พวกเราติดตามพระเยซูแล้วได้อะไร (มธ 19:27, 20:16)
มัทธิวบทที่ 20:1-16 อย่าติดตามพระเจ้าแบบหวังผลกำไร หรือคิดแบบการลงทุนว่าจะได้อะไรมากน้อยแค่ไหน (มธ 19:27-30 ไปจนถึง บทที่ 20:1-16 เป็นเรื่องเดียวกัน)
เปโตรถามพระเยซูว่าติดตามพระองค์ไปแล้วได้อะไร คือเวลาที่สาวกกับพระเยซูเดินไปมาด้วยกัน แล้วเปโตรก็ถามขึ้นว่า พระองค์ถ้าติดตามพระองค์ไปจะได้อะไร ได้มากแค่ไหน เริ่มมีคำถามคือเปโตรเป็นคนมักได้ เปโตรเป็นคนที่สงสัย เปโตรเป็นคนที่ถ้าทำต้องได้นะ ถ้าไม่ได้ไม่ไปไม่ทำนะ แล้วไปต่อติดตามพระเยซู 3 ปีกว่า แล้วก็เกิดสงสัยแล้วสาวกหลายคนก็สงสัย ตามพระเยซูแล้วจะได้อะไร เราจะได้อะไร เราได้ตำแหน่งไหนทุกคนก็สงสัย เปโตรกล้าก็เลยถามพระเยซูเป็นคนแรก พระเยซูพวกเราตามพระองค์มาจะได้อะไร อันนี้เกิดขึ้นในมัทธิว 19:27-30
แล้วเรื่องมันไม่ได้จบแค่นั้น พระเยซูก็พูดนิดหน่อย แล้วจากนั้นพระเยซูก็พูดต่อมาอีกในมัทธิว 20:1-16 เป็นเรื่องเดียวกัน (มธ19:27 - 20:16 เป็นเรื่องเดียวกัน)
แล้วพระเยซูก็เล่ายาวเพื่อเตือน เพื่อสั่งสอน เพื่อจัดการกับผู้ชายคนนี้ (เปโตร) เราก็ตรัสเป็นคำอุปมา
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของสวน ผู้ชายคนนี้ตื่นแต่เช้า ออกไป ไปหาคนงานมาทำงานในสวน
ตอนหกโมงเช้า ออกไป ไปตามหาคน ตอนสามโมงเช้า ก็ไปได้มา 12 คน ที่เป็นสาวกที่เป็นคนงานหลัก 12 คน ก็คือเปโตรคือหนึ่งในนั้น มาทำงาน แล้วก็ตกลงจะให้ค่าจ้าง 1 เดนาริอัน เปโตรคือสาวกที่อยู่ในสามโมงเช้า สาวกทั้งหลายที่อยู่ในตอนที่พระเยซูเลือก แล้วก็รับใช้พระเยซูในช่วงหนังสือกิจการเรียกว่า สามโมงเช้า
แล้วต่อมาตอนเที่ยงเจ้าของสวนก็ออกไปอีก ไปตามหาคนงานมาช่วยงานในสวน สวนคืออะไร? (สวน คือคริสตจักร)
พระเยซูคือเจ้าของบ้านคือเจ้าของสวน ทำงานในสวน คือรับใช้ในคริสตจักร สวนองุ่นก็คือคริสตจักร เพราะฉะนั้นทุกคนที่เชื่อ พระเยซูให้เป็นผู้ร่วมงานของพระองค์อยู่ในสวน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พระองค์ไม่เลือก คุณอย่าคิดว่าคุณเชื่อพระเยซูแล้วคุณมาคริสตจักร คุณไม่มีหน้าที่อะไรเลย!! อันนี้ผิด. ทุกคนต้องมีหน้าที่ อย่างน้อยน่ะครับทำอะไรสักอย่างเพื่อพระเจ้า เอเมนไหม?
- ทำอะไรบ้าง??
