try but trust in Him to do in us
...
ถาม:
ถ้าเป็นแบบนี้หนูเข้าใจถูกไหมคะ คือเราจะรู้สึกไม่ค่อยโกรธใครไปเองเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเป็นผลจากการที่พระคริสต์ทำแทนเราใช่ไหมคะ และถ้าบางครั้งเรารู้สึกขุ่นเคืองบ้าง เราไม่ได้ควบคุมข่มอารมณ์เคืองนั้น (เพราะเราไม่ได้โกรธอะไร แต่พอรู้สึกตัวว่า เรามีอารมณ์ขุ่นใจ เราก็สารภาพ)
เราไม่พยายามกดอารมณ์โกรธ เราอาจรู้สึกโกรธหรือเคืองบ้าง แต่เราควบคุมลิ้นของตนไม่ได้ตอบโต้ และวางใจฝากความกังวลไว้ที่พระเยซู (หรือว่าการควบคุมลิ้นก็เป็นผลจากพระเยซูทำแทนคะ?)
ตอบ:
ถูกแล้วครับพี่น้อง Lzzy เมื่อพระคริสต์เป็นชีวิตธรรมชาติใหม่ของเรามากขึ้น การโกรธก็น้อยลงๆ อารมณ์โกรธก็ลดน้อยลง จนในที่สุดเราเห็นความโกรธหรือไม่พอใจอ่อนแอ หรืออยู่นอกเราครับ
เมื่ออยู่ในการฝึก ถ้าเราโกรธ และกำลังจะทำบาป เราหันมาปักใจในฝ่ายวิญญาณ หายโกรธได้ครับ เพราะพระวิญญาณก็คอยช่วยเหลือเราขณะเราฝึกเดินอยู่
การเริ่มโกรธไม่บาป แต่ถ้าไม่หยุดแค่โกรธ และปล่อยให้บาปครอบงำ นั่นคือปัญหาครับผม
การเดินหนี และหันมาปักใจฝ่ายวิญญาณ ไม่เรียกว่าเนื้อหนังครับ
การเดินหนีก็เพื่อช่วยเราไม่ให้เข้าสู่เนื้อหนังและทำบาป เราหนีเพื่อจัดการกับตัวเราเอง
...
ถาม:
แล้วพี่น้องบางกลุ่มที่เขาฝึกเดินฝึกชีวิต เขา “โอ้ พระเยซู” ของเขา คือหันกลับสู่ฝ่ายวิญญาณ เขาผิดรึเปล่าครับ ผมเชื่อว่า พี่น้องบางกลุ่มหรือ คจ. อื่น เขาอาจไม่ได้ทำแบบเราซะทีเดียว แต่พระเจ้าจะช่วยเขาเช่นกัน อธิษฐานเผื่อพวกเขาครับ เราแต่ละคนมาจากที่เก่า เรารักพวกเขาทุกคน
ตอบ:
การร้อง “โอ้ พระเยซู” ของบางกลุ่ม คือการบังคับตัวเก่าครับ เขาไม่มีธรรมชาติใหม่
พี่น้องบางกลุ่มมีความรู้ที่มีไว้ให้พวกเรา เขาเห็นไม่ได้ เขาจะเน้นการฝึกมาที่ “ทำๆๆ” คือร้องออกพระนาม และอ่านเพื่อให้รู้มาก แต่เขาไม่เน้นบอกรัก และสนิทในลักษณะของชีวิต ใช่ครับ… เรารักทุกกลุ่ม