ถาม.
ผมขอถามหน่อย ที่พูดถึงครอบครัว เราคือครอบครัว เมื่อเราใช้คำว่าครอบครัว คือเราต้องห่วงใยกันดูแลกันใช่ไหมครับ
ตอบ.
แน่นอนครับ เราต้องรักครอบครัวครับ พ่อแม่รักลูก ลูกรักพ่อแม่ พี่น้องรักกันและกัน คือต้องรัก ต้องดูแล เอาใจใส่กันและกัน
...
ถาม.
คือเราควรจะช่วยเหลือกัน ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ ทั้งการให้ การถวายอะไรพวกนี้ใช่ไหมครับ ทุกอย่างรับภาระของพี่น้องกันและกัน
ตอบ.
ถูกแล้วครับ
...
ถาม.
ที่นี้ถ้าพี่น้องเรา คือเป็นครอบครัวเรา แต่เขานิสัยไม่ดี หมายถึงว่าไม่ยอมทำมาหากินแต่จะขออย่างเดียวอย่างนี้ ทำยังไงกับเขาดีครับ ตักเตือนหนุนใจหรือช่วยเหลือเขาไป หรือยังไง
ตอบ.
มีพระคัมภีร์บางตอนที่เปาโลพูดว่า คนที่เกียจคร้านอย่าให้เขากิน (2 เธสะโลนิกา 3:10) เปาโลพูดตรงนะครับ คือมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สำหรับการช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจน ที่ขัดสน พี่น้องที่ขอความช่วยเหลือบ่อยๆ เราพิจารณา เราอธิษฐาน ขอการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราดู เราสังเกต บางคนมีของประทานสังเกตได้ บางคนมีของประทานที่จะดูได้ว่าใครควรจะช่วยเหลือ ใครไม่ช่วยเหลือ ช่วยเหลือมากน้อยเท่าไหน มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องนำแต่ละเรื่องมาพูดคุย มาสามัคคีธรรมกัน แล้วขอให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินนะครับ
ไม่ใช่ว่ามีคนขอความช่วยเหลือเราก็ช่วยไป ช่วยไปเลยๆ อันนั้นก็ไม่ถูก เปาโลบอกว่าถ้าใครที่ขัดสนจริงๆ เราช่วยเขา แต่ใครเป็นคนที่ขี้เกียจอย่าให้เขากิน คือเราต้องสอนให้เขาตกปลาด้วยใช่ไหม ไม่ใช่เอาปลาให้เขาตลอดเวลา สำหรับคริสเตียนเราใช้วิธีนี้เหมือนกันครับ คือช่วยเหลือคน เราช่วยให้เขามีความรู้ ช่วยให้เขาทำงานได้ ช่วยให้เขาทำทุกสิ่งได้ แล้วก็เป็นภาระของคริสตจักรให้น้อยลง แต่เราก็ไม่ขาดการช่วยเหลือต่อเขา
...
ถาม.
ครับขอรายละเอียดอีกนิดนึง ในฐานะที่เราต่างเป็นครอบครัวกันและกัน คือตอนนี้เท่าที่เห็นพี่น้องไม่ว่าจะอยู่ต่างประเทศ อยู่ในไทย อยู่ภาคเหนือ ใต้ อีสาน อะไรอย่างนี้ พวกเราเวลาพอมีใครบางคนบอกว่าลำบากอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็สืบสอบเสาะ แล้วก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง น่าช่วยเหลือ เราก็โพสต์พี่น้องก็ช่วยกัน ผมก็เห็นว่าพี่น้องก็ช่วยกันนะ ก็ขอบคุณพระเจ้านี้ก็ดีอยู่
มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ ที่ว่าในฐานะครอบครัวเราควรจะช่วยเหลือกันในด้านไหนอีกครับ
ตอบ.
