“พระองค์เงินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์การตัดสินใจการให้เป็นของพระองค์ไม่ใช่ข้าพระองค์ ถ้าพระองค์จะให้ก็คือย้ำหลายๆ ครั้ง ถ้าพระองค์จะให้ก็คือให้นิมิตให้หมายสำคัญ แล้วข้าพระองค์ก็จะให้เขา”
ถาม.
อยากทราบว่ามีพี่น้องนึงเคยเป็นคริสเตียนและทีนี้ทุกครั้งที่เขาเข้ามาหรือติดต่อกับเราส่วนมากจะเป็นเกี่ยวกับการเงินนะคะ เราก็ไม่รู้ว่าเราจะปฏิเสธเรื่องการเงินยังไงค่ะ เพราะว่าเขาเอาพระเจ้ามาบังหน้าว่าเขาเชื่อพระเยซูนะ แต่การกระทำของเขาหรือคำพูดของเขาเคยทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมเราถูกต่อว่าทำไมถูกด่าทั้งๆ ที่เราก็รักเขาค่ะ
ตอบ.
สำหรับเราที่เป็นบุตรพระเจ้า เมื่อมีพี่น้องคริสเตียนด้วยกันมาขอยืมหรือขอเราไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
แต่สิ่งที่สำคัญนะครับเราต้องถามพระเยซูก่อน “พระเยซูเงินนี้เป็นของพระองค์ พระเยซูสติปัญญาคำตอบการตัดสินใจเป็นของพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ถ้าหากพระองค์ไม่ตรัสไม่บอกไม่สั่ง” เราสงบนิ่งรอคำตอบจากพระเยซู ถ้าพระเยซูไม่บอกให้เรายื่นให้เขา ควักกระเป๋าให้เขา เราไม่ต้องทำครับ
แต่ถ้าเราทำเราก็ต้องรับผิดชอบนะ ก็คือเจ็บปวดโศกเศร้าเสียใจรับสิ่งที่เขาพูดสิ่งที่เขากระทำ ถ้าหากเรารับได้ยอมรับว่ามันจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีกับเรา เขาจะตอกย้ำทำให้เราเสียใจท้อใจ ถ้าเรารับได้นะครับเราก็ให้เขา
แต่สิ่งที่สำคัญอย่างที่ผมพูดนะครับก็คือ เมื่อเขามาหาเราทุกครั้ง เราถามพระเยซูว่า “พระองค์เงินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์การตัดสินใจการให้เป็นของพระองค์ไม่ใช่ข้าพระองค์ ถ้าพระองค์จะให้ก็คือย้ำหลายๆ ครั้ง ถ้าพระองค์จะให้ก็คือให้นิมิตให้หมายสำคัญ แล้วข้าพระองค์ก็จะให้เขา” เอเมน
การรักเขาเนี่ยไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องให้เขา ใช่ครับเราควรที่จะรักพี่น้อง รักศัตรู รักทุกคน โดยเฉพาะรักพี่น้องผู้เชื่อที่อยู่ในการเป็นบุตรของพระเจ้า แต่สิ่งที่สำคัญเราต้องฟังเสียงของพระเจ้า เราต้องฟังการตัดสินใจของพระเจ้า การเร้าใจของพระเจ้า การสั่งของพระเจ้าว่าเราควรจะให้หรือไม่ให้
ไม่ใช่ว่าเรารักคนนี้แล้วเราก็อยากจะให้เขา มีแต่จะให้ จะให้ๆๆๆ ลูกเดียว แต่เราไม่เคยฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะกลายเป็นคริสเตียนที่อยู่ในมัทธิวบทที่ 7:21-23 หรือใน 1 โครินธ์บทที่ 13 ข้าพเจ้ายอมสละทุกสิ่งให้ผู้อื่น ยอมสละทุกสิ่งเพื่อการงานของพระเจ้าเพราะเห็นแก่พระเจ้า แต่ไม่มีความรักก็ไม่มีความหมาย
แต่ทีนี้เรามาดูว่าความรักในที่นี้คืออะไร? เรารักทุกคน ใช่ครับ แต่ถ้าหากเรารัก แล้วให้เขา ทำดีกับเขาโดยที่พระเจ้าไม่ได้สั่งเราให้ทำ ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา พระเยซูตรัสนะครับ เจ้าผู้ไม่ได้กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา จงถอยไปจากเรา นี่คือสิ่งที่สำคัญมาก
ใช่ครับทุกคนรักกันและกัน ใช่ครับคริสเตียนศาสนาเขาก็รัก บางคนสละทิ้งครอบครัวทรัพย์สินเดินทางจากอเมริกาในฐานะที่ร่ำรวยไปอยู่ในประเทศที่ยากจน แอฟริกาบ้างอินเดียบ้าง หลายๆ ที่ แล้วให้ทุกคน ช่วยเหลือทุกคน แต่สุดท้ายไม่ได้กระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า มันจะมีความหมายอะไรใช่มั้ยครับ เอเมน
ถาม.
