1:1 ยูดาส ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ และเป็นน้องชายของยากอบ เรียน คนทั้งหลายที่ทรงชำระตั้งไว้ให้บริสุทธิ์โดยพระเจ้าพระบิดา และทรงคุ้มครองรักษาไว้ในพระเยซูคริสต์ และทรงเรียกไว้แล้ว
** ผู้รับใช้ หรือ ทาส ในที่นี้ภาษากรีกเป็นคำเดียวกัน δοῦλος, ου, ὁ (1401) คือทาสที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไหนหรือทำอะไรตามอำเภอใจได้ เป็นทาสที่ถูกขายให้เจ้านายแล้ว
** “คนทั้งหลายที่ทรงชำระตั้งไว้ให้บริสุทธิ์โดยพระเจ้าพระบิดา และทรงคุ้มครองรักษาไว้ในพระเยซูคริสต์ และทรงเรียกไว้แล้ว” ภาษากรีกคือ “คนทั้งหลายที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงรักและถูกเรียกให้อยู่ในการดูแลรักษาในพระคริสต์แล้ว”
สำหรับกรีกบางฉบับมีคำว่า “ทรงชำระตั้งไว้ให้บริสุทธิ์แล้ว ἠγίασμένοις Sanctified”
1. พระบิดาได้ทรงรักเรา
2. พระองค์ทรงได้เรียกเรา และชำระ และตั้งเราไว้ให้บริสุทธิ์แล้ว (ต่อหน้าพระเจ้า/สำหรับพระเจ้า)
3. พระองค์ดูแลรักษาเราในพระคริสต์แล้ว
1:2 ขอพระเมตตาคุณ สันติสุข และความรักจงมีเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายเถิด
** สิ่งที่ผู้เชื่อต้องการมากที่สุด คือ พระเมตตา สันติสุข (ทุกวันเวลา) และประสบการณ์ความรักของพระเจ้าทำกิจในเรา
1. พระเมตตา Mercy คือความเมตตาสงสารของพระเจ้า ซึ่งเหนือกว่าพระคุณที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้ว่าจะให้เรามากน้อยเท่าไหร่ ส่วนพระเมตตา คือการได้รับเมื่อเราตื้อ อดอาหาร วิงวอน ขอความเมตตาจากพระเจ้า และถ้าหากเราขอมากพอพระเจ้าก็จะให้ (แต่บางสิ่งที่ไม่ใช่น้ำพระทัยเราก็ต้องรับผลที่จะตามมาภายหลัง)
2. สันติสุข คือความสงบนิ่งภายในจิตใจไม่ร้อนไม่หนาวไม่ทุกข์ไม่โศกปล่อยวางได้ ไม่กลัวไม่รอด ไม่กลัวพระเจ้าแต่รักพระองค์มาก
กว่า
3. ความรักของพระเจ้า คือการแสดงความรักของพระเจ้าต่อเราที่อยู่ข้างใน ทำให้เราไม่กลัวสิ่งใด และทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าได้ ทั้งยังรักษาความสงบสุขไว้ให้นานๆ ในแต่ละวัน
1:3 ท่านที่รักทั้งหลาย ครั้นข้าพเจ้าได้พากเพียรเขียนถึงท่านทั้งหลาย ว่าด้วยความรอดสำหรับคนทั้งหลายนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ข้าพเจ้าจำต้องจะเขียนเตือนสติท่านให้ต่อสู้อย่างจริงจังเพื่อความเชื่อซึ่งครั้งหนึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่วิสุทธิชนไว้
** ความรอด salvation ในที่นี้คือการรอดเข้าไปในอาณาจักร เนื่องจากว่ามีการเตือนให้ต่อสู้ (content, fight) และดิ้นรนอย่างมาก (Struggle) เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงนำเราทุกคนให้มามีความเชื่อแล้ว
1:4 เพราะว่ามีบางคนได้เล็ดลอดเข้ามา ซึ่งได้บ่งไว้นานแล้วว่าเขาจะถูกพิพากษาลงโทษอย่างนี้ เป็นคนอธรรม ที่ถือเอาพระคุณของพระเจ้าของเราเป็นเหตุให้กระทำความชั่วช้าลามก และเขาปฏิเสธพระเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่องค์เดียว และพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