- ประกาศข่าวประเสริฐ นำคนมาเชื่อ นำพาพี่น้องนมัสการ ร่วมกันนมัสการ มีส่วนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เล่นกีต้าร์ อธิษฐาน ทุกคนควรจะอธิษฐาน คือเราทุกคนเป็นปุโรหิต ต้องทำหน้าที่จุดไฟ
- ทำงานในสวนองุ่น ทำงานในคริสตจักรเราทำอะไรกันบ้าง??
- ทำกับข้าว ทำอาหาร ไปรับพี่น้อง เสิร์ฟน้ำ ทำความสะอาด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักร ที่เกี่ยวกับพระกายที่เกี่ยวกับการรับใช้พระกาย พระเยซูต่ำต้อยใช่ไหม? แล้วพระเยซูมารับใช้พวกเรา แล้วทีนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะรับใช้กันและกัน ผมรับใช้คุณ คุณรับใช้ผม คือเรารับใช้กันและกัน เราทุกคนถ่อมตนถ่อมตัว นี่คือการทำงานในสวนองุ่น การทำงานในสวน สวนก็คือคริสตจักร ขอให้เราเข้าใจตรงนี้ขอให้เราเห็นภาพชัดเจนตรงนี้
ต่อมาบ่ายสามก็คือช่วงยุคพระคุณใกล้จะจบ ก็ตอนนี้ พวกเรากำลังอยู่ในบ่ายสามตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามของเวลาของพระเจ้า อีกสักหน่อยหนึ่งก็จะถึงห้าโมงเย็น ห้าโมงเย็นก็คือยุค 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานจะมา ใกล้แล้วนะตอนนี้ เรากำลังจะจบบ่ายสามแล้ว มันจะถึงห้าโมงเย็นแล้ว
เรื่องเวลา เวลา 6.00 โมงเช้า 9.00 โมงเช้า 12.00 เที่ยงวัน 15.00 บ่าย 5.00 เย็น 6.00 พลบค่ำ อันนี้คือเวลาที่พระเยซูกำหนดไว้ มันไม่ใช่แค่เป็นเรื่องคำอุปมาเท่านั้น ไม่ใช่นิทานที่พระองค์แต่งขึ้น แต่มันจะเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง แล้วเวลาพระองค์กำหนดมันก็เกิดขึ้นจริง
- 6.00 (เช้า) – พระเยซูออกจากบ้านไปตามหาสาวกมากมายมาร่วมงาน
- 9.00 (เช้า) – พระเยซูเลือกสาวก 12 คน จนถึงการรับใช้ในกิจการ
- 12.00 (เที่ยง) – ตอนกลางของยุคพระคุณ
- 3.00 (บ่าย) – ผ่านตอนกลางของยุคพระคุณ คือยุคเราเดี๋ยวนี้
- 5.00 (เย็น) – ช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน
- 6.00 (พลบค่ำ) – การเสด็จกลับมาของพระเยซูเพื่อให้รางวัล
แล้วทีนี้คนงานทั้งหลายก็มาทำงาน แล้วเจ้าของสวนให้ 1 เดนาริอัน พระเยซูบอกทุกคนได้ 1 เดนาริอันเท่ากัน คนแรกมาแต่เช้าก็ทำได้ 1 เดนาริอัน คนต่อมา มาตอนบ่ายก็ทำได้ 1 เดนาริอัน คนต่อมาทำแค่ชั่วโมงเดียว สุดท้ายก็ทำได้ 1 เดนาริอัน พระเจ้ายุติธรรมหรอ? ที่นี้ผู้ชายคนหนึ่งที่มาทำตอน สามโมงเช้าเกิดไม่พอใจ ก็เลยถามเจ้าของสวน ถามว่าท่านครับทำไมผมทำแต่เช้ามาก่อนใครทำไมได้แค่ 1 เดนาริอัน แล้วคนอื่นมาทีหลังทำงานแค่หนึ่งชั่วโมงทำไมได้เท่ากัน
