ฟีลิปปีบทที่ 3:1-10
อาจารย์เปาโลเตือนวิสุทธิชนทั้งหลายเกี่ยวกับเรื่องผู้สอนเท็จ
ผู้สอนเท็จทั้งหลายจริงๆแล้วทุกวันนี้ก็คือ อาจารย์ ศาสนาจารย์
ผู้นำในคริสตจักรทั้งหลายที่สอนความรู้เกี่ยวกับเนื้อหนัง สอนความรู้ที่มีเชื้อผสม ไม่ใช่พระคำล้วนๆ ผู้นำเหล่านี้ ผู้สอนเหล่านี้เป็นผู้สอนเท็จ
แต่เราจะพูดให้เขาฟัง เราบอกเขาไม่ได้นะครับ ดีไม่ดีเขาจะหาว่าเราเป็นผู้สอนเท็จใช่ไหม ตอนนี้มีเยอะมากที่หาว่ากลุ่มมานาที่ซ่อนไว้ คือพวกเท็จ พวกเทียมเท็จ
แต่ขอให้เราสังเกต 2 สิ่ง
สิ่งที่ 1. ก็คือ เราได้เข้าใกล้พระเยซูมากกว่าทุกกลุ่ม เราได้บอกรักพระเยซูมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่าทุกกลุ่ม
สิ่งที่ 2. ก็คือ เราไม่มีความกลัวต่อพระเจ้า ไม่มีความกลัวว่าจะไม่รอด ไม่มีความกลัวว่าจะพระเจ้าจะไม่ยกโทษให้เรา แล้วก็สันติสุขทุกวันเวลาเรามีมากกว่าตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา อันนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าใครเทียมเท็จ
...
สำหรับผู้สอนเท็จทั้งหลายเริ่มจากมาใคร เริ่มมาจากฟาริสี ธรรมาจารย์ แล้วต่อมาก็คือคำสอนของฟาริสี ธรรมาจารย์ ก็มีอิทธิพลมาถึงคริสเตียนยิวส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นคริสเตียนยิวก็ไปประกาศทั่วแผ่นดิน
ทำให้ผู้เชื่อมากมายที่เปโตรไปประกาศ แล้วก็เปาโลไปประกาศแล้วเขากลับใจเป็นคริสเตียน รับคำสอนเหล่านี้ สุดท้ายเปาโลต้องไปแก้แม้แต่เปโตรเองก็ยังได้รับเชื้อเยอะมาก
จนพระเจ้าให้เปาโลเป็นคนแก้คำสอน แต่สุดท้ายเปาโลก็เดือดร้อนด้วย คือจะมีประมาณครึ่งต่อครึ่งที่รับคำสอนของเปาโลไม่ได้ และคิดว่าเปาโลเพี้ยนแล้ว ก็เลยปักใจอยู่กับคำสอนของชาวยิวจนทุกวันนี้
เราจะเห็นว่าคริสเตียนที่รับคำสอนของชาวยิวที่ได้รับมาจากฟาริสี ธรรมาจารย์ มีเยอะมาก ที่เราเรียกกันว่าเป็นคริสเตียนศาสนา อันนี้คือที่มา แล้วใครที่เป็นสายเปาโลก็คือคนที่เข้าสู่พระคำล้ำลึกนี้ เราขอบคุณพระเจ้า
...