สำหรับการช่วยเหลือจริงๆ แล้วนะครับ พระเจ้าให้เราทำเป็นงานหลักก็คือ การเสริมสร้าง การช่วยชีวิตเขา ในฝ่ายวิญญาณให้เติบโต สู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู เพื่อเขาจะได้รับพระพร เพื่อพระเจ้าจะดูแลเขาให้มากกว่าที่เคยดูแลมานะครับ
แล้วงานรองก็คือ การช่วยเหลือทางด้านร่างกายนะครับ อย่าลืมนะครับว่าเคล็ดลับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของการประสบความสำเร็จของชีวิตแต่ละคน ที่ไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือบ่อยๆ ก็คือ ให้เขาสนิทในพระเยซู ให้เขาใกล้ชิด ให้ความรู้ให้บทเรียนแก่เขา แนะนำเขา ล้างเท้าเขา ให้ตาเขาสว่าง แล้วเมื่อเขานำไปฝึก พระเจ้าก็อวยพร ก็นำพระพรเข้ามาสู่ชีวิตของเขา
ทุกวันนี้เรามีปัญหา ก็คือหลายเหตุผลใช่ไหม แต่เหตุผลหนึ่งนะครับก็คือ พระเจ้าทดสอบ พระเจ้าตีสอน แล้วพระเจ้าใช้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อให้เราและให้เขา เข้าใกล้พระเจ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าใกล้พระเจ้า เขาจึงยากจน ขัดสน
เพราะฉะนั้นพระเจ้าก็เลย คือให้เราเป็นคนที่จะแนะนำเขา เตือนเขา สะกิดเขาให้กลับเข้ามาอยู่ใกล้พระเจ้ามากเท่าที่จะมากได้ เพื่อรับพระพรครับ
อันนี้ผมเชื่อนะครับในต่างประเทศมีหลายคริสตจักรเขาพูดกันนะครับว่า เป็นคริสเตียนแล้วไม่มีขอทาน คริสเตียนจะไม่ขอทานเป็นอันขาด แล้วก็คริสเตียนปกตินะครับพระเจ้าจะไม่ให้ขัดสน ปกตินะ แต่นานๆที พี่พระเจ้าจะให้ขัดสน ถามว่าทำไม? เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้เราเข้าใกล้พระเจ้าครับ อย่าลืมงานของครอบครัว งานของพี่ของน้อง ที่มีต่อกัน ก็คือสะกิดเรา สะกิดกันและกัน ให้สนิทในพระเยซู เข้าใกล้พระเยซู
** สำหรับเรื่องการช่วยเหลือ การช่วยเหลือพี่น้อง ขอบคุณพระเจ้านะครับที่พระเจ้าใส่ใจ ใส่ความเมตตาในหัวใจของเราเป็นสิ่งที่ดี แต่การช่วยเหลือต้องระมัดระวัง ต้องอยู่ในการดลบันดาล อยู่ในการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลายครั้งที่เราช่วยเหลือคน เราอาจจะคิดว่า เออ.. ช่วยไปๆๆ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่พระเจ้าทรงนำและเราจะขาดบำเหน็จนะครับ ขอให้ระมัดระวัง
**สำหรับผมผมขอบคุณพระเจ้า ทุกครั้งที่มีความกระตือรือร้น มีอาการร้อนรนผมช่วยนะครับเราให้ แต่ถ้าหากรู้สึกเฉยๆ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับว่า "พระองค์ เห็นใจคนนี้มากเขามีปัญหาอยู่ เขากำลังต้องการการช่วยเหลือมาก" แต่เมื่อไม่มีคำตอบนะครับก็รอ เราก็รอ สุดท้ายเราก็รู้นะครับว่าทำไมพระเจ้าไม่ให้ช่วย เพราะว่าเขาเป็นแบบนี้แบบนั้น คือพระเจ้ารู้นะครับ เราไม่รู้แต่พระเจ้ารู้ครับ แล้วสำหรับความเมตตาเรามีจิตใจที่เมตตาอยู่แล้วครับ