"คุณไม่มีสิทธิ์มาต่อว่าเพราะว่าคุณกับเจ้าของสวนตกลงกันแล้ว 1 เดนาริอัน แล้วเจ้าของสวนทำกับอีกคน คุณไปมองคนอื่น คุณไม่พอใจเพราะว่าไปมองคนอื่น อย่าไปมองคนอื่นสิ คุณทำหน้าที่ของคุณ ตามเวลาของคุณ ตามเรี่ยวแรงของคุณแล้วก็มารับเงินเดือนที่เจ้าของสวนให้ตามที่ตกลงกันไว้ใช่ไหม"
ถ้าเราคิดแบบธุรกิจ ถ้าเรามาติดตามพระเจ้าแล้วหวังได้หวังผลประโยชน์แบบทำเหมือนธุรกิจ อย่าทำแบบนั้น พระเจ้าไม่ต้องการให้เราคิดแบบนั้น การมาติดตามพระเจ้าก็คือมาติดตามด้วยหัวใจ พระเจ้าของเรายุติธรรมไหม? พระเจ้าจะให้ทุกคนตามขนาดของการกระทำการประพฤติ เราทำมากเราจะได้มากแน่นอน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวว่าพระเจ้าจะเบี้ยวเราโกงเรา
สำหรับมนุษย์ทุกวันนี้โกงกันได้ หลอกกันได้ แล้วสมัยนี้เป็นสมัยที่โกงกันเยอะมากเลย แต่ถ้าคุณมาติดตามพระเยซู คุณไม่ต้องห่วง คุณปลอดภัย แล้วพระเจ้าให้คุณน่ะครับ มากๆๆๆ กว่าที่คุณเคยคิดไว้ว่าจะได้ สำหรับพระเจ้าพระเจ้าให้เรา
ถ้าคุณอยากได้บำเหน็จรางวัล เรื่องของมัทธิวบทที่ 20 ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรอด ทุกคนที่เชื่อพระเยซูก็คือรอดแล้วรับประกันรอดแล้วรอดเลยรอดแน่นอน
แต่วันนี้เราพูดถึงเรื่องรางวัล บำเหน็จ ตำแหน่ง แล้วถามว่าทำไมพระเยซูบอกว่าทุกคนได้เท่ากันในบทนี้ เพราะว่าพระเยซูต้องการสอนเปโตรว่าอย่าหวังกำไร อย่าหวังได้ มาติดตามพระเจ้าเหมือนกับมาทำธุรกิจ
อันนี้ไม่ใช่ธุรกิจ การติดตามพระเจ้า การทำงานให้พระเจ้าการทำงานในสวนองุ่นก็คือในคริสตจักรมันไม่ใช่ธุรกิจ เราทำเนี่ยทำไปเลย คุณไปรับใคร น้ำมันเท่าไหร่ จ่ายไปเท่าไหร่ จ่ายไปเพื่ออะไร อาหารจ่ายไปเท่าไหร่ คืออย่าไปคิดเลย ไม่ต้องคิดว่า เออ.... มันจะได้ไหม ได้น้อย ได้มาก อืม....ไม่ต้องเออ...ไม่ต้องอืม... ทำไปตามขนาดของความเชื่อของเรา ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความรัก แล้วทำด้วยตัวใหม่เราจะมีบำเหน็จมากมายไม่ต้องห่วง
แล้วสิ่งที่สำคัญที่ผมอยากให้พวกเราเข้าใจในวันนี้ก็คือ เจ้าของบ้านก็คือพระเยซู สวนองุ่นก็คือคริสตจักร แล้วเราทุกคนพระเจ้าเลือกมาให้เชื่อให้ทุกคนเป็นคนงาน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ให้อยู่เฉยๆ ทุกคนที่มาเชื่อพระเยซู พระเจ้าให้ของประทาน หลายคนน่ะครับมีหลายชิ้น แต่บางคนส่วนน้อยน่ะครับพระเจ้าให้ก็คือชิ้นเดียว คือทุกคนจะต้องมีของประทานมีหมดทุกคน แต่บางคนถ้าไม่มีจริงๆ ก็คือมีชิ้นหนึ่งอย่างน้อยมีชิ้นหนึ่ง
ของประทานคืออะไร?
คือความสามารถที่พระเจ้าให้เรามาโดยที่เราไม่ได้ฝึก เล่นกีต้าร์เป็นของประทานไหม. ไม่ใช่.
