ขอบคุณพระเยซูสำหรับยอห์นบทที่ 18 ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์รับการยกย่องสรรเสริญโมทนาขอบพระคุณ นมัสการพระองค์ ซึ่งเรานำหัวใจอันบริสุทธิ์ หัวใจที่เต็มด้วยความรักมาถวายแด่พระองค์ และนำตัวใหม่มาถวายแด่พระองค์ เพื่อพระองค์จะใช้เพื่อสำแดงพระองค์ให้โลกเห็น ขอบคุณพระเยซู
เราขอบพระคุณพระเจ้าซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เข้าใจเรื่องพระนาม หรือนามชื่อของพระเจ้า และแม้แต่ชาวยิวเองที่ติดตามพระเจ้าเป็นประชากรของพระเจ้ามานานหลายปี เขาคิดว่าพระเจ้ามีชื่อมีนาม อันนี้เป็นรูปแนวศาสนา ที่ไม่ว่าจะศาสนาไหนมีพระ - องค์ไหนที่เขาสร้างขึ้น เขาก็ต้องตั้งชื่อ ซึ่งตามความสามารถที่พระ - องค์นั้น พระตนนั้นทำได้ หรือลักษณะของพระ - องค์นั้น
แต่สำหรับเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระของเรา ก็คือพระเจ้าไม่มีชื่อ ที่เราเรียกว่า พระเจ้า หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า God ก็คือใช้เพื่อบอก เพื่อสื่อให้ผู้เชื่อได้เข้าใจว่าพระองค์เป็นผู้สูงสุด เป็นพระเจ้าเป็นพระผู้สูงสุด การตั้งชื่อมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำกันมานานแล้ว ก็คือตั้งชื่อลูก หรือตั้งชื่อสัตว์เลี้ยง หรือตั้งชื่อพระ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับชาวยิว ชาวยิวเขาเรียกพระเจ้า ก็คือพระเจ้าพระผู้สร้าง พระเจ้าพระผู้ไถ่ พระเจ้าผู้ชอบธรรม พระเจ้าผู้มีพระเมตตา แต่จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เราใช้เพื่อสื่อ เพื่อบอกให้เราทุกคนได้รู้ว่าพระเจ้าของเรา ก็คือไม่มีชื่อไม่มีนาม
เราอาจจะใช้ฉายาต่างๆ เพื่อเรียกพระเจ้า แต่จริงๆ แล้วความเป็นจริงพระเจ้าไม่มีนามไม่มีชื่อ เรามาดูคำตอบที่พระเจ้าตอบโมเสสอยู่บนภูเขาซีนาย เมื่อโมเสสถามว่าพระเจ้าชื่ออะไร พระองค์มีนามชื่อว่าอะไร เพื่อชนชาติอิสราเอลจะเรียกพระองค์ถูก พระเจ้าก็ตอบคือ I Am คือนามชื่อของพระเจ้า ถ้ามีใครมาถามเราน่ะว่าคุณชื่ออะไร ผมไม่มีชื่อ ผมนี่แหละ แต่คนที่เขาฟังเขาคิดไม่ถึง คิดไม่ได้ เขาก็บอกว่าคนนี้ชื่อ ผมนี่แหละ
เรารู้ดีใช่ไหมว่ามันไม่ใช่ชื่อไม่ใช่นาม หรือ เยโฮวาห์ ภาษาฮีบรู ก็คือเราเป็น เรานี่แหละ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราขอบคุณพระเจ้าเรารู้แล้วว่าพระเจ้าไม่มีนามชื่อ เพียงแต่เราเรียกพระเยโฮวาห์ เราเรียกอาโนนาย เราเรียก EL SHADDAI / EL-OLAM / EL ทั้งหลายที่เป็นตัวแทนของคำว่า พระผู้สูงสุด
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเยซู ทุกวันนี้เรามีพระเจ้าที่มีพระนามมีนามมีชื่อแล้ว ก็คือ อี-ชู-วะ ก็คือ เยซู แต่ก็ยังดีไม่พ้นคำว่า เยโฮวาห์
