- ท่านถวายแบบ “ให้” เป็นของขัวญแด่พระเจ้า เมื่อพระเจ้าช่วยท่านให้รบชนะศัตรู และริบทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขามา ท่านจึงให้พระเจ้าสิบชักหนึ่ง
- พระเจ้าไม่ได้สั่งให้ท่านทำ แต่ท่านให้เพื่อสำนึกถึงพระคุณพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ หรือพระบัญญัติแก่อับราฮัมว่าต้องจ่ายสิบลดคืนให้พระเจ้า
- ท่านให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ให้พระเจ้าสิบชักหนึ่งอีกเลย
- ปฐก 14:20, ฮบ 7:4-5
- ขณะที่พระเยซูประกาศข่าวประเสริฐ พระเยซูไม่คัดค้านเรื่องพระบัญญัติเดิม และการถวายสิบลด เนื่องจากว่าอิสราเอลยังอยู่ภายใต้ยุคพระบัญญัติ ในมัทธิวบทที่ 23:23-24 พระเยซูได้กล่าวโทษพวกฟาริสีและสะดูสีเรื่องการถวายสิบลด เมื่อพระเยซูถูกตรึง และตายบนกางเขน พระบัญญัติเดิมก็จบ และเมื่อพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูก็เริ่มมีผลใช้ในท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลาย
1. สิบลด คือกฎเกณฑ์คำสั่งของพระเจ้าเพื่อชนชาติอิสราเอล ในพันธสัญญาเดิมเท่านั้น (เลวีนิติ 37:34)
2. สิบลดไม่ใช่กฎเกณฑ์คำสั่งของพระเยซูให้คริสเตียนรักษา ในพันธสัญญาใหม่ในยุคนี้ (มัทธิวบทที่ 5 ถึงบทที่ 7 คือพระบัญญัติใหม่ของคริสเตียน พระเยซูไม่เคยกล่าวว่า “จงถวายสิบลด” เลยแม้แต่ครั้งเดียว)
3. สิบลดไม่ใช่เงิน ในพระคัมภีร์เดิมไม่มีแม้สักข้อเดียวที่กล่าวว่า สิบลด คือการนำเงินมาถวาย แต่สิบลดคือสัตว์ พืชผักผลไม้ ผลข้าว ผลน้ำองุ่น ผลน้ำมัน ขนแกะ และเครื่องใช้ที่หามาได้จากแผ่นดิน ถ้าหากครอบครัวใดอยู่ไกลพระวิหารก็ให้ขายสิบลด และนำเงินมาซื้อสัตว์ หรือพืชผักผลไม้ที่พระวิหาร เพื่อถวายแด่พระเจ้า (พระราชบัญญัติ 14:24–26)
4. สิบลดพระเจ้าสั่งให้ชาวอิสราเอลนำมาถวาย เพื่อใช้เป็นอาหาร และเครื่องใช้ของพนักงานที่ประจำการในพระวิหาร
5. สิบลดต้องนำมาถวายให้เผ่าเลวีเท่านั้น เผ่าอื่นห้ามรับโดยเด็ดขาด
6. ชนชาติอิสราเอลสะสม และนำสิบลดมาถวายที่พระวิหาร ในช่วงเทศกาลต่างๆ
7. ผู้ที่ซื่อสัตย์ในการถวาย ก็ได้รับพระพรมากมายเดี๋ยวนั้น ส่วนผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ก็ถูกลงโทษ ชีวิตขัดสน พระเจ้าจะส่งผู้เผยพระวจนะออกมาเทศนาสั่งสอน เพื่อเตือนให้กลับใจ เพื่อพนักงานจะได้มีอาหารกินอย่างพอเพียง
8. เมื่อพระเยซูออกไปประกาศ ทุกคนก็ยังถวายสิบลดอยู่ เพราะว่าตอนนั้นพระเจ้ายังไม่ได้ยกเลิกพันธสัญญาเดิมกับชาวยิว
9. เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ พระบัญญัติเดิมถูกยกเลิก การถวาย และกฎเกณฑ์ข้อห้ามมากมายก็ถูกยกเลิกหมดจากคริสเตียน (ไม่มีผลต่อเรา/พระบัญญัติยังไม่ถูกลบล้าง แต่เราถูกย้ายออกมาจากพระบัญญัติ เพื่อเป็นของพระเยซู เรามีพระเยซูเป็นความชอบธรรมของเรา และเป็นคนดำเนินชีวิตในเราแทนเราทุกวัน กท 2:20)
10. เมื่อพระเยซูเป็นขื้นจากตาย พระบัญญัติใหม่เริ่มมีผลใช้ กฎเกณฑ์มากมายหลายข้อจึงไม่มีในพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ในหนังสือมัทธิวบทที่ 5 ถึงบทที่ 7
11. คริสเตียนในยุคแรกไม่ไปนมัสการที่พระวิหารกับชาวยิว และไม่ถวายสิบลด เพราะว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับศาสนายิวอีกต่อไปแล้ว
12. คริสเตียน “ให้” แทนการถวาย คือให้ตามขนาดของความเชื่อ ให้ด้วยความเต็มใจ พอใจ และไม่ฝืนใจให้
13. คริสเตียนไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเราเอง แต่พระเจ้าทรงซื้อเราขาดตัวแล้ว เราจึงเป็นของพระเจ้าร้อยลด ไม่ใช่สิบลดอีก
14. พระวิหารของพระเจ้าถูกย้ายเข้ามาอยู่ในวิญญาณของผู้เชื่อทุกคน เราคือวิหารของพระเจ้า (1 คร 6:19–20)
15. พระเจ้าจะไม่อยู่ในตึกอาคารที่สวยหรู หรือคริสตจักรที่ใหญ่โต ที่เราเชื่อว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเรากลับบ้าน พระเจ้าก็กลับบ้านไปกับเรา
16. เมื่อพระวิหารถูกทำลายลงใน ค.ศ. 70 ชาวยิวไม่กล้าถวายจนถึงทุกวันนี้ สาเหตุเพราะว่า ไม่มีพระวิหารเพื่อนำสิบลดมาถวาย และไม่มีพนักงานประจำที่พระวิหาร ชาวยิวนมัสการพระเจ้าที่ธรรมศาลา (Synagogues) จนถึงทุกวันนี้ และเงินที่ได้ มาจากการถวายของสมาชิกประจำเมืองนั้นๆ หรือซื้อ (จอง) ที่นั่งประจำครอบครัวของตน