สำหรับพี่น้องที่ยังไม่ได้เข้าถึงฟีลิปปีบทที่ 3 อย่างครบถ้วน เราจะเห็นว่าเปาโลพูดในตอนนี้ ก็คือ ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย ตอนนี้เป็นตอนที่เปาโลยังไม่ได้ชนะยังไม่เป็นผู้ชนะเขาเติบโต เขาเป็นหนุ่ม เขาใกล้จะเข้าสู่ระดับพ่อครับ
ใน 1-2 โครินธ์ บอกว่าเรากำลังวิ่งแข่ง แล้วตอนนี้เขามาถึงตอนที่กำลังบากบั่นวิ่งไปสู่หลักชัย แล้วในหนังสือ 2 ทิโมธี ที่บอกว่าข้าพเจ้าสำเร็จแล้ว ตอนนั้นเป็นตอนที่เปาโลเลิกทำบาปได้อย่างสิ้นเชิง
อาจจะนานๆ ทำทีหนึ่ง นานๆ เผลอครั้งหนึ่ง แล้วชีวิตก็เผลอไปหลุดไป กลับเข้ามาในฝ่ายวิญญาณปุ๊บปั๊บได้ทันทีเลย
สำหรับเรื่องการกลับสู่วิญญาณกลับสู่ฝ่ายพระวิญญาณ กลับสู่ในพระคริสต์ คือไม่ได้ยากอะไร คือเปาโลรู้เคล็ดลับแล้ว เคล็ดลับนั้นก็คือ เราแค่เอ่ยปากครับ เอเมนข้าพระองค์หลุดไปเมื่อกี้ ขอพระองค์ยกโทษให้ข้าพระองค์และตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์แล้ว ในพระคริสต์ก็คืออยู่ที่ปากของเราพูดออกมาอยู่ในแล้ว ก็คืออยู่ ในนั้นเลย เราขอบคุณพระเจ้า
ฟีลิปปีบทที่ 3:11-15
สำหรับหนังสือฟีลิปปี เป็นเรื่องของการเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู
คือพระคริสต์ก่อร่างขยายตัวเติบโตขยายใหญ่ขึ้นในชีวิตเรา
เราตายไป พระคริสต์มีชีวิตอยู่
เราเล็กลง พระคริสต์ใหญ่ขึ้น
เราต่ำลง พระคริสต์สูงขึ้น
เราหายไป พระคริสต์ปรากฏตัวขึ้น
เปาโลรู้แล้วว่าโลกนี้สำหรับเราผู้เชื่อ คือห้องสอบและปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา ก็คือข้อสอบ
อย่าลืมนะครับเรามักจะลืมสิ่งนี้ ผู้เชื่อที่พบพระคำล้ำลึกแล้ว พระเจ้าเปิดตาแล้ว จะต้องคำนึงถึงสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก
สำหรับการดำเนินชีวิตประจำวันและในแต่ละวันของเราปัญหาที่เข้ามาเราเรียกมันว่าข้อสอบ ข้อสอบเล็กๆ เข้ามาเราผ่านได้ พระเจ้าจะส่งข้อสอบใหญ่ๆ เข้ามาจนกว่าเราจะผ่านมันได้ แต่อย่าลืมนะครับ การล้มลุกๆๆๆ หลุดๆๆๆ กลับเข้ามา หลุดออกไป กลับเข้ามามันจะมีเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้ง
แต่ไม่ต้องห่วงเปาโลใช้เวลา 10 ปี เราใช้เวลากี่ปีอันนี้พระเจ้ารู้ เราไม่รู้นะครับ และเราขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องการยกโทษก็ดี การยอมเสียเปรียบ การที่เราจะเป็นคนที่ต่ำ ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นนิสัยของพระเยซูที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็นและเราเองจะเป็นไม่ได้ทำไม่ได้ นอกเสียจากว่าเราพึ่งพระคริสต์ในเราเป็นคนกระทำ
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นคำตอบและพระองค์มาเพื่อที่จะกระทำสิ่งนี้แทนเรา 1 คร 1:30 บอกว่า " โดยพระองค์ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญา ความชอบธรรม การแยกตั้งไว้ และการไถ่โทษ สำหรับเราทั้งหลาย"
พระคริสต์เป็นสติปัญญา พระคริสต์เป็นทุกสิ่งในเราๆๆๆ เอเมน
เป็นความบริสุทธิ์ เป็นความชอบธรรม เป็นการกระทำดี เป็นการรักอากาเป้ เป็นทุกสิ่งในเราแล้ว เรื่องการยกโทษ เรื่องการให้อภัย เรื่องการต่ำถ่อม เป็นไปไม่ได้ที่เราเป็นมนุษย์เนื้อหนังจะทำได้เพราะว่าเราตกต่ำแล้ว
...