** “มีบางคนได้เล็ดลอดเข้ามา” “มีหลายคน some men” ในที่นี้ คือผู้สอนปลอมที่นำคำสอนที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าเพื่อนำให้คนหลงทาง พวกนี้รู้ว่าพระเจ้ารักและเมตตามนุษย์ จึงไม่กลัวและสอนว่าผู้เชื่อทำบาปในแต่ละวันได้เนื่องโดยพระคุณ พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เราพบว่าเบื้องหลังคำสอนปลอมที่เข้ามาในคริสตจักรซึ่งทำให้ผู้เชื่อตาบอด ไม่มีอิสระ เป็นทุกข์ ไม่มีสันติสุขทุกเวลา เชื่อแต่ดำเนินชีวิตในรูปแนวศาสนา แบกภาระหนักเรื่องพระบัญญัติ เหล่านี้ล้วนมาจากซาตานทั้งสิ้น
1:5 ถึงแม้ว่าท่านรู้ข้อความเหล่านี้ตลอดแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าจึงปรารถนาให้ท่านทั้งหลายระลึกถึงว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้พลไพร่นั้นรอดจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว ภายหลังพระองค์ได้ทรงทำลายคนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อพระองค์เสีย
** ข้อที่ 5 นี้บ่งบอกว่าท่านเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงใคร ท่านย้ำถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าของพวกเขาเคยช่วยชาวยิวและทำลายพวกที่เป็นศัตรูของพวกเขาในเวลาต่อมา
1:6 และเหล่าทูตสวรรค์ที่ไม่ได้รักษาเทวสภาพของตน แต่ได้ละทิ้งถิ่นฐานของตนนั้น พระองค์ก็ได้ทรงจองจำไว้ด้วยเครื่องพันธนาการอันไม่รู้จักสลาย ขังไว้ในที่มืดจนกว่าจะถึงเวลาพิพากษาในวันสำคัญยิ่งนั้น
** ทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ไม่ทำหน้าที่ของตน ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และออกมาจากสวรรค์ไปเป็นลูกน้องของซาตานก็จะถูกพิพากษาในวันสุดท้าย
1:7 เช่นเดียวกับเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์และเมืองที่อยู่รอบๆ นั้นที่ได้ทำการผิดประเวณี และมัวเมาในกามวิตถาร ก็ได้ทรงบัญญัติไว้เป็นตัวอย่างของการที่จะต้องได้รับพระอาชญาในไฟนิรันดร์
** สำหรับคนที่ไม่เชื่อที่ได้ทำการผิดประเวณี และมัวเมาในกามวิตถาร ซึ่งคือการดำเนินชีวิตประจำวันในการบาปของเขาก็จะถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟอยู่แล้วเหมือนดังชาวโสโดม โกโมราห์และเมืองที่อยู่รอบๆ ส่วนผู้เชื่อในพระเยซูก็จะถูกตีสอนที่เกเฮนาเป็นเวลาพันปีแต่จะได้รอดในวันสุดท้าย
1:8 เช่นเดียวกัน เขาเหล่านั้นก็ยังเพ้อฝันกระทำให้เนื้อหนังเป็นมลทิน และประมาทต่อผู้มีอำนาจ และพูดจาก้าวร้าวต่อผู้มีบรรดาศักดิ์ด้วย
** เป็นพวกที่ท่านยูดาสเอ่ยถึงในข้อที่สี่ คือใช้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน แต่ไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าพระบุตร พวกเขายังประมาทผู้มีอำนาจ (พระเยซู) และพูดจาก้าวร้าวต่อผู้มีบรรดาศักดิ์ (ทูตสวรรค์และผู้รับใช้ทั้งหลายที่ถูกเจิมหรือเลือกเอาไว้) ด้วย
1:9 ฝ่ายอัครเทวทูตาธิบดีมีคาเอล ครั้นเมื่อท่านโต้เถียงกับพญามารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจกล่าวก้าวร้าวต่อมารเลย เป็นแต่เพียงกล่าวว่า "ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามเจ้าเถิด"
