เรื่องราวในหนังสือมัทธิวไม่ใช่เรื่องสวรรค์-นรก หรือ ระหว่างผู้เชื่อกับผู้ที่ไม่เชื่อ แต่หนังสือมัทธิวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปี หรือยุคหน้า
และเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องระหว่างผู้เชื่อที่มีชัยชนะ และผู้เชื่อที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ซึ่งผู้ชนะจะได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์
และร่วมครอบครองโลกกับพระเยซูในยุคหน้าและนิรันดร์
ส่วนผู้ไม่ชนะต้องทนทุกข์ทรมานจนครบพันปีในยุคหน้าและจะได้รอดในวันสุดท้าย แต่เหมือนรอดผ่านไฟ (ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย) / (มธ 7:21-27 / 1 คร 3:12-15)
5:1 ครั้นทอดพระเนตรเห็นคนมากดังนั้น พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อประทับแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์มาเฝ้าพระองค์
5:2 และพระองค์ทรงตรัสสอนเขาว่า
คุณสมบัติเก้าประการตั้งแต่ข้อที่สามถึงข้อที่สิบสอง คือสิ่งที่ราษฎรของราชอาณาจักรสวรรค์ต้องมี
5:3 “บุคคลผู้ใดรู้สึกยากจนในวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา
** "ยากจนในวิญญาณ" คือยอมให้วิญญาณว่างเปล่าไม่มีอะไร หรือยอมทิ้งความเชื่อเรื่องอยากขึ้นสวรรค์ รอดจากนรก หรือความรู้เดิมที่ได้รับมาจากศาสนาคริสต์ที่แปลผิดและไม่ได้แสวงหาราชอาณาจักรสวรรค์ ตั้งแต่เชื่อจนถึงวันตาย เขาไม่ได้มีโอกาสได้พบราชอาณาจักรนี้เลย
** ถ้าหากเรายอมทิ้งความเชื่อเรื่องสวรรค์นรก เราจะพบราชอาณาจักรสวรรค์และมีโอกาสได้เข้าในอาณาจักรนี้
** แต่ถ้าหากเราไม่ยอมทิ้งเรื่องสวรรค์นรก เราจะไม่มีโอกาสได้รับราชอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน
** ทันทีที่เราเชื่อ สวรรค์ หรือความรอดในวันสุดท้ายก็เป็นของเรา เราไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ให้เราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ไม่เปลี่ยนแปลง
บทความเพิ่มเติม :
5:4 บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลม
** "โศกเศร้า" ในที่นี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องบาปที่เราทำ แต่เป็นเรื่องโศกเศร้าเสียใจ เศร้าสลดใจที่โลกนี้ มนุษย์ หลงทาง ตาบอด เดินคนละทางกับแผนงานการบริหารจักรวาลของพระเจ้า
** เรื่องบาปที่เราทำ เราไม่มีเวลาที่จะมานั่งโศกเศร้าเสียใจ เพราะว่าพระโลหิตมีไว้เพื่ออภัยบาปของเราและกลับเข้ามาสนิทในพระเจ้าได้ทุกเมื่อ
** พระเยซูทรงโศกเศร้าเพราะเหตุชาติอิสราเอลไม่ร่วมมือกับพระเจ้า และทำลายแผนงานการก่อตั้งราชอาณาจักรของพระองค์โดยที่พวกเขาได้ฆ่า (ประหาร) กษัตริย์ในอีกไม่นานต่อมา (มธ 23:37-39) เมื่อเราโศกเศร้าเพราะเหตุดังกล่าว พระเจ้าจะทรงปลอบประโลมเรา
** ผู้เชื่อสามารถโศกเศร้าได้ แต่อีกด้านหนึ่งของจิตใจ เรายังคงมีสันติสุขทุกเวลาเหมือนเดิม
5:5 บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
** คำว่า "มีใจอ่อนโยน" ในที่นี้ ภาษากรีกใช้คำว่า "ไม่โต้ตอบ" "ไม่ต่อสู้" "ไม่เอาชนะ" "ไม่ใช้ความรุนแรง" แต่ยอมให้เขาชนะ หรือยอมเสียเปรียบ (ยอมหันแก้มอีกข้างให้เขาตบ ยอมเดินไปอีกหนึ่งไมล์ ยอมถอดเสื้อในให้เขา)
** "เขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก" ในที่นี้ คือยุคหน้าหรือยุคพันปีเขาจะได้รับมอบหมายให้ครอบครองแผ่นดินโลกนี้เพราะการเป็นคนยอมเสียเปรียบ ไม่โต้ตอบ ไม่ต่อสู้ มากน้อยที่เขาเป็นอยู่ในชีวิตนี้
** "อ่อนสุภาพ" คือมารยาทท่าทีอาการ ส่วน "ไม่ตอบโต้" คือการกระทำ
ผู้ชนะของพระเยซูคริสต์ คือคนที่ใส่กางเกงสีดำ, ไม่ใช่ มอหมัด อาลี