มีผู้ชาย 2 คนที่เป็นเพื่อนกันติดคุกอยู่ด้วยกันปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่ง ถูกเรียกให้ออกไปทำความสะอาดที่บริเวณข้างนอกเรือนจำ แล้วผู้ชายคนนี้เขาไม่มีเสื้อผ้าที่ดูดีใส่ก็เลยยืมเพื่อนคนที่อยู่ข้างๆ บอกว่าขอยืมหน่อยจะไปออกไปโชว์ซะหน่อย ออกไปทำความสะอาดอยู่ข้างนอก แต่อยากใส่ให้มันดูดีกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อนคนนี้ก็ให้ยืม ปรากฏว่าออกไปทำความสะอาด เจ้าหน้าที่เผลอ เขาก็หนีไปหลบหนี แล้วเจ้าหน้าที่ก็วิ่งตามไล่จับไม่ได้ไล่ตามไม่ทัน
พอดีคนที่อยู่ข้างในคุก เพื่อนคนนั้นได้ยินข่าว เขาก็เสียดายเสื้อผ้าเพราะว่าเขามีชุดเดียวที่เป็นเสื้อผ้ายังใหม่ๆ เขาเสียดายเขาโกรธมาก เขาบอกว่าอยากฆ่าคนนั้นให้ตายเพื่อนก็ช่างมัน แต่มันทรยศ
ผมนั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนั้น คือนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น 20 ปีที่แล้ว ผมก็เลยถามเขาว่าอยากได้เสื้อผ้าคืนมั้ย เขามองหน้าผมแล้วก็แบบว่าเหมือนโกรธเพราะว่าทำไม ถามคำถามแบบนี้ ใครก็อยากได้สิ ผมก็เลยถามครั้งที่ 2 ว่าอยากได้มั้ย มีวิธีนะ เขาก็บอกว่าอยากได้ ผมก็เลยชวนเขาว่าลองเชื่อพระเยซูแล้วอธิษฐานขอให้พระเยซูช่วยและสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ขอให้ยกโทษให้ผู้ชายคนนั้น ขอให้ยกโทษให้เพื่อนคุณ เขาก็ทำตาม
ปรากฏว่าอีก 2 ชั่วโมงผ่านไป ก็ได้ยินข่าวว่าคนนั้นถูกจับได้ แล้วอีกไม่นานเจ้าหน้าที่ก็นำตัวเขาเข้ามา ผู้ชายคนนี้ก็ได้เสื้อผ้าคืน
...
การกระทำสิ่งต่างๆ ที่เราเห็นว่าต่ำถ่อม ยอมเสียเปรียบ อย่าลืมน่ะครับ พระเจ้าครอบคลุม พระเจ้ากำกับชีวิตเราอยู่ เมื่อเราทำได้เราปรากฏชีวิตนิสัยของพระเยซูได้ ผลตอบแทนทุกสิ่งพระเจ้าเป็นคนให้ไม่ต้องห่วง
บางคนคิดว่าเราต่ำแล้วได้อะไร
เราเสียเปรียบแล้วได้อะไร
เราทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าแล้วได้อะไร
ได้ครับ ผลตอบแทนมากมายมหาศาลและที่สำคัญไม่ใช่แต่เฉพาะชีวิตนี้เท่านั้น เมื่อถึงอาณาจักรมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ รอที่พระเจ้าจะยกให้เรา
อย่าลืมเราต่ำในวันนี้ พระเจ้าจะให้เราสูงในอาณาจักร
เราเป็นผู้เล็กน้อยในวันนี้ เราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักร
เราเสียเปรียบต่อผู้คนในวันนี้ เราจะได้เปรียบเขาจะได้ครอบครองเป็นหัวหน้าเป็นนายเขาในอาณาจักร เราขอบคุณพระเยซู
...
สำหรับคำว่า "บากบั่น" มีความหมายที่ซ่อนเร้น ลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ มหัศจรรย์ คำว่าบากบั่นคำเดียวก็คือ การมุ่งหน้า การร้อนรนกระตือรือร้น การเอาใจใส่การใส่ใจ ทำอะไรก็ได้หาอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งอาณาจักร
บากบั่นก็คือ ฝึกชีวิตในพระคริสต์ ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ ฝึกบอกรัก ฝึกพูดคุย ฝึกสนิทอย่างสม่ำเสมอ ฝึกสะสมมานา
ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าลืมผมขอย้ำใช้ทุกสิ่งเพื่อช่วยในการฝึกให้ได้ เปาโลร้อนรนมาก บากบั่นมาก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต่างไปจากเปาโล พระเจ้าเลือกเปาโลให้เป็นผู้ชนะ พระเจ้าก็เลือกเราให้เป็นผู้ชนะ พระเจ้าให้เปาโลบากบั่น เราก็จะบากบั่นและเราจะบากบั่นไปด้วยกัน เราจะสู้ไปด้วยกัน เอเมน
...
