...
คริสเตียนที่ต้องอยู่นอกอาณาจักรในยุคหน้า เพื่อใช้หนี้จนครบ พระเจ้าจึงให้รอดจากบึงไฟในวันสุดท้าย
...
ถาม.
คริสเตียนเด็กหรือคริสเตียนศาสนา ที่จะไม่ได้เข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า แต่เขาจะต้องถูกบ่มถูกบังคับถูกตีสอนให้สุกงอม เพื่อที่จะได้รับความรอดในวันสุดท้ายรอดจากบึงไฟนรก อยู่ในพระคัมภีร์ข้อไหน
ตอบ.
สำหรับเรื่องคำว่า บ่มให้สุกงอม เป็นคำที่ผมใช้ แต่แท้ที่จริงนะครับ คือการตีสอน คือการลงโทษ คือการที่ปล่อยให้อยู่ข้างนอกอาณาจักร คือไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร เขาจะอยู่แบบทนทุกข์ ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นการใช้หนี้ให้ครบ
เนื่องจากว่าการดำเนินชีวิต..
- เป็นคริสเตียนแต่ไม่เป็นคริสเตียน
- เป็นครอบครัวคริสเตียนแต่ไม่ใช่ครอบครัวคริสเตียน
- เป็นคริสตจักรแต่ไม่ใช่คริสตจักร
- เป็นศิษยาภิบาลแต่ไม่ใช่ศิษยาภิบาล
- เป็นผู้เชื่อแต่คำพูด แต่การกระทำไม่มี ซึ่งอาจจะพอมีเล็กๆน้อยๆ
- เป็นคริสเตียนก็แบบว่า เออไปโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ ทำดีบ้าง แต่ชีวิตยังไม่มาถึงมาตรฐานของพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูคริสต์ ที่ก่อตั้งในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7
ซึ่งเขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ข้างนอกอาณาจักรเพื่อใช้หนี้ให้ครบ และอยู่อย่างร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทนทุกข์ทรมาน เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าการดำเนินชีวิตใหม่ การรับใช้ด้วยตัวใหม่ การดำเนินชีวิตด้วยพระคริสต์ที่อยู่ในเราเป็นยังไง คือตลอดชีวิตเขาแสวงหาการรับใช้ การใช้เวลาอยู่กับการประกาศข่าวประเสริฐ ไล่ผี รักษาโรค นำคนมาเชื่อ ใช้เวลาอธิษฐาน อดอาหาร อะไรก็ตามนะครับเป็นลักษณะของ..ศาสนา
แต่คนที่จะเข้าในราชอาณาจักร คือจะต้องมีจิตใจใหม่ ไม่เกี่ยวกับการรับใช้นะครับ
การรับใช้ต่างๆ เป็นเลข 0,0,0,0 ที่อยู่ข้างหลังของเลข 1 เลขหนึ่ง หมายเลขหนึ่งนะครับ ก็คือจิตใจใหม่ ความชอบธรรม ความชอบธรรมคือความดี คือจิตใจใหม่
เราจำเป็นที่จะต้องมี เพราะว่านี่คือหลักการแห่งความรอดในยุคสุดท้ายหรือการได้เข้าในราชอาณาจักรในยุคสุดท้ายยุคหน้า ซึ่งเป็นงานแต่งงาน งานเลี้ยง การฟื้นฟูแผ่นดินโลก การที่พระเยซูนำอาณาจักรลงมาครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปี
และเรานะครับผู้ชนะถ้าหากมีจิตใจใหม่แล้ว ความชอบธรรมเหนือกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์ ดำเนินชีวิตที่มนุษย์โลกเห็น เห็นพระคริสต์ในเรา เห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ไม่ใช่แต่คำพูด ไม่ใช่แต่ไปโบสถ์ ไม่ใช่แต่เทศนาสั่งสอน ประกาศข่าวประเสริฐ แต่มีจิตใจใหม่ด้วย คนในครอบครัวเรายอมรับว่าเราเปลี่ยน คนในคริสตจักรยอมรับว่าเราเปลี่ยน คนในที่ทำงานยอมรับว่าเราเปลี่ยน อันนี้ต้องใช้เวลาตลอดชีวิตของเราเพื่อแก้ไขสิ่งนี้ เพื่อให้ได้ซึ่งการดำเนินชีวิตของพระคริสต์ที่อยู่ในเราเป็นผลของพระวิญญาณ และเราก็จะเข้าไปข้างใน
...