หมายถึงว่าการที่เราจะให้ช่วยเหลือพี่น้องผู้เชื่อไม่ว่าจะเป็นพี่น้องคริสเตียนศาสนาหรือพี่น้องฝ่ายวิญญาณ การให้ของเรา ไม่ใช่หมายถึงว่าเราจะให้เพราะความรักแล้วก็รู้สึกสงสารอย่างเดียวนี้ไม่ได้ใช่ไหมค่ะ เราต้องถามพระองค์ก่อน แล้วเราก็ต้องดูหมายสำคัญด้วยใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
อย่าลืมนะครับว่าคริสเตียนเรามีใครที่เป็นสมองแล้วตอนนี้ ใครที่เป็นสติปัญญาของเรา 1 โครินธ์ 1:30 พระคริสต์เป็นสติปัญญาของเรา แล้วใน กาลาเทีย 2:20 ข้าพเจ้าตายแล้ว
ความรักของข้าพเจ้าที่มีมันตายแล้วความเมตตาสงสารของข้าพเจ้าที่มีในอาดัมมันก็ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าอาศัยความรักอากาเป ตอนนี้ข้าพเจ้าอาศัยสมองการตัดสินใจของพระเยซู คือเราต้องถามพระเยซูก่อน ใช่ครับเรารักเขา ใช่ครับเรามีความเมตตา มนุษย์ทุกคนจะมีความเมตตาไม่มากก็น้อยใช่ไหม เห็นคนขอทานใครก็อยากจะให้ใครก็อยากจะช่วยใช่ไหม
อันนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนที่อยู่ประเทศอเมริกานะครับ คือมีขอทานปลอมเยอะมากเขาอาศัยทำมาหากินจากความเมตตาของคน ฝรั่งเนี่ยเขาเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาสูงมากเห็นขอทานเห็นคนยากจนที่ไหนเขาก็อยากจะช่วย แล้วมีหลายคนนะครับที่ปลอมเป็นขอทาน มาทำมาหากิน มาขอเงิน ใช้ความเมตตาของมนุษย์เป็นเครื่องหากินของเขา หลายคนมีเงินเยอะนะครับเยอะกว่าคนที่เขาไม่ใช่ขอทานด้วย
ทีนี้พระเจ้ารู้ว่าใครขัดสนจริงๆ ใครมีปัญหาเรื่องเงินจริงๆ หรือใครมาหลอกเราเพื่อจะขอเงินเรา เพราะว่าเราเป็นคนที่ของ่าย ขอโทษนะครับคริสเตียนเป็นคนที่ใจง่าย คริสเตียนเป็นคนที่มีเมตตา ใครก็มาอาศัยเราได้ง่าย ใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราจึงต้องอาศัยสติปัญญาของพระเยซู ให้พระเยซูคิดแทนตัดสินใจแทนว่าจะให้หรือไม่ให้ เอเมน
ตอนแรกผมที่ไปอยู่อเมริกา ก็คือเห็นคนยากจนเห็นขอทานนะครับผมก็ให้ ให้เงิน ให้ๆๆ แต่ทีหลังมารู้ว่าคนเหล่านั้นที่มาขอ คือได้เงินเราไปแล้ว ก็คือไปซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ แล้วก็เอาไปใช้จ่ายในสิ่งที่มันไม่ได้จำเป็นสำหรับเรื่องการซื้อข้าวปลาซื้ออาหารกิน แต่ไปซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ เป็นขี้เหล้าเป็นคนติดเหล้าติดบุหรี่ แล้วถามว่าเราเป็นคนที่ให้ มันดีไหม การให้เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่การให้คนผิด การให้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือสิ่งที่ไม่ดีครับผม พระเจ้าให้เราเป็นคนที่ฉลาดเหมือนงู ใช้สติปัญญาของพระเยซูดีกว่า
ถาม.