** ทูตสวรรค์ไม่กล้าที่จะตัดสินใคร มีแต่พระเยซูเท่านั้นที่ได้รับสิทธิอำนาจ เราที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ควรตัดสินใคร นอกเสียจากว่าจะได้รับสิทธิจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเสียก่อน
** และร่างกายของโมเสสถูกฝังซ่อนไว้โดยพระเจ้า เพื่อไม่ให้ซาตานมาทำมิดีมิร้ายต่อร่างกายของท่าน ซึ่งเชื่อว่าโมเสสได้สวมใส่ร่างกายของท่านอีกครั้งหนึ่งตอนที่มาหาพระเยซูพร้อมกับเอลียาห์ แต่ร่างกายนี้ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนเป็นกายวิญญาณจนกว่าจะถึงวันพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์
1:10 แต่ว่าคนเหล่านี้พูดก้าวร้าวถึงสิ่งที่เขาเองไม่รู้จัก และการซึ่งเขารู้จักตามสัญชาตญาณ เหมือนสัตว์เดียรัจฉานที่ไม่มีความคิด เขาก็ต้องถึงหายนะด้วยการนั้น
** คริสเตียนปลอมเหล่านี้พูดในสิ่งที่เขาไม่รู้ ไม่เห็นและไม่เข้าใจ เนื่องจากว่าเรื่องของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ และผู้ที่บังเกิดใหม่และรับการเปิดเผยจากพระวิญญาณเท่านั้นจึงจะรู้และเข้าใจได้ และจะไม่พูดจากร้าวร้าวและหมิ่นประมาทองค์พระเยซูคริสต์และผู้รับใช้ทั้งทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระองค์
1:11 วิบัติจงมีแก่เขา เพราะเขาได้ประพฤติตามอย่างคาอิน และได้พล่านไปตามความผิดพลาดของบาลาอัมเพราะเห็นแก่สินจ้าง และได้พินาศไปในการกบฏอย่างโคราห์
** ผลตอบแทนของพวกครูสอนปลอม คือการถูกพิพากษาสู่บึงไฟเหมือนดั่งคาอินและบาลาอัม
** ประพฤติตามอย่างคาอิน คือคาอิน ถวายเครื่องบูชาเหมือนทำพิธีศาสนาเหมือนคนทั่วไปในสมัยนั้น ทั้งยังไม่มีความเชื่อ ไม่เคารพรักต่อพระเยโฮวาห์ และไม่นำเลือดสัตว์มาถวายตามแบบที่พระเจ้าต้องการ
** บาลาอัม เป็นผู้เผยพระวจนะของศาสนาอื่นก็จริง แต่ท่านมีความเคารพและยำเกรงพระเจ้า ปัญหาก็คือท่านรับเงินจากศัตรูของชนชาติอิสราเอลและสาปแช่งประชากรของพระองค์ แต่พระเจ้าให้เปลี่ยนคำสาปแช่งเป็นอวยพร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท่านก็จะต้องถูกลงโทษเนื่องจากการรับเงินอธรรมจากศัตรูของชนชาติของพระเจ้า
1:12 คนเหล่านี้เป็นหินโสโครกในการประชุมเลี้ยงผูกรักของท่านทั้งหลาย ขณะเขาร่วมการเลี้ยงกับท่าน เขาเลี้ยงแต่ตนเองโดยไม่เกรงกลัวเลย เป็นเมฆที่ไม่มีน้ำที่ถูกพัดลอยไปตามลม เป็นต้นไม้ที่ไร้ผล คือไร้ผลในฤดูที่ออกผล และตายมาสองหนแล้ว เพราะถูกถอนออกทั้งราก
** การประชุมเลี้ยงผูกรัก คือการรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อกันในพระกาย ทุกครั้งที่ผู้เชื่อมาร่วมสามัคคีธรรมควรทำเหมือนสาวกในสมัยแรกซึ่งเป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า เพื่อสำแดงความรักและแสวงหาความผูกพันที่ดีต่อกัน
** เขาเลี้ยงแต่ตนเองโดยไม่เกรงกลัวเลย คือการกินดื่มที่ไม่สนใจใส่ใจใคร ไม่มีความรักให้ใครในท่ามกลางพี่น้องขณะที่พวกเขาพูดว่าเป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่พระเจ้าส่งมา
** เป็นเมฆที่ไม่มีน้ำที่ถูกพัดลอยไปตามลม คือการกระทำและคำพูดที่ออกมาจากเขาโดยไม่มีชีวิตและไม่ให้ชีวิตกับใครได้เลย
1:13 เป็นคลื่นอันร้ายแรงในมหาสมุทร ที่ซัดฟองของความบัดสีของตนเองขึ้นมา เขาเป็นดาวที่ลอยลับไป เป็นผู้ที่ตกอยู่ในความมืดทึบตลอดกาล
** ความหมายของ..
1. ต้นไม้ที่ไม่มีผล
2. หินโสโครก (ที่เป็นที่เกาะของประการัง)
3. คลื่นทะเล
4. ทะเล เล็งถึงตัวผู้เชื่อและผู้รับใช้ที่สอนผิด
และส่วน..