ถ้าสมมุติว่าคุณจับกีต้าร์มาแล้วก็เล่นเลยทั้งที่ไม่เคยฝึกมาก่อนอันนี้แสดงว่าของประทาน แต่ถ้าเขาจับมาแล้วมาเล่นแล้วถามเขาว่าเคยเรียนมาจากที่ไหน เขาก็บอกว่าเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้นโรงเรียนนี้ แสดงว่าอันนี้ไม่ใช่ของประทานอันนี้เรียกว่า "พระพร พรสวรรค์" พรสวรรค์คือสิ่งที่เราได้มาโดยการฝึกการเรียน
แต่ของประทานคือการได้มาโดยที่ไม่เคยฝึก ไม่เคยเรียน ไม่เคยทำอะไรเลย สมมุติผมน่ะครับอยู่ดีๆ ก็พูดภาษาจีนขึ้นมาหรือพูดภาษาอินเดียขึ้นมาทั้งๆ ที่ผมไม่เคยพูดภาษาอินเดียไม่เคยเรียนภาษาอินเดียมาก่อน อันนี้เรียกว่าของประทาน ของประทานคือสิ่งที่เราได้มาโดยไม่ได้เรียน ไม่ได้ฝึก อยู่เฉยๆ ก็ได้เลย เดินไปเห็นคนอินเดียคือพูดภาษาอินเดียออกมาเลย พูดกับคนอินเดียทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่เข้าใจ เราเองน่ะครับไม่เข้าใจ ถามว่าใครพูด? พระวิญญาณพูดออกมา... แล้วคนอินเดียปรากฏว่ารับฟังรับเชื่อกลับใจ ได้คนมาเชื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนทำ แล้วเราให้พระวิญญาณใช้ปากแค่นั้นเอง เรียกว่าของประทาน
เรื่องการไปทำงานในสวนองุ่น ก็คือใช้ของประทาน หรือแม้แต่พรสวรรค์หรือความสามารถอะไรที่เราฝึกมา ได้มา เราทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ ทำด้วยความรักด้วยความเต็มใจเพื่อพระเจ้า ไม่บ่น ไม่น้อยใจ ไม่คิดอะไรไม่หวังอะไร เราได้บำเหน็จแน่นอน เราทำอะไร ทำเถอะ ทำเพื่อพระเจ้า ไม่มีการเสียหาย พระเจ้าไม่โกงเรา พระเจ้าไม่โกงคุณ อย่าคิดว่าทำไปแล้วเหนื่อย ทำไปแล้วแบบไม่มีผลตอบแทนอย่าคิดน่ะครับ แดดจะร้อนยังไงเราทำ ลำบากแค่ไหนพระเจ้ามีบำเหน็จตอบแทนอีกมากมาย
ถาม.
อาจารย์ที่อาจารย์พูดว่าอย่าทำเหมือนธุรกิจผมยังไม่เข้าใจความหมายชัดเจน ตรงไหนส่วนไหน อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆนะครับว่าถูกต้องไหม... คือบางคนแบบว่ามาโบสถ์หรือว่ารับใช้พระเจ้าเพราะว่าหวังอยากให้พระเจ้าอวยพรแล้วมีธุรกิจเติบโตใหญ่ขึ้นอันนี้ใช่ไหมอาจารย์ แบบว่ารับใช้เยอะๆหรือว่าอื่นๆ แบบบริจาคอันนี้อันนั้นแบบว่าเพื่ออยากให้ธุรกิจเติบโต
ตอบ.