ส่วนคริสเตียนที่อยู่ข้างนอก ในมัทธิวบทที่ 25 ข้อ 30 กล่าวว่า "จงเอาเจ้าผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
เราจะเห็นข้อนี้นะครับ คือมัทธิว 25:30 เป็นเรื่องของคนต้นเรือนหรือผู้รับใช้
ผู้รับใช้ ก็คือคริสเตียน
ก็คือคนต้นเรือนคนใช้ในบ้าน ก็คือคนที่พระเจ้าเลือกแล้ว พระเจ้าเรียกแล้วมาเป็นคริสเตียน มาเป็นผู้เชื่อแล้ว เป็นผู้รับใช้แล้ว
แต่ผู้รับใช้คนนี้ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์คืออะไร?
ก็คือชีวิตเขาไม่มีชีวิตใหม่ มีผลงาน มีการรับใช้ มีการไปคริสตจักร มีการอธิษฐาน มีการทำงานเพื่อพระเจ้า แต่ไม่ได้ปรนนิบัติพระเจ้าและไม่ได้เติบโตในชีวิตใหม่ ไม่มีจิตใจใหม่ ไม่มีผลของพระวิญญาณ 9 ประการในกาลาเทีย 5:22-23
** เราจะเห็นว่าพระเยซูตรัส จงเอาผู้รับใช้ ผู้รับใช้ก็คือคริสเตียนนะครับ
** ที่ไร้ประโยชน์ ก็คือไม่ได้ดำเนินตามน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ได้ดำเนินชีวิตในชีวิตใหม่นะครับ
** เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอกในที่นั้นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก็คือแค้นใจ ร้องไห้ เสียใจ และทนทุกข์ทรมานด้วย จะถูกตีสอน ถูกลงโทษ ด้วยการลงโทษอะไรสักอย่างหนึ่ง อันนี้พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกแน่นอนว่าการตีสอนการลงโทษนี้คืออะไร อาจจะต้องเจ็บปวด ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อาจจะต้องเสียใจ แต่เป็นที่มืดภายนอก
...
และในอีกข้อหนึ่งในมัทธิวบทที่ 22 ข้อ 13 ก็กล่าวในลักษณะเดียวกัน ก็คือ "กษัตริย์จึงรับสั่งแก่พวกผู้รับใช้ว่า จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ที่นั่นจะมีการร้องไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
ซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นคริสเตียนแล้ว เป็นผู้รับใช้ เป็นอะไรก็ตามนะครับในสังคมคริสเตียน ได้บังเกิดใหม่ แต่สวมเสื้อไม่เหมาะกับงาน เนื่องจากว่าเขาถูกเลือกเป็นคริสเตียนแล้ว ถูกเชิญเข้ามาในงาน งานก็คืองานในยุคพันปี ในยุคหน้างานแต่งงานระหว่างพระเยซูคริสต์กับเจ้าสาว ก็คือคริสเตียนคือผู้ชนะทั้งหลาย แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ได้สวมเสื้อที่เหมาะสมกับงาน เสื้อที่เหมาะสมกับงานสมรส เขาจึงต้องถูกมัดมือมัดเท้าและโยนออกไปข้างนอก
...
และอีกข้อหนึ่งอยู่ในมัทธิวบทที่ 24 ข้อ 51 กล่าวว่า "และจะทำโทษเขาถึงสาหัสทั้งจากขับไล่ให้เขาไปเข้าส่วนกับพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
ข้อพระคัมภีร์ที่ผมยกมาทั้งหลายเป็นเรื่องของคริสเตียนที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ข้างในอาณาจักร และไม่ได้มีส่วนครอบครองร่วมฉลองกับพระเยซูเป็นเวลาพันปี แต่เขาจะอยู่ข้างนอก
...
อีกคำที่พระเยซูใช้ ก็คือใช้หนี้จนครบ อันนี้ปรากฏอยู่ในมัทธิวบทที่ 5 ข้อ 26 ก็คือ "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้กว่าท่านจะใช้หนี้จนครบ"
อันนี้คือชีวิตของคริสเตียนที่มาเชื่อพระเจ้าแล้ว เป็นบุตรพระเจ้า เป็นคริสเตียนแล้ว แต่ชีวิตยังไม่ได้มาถึงมาตรฐานของชีวิตที่พระเจ้าแต่งตั้งไว้ให้เป็นผู้ชนะ เขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นั่น ก็คืออยู่ที่ที่พระเจ้าให้อยู่เพื่อรอจนกว่าจะใช้หนี้จนครบเป็นเวลาพันปี
...