1. เมฆที่ไม่มีน้ำ
2. ฟองน้ำที่ถูกคลื่นซัดให้เกิดสิ่งไม่ดี
3. ผลที่ไม่ดีจากต้นไม้ไม่ดี
4. ประการัง
5. ดวงดาวที่ลอยลับหายไป คือผลแห่งการกระทำของพวกผู้สอนทั้งหลายที่นำคนของพระเจ้าออกไปจากพระคำแห่งความจริง
1:14 เอโนคคนที่เจ็ดนับแต่อาดัมได้พยากรณ์ถึงคนเหล่านั้นด้วยว่า "ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จมาพร้อมกับพวกวิสุทธิชนของพระองค์หลายหมื่น
** 1. อาเบล 2. เสท 3. เอโนช 4. เคนัน 5. มาหะลาเลล 6. ยาเรด 7. เอโนค (คาอินไม่ได้ถูกนับเนื่องจากว่าเขาเป็นคนฆ่าน้องชายของเขา)
** เอโนค เดินไปกับพระเจ้า คือท่านเชื่อและดำเนินชีวิตที่ใกล้ชิดพระเจ้า นมัสการพระเจ้า ถวายเครื่องบูชาตามอย่างของอาเบลที่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า
** พวกวิสุทธิชนของพระองค์หลายหมื่น คือผู้ชนะที่ถูกรับขึ้นเมื่อเขาสุกงอม พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับพระเยซูเพื่อพิพากษาผู้เชื่อที่พระที่นั่งของพระคริสต์ และต่อมาก็คือพระบัลลังก์ใหญ่สีขาว
1:15 เพื่อทรงพิพากษาปรับโทษคนทั้งปวง และทรงกระทำให้ทุรชนทั้งปวงรู้สึกตัวถึงการอธรรมที่เขาได้กระทำด้วยใจชั่ว และรู้สึกตัวถึงการหยาบช้าทั้งหมดที่ทุรชนคนบาปเหล่านั้นได้กล่าวร้ายต่อพระองค์"
1:16 คนเหล่านั้นมักเป็นคนบ่น เป็นคนโพนทะนา เป็นคนประพฤติตามตัณหาอันชั่วของตัว และปากเขากล่าวคำโอ้อวดต่างๆ เป็นคนยกยอผู้อื่นเพื่อหวังประโยชน์ของตน
1:17 แต่ว่าท่านที่รักทั้งหลาย ท่านจงระลึกถึงคำพยากรณ์เมื่อก่อนของเหล่าอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราที่ได้กล่าวไว้
1:18 คือว่า พวกอัครสาวกนั้นได้บอกท่านทั้งหลายว่า "ในสมัยสุดท้ายจะมีคนเย้ยหยันบังเกิดขึ้น ที่จะประพฤติตามตัณหาอันชั่วของตัว"
1:19 คนเหล่านี้คือคนที่แยกออกและประพฤติตัวตามโลกียวิสัย และปราศจากพระวิญญาณ
** จะมีผู้เชื่อหลายคนที่แยกออกจากคนที่เชื่อและไม่เชื่อที่ดำเนินชีวิตตามทางแห่งโลกนี้ พวกเขาจะเดินไปกับพระเจ้าเหมือนดั่งเอโนค คือมีชีวิตเป็นอยู่ในพระวิญญาณ และเดินในพระวิญญาณซึ่งก็คือการสนิทในพระเยซูในแต่ละวันนั่นเอง
** ปราศจากพระวิญญาณ ก็คือคนที่ไม่เชื่อที่ไม่มีพระเจ้า และผู้เชื่อที่ไม่มีพระวิญญาณนั่นเอง
1:20 แต่ท่านทั้งหลายผู้เป็นที่รัก จงก่อสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์ยิ่งของท่าน โดยการอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์