โอเคมันเป็นคนละประเด็น คือเวลาเรามาเชื่อพระเจ้า เรารู้แน่นอนว่าพระเจ้าจะช่วยเรา ให้ชีวิตราบรื่นชีวิตดีกว่าการเป็นอยู่ดีกว่า สุขภาพดีกว่า การงานการเงินดีกว่า ทุกสิ่งมันดีกว่าหมด แต่อย่าไปหวัง อย่าไปหวังเอา... ต้องได้มาๆๆ คือเรารู้ว่าพระเจ้าต้องให้เรา เข้าใจความหมายน่ะครับ คือเราอย่าไปหวัง แต่เรารู้แน่นอนว่าจะได้มา แตกต่างกันไหม? "การหวัง กับการรู้" รู้ในใจเราว่ายังไงเราก็ได้ เราทำหน้าที่เรา คือทำ ... ไม่ใช่หน้าที่เรา คือหวัง
มันเป็นแบบนี้คริสเตียนน่ะครับคนไหนที่ทำๆ ทำไปๆๆ ไม่สนใจเรื่องกำไร ก็คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ
แต่คริสเตียนบางคนทำไปแล้วคิดว่า เออ มันจะได้ไหม มันไม่คุ้ม ไปไกล คนก็น้อย ไม่ได้หรอก ได้ก็เล็กน้อย พระพรน้อย ไปหาคนเยอะๆ พระเจ้าอวยพรเราได้ตำแหน่งสูงได้ตำแหน่งใหญ่ได้ผลประโยชน์มากมาย ถ้าคิดแบบนี้ก็คือเป็นการทำธุรกิจ
แล้วเรื่องการทำทานการให้น่ะครับอย่าให้คนอื่นรู้ว่าเราให้ใคร อย่าให้คนอื่นรู้ว่าเราให้คริสตจักร ให้เป็นความลับเพราะว่ามันจะไม่เป็นการอวด แต่พระเจ้าให้แน่นอนรับประกันพระเจ้าให้แน่นอน เราบอกว่าไม่เอาๆ พระองค์ไม่เอาๆ พระเจ้าก็จะให้เข้าใจไหม พระเจ้าไม่เคยเป็นหนี้ใคร พระเจ้าไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใคร คุณทำงานให้ผม ผมจ่ายให้คุณแน่นอนอันนี้เป็นนิสัยของพระเจ้า
ถาม.
ในกรณีนี้ผมอยากถามแบบตรงๆ ถ้าหากว่ากรณีนี้ผมรู้สึกกลัวว่าถ้าหากเราทำแล้ว เรารับชีวิตที่สบายในตอนนี้แล้ว และในยุคหน้าเราจะไม่ได้รับบำเหน็จ หมายความว่าเพราะว่าคริสเตียนบางคนอาจจะทำและรับใช้และพระเจ้าแบบว่าตอบๆๆๆๆ แบบว่าให้จำเริญขึ้นให้ได้มากขึ้นๆ อวยพรฝ่ายร่างกาย แต่ว่าในยุคหน้าเราจะได้บำเหน็จไหมอาจารย์
ตอบ.
สำหรับบางคนพระเจ้าให้ คือส่วนมากปกติน่ะครับ โดยปกติมาเชื่อพระเยซู พระเจ้าให้ชีวิตดีกว่า ธุรกิจการงานดีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีกว่า
แล้วเราน่ะครับไม่ใช่แค่ให้มันบำเรอความสุขของเราไปเรื่อยๆ คือเราน่ะครับทำงานรับใช้พระเจ้า เราน่ะครับทำเพื่อพระเจ้า ให้คนอื่น ช่วยคนอื่นบ้าง คือนำทรัพย์สินของพระเจ้ามาใช้ในการงานของพระเจ้า แล้วมันจะเพิ่มพูนมากขึ้นอีก แล้วพระเจ้าให้บางคนรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ มี!!!. พระเจ้าอนุญาตให้บางคนรวยได้ แล้วคนที่เขารวยน่ะครับ เขารู้เขาฉลาดเขาจะใช้ทรัพย์สินบางส่วนเพื่อการงานของพระเจ้าด้วย
ถ้าคุณเก็บไว้คนเดียว ใช้คนเดียวเพื่อคุณคนเดียวไม่เกี่ยวกับงานของพระเจ้า พระเจ้าเพิ่มพูนให้แล้วสุดท้ายน่ะครับพระเจ้าก็จะเอาไป "อย่าลืมนะคือพระเจ้าให้เนี่ย เพื่อให้เราใช้ในการงานของพระเจ้า" และเรากินผลของส่วนที่พระเจ้าให้ด้วย ไม่ใช่ว่าพระเจ้าเอาเงินมาให้ แล้วเราเอาเงินทั้งหมดยกให้การงานของพระเจ้าทั้งหมด อันนั้นก็ไม่ถูก คือเรามีส่วนกินด้วย ในพระคัมภีร์บอกน่ะครับว่าเรามีส่วนกินด้วย คือใช้ทั้งเพื่อพระเจ้าบ้าง เพื่อเราบ้าง เพื่อคนขัดสนบ้าง แล้วพระเจ้าจะยัดสันแน่นพูลล้น ให้มันเต็มขึ้นขอให้เชื่อ
ถาม.
