การติดตามพระเยซูคืออะไรกันแน่
ถาม:
“ผู้ใดจับคันไถแล้วหันหลังกลับ” นี่คือเราออกจากพระเจ้าใช่ไหมค่ะ (ลก. 9:57–62)
ตอบ:
ไม่ใช่ครับ… คำว่า “ติดตาม” ในลูกาบทที่ 9 ไม่ใช่เรื่องของการมาเชื่อหรือเลิกเชื่อ
สาวกสามคนนี้เชื่อ เป็นสาวกของพระเยซูแล้ว และกำลังเดินตามพระเยซูไปพร้อมกับสาวกอื่นอีกมากมาย (ข้อ 57)
1. สาวกคนแรก
- เขายังไม่เข้าใจการติดตามเป็นสาวก/ผู้รับใช้ แต่ต้องการติดตามพระองค์ พระเยซูจึงกล่าวต่อเขาว่า “ต้องไม่มีบ้านที่อยู่ที่นอนประจำถาวรเหมือนโลก ไม่ร่ำรวยมีทุกสิ่ง และไม่ยึดติดอยู่ในโลกอันชั่วคราวนี้” ถึงเวลาพระเจ้าใช้ไปไหนเมื่อไหร่ก็ไปตามพระบัญชา พระเจ้าจะเลี้ยงดูเราเอง
- ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจการเป็นสาวกที่แท้จริง คือเราจะต้องเป็นเหมือนคำกล่าวของพระเยซูในข้อที่ 60 ว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง และนกในอากาศก็ยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” (มก. 10:29–30 สละบ้านเรือน ไร่นา พ่อแม่พี่น้อง และจะถูกข่มเหงด้วย)
2. สาวกคนที่สอง
- พระเยซูหันไปมองสาวกอีกคนหนึ่ง และตรัสว่า “จงตามเรามา”
- สาวกคนที่สองนี้เพิ่งได้ยินกติกาของการเป็นสาวกของพระเยซู คือต้องทิ้งฝ่ายโลกหมด เขาจึงตอบว่า “ข้าขอไปฝังศพบิดาของข้าก่อน” เพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่า การรับใช้ คือผูกติดอยู่กับโลก และรับใช้พระเจ้าในเวลาเดียวกันได้ เหมือนที่ผู้รับใช้ทุกวันนี้เข้าใจผิดกันอยู่
- พระเยซูตรัสกับเขาอีกว่า “ปล่อยให้คนตาย (คนที่ไม่เชื่อที่ตายฝ่ายวิญญาณ) ฝังคนตาย (ตายฝ่ายร่างกาย) เองเถิด”
3. สาวกคนที่สาม
- เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างพระเยซูกับคนแรก และคนที่สอง เขาจึงอยากกลับไปสั่งลาพ่อแม่ และครอบครัวทางบ้านก่อน เพราะเข้าใจผิด ไม่รู้กติกาในเรื่องการติดตามเป็นสาวกของพระเยซูเหมือนกัน
- พระเยซูจึงตรัสว่า “ช่างเถิด ไม่ต้องห่วง เมื่อท่านเริ่มสมัครใจติดตามเรามาก็เดินต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฝ่ายโลกนี้อีก”
...
สรุป
คำว่าติดตามพระเยซู คือเป็นเรื่องของสาวกในเวลานั้นที่รับพระเยซูแล้ว และปรารถนาที่จะติดตามเพื่อร่วมงานกับพระเยซู
ลก. 9:57–62 การติดตามในที่นี้ เป็นเรื่องของการติดตามเพื่อเป็นคนงานรับใช้พระเจ้า ไม่ใช่เรื่องมาเชื่อหรือเลิกเชื่อ
การมาเชื่อพระเยซู เป็นแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตคริสเตียน เราทุกคนถูกเลือก และเรียกมาให้เป็นสาวกของพระองค์
สำหรับข้อนี้ เป็นเรื่องของสาวกสามคนที่ยังเป็นห่วงทางบ้านของเขาอยู่
...
การติดตามเป็นสาวกเพื่อทำงานรับใช้พระเยซู จะต้องเป็นเหมือนพระเยซู คือ
1. จะต้องปลง ทิ้งสละทุกสิ่งที่เป็นฝ่ายเนื้อหนังโลกนี้ ไม่มีบ้านถาวรเหมือนสุนัขจิ้งจอกและนก และไม่มีที่วางหัวลงนอนที่มั่นคงถาวร พระเจ้าใช้ไปไหนก็ไป (ข้อ 58) — ครอบครัวหรือญาติเรา พระเจ้าจะหาทางช่วยเขาให้รอด และดูแลเขาแทนเราเท่าที่ทำได้ เราไม่ต้องเป็นห่วงเขา
2. ปล่อยให้คนตายฝังคนตาย — เขามีคนอื่นดูแลแทนเรา ไม่ต้องห่วงระบบโลกนี้ แต่หน้าที่เรา คือติดตามเพื่อรับใช้ และประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า อย่าใส่ใจเรื่องการบ้านการเมือง ปัญหาของโลก โลกจะจัดการกันเอง เราไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปัญหา เพราะปัญหาจะต้องเกิด ตามที่พระเยซูทำนายไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดก็เกิด เราช่วยโลกหยุดมันไม่ได้
3. เมื่อเริ่มตัดสินใจรับใช้ — จับคันไถ คือเริ่มติดตามเพื่อทำงาน เล็งถึงการทำงานรับใช้พระเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องมาเชื่อ เราจะเห็นว่า พอถึงบทที่ 10 พระเยซูก็เริ่มส่งสาวกเหล่านี้ออกไปทำการประกาศ
...
พระเจ้าเรียกผู้เชื่อทุกคนให้เป็นสาวก เราทุกคนคือสาวก หรือผู้รับใช้พระเจ้า
คำว่า “ผู้รับใช้” ในพระคัมภีร์ ไม่ใช่ตำแหน่ง ศบ. ศจ. หรือผู้นำ แต่ผู้รับใช้ คือคริสเตียนทุกคน เราทุกคนบังเกิดใหม่เพื่อเป็นสาวกของพระเยซู เพื่อทำงานร่วมกับพระองค์
ปัญหาของคริสเตียนทุกวันนี้ คือเราไม่แสวงหาของประทานที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้ เราฝังไว้ ยกหน้าที่ให้คริสตจักร และขอมีส่วนช่วยคริสตจักรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขอพระเจ้าช่วยเราให้เข้าใจความจริงนี้ และยอมรับตำแหน่งของเราในโลกนี้ คือเราเป็นสาวกของพระเยซู และเป็นผู้รับใช้ทำงานของพระเจ้า
ยังไม่สายที่เราจะอธิษฐานถามพระเจ้าว่า ของประทานเราคืออะไร แล้วนำมาใช้ เพื่อเราจะมีบำเหน็จ มีส่วนในอาณาจักร และการครอบครองร่วมกับพระเยซูและพระบิดา ในอนาคตอันใกล้นี้ครับ