ขอถามเพื่อความชัดเจนอีกครั้งค่ะหมายถึงว่า เราจะต้องฟังเสียงพระเจ้าตรัสผ่านก่อน ก่อนที่เราจะให้ซักสองครั้ง ครั้งสองครั้ง เหมือนกับว่าเราจะให้โดยที่เราจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วว่า เรารู้สึกสงสารแล้วเราก็มีแต่ให้ๆๆ
ตอบ.
เมื่อเราขอสติปัญญา ขอคำตอบจากพระเยซู สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราขอจริงจังจริงใจจากพระเจ้า “ว่าพระเยซูข้าพระองค์ควรจะให้คนนี้ไหม ข้าพระองค์มีความรักมีความเมตตาต่อเขา การให้เป็นสิ่งที่ดี ควรจะให้เขาไหม” มันจะมีอาการรักที่มากกว่ารักที่เราเคยรัก มันจะมีอาการเมตตามากกว่าความเมตตาที่เราเคยเมตตา เข้าใจไหมครับ
มันจะมีการอยากให้ และคิดถึงเขามากกว่าที่เราเคยคิดถึงเขา คือมีสิ่งบางอย่างบางสิ่งที่มันมีมากกว่าเดิม มากกว่าเก่า มากกว่าที่เราเป็น นี่คือผลของพระวิญญาณ นี่คือการทำแทนของพระคริสต์ คือพระคริสต์จะมาสงสารมากกว่า ร้องไห้กับเขามากกว่า อยากช่วยเขามากกว่า คือมันมีคำว่ามากกว่า ขอให้เราพิสูจน์ตรงนี้ ถ้าใช่ก็คือมาจากพระเจ้า เเล้วไม่ใช่ครั้งเดียวอาจจะเกิดขึ้น 2 ครั้ง 3 ครั้ง จนในที่สุดเราต้องไปทำ แล้วพอทำเสร็จก็คือมันโล่งอก คือพระเจ้าให้เราทำไปแล้วทำเสร็จแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เลิกที่จะรบกวนใจเรา เอเมน
ถาม.
แล้วทุกๆ ครั้งที่เราให้เราเกิดความรู้สึกมากเหมือนทุกๆ ครั้งที่เราให้ เพราะการที่เราให้คือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็คือมากทุกๆ ครั้งที่เราให้ แต่ผลที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าคนที่เคยได้รับเขาก็เหมือนกับย่ำใจ คือเห็นว่าเรามีความรักที่มากแล้วก็ใจดีอยู่ตลอดเวลา ก็จะบ่อยๆๆ พอเรามารู้ทีหลังเอาเงินเราไปแบบไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อตัวเขาเอง
ตอบ.
สำหรับเราที่เห็นว่ารู้สึกว่ามีเมตตามากๆ ร้องไห้มากๆ สงสารเขามากๆ อย่าลืมนะครับบางครั้ง จิตของเราก็โกหกเรา หลายคนที่เป็นคริสเตียนคิดว่าพระเจ้าเป็นคนเร้าใจ คิดว่าพระเจ้าเป็นคนดลใจให้เราเป็นคนช่วยเขา ให้เขา แต่จริงๆ แล้วเราหลอกเรา เข้าใจคำนี้ไหมครับ “เราหลอกเราเอง”
หลายคนที่เป็นคริสเตียน แล้วคิดว่าพระเจ้าดลใจ คิดว่าพระเจ้าพูดกับเขา คิดว่าพระเจ้าให้นิมิตเขา คิดว่าพระเจ้าเป็นคนพูดเป็นคนสั่งเป็นคนเร้าใจ จริงๆ แล้วคำนี้เกิดขึ้นกับเรานะครับก็คือ “เราหลอกเรา”
การที่พระเจ้าจะให้นะครับ การที่พระเจ้าจะให้เนี่ย ก็คือเราอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเยซู แล้วมันเกิดมีความรักความสงสารที่มันมีมากกว่า คนที่มีประสบการณ์ในเรื่องการสวมทับของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มล้น การสวมทับเข้ามาแทนที่ของพระวิญญาณของพระเยซู เราจะพบสิ่งหนึ่ง ก็คือสันติสุข ความสงบ แล้วการที่พระเจ้าให้สิ่งที่เราทำมันราบรื่น ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้ แล้วเมื่อเราทำไปสำเร็จจบลง ก็คือการปล่อยวางการนิ่งสงบ คือทุกสิ่งมันหายไป เรากลับมาสู่สภาพของการเป็นคนเดิมเป็นสภาพเดิมที่ความสงสารมันเริ่มลดลงสู่ปกติเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เราทำไป ทำไปแล้วเราคิดว่าพระเจ้านำเราเราก็ให้ พระเจ้าเร้าใจเราก็ให้ บางครั้งนะครับจิตเรามันหลอกเราเอง เราเคยเห็นใช่ไหม? เราเคยเป็นไหม? ที่เมื่อก่อนเราคิดว่าพระเจ้าพูดกับเรา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราเคยเห็นคิดว่าพระเจ้าให้นิมิตเรา แต่จริงๆ ไม่ใช่ เราเคยคิดนะครับว่าพระเจ้าเร้าใจเรา แต่จริงๆ แล้วเราโกหกเราเอง จิตของเราหลอกตัวเองว่าเป็นมาจากพระเจ้า อันนี้หลายคนมีประสบการณ์ใช่ไหม
(โอ้พระเจ้าพูดกับฉัน โอ้พระเจ้าบอกฉัน พระเจ้าบอกฉันให้มาบอกคุณ พระเจ้าบอกฉันให้มาบอกคุณให้กลับใจ ต้องกลับใจนะ พระเจ้าให้นิมิตฉันเมื่อคืนนี้ แล้ววันนี้ฉันก็มาบอกคุณ พระเจ้าบอกฉันให้ฉันมาให้คุณ เนี่ยเท่าไหร่เท่านี้จำนวนนี้) มีหลายคนนะครับมาจากพระเจ้าก็จริง ก็มีอยู่ แต่หลายคนนะครับถูกหลอก จิตเราหลอกเราเอง แล้วเชื่อว่าเป็นพระเจ้า ขอให้ระมัดระวังนะครับ
ถาม.
อ.ค่ะ อย่างเขายืมไปเป็นปีแล้ว อยู่ๆ เขาตาย แล้วเป็นยังไงอ่ะค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่ยืมเรานานไปจนบางคนไม่ใช้ แล้วก็หนีไปหายไป หรือไม่สนใจเราเลยไม่ใส่ใจเราเลย เราทวงเขาก็เฉยๆ อันนี้เมื่อเวลามันผ่านไป นานไปแล้วนะครับ สิ่งที่เราต้องทำ ก็คือ “พระเยซูขอบพระคุณพระองค์ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ และขอบพระคุณพระเยซูที่ข้าพระองค์ได้เสียในครั้งนี้ในการที่เขายืมไป แต่ขอบพระคุณที่พระเยซูจะอวยพร และขอพระองค์ยกโทษให้เขา”
แล้วถ้าคนที่ตายเนี่ยก็คือ หนี้ก็คือยก ก็ต้องยกให้เขานะครับ ก็คือมันจบเราไปทวงใครได้ คนตายเราไปทวงหนี้คนตายได้ไหม ไม่ได้. แต่เราทวงพระเจ้าได้ หนี้ที่เราเสียไป เขายืมเราไป เขาไม่จ่าย เขาตาย หรือคนที่ไม่ยอมจ่ายหนี้ เราทวงจากใครครับ ทวงจากพระบิดา
ทวงจากพระบิดายังไง “พระเยซูขอบพระคุณพระองค์ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ และขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์เป็นพระเจ้าที่เที่ยงธรรมยุติธรรมและชอบธรรม เมื่อข้าพเจ้าโดนโกง เมื่อข้าพเจ้าถูกโกง ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์จะเป็นคนทวงหนี้ ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์จะเป็นคนแทนหนี้ให้ข้าพระองค์”
เมื่อคนนั้นตายไปหรือคนนั้นไม่จ่ายให้นะครับ พระเจ้าก็จะให้คนอื่นมาอวยพรเรา มาให้เรา ไม่ว่าจะเป็นทางไหนธุรกิจการงานการค้าขายการอะไรก็แล้วแต่ จะมีทรัพย์สินบางอย่างที่เข้ามาถึงเรา นั่นคือผลตอบแทนของพระเจ้าเมื่อเราขอบพระคุณพระเยซูและเรายกโทษให้เขา “สิ่งแรก ขอบคุณพระเยซู สิ่งที่สอง ยกโทษให้เขา คุณจะได้รับในสิ่งที่คุณเสียไป”
ถาม.