** บนความเชื่อ หรือ ในความเชื่อ เป็นคำเดียวกัน
** ความเชื่ออันบริสุทธิ์ คือความเชื่อวางใจในพระเยซูซึ่งทำให้ผู้เชื่อทั้งหลายได้รับการไถ่และชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว
** อธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือการพูดคุยสนทนากับพระเยซูผู้เป็นตัวแทนของพระเจ้าทั้งสามพระภาคในเรา คือพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ การสนิทพูดคุยกับพระองค์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ความเชื่อของเราได้รับการก่อร่างสร้างตัวขึ้น เราจะจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้า และพระเจ้าก็จะชื่นชมยินดีและพอพระทัยเมื่อเราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอในพระวิญญาณ
1:21 จงรักษาตัวไว้ในความรักของพระเจ้า คอยพระกรุณาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจนถึงชีวิตนิรันดร์
** เมื่อเราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอในพระวิญญาณ (พูดคุยสนทนาบอกรัก) เราจะได้รับการก่อร่างสร้างตัวขึ้นในความเชื่อ ได้รับความรักของพระเจ้าอยู่เสมอมากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน และ
** รอคอยพระกรุณาของพระเยซู ก็คือการกลับมาเพื่อก่อตั้งอาณาจักรในยุคพันปีและผู้ชนะทั้งหลายที่ได้อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอในพระวิญญาณ (พูดคุยสนทนาบอกรัก) ก็จะได้ร่วมครอบครองกับพระองค์ไปจนชั่วนิรันดร์
1:22 และจงแสดงความเมตตาต่อบางคน โดยรู้ความต่างกัน
** เมื่อเราได้รับการเปิดตา เราควรสงสาร มีเมตตา ต่อหลายคนที่ยังไม่ได้รับการเปิดตา เขาอาจไม่ได้ถูกเลือกหรืออาจจะยังไม่ใช่เวลาของพวกเขา แต่เราจงรักและเมตตา ไม่คิดลบและต่อสู้พวกเขา
1:23 และจงช่วยบางคนให้รอดโดยกระทำใจเขาให้สะดุ้งกลัวดุจฉุดออกจากไฟ จนชั้นเสื้อผ้าที่สกปรกด้วยเนื้อหนังก็จงเกลียดชังด้วยเถิด
** คำที่เข้าใจง่ายคือ ช่วยเขาเหมือนฉุดดึงเขาออกจากไฟที่ลุกไหม้อยู่ และขณะเดียวกันเมื่อเราช่วยพวกเขาก็อย่าให้เราเข้าไปหมกมุ่นกับการทำให้เสื้อผ้าของเราสกปรกไปกับพวกเขาด้วย คือช่วยเขาได้แต่อย่าไปมีส่วนในชีวิตที่บาปและอยู่ในเนื้อหนังเหมือนพวกเขา
1:24 บัดนี้แด่พระองค์ผู้ทรงสามารถคุ้มครองรักษาท่านมิให้ล้ม และทรงนำท่านให้ตั้งอยู่เฉพาะสง่าราศีของพระองค์ ให้ปราศจากตำหนิ และมีความร่าเริงยินดี
** พระวิญญาณตรัสผ่านท่านยูดาสในจดหมายฉบับนี้ คือการอธิษฐานในพระวิญญาณ หรือการสนิทพูดคุยบอกรักพระเยซู เราจะได้รับการก่อร่างสร้างตัวขึ้นในความเชื่อ อยู่ในความรักและพระเมตตาของพระเยซู และทั้งยังได้อยู่ในการดูแลรักษาไว้ไม่ให้ล้ม เพื่อเมื่อถึงเวลาอันควรเราก็จะมีส่วนในอาณาจักรของพระองค์
1:25 คือแด่พระเจ้าผู้ทรงพระปัญญาแต่เพียงพระองค์เดียว พระผู้ช่วยให้รอดของเรา จงมีสง่าราศีพระอานุภาพ ไอศวรรย์ และศักดานุภาพ ทั้งปัจจุบันกาล และในกาลต่อๆ ไปเป็นนิตย์ เอเมน
<<< ยูดาส (Judah)