บทความเพิ่มเติม : MEEK — ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อสู้ ไม่ถกเถียง
5:6 บุคคลผู้ใดหิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์
** อยากเป็นคนดี อยากเป็นคนใหม่ อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต เขาจะได้เป็นตามที่เขาต้องการ
** ทุกวันนี้ ผู้เชื่อมากมายไม่ได้รับการเปลี่ยนชีวิตจิตใจใหม่ เพราะว่าความปรารถนาความต้องการการแสวงหาไม่มากพอ ชีวิตจึงต้องอยู่ในสภาพดีบาบดีบาปไปจนวันตาย
** การได้พบว่าพระคริสต์ในเรา เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา คือคำตอบของข้อนี้
5:7 บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณา
** "มีใจกรุณา" ในที่นี้ เน้นเฉพาะเรื่อง ยกโทษให้ผู้อื่น
** ถ้าหากเราเชื่อ เราก็รอดจากนรก แต่ถ้าหากเราไม่ยอมยกโทษให้ผู้อื่น เราจะไม่ได้เข้าไปในราชอาณาจักรในยุคหน้า ต้องร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทนทุกข์รออยู่ข้างนอกอาณาจักรจนครบพันปี
5:8 บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า
** "มีใจบริสุทธิ์" ในที่นี้ คือมีใจเดียว, ไม่หลายใจ, ไม่ใช่ไม่มีบาป, แต่มีใจเดียว, เหมือนดูทีวีช่องเดียวไม่ยอมเปลี่ยนไปดูหลายๆ ช่อง ถ้าหากเรามีใจเดียวไม่หลายใจ ไม่คิดหลายเรื่อง แต่ทั้งวันเราสามัคคีธรรม เข้าสนิทในพระคริสต์ เราจะได้ยินเสียง, ได้สัมผัสและได้เห็นพระองค์
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Pure in heart” คำนี้คือ "ไม่มีอะไรเจือปน" "หนึ่งเดียว" "บริสุทธิ์ใจ" "ไม่หลายใจ"
บทความเพิ่มเติม : Pure in heart ใจเดียว (ไม่หลายใจ)
5:9 บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าจะได้เรียกเขาว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
** "สร้างสันติ" คือไม่ทะเลาะวิวาท ไม่ก่อเรื่อง ไม่สร้างปัญหาขัดแย้งกับใคร และไม่เป็นเหตุให้ใครต้องทะเลาะบาดหมางใจกัน
** "จะได้เรียกเขาว่าเป็นบุตรของพระเจ้า" คือพระเจ้าจะยกเขาขึ้นสู่ระดับสูงกว่า ให้เราเป็นบุตรที่รัก ซึ่งมากกว่า สูงกว่าผู้เชื่อเด็ก ที่ชอบทะเลาะก่อเรื่องมักมีปัญหากับผู้คนเป็นประจำ
5:10 บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา
5:11 เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
** เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐโดยการนำ และประกาศตามน้ำพระทัยของพระเจ้าการข่มเหงจะมา และเมื่อเราได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ซาตานจะใช้ทั้งคริสเตียนและคนที่ไม่เชื่อมาข่มเหงเรามากยิ่งขึ้น แต่เราจะได้รับบำเหน็จอย่างมากมายเพราะเห็นแก่พระนามและข่าวประเสริฐของพระองค์
5:12 จงชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน
** "จงชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้น" คือคำสั่งและพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูในยุคพระคุณ แต่ผู้เชื่อส่วนมากไม่มีความชื่นชมยินดีนี้อย่างต่อเนื่องทุกวันเวลา หรือในยามที่ถูกข่มเหง ถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายใหม่ของพระเจ้า
สรุป.