คือการที่เราให้ สมมุติว่าเราให้พ่อแม่ของเรา ไม่เกี่ยวกับว่าเราต้องอธิษฐานก่อน ไม่เกี่ยวใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
การให้พ่อแม่ การให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นญาติเป็นคนที่ไม่ใช่ญาติ เป็นคริสเตียนหรือไม่ใช่คริสเตียน (ความหมาย ทุกคนนะครับ)
ใครเป็นสติปัญญาของเราครับ? (พระเยซูค่ะ) ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ตอนนี้เราเป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือว่าพระเยซู? (พระเยซูค่ะ) เอเมน อย่าลืมนะครับทรัพย์สินที่เรามีอยู่เป็นของพระเจ้า เจ้าของที่แท้จริงก็คือพระเจ้า เงินทองที่เรามีอยู่ในธนาคารในบัญชีก็คือเป็นของพระเจ้า ชีวิตแม้แต่ชีวิตเราเองก็ยังเป็นของพระเจ้า เราไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น เราไม่มีตัวตนแล้วนะครับ เอเมน
เพราะฉะนั้นเราจะใช้จ่าย เราจะซื้ออะไร เราจะกินอะไร จะดื่มอะไร จะไปไหน หรือบางครั้งอยากจะพักผ่อนไปเที่ยว บอกว่า “พระเยซูเราไปเที่ยวด้วยกันเถอะ พระเยซูเราต้องการพักผ่อน พระเยซูให้คนนี้ไหม พระเยซูนี่คือคุณพ่อที่เป็นฝ่ายร่างกายของข้าพระองค์ พระเยซูให้เขาไหม พระเยซูนี่คุณแม่ พระเยซูอันนั้นน้องสาว พระเยซูคนนี้คนยากจนขัดสน พระเยซูอันนี้พี่น้องคริสเตียน ให้มั้ย ให้หรือไม่ให้” คือเป็นคำถามที่เราจะต้องถามทุกครั้ง เพราะว่าเจ้าของที่แท้จริงของทรัพย์สิน สมบัติ ชีวิต รถ บ้าน ที่ดิน การงาน ธุรกิจ ทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า เอเมน
ถ้าหากว่าเราเชื่อและเราชัดเจน เราถูกเปิดตาในความจริงนี้ พระเจ้าจะให้ทุกสิ่งที่เราต้องการเพื่อการทำมาค้าขายทำมาหากินทำมาหาเลี้ยงชีพ และพระเจ้าจะอวยพรยัดสั่นแน่นพูนล้น เมื่อเราใช้เงินของพระองค์ให้ถูกวิธีอย่างถูกวิธี เอเมน
ถาม.
ผมมีความเชื่อว่าคนที่ให้ได้บ่อยๆ คนที่พระเจ้าใช้เขาให้ไปให้คนที่ขัดสนยากจน ผมมองว่าคนนั้นที่พระเจ้าใช้ให้ไปให้ แบบพระเจ้าใช้ไปจริงๆ นะครับ คือผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องของคนที่มีของประทานด้านการให้ มีของประทานด้านการช่วยเหลือ คือพระเจ้าจะให้เขาทำได้ แล้วก็มีทรัพย์สินที่เขาไปใช้จ่ายไปแจกจ่ายให้คนยากจน เพราะว่าทรัพย์สินที่มีเป็นของพระเยซู แล้วก็พระองค์จัดเตรียมเขาไว้โดยเฉพาะสำหรับการให้ เป็นเรื่องของของประทานด้วยส่วนหนึ่ง อันนี้ผมเข้าใจแบบนี้ เอเมน
ตอบ.
การมีของประทานในการให้เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่การฝึกใช้ของประทานเป็นสิ่งที่ดีกว่า
คือขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับคนที่มีของประทานในการให้ แต่การให้ที่ถูกต้อง 1. เราให้ในสภาพของคนใหม่ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย 2. เราให้โดยขอพระเยซู โดยถามพระเยซู ว่าพระองค์จะให้หรือไม่ให้ดี
แล้วใน 2 สิ่งนี้ที่เราทำ ทุกครั้งที่เราให้ ก็คือเราจะก่อชีวิตของเราและการรับใช้และการให้ของเราขึ้นเป็นทองคำ เงิน และเพชรพลอย แล้วบำเหน็จก็จะมีมากมายในชีวิตนี้และในยุคหน้าด้วย