เรื่องคนร้ายสองคนที่เป็นเพื่อนกัน
ผู้เชื่อมากมายไม่รู้และคิดไม่ถึงว่าโลกนี้คือห้องสอบ และปัญหาคือข้อสอบของเรา ผู้เชื่อที่ถูกเปิดตาก็มักจะลืมสิ่งนี้และเปาโลเมื่อได้มองเห็นชัดเจนแล้ว ท่านละทิ้งปล่อยวางสิ่งที่อยู่เบื้องหลังและก้าวไปข้างหน้า การปล่อยวางคือลืม ยกโทษ ทำใจ ไม่ใส่ใจ สิ่งที่เป็นลบหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อข้อสอบแรกผ่านไป ข้อสอบใหม่ก็เข้ามา เพื่อช่วยการฝึกของเราจากเด็กที่ล้มลุก ๆ จนมาถึงหนุ่มที่เดินได้วิ่งได้และสู่ระดับพ่อที่ เดิน วิ่งอย่างสม่ำเสมอได้ เปาโลใช้เวลานานถึงสิบปีกว่าที่จะมาถึงระดับพ่อได้
เราขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราเชื่อเราก็รอดแล้ว แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราได้รอดเท่านั้น การได้มีส่วนร่วมกับพระเยซูในอาณจักรคือสิ่งที่สูงสุด เราบุตรที่รักของพระบิดาควรใส่ใจในสิ่งนี้เพื่อให้ได้อยู่ใกล้พระเยซูตลอดไป
เราต่ำต่อผู้คนในวันนี้ เราจะสูงในอาณาจักร
เรายอมต่อเขาวันนี้ เราจะชนะเขาในอาณาจักร
ฟีลิปปีบทที่ 3:16-21
"แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป คือให้เราคิดเห็นอย่างเดียวกัน"
สิ่งที่สำคัญที่สุดเปาโลย้ำบ่อยมากก็คือ ข้อที่ 16 "แต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป คือให้เราคิดเห็นอย่างเดียวกัน"
คิดเห็นอย่างเดียวกันก็คือ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้าหากว่าเราไม่เข้าใจความจริง เราไม่ได้รับการเปิดตา พระเจ้าไม่ได้ให้เราพบพระคำล้ำลึกนี้ เราจะเห็นว่าในคริสตจักรหนึ่งมีการแตกแยกการแบ่งแยกเป็นหลายกลุ่ม ความคิดก็ไม่เหมือนกัน บางคนคิดแบบนี้ บางคนคิดแบบนั้น คำสอนในพระคัมภีร์ก็แยกกันใช้ไม่เหมือนกัน ขัดแย้งกันเอง เราจึงขอขอบพระคุณพระบิดาที่วันนี้เราได้มาเข้าใจความจริงของพระคำของพระเจ้า และพระคำของพระเจ้าไม่มีการขัดแย้ง เราจึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ เราจึงคิดเห็นอย่างเดียวกันได้
...
และสำหรับเรา เปาโลเตือนสติพวกเรา อย่านำสิ่งที่เป็นปรัชญา เป็นคำสอนเป็นสิ่งที่ฟังแล้วดูดี แต่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ อันนี้เรานำมาใช้ไม่ได้เพราะว่าเป็นคำสอนของมนุษย์มาจากมนุษย์
สำหรับเรา เรากินอาหารที่มาจากสวรรค์ จากสวรรค์คือกินพระคำของพระเจ้าของพระเยซูเป็นพระเยซูและมาจากสวรรค์เป็นมานาจากเบื้องบน จะมีชีวิต มีฤทธิ์เดช เป็นความจริงเท่านั้น
คำสอนของโลกนี้ปรัชญาทั้งหลายอาจจะดูดี อาจจะใช้ได้กับชีวิตนี้ แต่มันไม่มีความหมายสำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เรากินผลกินอาหารที่มาจากพระองค์เท่านั้นเพราะว่าพระองค์รักเรา และห่วงแหนเรา และอาหารนี้ทำให้เราเติบโตได้ ซึ่งปรัชญาทั้งหลายคำสอนของโลกนี้ทำให้เราเติบโตไม่ได้
...
ถาม.
ถ้าเราอยากโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณเราต้องเลิกกินอาหารน้ำนมใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
สิ่งที่สำคัญ คือถ้าหากเราจะเป็นผู้ใหญ่หรือในหนังสือฟีลิปปี เปาโลย้ำบ่อยๆ ว่าพระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในเรา ถ้าหากเราจะรับคำสอนต่างๆ จากยิว ซึ่งรักษาพระบัญญัติเดิมและพระบัญญัติใหม่ไปพร้อมกันหรือนำปรัชญานำคำสอนต่างๆ ของโลกนี้มาใช้ หรือของศาสนาอื่นมาใช้ อันนี้จะทำให้เราเติบโตไม่ได้ ชีวิตของเราจะขยายใหญ่ขึ้นในพระคริสต์ไม่ได้ครับ