คุณสมบัติเก้าประการตั้งแต่ข้อที่สามถึงข้อที่สิบสอง คือสิ่งที่ราษฎรของราชอาณาจักรสวรรค์ต้องมี คือ..
1. ยากจนในวิญญาณ
2. โศกเศร้า (สลดใจ)
3. ไม่โต้ตอบ
4. อยากเป็นผู้ชนะ
5. มีเมตตา (ยกโทษทุกคน)
6. มีใจเดียว
7. สร้างสันติ
8. ถูกข่มเหง
9. ชื่นชมยินดีอยู่ทุกเวลา
นี่คือกฎหมาย พระบัญญัติใหม่เก้าข้อของพระเยซู เพื่อเราจะได้เข้าในอาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปี
5:13 ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ,,,
** "ท่านทั้งหลาย" คือผู้เชื่อที่ถูกเลือกไว้ให้รอด
** "คือเกลือ" ไม่ใช่จะเป็นเกลือ หรือพยายามเป็นเกลือ แต่เป็นเกลือแล้ว คือได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ได้บังเกิดใหม่แล้ว สะอาดแล้ว รอด (จากบึงไฟ) แล้วแน่นอน
เมื่อเชื่อ คุณคือเกลือเดี๋ยวนั้นเลย แต่เรื่องความเค็มหรือมีรสเค็มคือขั้นตอนต่อไป
"ความเค็ม" คือ คุณสมบัติ กิริยา อาการเดินนั่งไปมา ยิ้ม การพูดจา ที่พระเจ้าสำแดงผ่านตัวเรา ถ้าหากคุณไม่มีความเค็ม กิริยาอาการของพระเจ้า คุณจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในยุคพันปี หรือยุคหน้า
สรุป...
- "รสเค็ม" คือคุณสมบัติของพระบิดาที่สำแดงผ่านเราผู้เชื่อที่เป็นเกลือ ไม่ใช่การทำดี แต่เป็นท่าทียืนนั่งเดินยิ้มการพูดจา กิริยามารยาท
- "หมดรสเค็มไปแล้ว" คือเชื่อ แต่ชีวิตทั้งชีวิตไม่เคยมีคุณสมบัติของพระเจ้าที่ปรากฏในตัวเขาเลย
- "มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ" คือไม่มีโอกาสได้เข้าในราชอาณาจักร และชาวโลกที่ดำเนินชีวิตอยู่นอกราชอาณาจักรจะดูถูกว่าเชื่อพระเจ้า แต่ไม่มีปัญญาได้เข้าไปข้างในราชอาณาจักรในยุคพันปี
บทความเพิ่มเติม : เกลือที่ไม่มีรสเค็มคืออะไร ? (มธ. 5:13)
5:14 ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
5:15 ไม่มีผู้ใดจุดเทียนแล้วนำไปวางไว้ในถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงเทียน จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
5:16 จงให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวงอย่างนั้น เพื่อว่าเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ และจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
** ความหมายที่แท้จริงของคำว่าความสว่าง
- "ท่านทั้งหลาย"...คือผู้เชื่อที่ติดตามพระเยซู ซึ่งเป็นราษฎรแห่งราชอาณาจักรสวรรค์
- "เป็น"...คือเป็นแล้ว ไม่ใช่จะเป็นหรือพยายามเป็น
- "ความสว่างของโลก"...คือผลแห่งความดีของพระวิญญาณที่ทำผ่านเราผู้เป็นราษฎรแห่งอาณาจักรของพระเจ้า (กาลาเทีย 5:22-23) ไม่ใช่ผลความดีของเราเอง หรือผลของชีวิตอาดัม.