17. ปัญหาเรื่องการถวายสิบลดกับผู้เชื่อในยุคนี้ เนื่องจากว่าคริสเตียนไม่เข้าใจและทำตามกันเรื่อยมา แต่ไม่เคยค้นหาความจริงในพระคัมภีร์ และขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณ จึงถวายสิบลด แต่คนที่สัตย์ซื่อเรื่องถวายสิบลดมีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นของแต่ละคริสตจักร
พระคัมภีร์สนับสนุนเรื่อง “สิบลด”
- เลวีนิติ 27:30–34; พระราชบัญญัติ 14:22–29; 16:17 ; 18:4; กันดารวิถี 18:21, 26–28; มาลาคี 3:1–18; พระราชบัญญัติ 26:12; อพยพ 19:5; 2 พงศาวดาร 31:5
- 1 คร 9:13–14; 16:1–2; 2 คร 9:7
คือสำหรับสิบลด เราคริสเตียนทุกคนกลัวมาก กลัว แล้วก็เชื่อเรื่องสิบลด เนื่องจากว่าเราถูกสอน เราถูกสอนมาให้ถวายสิบลด ถ้าไม่ถวายพระเจ้าจากลงโทษ พระเจ้าจะไม่อวยพร ชีวิตจะล่มจม จะมีปัญหาเรื่องการเงิน ชีวิตการเป็นอยู่ก็คือพระเจ้าไม่อวยพร พระเจ้าจะลงโทษ แต่ไม่มีใครใช้เวลานะครับมานั่งอธิษฐานขอการเปิดเผยจากพระเจ้าเรื่องสิบลด
แล้วอีกอย่างก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องสิบลด ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายเชื่อเรื่องสิบลด แต่ไม่ถวายสิบลด เชื่อไหม! ในคริสตจักรหนึ่งนะครับ แต่ละคริสตจักรจะมีสัก 3% ถึง 5% ที่ถวายสิบลด ก็คือผู้นำ เขาต้องทำเพื่อว่าทำให้เป็นแบบอย่าง กลัวว่าสมาชิกโบสถ์จะหาว่าเขาไม่ทำ เขาก็ทำ สิบลดจริงๆ แล้วทุกคนทั่วไปส่วนมากก็คือไม่มีใครถวาย เชื่อแต่ไม่ถวาย คือโกงพระเจ้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ถ้าจะนับนะครับ
แต่จริงๆ แล้วขอบคุณพระเจ้า สิบลด คำว่า สิบลด หรือ สิบชักหนึ่ง เรากลับไปดูสมัยที่อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้า หลายคนนะครับอ้างว่าเห็นไหมอับราฮัมก็ถวายสิบลด
อับราฮัมถวายเนี่ยพระเจ้าไม่ได้สั่ง ไม่ใช่คำสั่ง แล้วก็ไม่ใช่พระบัญญัติ อับราฮัมถวายเพราะว่าเห็นแก่พระคุณพระเจ้า การช่วยเหลือของพระเจ้าที่ทำให้ท่าน รบชนะศึกชนะศัตรู แล้วท่านก็นำสิบลดมาถวายแด่พระเจ้า ไม่ใช่คำสั่งนะครับขอให้เข้าใจตรงนี้
สิ่งที่สองก็คือในมัทธิวบทที่ 23 พระเยซูพูดถึงเรื่องการถวายสิบลด พระองค์บอกว่าเนี่ยน่ะ ฟารีสี ธรรมาจารย์ พวกท่านซื่อสัตย์ในเรื่องอื่น ก็ต้องควรที่จะซื่อสัตย์ในเรื่องถวายสิบลดด้วย และตอนนั้นเป็นยุคพระบัญญัติ ยังไม่ได้เป็นยุคพระคุณ พระเยซูยังใช้ชีวิตอยู่ในยุคพระบัญญัติ เข้าใจกันนะครับ พระเยซูยังไม่ตายนะครับ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงสนับสนุนให้ถวายสิบลดอยู่
แต่เมื่อถึงยุคพระคุณ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระบัญญัติถูกลบล้าง พระบัญญัติถูกแก้ไข ถูกเปลี่ยนแปลง ถูกยกระดับ หลายเรื่องหลายข้อถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะฉะนั้นในพระคัมภีร์ใหม่คำสั่งของพระเยซู พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 ไม่มีคำว่า จงถวายสิบลด ถ้าหากว่าสิ่งที่สำคัญและเรื่องสิบลดเป็นเรื่องที่สำคัญ ทำไมพระเยซูไม่สั่งถ้าหากเป็นพระบัญญัติ
เพราะฉะนั้นเราเห็นว่านะครับสิบลดไม่มีในคำสั่งในพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู และสาวกทั้งหลายรวมถึงเปาโล ไม่มีใครพูดถึงสิบลด เราถวายอะไรครับ? ร้อยลด และอีกอย่างสิบลดก็ไม่ใช่เงินด้วย สิบลดไม่ใช่เงิน เราดูที่หนังสือพระราชบัญญัติ 14:24-26 สิบลดไม่ใช่เงินนะครับ แต่ทุกวันนี้คริสเตียนนำเงินมาถวายแด่พระเจ้า อันนี้ผิดนะครับผิด เพราะว่าพระเจ้ารู้จิตใจของมนุษย์ดีว่ามนุษย์ หรือผู้นำ พูดตามตรงนะครับคือคนเราจะมีความโลภอยู่ในจิตใจ พระเจ้าจึงไม่อนุญาตให้นำเงินมาถวาย แล้วเราได้ยินข่าวบ่อยๆ ใช่ไหมเรื่องโกงคริสตจักร เรื่องผู้นำฉ้อโกง เรื่องอะไรทั้งหลายที่เกี่ยวกับเงินทองและทรัพย์สิน
เพราะฉะนั้นสิบลดนะครับเป็นคำสั่งเป็นพระบัญญัติของพระเจ้าต่อชนชาติอิสราเอล เพื่อให้เผ่าเลวี ตระกูลเลวี พนักงานในพระวิหารประมาณ 50 คน ทำงานในพระวิหาร ไม่มีการงานทำ เขาประจำที่พระวิหารเพื่อรับใช้พระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้า เขาจึงต้องกินอยู่ใช้จ่ายในพระวิหาร ก็คืออาหาร ก็คือข้าว ก็คือน้ำมัน ก็คือผลองุ่น ทุกสิ่งที่เป็นอาหารสำหรับเขา แต่ไม่ใช่เงินนะครับ ห้ามนำเงินไปเพื่อถวาย
แล้วสำหรับเราคริสเตียนล่ะ คริสเตียนเราถวายสิบลดไหม ไม่ถวายเพราะว่าไม่มีคำสั่งของพระเยซู ไม่มีคำสั่งของพระเจ้าผ่านเปาโลและอัครสาวกทั้งหลาย เราจึงไม่ถวายสิบลด แต่เราถวายร้อยลด
...