หมายความว่าเรามีเงินตอนนี้ ถ้าเราฉลาดในการใช้เงิน บำเหน็จในยุคหน้าเราก็ได้
ตอบ.
ใช่ครับ ไม่ใช่ว่าการเข้าในอาณาจักรต้องยกทรัพย์สินทั้งหมดให้คนยากคนจน พระเยซูบอกว่าจงขายทุกสิ่งแล้วตามเรามา ความหมายน่ะครับก็คือว่า ขายตัวเก่าขายชีวิตเก่าขายกรรมสิทธิ์
สมมุติตอนนี้คุณยังไม่เชื่อพระเยซู แล้วคุณมีทรัพย์สินในบัญชี พระเยซูบอกว่าจงขายก็คือขายมาให้พระเยซู ให้พระเยซูเป็นเจ้าของ พระเยซูซื้อเอา แล้วซื้อขายกันเนี่ยมันเกิดขึ้นที่ไหน? ที่กางเขน พระเยซูตาย หลังจากนั้นพระเยซูก็ได้มาซื้อพวกเรา ซื้อพวกเราเป็นของพระเจ้าแล้ว 1 คร 6:19-20 บอกว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของชีวิตของท่านอีกต่อไปแล้ว เราไม่มีอะไรแล้วนะ เราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของเราแล้ว ที่นี่พระเจ้าเลือกเรามา พระเจ้าฆ่าเราทิ้ง พระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้เรา แล้วพระเจ้าก็ใช้เรา แล้วบำเหน็จก็ได้ จะเอาอะไรอีก เรามีแต่ได้ไม่มีเสีย ใช่ไหม?
แล้วยังหวังผลอีก ได้อะไร!! โอ๊ยได้!! โอ๊ยไม่ได้!! โอ๊ยไม่เอาไม่ไปมันได้น้อย!! ไม่ต้องคิดแบบนั้นอีกเพราะว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้าแล้วไง การติดตามพระเยซูน่ะครับห้ามต่อรอง พระเจ้ายุติธรรมพระเจ้าให้ผลเท่าที่สมควรได้รับน่ะครับ ใน 2 คร 5:10 บอกว่าพระเจ้าจะมอบผลตอบแทนให้ตามการกระทำของพวกท่านทั้งหลาย ในโรม 2:6-7 ก็เหมือนกันพระเจ้าจะให้เท่าที่ควรให้
แล้วพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าใจดีด้วยนะ พระเจ้าให้เยอะมาก ดอกเบี้ยเท่าไหร่คุณรู้ไหม คุณไปกู้ธนาคารคุณไปทำการค้าส่วนมากดอกเบี้ย 3% 5% 10% ถ้าไปกู้ยืมคนน่ะครับก็คือเขาเอา 10% 20% แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้าให้เรา พระเจ้ายืมชีวิตเรามาใช้ พระเจ้าให้เรากี่เปอร์เซ็นต์รู้ไหม? ร้อยเท่า พระเยซูบอกว่าผู้ที่ติดตามเรามาแล้วทำทุกสิ่งเพื่อเราจะได้รับผลตอบแทน ร้อยเท่า (มธ 19:29/มก 10:30) แล้วบางคนจะได้ปกครองหกเมืองสิบเมือง หกเมืองก็คือร้อยเท่าของเขาที่ได้รับไม่ใช่ร้อยเมือง
>>> เราทุกคนคือคนงานในสวนองุ่นของพระเยซู (002)