- "นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้" เราคือนครที่อยู่บนภูเขา เราบังเกิดใหม่เพื่อการดีในโลกนี้
- "ไม่มีผู้ใด"...คือน้ำพระทัยและแผนงานของพระเจ้าทรงสร้างเราเพื่อให้เป็นผู้ทำการดีเท่านั้น
- "จุดตะเกียง"...คือเรามีพระวิญญาณที่อยู่ในเราแล้ว (ตะเกียงคือวิญญาณมนุษย์ น้ำมันคือพระวิญญาณ แสงสว่างที่ได้มาจากน้ำมันคือการดี หรือผลของพระวิญญาณที่ทำผ่านเรา)
- "แล้วนำไปวางไว้ในถัง"..ถังในที่นี้ คือสิ่งที่ชาวยิวนำมาใช้เพื่อวัดตวงข้าวเพื่อซื้อขาย เพราะว่าสมัยนั้นไม่มีตาชั่งเพื่อชั่งน้ำหนักข้าว หรือมีแต่หายากมาก จึงต้องใช้ถังเพื่อตวงข้าว
** ความหมายในที่นี้ คือการมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำมาหากินจนลืมให้พระเจ้าใช้เราเพื่อทำความดีเพื่อผู้คนทั่วไปจะเห็นพระเจ้าผ่านเรา
** เราสามารถทำงานการค้าการขายเพื่อเลี้ยงชีพได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ที่ถ่อมต่ำยอมเสียเปรียบ รักอดทนนานไปด้วย เพราะนี่คือชีวิตที่พระเจ้าสร้างเรามาให้อยู่ในโลกนี้ คือเพื่อ ทำดีเท่านั้น.
- "แต่ย่อมตั้งไว้บนคันประทีป"...คันประทีปเป็นส่วนหนึ่งของตะเกียง หมายถึงวิญญาณของเรา
- "จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น"...คือทุกที่ ทุกแห่งหนที่เราอยู่ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน ไม่ใช่ส่องสว่างเฉพาะที่โบสถ์เท่านั้น (ความสว่างปลอม)
- "จงให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวงอย่างนั้น เพื่อว่าเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ และจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์"
** เมื่อเราดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณนำ และทำแทนเพื่อให้ได้มาซึ่งผลแห่งพระวิญญาณ คนทั่วไปจะมองเห็นและได้สัมผัสพระเจ้าที่อยู่ในเรา และกลับใจเชื่อและถวายสรรเสริญแด่พระองค์
** เราไม่ใช่ผู้ทำดี แต่เราคือตะเกียงหรืออวัยวะที่พระเจ้าใช้เพื่อส่องสว่าง (ทำดี) ผ่านเรา
บทความเพิ่มเติม : ท่านเป็นความสว่างของโลก คืออะไร ??? (มธ 5:14-16)
5:17 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะทำลายพระราชบัญญัติหรือคำของศาสดาพยากรณ์เสีย เรามิได้มาเพื่อจะทำลาย แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ
** แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ ก็คือ..
1. พระเยซูมาเพื่อรักษาพระบัญญัติให้ได้ครบ
2. พระเยซูตายเพื่อคนที่รักษาไม่ได้ทุกคน
3. พระเยซูได้รับสิทธิอำนาจเพื่อยกระดับพระบัญญัติจากมาตรฐานของมนุษย์ขึ้นสู่มาตรฐานของพระเจ้า (ยากขึ้นจนเราทำไม่ได้)
4. พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากตายเป็นพระวิญญาณเพื่อมาอยู่กับเราและรักษาพระบัญญัติแทนเรา ในเรา
5:18 เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถึงฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรหนึ่งหรือจุดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากพระราชบัญญัติ จนกว่าจะสำเร็จทั้งสิ้น
** "จนกว่าจะสำเร็จทั้งสิ้น" คือพระบัญญัติจะจบสิ้นสำเร็จหลังจากยุคหน้าหรือยุคพันปีผ่านไปแล้ว (เมื่อเข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เราไม่ต้องรักษาพระบัญญัติอีกต่อไปแล้ว เพราะจิตใจอาดัมจะถูกทำลายให้หมดสิ้นในเราผู้ชนะ และผู้เชื่อที่ไม่สุกงอมก็ถูกบังคับให้สุกงอมที่เกเฮนา)
5:19 เหตุฉะนั้น ผู้ใดได้ทำให้ข้อเล็กน้อยสักข้อหนึ่งในพระบัญญัตินี้เบาลง ทั้งสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย ผู้นั้นจะได้ชื่อว่า เป็นผู้น้อยที่สุด ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่ผู้ใดที่ประพฤติและสอนตามพระบัญญัติ ผู้นั้นจะได้ชื่อว่า เป็นใหญ่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์
** ในยุคนี้ เราต้องเคร่งครัดให้พระเยซูในเราทำแทนเราทุกสิ่ง และสอนทุกสิ่งไม่มองข้ามเพียงข้อเล็กน้อยต่อพี่น้อง เขาจะรับหรือไม่รับเป็นเรื่อง ระหว่างเขากับพระเจ้า เพื่อเราจะได้เข้าไปในราชอาณาจักรและรับรางวัลคือตำแหน่งจากพระเยซูคริสต์ของเรา
บทความเพิ่มเติม : ‘เรามิได้มาเพื่อจะทำลาย แต่มาเพื่อจะให้สำเร็จ’ คืออะไร