เพราะว่าใน 1 คร 6:19-20 บอกว่า พระเจ้าทรงซื้อเราแล้ว และพระวิหารของพระเจ้าทุกวันนี้อยู่ที่นี่ อยู่ที่คุณ อยู่ที่คุณ อยู่ที่คุณ อยู่ที่คุณ เราทั้งหลายเป็นวิหารเป็นพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าไม่อยู่ที่พระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม และตระกูลเลวีไม่มีอีกแล้วตั้งแต่ ค.ศ. 70 จนถึงทุกวันนี้ชาวยิวแม้แต่คนเดียวไม่มีใครกล้าถวายสิบลดเลยไม่มี เพราะว่าพระวิหารก็ไม่มีแล้ว พนักงานที่พระวิหารก็ไม่มีแล้ว จะเอาไปให้ใครกิน เพราะฉะนั้นขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ
เราไม่เชื่อเรื่องสิบลดเพราะว่าไม่มีคำสั่งของพระเยซู และไม่มีคำสั่งของเปาโลและสาวกทั้งหลายโดยพระวิญญาณเป็นคนสั่ง เราจึงถวายร้อยลด
...
ร้อยลด ก็คือให้ตามขนาดของความเชื่อ และเราเชื่อว่าทุกสิ่งที่เรามีเป็นของพระเจ้าแล้ว แม้แต่ชีวิตของเราพระเจ้าซื้อแล้ว (1 คร 6:19-20) เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เราไม่มีอะไรที่จะถวายให้พระเจ้า พระเจ้าไม่ต้องการเงิน พระเจ้าไม่ต้องการทรัพย์สิน พระเจ้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น พระเจ้าต้องการสิ่งเดียว ก็คือชีวิตของเรา และพระเจ้าก็ซื้อแล้วเป็นเจ้าของครอบครองทุกสิ่งที่เป็นของเราชีวิตของเราและทรัพย์สินสิ่งที่เรามีที่เป็นเจ้าของเป็นชื่อของเรา แต่เจ้าของที่แท้จริง ก็คือพระเจ้า เอเมน
ทีนี้เปาโลพูดถึงการให้นะครับ เราไม่ถวายสิบลด เราถวายร้อยลด เราถวายชีวิตของเรา ชีวิตที่เป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อให้พระเยซูใช้เป็นเครื่องสำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์และความชอบธรรมของพระองค์ออกมาผ่านเรา นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ
และการให้นะครับ ก็คือให้คนยากจน ให้หญิงหม้าย เด็กกำพร้า ช่วยเหลือคนนะครับ แล้วก็ช่วยเหลือในงานการรับใช้ ช่วยเหลือคริสตจักร ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอะไรทั้งหลาย และให้ด้วยความสมัครใจ พอใจ เต็มใจ ไม่ฝืนใจ ควักกระเป๋าออกมามันเยอะเกินไปรู้สึกมันไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ เราก็เอาน้อยกว่าให้ นี่คือร้อยลดของเรา
อยากฟ้องผิดนะครับไม่ต้องฟ้องผิด ว่าเราไม่ถวายสิบลดพระเจ้าจะไม่อวยพร ทุกวันนี้ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่รับมานาฯ และผมเองนะครับไม่เคยถวายสิบลดไม่กล้าถวายสิบลด เพราะว่าเป็นพระบัญญัติเดิม ถ้าหากใครรักษาพระบัญญัติเดิมอยู่ก็จะถูกสาปแช่ง
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยทิ้งผม พระเจ้าดูแลผม พระเจ้ารักผม ผมอาจจะไม่ร่ำรวย ไม่มั่งมี ไม่มีอะไรดีที่แบบ..คือเพื่อจะยืนหยัดว่าชีวิตอยู่ได้ คือผมอยู่ไปวันๆ นะครับ ก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของผม ผมสรรเสริญพระเจ้าที่ไม่เคยขาดอาหาร ไม่เคยที่จะแบบขัดสน และพี่น้องทั้งหลายที่รับมานาฯที่ไม่ถวายสิบลดแล้ว แต่ให้ด้วยความเต็มใจ พอใจ ไม่ฝืนใจ และช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจนขัดสน และนำเงินไปเพื่อใช้เพื่อประกาศข่าวประเสริฐนะครับ พระเจ้าให้ยัด สั่น แน่น พูล ล้น ผมเห็นมาแล้วนะครับ
อย่างที่ผมพูดนะครับสิบลดเป็นคำสั่งเป็นพระบัญญัติที่อยู่ในพระบัญญัติเดิม และในพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 ไม่มีนะครับ
แล้วถามว่าถ้าไม่ถวายสิบลดและไม่ถวายทรัพย์ เราจะเอาเงินเอาทรัพย์สินที่ไหนมาใช้จ่ายเพื่อการรับใช้ เพื่อการงานของพระเจ้า เพื่อคริสตจักร เราเรียกว่าให้นะครับ ให้ตามขนาดของความเชื่อ และการให้ของเราให้เท่าไหร่ก็ได้ที่เราเต็มใจ พอใจ และไม่ฝืนใจ เรียกว่าการให้ที่เป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าพอพระทัยแล้ว