และอีกข้อก็คือมัทธิวบทที่ 18 ข้อ 33 ถึง 34 ที่กล่าวว่า "เจ้าควรจะเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ แล้วเจ้านายของเขาก็กริ้วจึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมานจนกว่าจะใช้หนี้หมด"
อันนี้คือผู้ชายที่ไม่ยกโทษ อีกคนที่เป็นหนี้เขา แต่กษัตริย์ยกโทษให้เขา เมื่อพระเจ้ายกโทษให้เราแล้ว เราเป็นคริสเตียน เราได้บังเกิดใหม่ เราได้รับการชำระด้วยพระโลหิตแล้ว แต่เราไม่ยอมยกโทษให้ผู้อื่น
การได้รับความรอดในวันสุดท้ายเรารอดโดยทางพระคุณและความเชื่อ คือเชื่อปุ๊บก็ได้รอดก็ปั๊บ ได้บังเกิดใหม่ ได้เป็นบุตรพระเจ้า ได้รับมรดกฝ่ายวิญญาณทุกประการที่พระเยซูมี แต่ถ้าหากจิตใจเราไม่เปลี่ยน เราก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นราชอาณาจักร
เนื่องจากว่าเราไม่ยกโทษให้ผู้อื่น คือการที่มีจิตใจใหม่ มีความรัก ความดีเมตตา อดทนนาน กระทำคุณให้ ยกโทษ อะไรทั้งหลายนี้นะครับ
...
และมัทธิวบทที่ 5 ข้อ 13 ที่พระเยซูตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ"
คนเหยียบย่ำ ก็คือคนมองไม่มีคุณค่า ไม่เห็นคุณค่า เป็นผู้ที่ไม่มีอะไรอีกแล้ว คือจะถูกลงโทษ จะถูกตีสอนอยู่ข้างนอกอาณาจักร และผู้ที่ไม่เชื่อที่ดำเนินชีวิตอยู่นอกอาณาจักร มองเขาเห็นเขาไม่มีค่าอะไรเลย แล้วเขาจะดูถูกเหยียดหยามด้วย เนี่ยเป็นคริสเตียนแต่ไม่มีปัญญาเข้าไปอยู่ข้างใน เป็นคริสเตียนภาษาอะไร เขาเป็นคริสเตียนแบบไหน
...
สำหรับคำว่า สุกงอม นะครับ ผมได้มาจาก คือสำหรับพระเจ้านะครับ สำหรับพระเจ้าในพระคัมภีร์ใหม่พระเจ้ามองเราว่าเป็นข้าวเป็นต้นข้าว และโลกนี้ ก็คือไร่นาก็คือทุ่งนา
เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากใครที่สุกงอม ก็ถูกเรียกว่าเป็นผู้ชนะ เป็นคริสเตียนที่ชนะแล้ว ได้รับการเปลี่ยนแปลง มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ มาถึงความไพบูลย์ มาถึงชีวิต มาถึงพระลักษณะของพระเยซูคริสต์ คือพระฉายาของพระคริสต์ พระฉายาของพระบุตร มีครบบริบูรณ์ในเราเป็นคนใหม่แล้ว มีจิตใจใหม่แล้ว พระเยซูคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเราทุกวันแล้ว ซึ่งอันนี้เรียกว่าสุกงอม
...
แต่คนที่เป็นคริสเตียนศาสนา หรือเป็นคริสเตียนเด็ก ขึ้นลงขึ้นลง ดีบาปดีบาป สุขทุกข์ในแต่ละวัน ก็คือคริสเตียนที่ยังไม่สุกงอม หรือไม่เป็นผู้ชนะ
เพราะฉะนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องรับการตีสอนถูกลงโทษเพื่อถูกบ่มบังคับให้สุกงอมในยุคพันปี
ขณะที่ผู้ชนะทั้งหลายร่วมครอบครองกับพระเยซู ร่วมฉลองงานเลี้ยงยิ่งใหญ่เป็นเวลาพันปี ยืนยาวมากครับงานเลี้ยงนี้
แต่น่าเสียดายพี่น้องเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เข้าไป
และนี่คือคำตอบนะครับ แต่คำว่า บ่มให้สุกงอมหรือบังคับให้สุกงอมไม่มีในพระคัมภีร์ แต่อันนี้เป็นการใช้คำซึ่งผมได้มาจาก คำว่า การใช้หนี้ให้ครบในยุคหน้า หรือว่าอยู่ที่มืดภายนอก อยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หรือว่าในมัทธิวบทที่ 7 ข้อ 24-27 กล่าวว่า เป็นชีวิตเป็นเรือนที่พังพินาศ คือทนต่อการดำเนินชีวิตที่อยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูไม่ได้ การทดลองมา ฝนมา ลมมา แม่น้ำไหลเชี่ยวเข้ามา แสงแดดปรากฏขึ้น เขาก็ทนไม่ได้และไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎใหม่ของพระเยซู เขาล้มเหลวและการล้มเหลวนี้ถ้าหากแก้ไขไม่ได้จนถึงตลอดชีวิตของเขา เขาก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปข้างใน แต่จะรอดในวันสุดท้ายได้รอดแน่นอนเนื่องจากพระคุณของพระเจ้า
อ่านเพิ่มเติม: ราชอาณาจักรและชีวิตนิรันดร์