5:20 เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ยิ่งกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ท่านจะไม่มีวันได้เข้าใน อาณาจักรแห่งสวรรค์
** มีทางเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นคนชอบธรรมเหนือกว่าฟาริสีและธรรมมาจารย์ และนั่นก็คือ ให้พระเยซูดำเนินชีวิตแทนเรา
(กาลาเทีย 2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ข้าพเจ้าเองมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อของพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า)
5:21 ท่านทั้งหลายได้ยินว่ามีคำกล่าวในครั้งโบราณว่า `อย่าฆ่าคน' ถ้าผู้ใดฆ่าคน ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ
5:22 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดโกรธพี่น้องของตนโดยไม่มีเหตุ ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า`ไอ้บ้า' ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษ และผู้ใดจะว่า `ไอ้โง่' ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก เกเฮน่า (ที่ทิ้งขยะ)
** "ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า" เราจะพบคำนี้หลายๆ ครั้ง. เป็นการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับของพระบัญญัติให้ยากยิ่งขึ้น เพื่อเราจะทำไม่ได้ เราจึงยอมแพ้ และหันมาพึ่งพระเยซูในเราทำแทนเราเพื่อช่วยเราให้ได้เข้าในราชอาณาจักร
** พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเน้นที่ "ความคิดภายในจิตใจ" เพียงแต่เราคิดเท่านั้น ก็มีโทษเท่ากับการกระทำ.
** "ไอ้บ้า" หรือ "ไอ้โง่" ผู้เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะหรือผู้เชื่อทั่วๆ ไป เราจะใช้คำนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาดเพราะว่าเราจะได้รับโทษอย่างสาสม และพลาดโอกาส ได้เข้าไปในราชอาณาจักรได้.
5:23 เหตุฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน
** "นำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชา" คือการนำคำอธิษฐานมาถึงพระเจ้า
5:24 จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
** เมื่อเราสำนึกได้ว่าคิดไม่ดีกับใคร หรือยังโกรธเกลียดใครอยู่ ควรสารภาพทันที และไปปรองดองกับคนนั้นก่อน
5:25 จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วขณะที่พากันไป เกลือกว่าในเวลาหนึ่งเวลาใดคู่ความนั้นจะมอบท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้ กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ
** คือการเข้าสู่กระบวนการแห่งโทษที่เราจะได้รับจากพระเจ้า และมีผลถึงยุคหน้าคือไม่ได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์
5:26 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้กว่าท่านจะได้ใช้หนี้จนครบ
** "การใช้หนี้" คือการไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร แต่ต้องทนทุกข์ทรมานร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ภายนอกอาณาจักร
5:27 ท่านทั้งหลายได้ยินว่ามีคำกล่าวในครั้งโบราณว่า `อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา'
5:28 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว
** แค่คิดก็ผิดเท่ากับได้กระทำจริงๆ และนี่คือกฏเกณฑ์แห่งพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเพื่อเข้าไปในราชอาณาจักรสวรรค์
5:29 ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน เพราะว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านมากกว่าที่จะเสียอวัยวะไปอย่างหนึ่ง แต่ทั้งตัวของท่านไม่ต้องถูกทิ้งลงในไฟนรก เกเฮน่า (ที่ทิ้งขยะ)
5:30 และถ้ามือข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน เพราะว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านมากกว่าที่จะเสียอวัยวะไปอย่างหนึ่ง แต่ทั้งตัวของท่านไม่ต้องถูกทิ้งลงในไฟนรก เกเฮน่า (ที่ทิ้งขยะ)
** "ควักตา" และ "ตัดมือ" ในที่นี้ คือตัดใจส่วนที่ยังทำบาปอยู่
** "การตัด" ในที่นี้ คือยอมยกปัญหาเรื่องบาปที่เราเลิกทำไม่ได้ ให้พระเยซูในเราที่เป็นพระวิญญาณทำงานเพื่อปลดปล่อยเรา เราจึงหลุดพ้นจากบาปส่วนนั้นๆ ได้
5:31 ยังมีคำกล่าวไว้ว่า `ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยา ก็ให้เขาทำหนังสือหย่าให้แก่ภรรยานั้น'