และสำหรับคริสตจักรนะครับถามว่าถ้าไม่มีเงิน ไม่มีการถวายทรัพย์ ไม่มีการถวายสิบลด คริสตจักรจะอยู่รอดได้อย่างไร หลายคนกลัวใช่ไหมหรือว่าเป็นห่วงเรื่องนี้นะครับ ผมอยากจะบอกเราตรงนี้นะครับ ในหนังสือกิจการที่พูดถึงเรื่องการทำงานของอัครสาวก การรับใช้ของเปาโล การรับใช้ของผู้รับใช้ทั้งหลาย เราไม่เคยเน้น ไม่เคยพูดถึงเรื่องการเงิน เรื่องทรัพย์สิน เพราะว่าคริสตจักรใครเป็นคนก่อตั้ง? อาจารย์เปาโล ท่านมัทธิว หรือว่าใคร หรือยอห์น พระเยซูเป็นคนก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ ถ้าพระเยซูเป็นคนก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูก็ต้องดูแล เอเมนไหมครับ
คริสตจักรเป็นของพระเจ้า พระเจ้าก็ต้องดูแล เพราะฉะนั้นเราไว้วางใจ เราวางใจในพระเจ้า เรื่องทรัพย์สิน เรื่องการเงิน ค่าใช้จ่ายอะไรทั้งหลายเกิดจากการอัศจรรย์ทุกครั้งนะครับ ไม่ต้องห่วง พระเจ้ามีปัญญาก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ พระเจ้าก็มีปัญญาที่จะดูแลรักษาเลี้ยงดูทำให้เติบโตได้ เอเมน
ชีวิตคริสเตียนอยู่บนรากฐานของความเชื่อ คือการเชื่อเอา พระองค์ก็อวยพร พระองค์ก็นำทุกสิ่งมาสู่เรา ชีวิตคริสตจักรพระองค์ก็ดูแล เราตั้งอยู่บนพื้นฐานรากฐานของความเชื่อ เราเชื่อว่าพระเจ้าจะดูแล เราเชื่อว่าพระเจ้าจะเลี้ยงดู เราเชื่อว่าพระเจ้าจะนำพาจะทำให้เกิดผลให้แพร่ขยายให้เติบโต พระองค์ก็ทำนะครับ พระเยซูเลี้ยงดูเราได้ เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา และพระเยซูก็เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของคริสตจักรด้วย เอเมน
อย่าลืมนะครับตั้งแต่ ค.ศ. 70 จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครกล้าถวายสิบลด ชาวยิวเขาเลิกถวายสิบลดมาตั้งนานแล้ว
ถาม.
พอดีผมไปเจอคนอิสราเอลคนหนึ่ง แล้วผมก็ถามเขาเรื่องนี้แหละ ว่าทุกวันนี้พวกคุณถวายสิบลดอยู่ไหม เขาก็หัวเราะ เขาบอกไม่มี
ตอบ.
ใช่ครับ คือเขาไม่กล้าถวาย ถ้าถวายนะครับก็คือตระกูลเลวีเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะรับสิบลด เพราะฉะนั้นไม่มีใครกล้าแตะสิบลด เพราะว่าพระเจ้าจะเอาเรื่องเขา และชาวยิวทุกวันนี้เขาอยู่ได้ยังไง? เขานมัสการอยู่ที่ (Synagogues) ก็คือธรรมศาลา อยู่ทั่วไปที่มีชาวยิวอยู่นะครับ เขาจะมาร่วมกันนมัสการพระเจ้าที่ธรรมศาลา และถามว่าเงินทองทรัพย์สินเข้าได้มาจากไหน ก็คือการจองที่นั่ง เงินที่เขาได้มาจากการจองที่นั่ง เพื่อการค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าผู้รับใช้
...
ถาม.
2 คร 9:7 "ทุกคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี" อันนี้หมายถึงเงินหรือเปล่าครับ
ตอบ.
ใช่ครับ เงินทอง ทรัพย์สิน หรือข้าวปลาอาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ เราให้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคริสตจักร และคนที่ขัดสนยากจน ไม่ใช่แต่เฉพาะเงินนะครับคือทุกสิ่งที่เราให้ได้ นี่คือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ใน 2 คร 9:7 เกี่ยวกับเรื่องการให้ เราไม่เรียกว่าการถวายอีกแล้วต่อไป
ก็คือถ้าหากถวายนะครับ ก็คือเราถวายตัวใหม่ให้พระเจ้า เพื่อพระเยซูจะสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านเรา นี่คือการถวาย
แต่การให้ ก็คือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู เราให้คริสตจักร เราให้พี่น้อง เราให้ผู้รับใช้ เพื่อช่วยเหลือ เราให้เพื่อคนขัดสนยากจน หญิงหม้าย เด็กกำพร้า เพื่อช่วยเหลือเขา แล้วพระเจ้าจะให้เรา ยัด สั่น แน่น พูน ล้น เอเมน
แต่การให้ของเรานะครับ ห้ามเสียดาย ห้ามฝืนใจ ถ้าหากฝืนใจอย่าให้ดีกว่า แล้วถ้าให้นะครับมันจะมากจะน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ แต่เราให้ด้วยหัวใจของเรา หัวใจรักพระเยซู
แล้วเราให้เราต้องดูว่าครอบครัวของเราโอเคไหม ครอบครัวของเราพอมีพอกินอยู่ไหม ไม่ใช่ว่าให้ทั้งหมดให้ไปหมดแล้วก็ไม่มีอะไรกิน อันนี้ก็ไม่ถูก พระเจ้าไม่ต้องการนะครับ พระเจ้าต้องการให้เราดูแลเราเองที่เป็นพระวิหารหรือวิหารของพระเจ้า และดูแลคนในครอบครัวของเราที่เป็นครอบครัวของพระเจ้า จากนั้นก็พี่น้องคริสเตียน คริสตจักร แล้วก็หญิงหม้าย เด็กกำพร้า และคนที่ไม่เชื่อครับ
...
