ถาม.
คือว่าสาวกของพระเยซู 12 คนที่พระเยซูแต่งตั้ง เราเอาแบบอย่าง 12 คนนั้นไม่ได้ใช่ไหมคะ นอกจากอาจารย์เปาโลเพียงคนเดียว ใช่หรือเปล่าคะ
ตอบ.
เราไม่เอาแบบอย่างใครทั้งนั้นนะครับ เราเอาแบบอย่างพระเยซู ถ้าจะว่าแล้วคำว่า เอาแบบอย่าง เราไม่ใช้คำนี้นะครับ เป็นคำที่ศาสนาคริสต์เขาใช้กัน
เราไม่เอาแบบอย่างไม่เลียนแบบพระเยซู แต่ให้พระเยซูเป็นคนทำเองเลย สำแดงชีวิตของพระองค์เองผ่านเรา
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เปาโลบอกว่า ท่านทั้งหลายจงเอาแบบอย่างข้าพเจ้า ความหมายก็คือ ท่านเป็นคนที่ซื่อสัตย์เรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นจะได้ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ท่านอยู่เพื่อรับใช้พระเจ้า และอยู่เพื่อรับใช้คริสตจักร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเอาแบบอย่างได้
แต่เรื่องการสำแดงชีวิตและนิสัยนะครับ ก็คือเราให้พระเยซูเป็นคนกระทำ อย่าลืมนะครับข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
เราเห็นคริสเตียนส่วนมากใช้คำนี้ใช่ไหมว่าเลียนแบบพระเยซู เลียนแบบพระเยซู เอาแบบอย่างพระเยซู พระเยซูทำอะไรเราก็ควรทำแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วความเป็นจริงพระประสงค์ของพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็คือให้พวกเราให้อวัยวะให้ร่างกายนี้ เป็นอวัยวะของพระเยซูที่พระองค์จะสำแดงชีวิต นิสัย คำพูด ผ่าน พวกเราทั้งหลาย
...
ถาม.
อย่างเช่นว่าเปโตรพอพระเยซูสิ้นพระชนม์แล้ว ทุกอย่างก็คือชีวิตของสาวก แล้วเขาไปอธิษฐานในวิหารวันหนึ่ง 3 เวลาอย่างนี้ เราควรเอาแบบอย่างเขาไหมหรือว่ายังไงคะ
ตอบ.
สำหรับเปโตรนะครับ สำหรับเปโตรตอนแรกๆ เขาไม่ได้ถูกเปิดตา เขายังไม่เข้าใจ มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น สาวกทั้งหลายนะครับยังไม่ได้ถูกเปิดตา เขาติดตามพระเยซูอย่าลืมน่ะตอนแรกเขาคิดว่าพระเยซูจะเป็นกษัตริย์ของชาวยิว จะมาเพื่อปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลออกจากการถูกครอบครองอำนาจของอาณาจักรโรมัน
แต่เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ และฟื้นขึ้นมาจากความตาย สาวกทั้งหลายจึงเริ่มเข้าใจว่า พระเยซูคือพระเมสิยาห์ คือพระผู้มาตายเพื่อไถ่บาปโลก แล้วเขาก็ติดตามพระเยซูไป แต่ยังไม่ถูกเปิดตานะครับ คำสอนคำพูดที่พระเยซูตรัส เมื่อพระเยซูใช้เวลากับสาวกทั้งหลาย แล้วก็สั่งสอนตอนนั้น คือยังไม่เป็นที่กระจ่าง ยังไม่เป็นที่เข้าใจต่อสาวก 12 คน และผู้เชื่อทั้งหลาย
จนเปาโลนะครับ เปาโลถูกเรียก แล้วก็เปาโลได้รับการเปิดตา เมื่อเปาโลถูกเปิดตา เปาโลก็นำคำสอนที่พระเยซูสอนเขา 3 ปีกว่าในประเทศอาระเบีย มาเพื่อเปิดเผย ปรากฏว่าคริสตจักรมากมาย ขอบคุณพระเจ้าประมาณครึ่งต่อครึ่งนะครับที่รับและไม่รับ ซึ่งคำสอนที่เปาโลนำมา ก็คือการเปิดเผยความจริง ความหมายที่ซ่อนไว้ในคำสอนที่พระเยซูสอน คือเปาโลจะมาอธิบาย และเปาโลจะมาเปิดเผยว่าคำสอนเรื่องนี้แปลว่าอะไร พระเจ้าต้องการสื่ออะไรจากพระองค์ต่อเรา
เปาโลเป็นคนมาเปิดเผยมาอธิบาย แล้วขอบคุณพระเจ้ามีคริสเตียนครึ่งต่อครึ่งที่รับได้ และจากนั้นเปโตรก็กลับใจ แล้วเปโตรก็ไม่ไปพระวิหารอีก ไม่ไปธรรมศาลา อธิษฐานวันละ 3 ครั้งอีกเหมือนเมื่อก่อน แล้วมัทธิว มาละโก ลูกา ยอห์น และสาวกทั้งหลายก็ละทิ้งไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับชาวยิวที่ธรรมศาลาอีกต่อไป
เราต้องเข้าใจนะครับ ตอนแรกๆ คืออาการตาบอดยังมีอยู่ เขายังมาไม่ถึงความสว่าง สาวกทั้งหลายก็ยังทำแบบคริสเตียนศาสนาเขาทำกัน แล้วก็บางคนก็ยังไปร่วมกับศาสนายิวที่พระวิหารและธรรมศาลา ไม่ต่างไปจากทุกวันนี้ใช่ไหม ที่คริสเตียนศาสนาพอเชื่อพระเยซู ต้อนรับพระเยซู มีพระเยซูเป็นพระเจ้า และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา แต่ตายังมาไม่ถึงความสว่าง ยังไม่ถูกเปิดตา คำสอนพระคัมภีร์ก็มีการแปลผิดบ้างถูกบ้าง ใช้ชีวิตที่ผิดบ้างถูกบ้าง
จนมาวันหนึ่งที่พระเจ้าใช้เปาโลเปิดเผยความจริง และคำสอนของเปาโลก็มาถึงยุคพวกเรา ก็สรรเสริญพระเยซูที่พระเจ้าเลือกบางคนให้รับคำสอนของเปาโล คือยอมจำนนต่อคำสอนเหล่านี้ และสิ่งที่เราได้รับจากการยอมจำนนนี้ ก็คือสันติสุขทุกวันทุกเวลา และได้เข้าใกล้พระเยซูมมากที่สุด ได้รู้ว่าพระเยซูอยู่ในเราและเราอยู่ในพระเยซู สรรเสริญพระเยซู
มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐมากสำหรับผม เราเป็นคริสเตียน เรามาถึงพระเจ้า และเราเข้าถึงพระเจ้าจริงๆ อันนี้มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากที่ผมเห็นว่าเราควรสรรเสริญพระเจ้าอย่างยิ่งใหญ่อย่างมากมาย คือมาให้ถึงพระเจ้าจริงๆ ถ้าไม่ได้รับการเปิดเผยไม่เข้าสู่พระคำล้ำลึก เราจะเป็นยังไงตอนนี้นึกภาพดูสิครับ