5:32 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดจะหย่าภรรยา เพราะเหตุอื่นนอกจากการเล่นชู้ ก็เท่ากับว่าผู้นั้นทำให้หญิงนั้นล่วงประเวณี และถ้าผู้ใดจะรับหญิง ซึ่งหย่าแล้วเช่นนั้นมาเป็นภรรยา ผู้นั้นก็ล่วงประเวณีด้วย
5:33 อีกประการหนึ่ง ท่านทั้งหลายได้ยินว่ามีคำกล่าวในครั้งโบราณว่า `อย่าเสียคำสัตย์ปฏิญาณ แต่จงปฏิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณของท่านต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า'
5:34 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าปฏิญาณเลย จะอ้างถึงสวรรค์ก็ดี เพราะสวรรค์เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า
5:35 หรือจะอ้างถึงแผ่นดินโลกก็ดี เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ หรือจะอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มก็ดี เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์
5:36 อย่าปฏิญาณโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาวหรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้
5:37 จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว
5:38 ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า `ตาแทนตา และฟันแทนฟัน'
5:39 ฝ่ายเราบอกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
5:40 ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาลเพื่อจะปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย
5:41 ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ท่านให้เดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองกิโลเมตร
5:42 ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่านก็จงให้ อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน
5:43 ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า `จงรักเพื่อนบ้าน และเกลียดชังศัตรู'
5:44 ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน จงอวยพรแก่ผู้ที่สาปแช่งท่าน จงทำดีแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ปฏิบัติอย่างเหยียดหยามต่อท่าน และข่มเหงท่าน
5:45 ทำดังนี้แล้วท่านทั้งหลายจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดี และคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและแก่คนอธรรม
5:46 แม้ว่าท่านรักผู้ที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จอะไร ถึงพวกเก็บภาษีก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ
** นี่คือปัญหาของคริสเตียน ที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนจิตใจใหม่ ชีวิตอาดัมทำได้เท่านี้คือรักและทำดีกับคนที่รักเราและทำดีกับเราเท่านั้น นี่คือคริสเตียนศาสนาคริสต์
5:47 ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของตนฝ่ายเดียว ท่านได้กระทำอะไรเป็นพิเศษยิ่งกว่าคนทั้งปวงเล่า ถึงพวกเก็บภาษีก็กระทำอย่างนั้นมิใช่หรือ
5:48 เหตุฉะนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ เหมือนอย่างพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ"
** ถ้าพระเยซูไม่ทำแทนในเรา เราจะดีรอบคอบไม่ได้โดยเด็ดขาด
สรุป...
- พระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ให้เรา เพื่อกำจัดใจบาปสี่ประการในใจ โกรธ หยิ่ง ตัณหาเนื้อหนัง และตัณหาร่างกาย
- พระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ ที่มนุษย์อาดัมทำไม่ได้ เพื่อเราจะยอมแพ้และหันมาพึ่งมนุษย์วิญญาณที่มีพระคริสต์ทำแทน
- คริสเตียนอาดัมมักเดินด้วยอารมณ์ และความรู้สึก และมักหวังที่จะได้ยิน หรือได้รับแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามา เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขใจ แต่มนุษย์วิญญาณเดินด้วยความเชื่อ คือเชื่อว่าชนะแล้ว และเชื่อว่าสิ่งที่ผ่านเข้ามาคือการทดลองหรือเครื่องวัดวิญญาณว่าเราสนิทในพระเจ้าอยู่ไหม จากนั้นก็เข้าอยู่ในวิญญาณ
ข้อ 21-45 พระเยซูยกระดับมาตรฐานให้สูงยากขึ้น เน้นที่ใจ และความคิดคริสเตียนมองข้ามจุดนี้ คิด ก็ผิดเท่ากับการกระทำ
ตอนท้ายบทที่ 5 .. ถ้าเราทำดีแต่กับคนที่รักเราดีกับเรา จะไม่มีรางวัลให้ แต่ทำดีกับคนที่จะตอบแทนเราไม่ได้ รางวัลมีมากมาย