ถาม.
คือมีบางคนที่อยู่ในคริสตจักรศาสนา คือเขาก็เป็นพยานว่าคือเขาถวายสิบลด แล้วก็พระเจ้าก็อวยพรมากเลย มาเป็นพยานอะไรประมาณนี้ อย่างนี้เราจะว่ายังไงครับ
ตอบ.
ใครที่อยู่เบื้องหลังของคำสอนผิด ซาตานใช่ไหม? และทุกวันนี้คริสตจักรนะครับถูกครอบครองโดยใคร? ใครเป็นเจ้าของคริสตจักร ถามจริงๆ
ในวิวรณ์ 2:9 และ 3:9 บอกว่าซาตานนั่งที่บัลลังก์ในคริสตจักร ซาตานเป็นเจ้าของ
ถามว่าทำไมมันเป็นเจ้าของคริสตจักร ไม่ใช่พระเจ้าหรอ? เพราะว่าคริสตจักรนะครับทุกวันนี้กลายพันธุ์ คริสตจักรทุกวันนี้เป็นศาสนาคริสต์ ไม่ใช่คริสตจักรเที่ยงแท้ ไม่ใช่ เขานมัสการด้วยอารมณ์และความรู้สึกและสายตาที่มองเห็น เขาไม่ได้นมัสการพระเจ้าในวิญญาณและในความจริง เขาไม่ใช่มนุษย์วิญญาณ เขาเป็นตัวเก่าเขาเป็นคนบาป เขามาหาพระเจ้าเพื่อพระพร เขานับถือศาสนาคริสต์ วันอาทิตย์วันเดียวที่มาหาพระเจ้า วันจันทร์ถึงวันเสาร์เขาเป็นมนุษย์เนื้อหนัง เขาเป็นอาดัม เขาไม่ใช่คริสเตียน
เพราะฉะนั้นซาตานจึงครอบครองคริสตจักรได้ เป็นเจ้าของคริสตจักรได้ และคำสอนที่มันป้อนให้คริสตจักร ก็คือคำสอนที่ผิด และเมื่อเขานำไปปฏิบัตินำไปใช้ ซาตานก็ทำให้มันเกิดผล แล้วเราก็อ้างว่า เออ ได้ผลจริงๆ น่ะ
หลายคนที่ไปนะครับกระโดดโลดเต้น แล้วก็ร้อง ส่งเสียงดัง แล้วก็พูดภาษาแปลกๆ ลั่นลิ้นกระตุกลิ้นกันใหญ่เลย แล้วบอกว่าพระเจ้าสัมผัส พระเจ้าสัมผัส แท้ที่จริงซาตานมันสัมผัสครับไม่ใช่พระเจ้า
คำสอนไหนที่ถูก สิ่งที่ถูกต้องเราทำพระเจ้าก็สนับสนุน และพระเจ้าเป็นคนสัมผัสเป็นคนทำ
แต่สิ่งไหนที่ไม่ถูกต้อง ผิดพระคัมภีร์ ซาตานเป็นคนทำครับ เมื่อเราเชื่อว่าสิบลดเป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้าเป็นคำสั่งของพระเจ้าในยุคใหม่ ยุคพระคัมภีร์ใหม่ แล้วเราไปทำนะครับ รักษาพระบัญญัติ รักษาสิบลด ถวาย ซาตานอวยพร ซาตานเอามาให้เราได้
จำกันได้ไหมซาตานมันบอกพระเยซูว่า นมัสการเราสิ กราบไหว้เราสิ เราจะให้ทุกสิ่งในโลกนี้แก่เจ้า (มธ 4:8-9) ทำไมมันจะให้คริสเตียนไม่ได้ ทรัพย์สินทุกอย่างในโลกนี้เป็นของมันนะครับ ถ้าหากเราเชื่อผิด มันสนับสนุนนะครับ มันทำให้เกิดได้
แล้วถามว่าคนที่ไม่ถวายสิบลด พี่น้องที่ถูกเปิดตารับมานาฯ พระเจ้าอวยพรเราไหม ถามจริงๆ เราไม่ได้ถวายสิบลดมานานหลายสิบปีแล้วนะครับ แต่พระเจ้าก็อวยพร พระเจ้าก็นำ พระเจ้าก็ให้ ยัด สั่น แน่น พูล ล้น เอเมนไหมครับ ไม่เห็นมีใครถูกสาปแช่ง ไม่เห็นมีใครล่มจม ไม่เห็นมีใครเจ๊ง ไม่เห็นมีใครแบบคือชีวิตล้มเหลว ไม่มีอันจะกิน เพราะว่าไม่ถวายสิบลด มีไหมครับไม่มีน่ะ
ถาม.
มีผู้รับใช้ท่านหนึ่ง (อยู่ในคริสตจักรศาสนา) เขาก็รักพระเจ้ามาก เขาซื่อสัตย์ในสิบลด แต่ทำไมกิจการค้าขายของเขามันไม่รุ่งเรืองอ่ะค่ะ มีแต่เพียงตำแหน่งที่ทางคริสตจักรเลื่อนให้เท่านั้นเอง เพราะว่าเขาทุ่มเทในการรับใช้ค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่รักพระเจ้ามากๆ แสวงหาพระเจ้า รับใช้พระเจ้าด้วยหัวใจ และถวายสิบลด แล้วก็ไม่รุ่งเรืองไม่เจริญในธุรกิจการงานของเขา หรือการค้าขายของเขานะครับ เพราะว่าพระเจ้าไม่สนับสนุนแล้วพระเจ้าไม่ให้ซาตานทำให้เขาร่ำรวยมั่งมีและไม่ให้ซาตานอวยพรเขา เพราะว่าพระเจ้าอยากให้เขารู้นะครับว่าสิบลดไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าและไม่ใช่คำสั่งของพระบัญญัติใหม่ เขาจึงไม่มีอะไรไม่ได้รับอะไร
...
ถาม.
หว่านมากเก็บเกี่ยวมาก ไม่เกี่ยวอะไรกับสิบลดใช่ไหมครับ
ตอบ.
ไม่เกี่ยวครับ การหว่านมาก ก็คือการหว่าน เราจำกันได้ไหมพระเยซูพูดถึงหว่านในย่านพระวิญญาณ หว่านในย่านเนื้อหนัง
เราหว่านในย่านพระวิญญาณ เราก็เก็บเกี่ยวมาก ก็คือการรับสิ่งที่เป็นฝ่ายวิญญาณเข้ามามากขึ้น มากขึ้นๆ
แล้วเรื่องการหว่าน ก็คือการให้ เกี่ยวกับเรื่องการให้ด้วยนะครับ การให้นะครับ เราให้มาก เราก็ได้เก็บเกี่ยวมาก พระเจ้าก็ให้ยัด สั่น แน่น พูล ล้น ไม่ได้พูดถึงสิบลดนะครับ ถ้าหากพี่น้องยังข้องใจรู้สึกฟ้องผิดที่ไม่ได้ถวายสิบลด หรือไม่กล้าที่จะเลิกถวายสิบลด เราคุยกันนะครับเราคุยกันในกลุ่มไลน์ของเรา ผมจะส่งข้อมูลทั้งหมดที่ผมค้นมาที่ได้แปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยก็จะส่งเข้าไปให้
...
ถาม.
ข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่าถ้าเราให้คนอื่นแล้วพระเจ้าก็จะ ยัดสันแน่นพูลล้น ให้กับเรา มันเกี่ยวกับการถวายสิบลดหรอคะ มันเกี่ยวข้องอะไรกับพระคัมภีร์ที่บอกว่าเราถวายสิบลด พระเจ้าจะอวยพรเรา มันไปเกี่ยวโยงกันไหมคะ
ตอบ.
ไม่เกี่ยวกันครับผม สำหรับพระคัมภีร์ใหม่ และคำสอนของเปาโล และของพระเยซู ของสาวกหลายๆ คน เรื่องสิบลดไม่เกี่ยวนะครับ สาวกทั้งหลายพูดกล่าวโดยพระวิญญาณ ก็คือเรื่องการให้ (เรื่องการให้)
...
ถาม.
เมื่อเราหว่านมาก เราก็ได้เก็บเกี่ยวมาก หรือเราไม่มีหว่าน แต่เราอยากให้ พระเจ้าก็อยากอวยพรเราใช่ไหมคะ คือพระองค์ชันสูตรดูที่ใจมากกว่าปริมาณที่เราให้ใช่ไหมคะ
ตอบ.
แน่นอนครับ เป็นเรื่องของหัวใจ เราให้แค่เล็กๆ น้อยๆ สำหรับพระเจ้ามันเป็นสิ่งที่มาก (ถ้าหากเราให้ด้วยหัวใจรัก)
เราจำกันได้ไหม หญิงหม้ายกับเศรษฐี (มก 12:41-44 / ลก 21:1-4) หญิงหม้ายให้แค่สองเหรียญนะครับ แล้วพระเยซูยกย่องเขา แต่เศรษฐีพระเยซูตำหนิเขา เพราะเขาให้ด้วยการอวดมั่งอวดมีอวดร่ำอวดรวยอวดว่าเขาเป็นคนถวายเป็นคนให้
แต่หญิงหม้ายให้ด้วยค่อยๆ ทำเพราะว่ามันมีแค่เล็กน้อย แต่มันเป็นเงินที่เขาต้องนำมาเพื่อซื้ออาหาร เขาก็ยังยอมให้พระเจ้านะครับ แล้วเขารู้นะครับว่าพระเจ้าจะอวยพร พระเจ้าจะให้เขาเพิ่มอีก เขามั่นใจ เขาวางใจในพระเจ้า หญิงหม้ายคนนี้เป็นแบบอย่างที่ดี ถึงแม้ว่าเขามีเล็กน้อยก็ให้พระเจ้า แล้วเขารู้เขาเชื่อว่าพระเจ้าต้องให้เขาต้องอวยพรเขา
สำหรับเราคริสเตียนนะครับ เราวางใจในพระเจ้ามากกว่าที่จะเชื่อเงินทองทรัพย์สินในกระเป๋าของเราในบ้านของเรา เรามีอะไรพระเจ้าดลใจเรานะครับว่าให้ 200 บาท ให้ 1,000 บาท ให้ 5,000 บาท ให้ 10,000 บาท ในความคิดของเรานะครับก็เถียงพระเจ้าว่า เอ่อ พระเยซูมันใช่เหรอ มันมาจากพระองค์จริงเหรอ เพราะว่าเรารู้สึกว่า เอ่อ ให้ดีไหม แต่พระเจ้าก็ย้ำนะครับ พระเจ้าก็ย้ำว่าให้ ให้เขาไป ให้เขาไป ทั้งๆ ที่เราแบบว่าเงินทองเราก็ไม่เท่าไหร่
แต่ขอบคุณพระเยซูเมื่อเราให้การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับเรา คำว่า ยัด สั่น แน่น พูน ล้น ก็เข้ามาทันที ไม่ช้าก็เร็ว
...
ถาม.
ลูกา 8:3 "และโยอันนาภรรยาของคูซา ต้นเรือนของเฮโรด และซูซันนา และผู้หญิงอื่นๆ หลายคนที่เคยปรนนิบัติพระองค์ด้วยการถวายสิ่งของของเขา" คนเหล่านี้มีหัวใจที่กว้างขวางให้อย่างใจกว้างขวาง เป็นการปรนนิบัติพระเจ้าหรือพี่น้องคริสเตียนด้วยทรัพย์สิ่งของใช่หรือไม่คะ
ตอบ.
สำหรับเรานะครับการให้
-ให้คริสตจักร
- ให้ผู้รับใช้
- ให้พี่น้องคริสเตียนด้วยกัน
- ให้เพื่อช่วยเหลือนะครับ
คือการปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นหนึ่งในการปฏิบัติพระเจ้า ทำเพื่อพระเจ้านะครับ
คือการให้ การกระทำทุกสิ่งของเราคริสเตียน และแม้แต่การให้ การช่วยเหลือพี่น้อง การทำทุกสิ่ง ก็คือการได้ปรนนิบัติพระเจ้าแล้วครับ
...
ถาม.
ดิฉันยังอยู่ใน คจ. ศาสนาอยู่นะคะ คือใน คจ. ถ้าปีใหม่เขาจะมีซองมาให้เรา ในซองมีก็ชื่อของหัวหน้าครอบครัว อันนี้คือกฎกติกาของชุมชนที่กระตุ้นให้เราถวายสิบลด เพราะฉะนั้นพอมาฟัง อจ. บอกว่า ถวายสิบลดเนี่ยไม่มีใครกล้าที่จะถวาย เราทำบาปด้วยไหมถ้าเราร่วมถวายสิบลดตรงนั้นด้วย คือใน คจ. ที่บอกว่าถวายข้าวสาร ถวายอะไร ถวายเงินให้กับคนนี้เพื่อที่จะไปประกาศ คือมาคิดตรงนี้เขาไม่ได้ให้กับพระเจ้า เราถวายให้กับคนนี้เพื่อที่จะไปทำงานของพระเจ้า เราถวายถูกไหมความรู้สึกของเราถูกไหม
ตอบ.
สำหรับคริสตจักรศาสนา พูดตามตรงนะครับ คือการถวายเขาไม่ได้ทำตามที่พระเยซูสั่งเอาไว้ จำได้ไหมในพระกายมีพี่น้องหลายคน บางคนเป็นแขน บางคนเป็นลิ้น บางคนเป็นมือ อวัยวะทุกส่วนที่มาร่วมกันมารวมกันอยู่ และพระเยซูตรัสว่าเมื่อท่านให้ อย่าให้มือข้างขวา รู้ถึงการกระทำของมือข้างซ้าย (มธ 6:1-4) แต่สำหรับคริสตจักรทั่วไปทุกวันนี้ ก็คือจ่ายหน้าซองใช่ไหมครับมีชื่อของเราด้วย แล้วเราถวายนะครับคริสตจักรก็รู้ว่าเราถวายเท่าไหร่ เขาก็ประกาศด้วยน่ะบางคริสตจักร อันนี้เป็นสิ่งที่ผิดต่อพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูครับ
และสำหรับเรื่องการนำทรัพย์สิน สิ่งของ อาหาร ข้าว อะไรก็แล้วแต่นะครับ มา ถ้าหากเรานำมาและให้พี่น้องในคริสตจักรด้วยหัวใจ ด้วยหัวใจที่รักพระเจ้า ก็คือการปฏิบัติพระเจ้าครับผม
แต่อีกครั้งนะครับถ้าหากเราถวายสิบลด ก็คือเราทำผิดต่อพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู เพราะว่าในพระบัญญัติใหม่พระเยซูไม่มีการถวายสิบลด แต่เป็นถวายร้อยลดครับ ร้อยลดคืออะไร ก็คือการให้ด้วยหัวใจ ให้ตามขนาดของความเชื่อ ไม่ฝืนใจ ไม่บังคับใจ แต่ด้วยความพอใจและด้วยหัวใจที่รักพระเยซู
...
ถาม.
วิวรณ์บทที่ 2 ข้อที่ 9 คือผมยังไม่เคลียร์ว่า ธรรมศาลาของซาตาน เกี่ยวอะไรกับคำว่า คริสตจักรครับ
ตอบ.
สำหรับหนังสือวิวรณ์ คำที่ใช้นะครับ อาจจะเป็นธรรมศาลา (Synagogues ซินนะกอก) หรือที่ที่อยู่ หรือที่ที่อยู่ก็คือที่ที่คริสเตียนรวมตัวกันอยู่ เรียกว่าคริสตจักร หรือเรียกว่าธรรมศาลา เพราะฉะนั้นซาตานทุกวันนี้อยู่ในธรรมศาลาของคนยิวที่เชื่อพระเจ้า และอยู่ในคริสตจักรของคริสเตียนที่เชื่อพระเจ้าครับ
วิวรณ์บทที่ 2 :9 เป็นเรื่องของชาวยิว และ Synagogues ซิน,นะกอก เกี่ยวอะไรกับคริสตจักร เกี่ยวครับ คือสำหรับหนังสือวิวรณ์บทที่ 2:9 คือพระเยซูตรัสกับคริสตจักรเมืองสเมอร์นาแล้วบอกว่า เนี่ยที่ที่ชาวยิวคิดว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ แต่แท้ที่จริงเป็นที่อยู่ของซาตาน เป็นบัลลังก์ของซาตาน
ทีนี้คริสเตียน คริสตจักรล่ะ สามารถที่จะเป็นที่อยู่และเป็นบัลลังก์ของซาตานได้หรือไม่?
คำตอบอยู่ที่นี่ครับ มัทธิว 13:31 เรื่องคำอุปมาเกี่ยวกับเมล็ดมัสตาร์ด เราจำกันได้นะครับ
พระองค์ยังตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเสมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งเอาไปเพาะลงในไร่ของตน
เมล็ดนั้นที่จริงก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่เมื่องอกขึ้นแล้ว ก็ใหญ่ที่สุดท่ามกลางผักทั้งหลาย และจำเริญเป็นต้นไม้ กลายเป็นต้นไม้นะครับ จนพวกนกแห่งฟ้าอากาศ นกแห่งฟ้าอากาศนะครับฟังดีๆ นะครับ และอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นไม้นั้น
ตอนแรกนะครับที่ผมไม่ได้พบมานาที่ซ่อนไว้ ผมก็คิดว่าคำอุปมาเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ดี คืออาณาจักรของพระเจ้าคริสตจักรจะขยายตัวขยายใหญ่ขึ้น มีนกก็คือมาเกาะมาอาศัยอยู่ ก็คือมีผู้คนมีมนุษย์มาเชื่อมารับพระเจ้ามารับสันติสุขความหวัง เราคิดว่าแบบนั้นใช่ไหม
แต่เรามาดูดีๆ นะครับ เมล็ดงอกขึ้นมีขนาดใหญ่โตที่สุดท่ามกลางผัก ผักก็คือพืช ก็คือผักที่เราใช้เป็นอาหารกินได้ แต่มันกลายเป็นต้นไม้ เมล็ดมัสตาร์ดกลายเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่ขึ้น แล้วก็มีพวกนกแห่งฟ้าอากาศ นกแห่งฟ้าอากาศ ไม่ใช่แกะนะครับ ไม่ใช่แกะ แต่เป็นนก
นกเล็งถึงใครเล็งถึงอะไร?
มัทธิว 13:4 และเมื่อเขาหว่าน เมล็ดพืชก็ตกตามหนทางบ้างแล้วนกก็มากินเสีย
มีนกมาจิกกินเมล็ดเห็นไหมครับ นกตัวเดียวกันนี่แหละ ชวนเพื่อนของมันมาอาศัยอยู่ในคริสตจักร เมื่อมีคริสตจักรเกิดขึ้น มีพระกายเกิดขึ้น นกนะครับซาตานก็เข้ามา มาเกาะตามกิ่งก้าน ทำเป็นบัลลังก์เป็นที่อยู่ของมัน
ถามว่าคริสตจักรเป็นที่อยู่ซาตานได้ยังไง บัลลังก์ของมัน มันก่อ มันตั้งบัลลังก์ของมัน ในคริสตจักรได้ยังไง?
ก็เพราะว่าคริสตจักรทุกวันนี้ไม่ใช่คริสตจักร เอเมนไหม คริสตจักรทุกวันนี้ไม่ใช่คริสตจักร ไม่ใช่. สวมหน้ากากใส่หน้ากากเข้าหากัน แสดงเสแสร้ง แล้วก็ความรักมีไหม อากาเป ไม่มี. ความอิจฉา ซุบซิบนินทา ความโกรธ เกลียด แบ่งแยก แตกแยก แบ่งพรรค แบ่งพวก มีไหม มี. ชีวิตที่สิ้นหวังมีไหม มี. ความผิดหวังมีไหม มี. ความทุกข์มีไหม มี. ฟังดูแล้วมันไม่เหมือนคริสตจักรน่ะใช่ไหมล่ะ
เพราะฉะนั้นเหล่านี้นะครับเกิดจากตัวเก่า เกิดจากมนุษย์อาดัม และอีกอันหนึ่งที่สำคัญการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีไหม ไม่มี. และนิสัยของพระเยซูการสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูที่ไม่สวมหน้ากากไม่เสแสร้งมีไหม ไม่มี.
ยิ้มก็ยิ้มแห้งๆ จำได้ไหมที่ผมเคยพูดคริสตจักรที่อเมริกา ไปนมัสการร่วมกัน คืออยู่บ้านหลายคนปกติก็จะไม่ยิ้มนะครับ คือหน้าบึ้งทำหน้าตาเหมือนเหมือนเดิมเหมือนเก่าก็คือปกติเรานี่แหละ แต่พอไปคริสตจักรนะครับพอถึงลานจอดรถก็จะยิ้ม ปิดประตูรถก็ยิ้ม เดินเข้าไปคริสตจักรก็ยิ้ม ไปเข้าห้องน้ำก็ยิ้ม กลัวว่าคนที่อยู่ข้างๆ จะเห็นหน้าเราบูดหน้าบึ้ง ก็ยิ้มนะครับ ออกมานั่งที่ประชุมก็ยิ้ม 2 ชั่วโมงก็ยิ้ม
ถ้ายิ้มนานเราจะมีปัญหาตรงนี้ คือกราม มันปวดกรามใช่ไหม เพราะว่าเราไม่ได้อยู่เพื่อยิ้มทั้งวันทั้งสัปดาห์ แต่เรามายิ้มแค่ 2 ชั่วโมง มันมีปัญหาตรงนี้นะครับ (ปวดกราม) คือการยิ้มแห้งๆ เป็นการยิ้มที่ไม่เต็มใจยิ้ม เป็นการแสดงละคร
เพราะฉะนั้นสรุปก็คือ คริสตจักรที่เราเห็นทุกวันนี้ ไม่ใช่คริสตจักร ไม่ใช่ๆ เป็นศาสนาคริสต์ และศาสนาคริสต์ก็คือเนื้อหนังก็คือตัวเก่า เขาไม่ได้เอาตัวใหม่มานมัสการพระเจ้ามาสรรเสริญพระเจ้ามาเพื่อปรนนิบัติพระเจ้า พระเจ้าไม่รับชีวิตเก่าชีวิตอาดัมจำกันได้นะครับ
พระเจ้ารับแต่เฉพาะชีวิตที่เป็นขึ้นมาจากความตายกับพระเยซูแล้ว เอเมน เพราะฉะนั้นซาตานจึงเข้ามาในคริสตจักรได้ แตะผู้เชื่อได้ และเป็นเจ้านายบงการชีวิตของผู้เชื่อได้