อี-ชู-วะ สำหรับชาวยิว เป็นคำเดียวกันกับ เยโฮวาห์ คำว่า เยซู / อี-ชู-วะ จริงๆ แล้วก็คือเราเป็นเรานั่นแหละ ก็คือเรานี่แหละ ก็เหมือนเดิม
แต่ยังไงก็ตามนามชื่อ เยซู หรือ อี-ชู-วะ หรือ เยโฮวาห์ ตอนนี้เพื่อให้คนทั้งหลายทั่วโลกทั่วจักรวาลได้เข้าใจ ได้เรียกถูก เพื่อไม่สับสนไม่ต้องยุ่งยากอีกต่อไป ก็คือพระนามของพระเจ้า ก็คือเยซู เอเมน และพระนามนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีพลัง มีชีวิต มีฤทธิ์เดช มีอำนาจ มีสันติสุข มีการช่วยเหลือ มีทุกสิ่งทั้งหมด นามชื่อทั้งหลายของพระเจ้าที่บอกว่า EL-OLAM / EL SHADDAI /ADONAI อะไรทั้งหลายทั้งหมด เยโฮวาห์ / ยาเวห์ ทุกสิ่งรวมอยู่ในนามชื่อเดียว ก็คือเยซู
เพราะฉะนั้น พระเยซู หรือคำว่าเอเมน เอเมนก็คือเยซู เราเรียกนามร้องออกพระนามของพระเจ้า คือพระเยซูเมื่อไหร่ อย่าลืมว่ามีฤทธิ์อำนาจ มีฤทธิ์เดช มีสันติสุข มีพลัง มีทุกสิ่ง เมื่อเราอ่อนแอเราบอกว่า "เอเมนพระเยซู" พลังก็จะเกิดขึ้น
เมื่อเราเป็นทุกข์กระวนกระวายเมื่อเราบอกว่า "เอเมนพระเยซู" เราเชื่อว่าพระนามนี้มีอำนาจ มีฤทธิ์เดช สันติสุขก็จะเกิดขึ้น เราเป็นอะไร เราต้องการอะไรเราบอกว่า "เอเมนพระเยซู" สิ่งที่เราต้องการก็จะเกิดขึ้น ขอบคุณพระเจ้า
เราไม่ต้องพูดยาว ว่า โอ้ ขอสันติสุข ตอนนี้ทุกข์เหลือเกิน คือลักษณะบ่น แต่เราใช้คำเดียวเราบอกว่า "เอเมนพระเยซู" และเราขอบพระคุณด้วยการร้องเพลงสดุดี ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ทุกครั้งที่เป็นทุกข์หรือมีความสุขก็แล้วแต่ การร้องเพลงสดุดี ก็คือการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ ซึ่งแสดงถึงการไว้วางใจในพระเจ้า
เมื่อคุณเจอปัญหามรสุมเข้ามาในชีวิตของคุณ คุณพูดคำเดียว "เอเมนสรรเสริญพระเยซู" และร้องเพลง ความทุกข์ก็จะหายไป สันติสุขก็จะเกิดขึ้น การแก้ไขของพระเจ้าก็เข้ามา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ตั้งสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อผู้เชื่อทั้งหลายในยุคพระคุณได้รับการไถ่ เอเมน
สำหรับการล้มในพระวิญญาณ
เราจะเห็นน่ะว่าทหารเหล่านี้ไม่ใช่ทหารชาวโรมัน แต่เป็นทหารของฟารีสี และธรรมาจารย์ เป็นทหารฝ่ายศาสนา และพวกเขาออกมากับพระเยซู เมื่อพระเยซูพูดว่าเราเป็น ก็คือเรานี่แหละ ก็คือเยโฮวาห์ ทหารเหล่านั้นตกใจแล้วก็ล้มลงถึงดิน ทุกวันนี้หลายคนก็ยังแปลความหมายในพระคัมภีร์ตอนนี้ บอกว่าทหารเหล่านี้ก็ล้มในพระวิญญาณ และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ยอห์นขึ้นไปบนสวรรค์และเห็นพระเจ้า ท่านยอห์นก็ล้มลง แล้วพี่น้องคริสเตียนกลุ่มไฟก็บอกว่าท่านยอห์นล้มในพระวิญญาณ
จริงๆ แล้ว การล้มในพระวิญญาณในพระคัมภีร์ไม่มี ไม่มี.. ส่วนมากในพระคัมภีร์ที่เห็นว่าเขาล้ม ก็คือล้มเพราะกลัว เหมือนเปาโลที่ล้มไม่ใช่ล้มในพระวิญญาณ แต่เปาโลเห็นพระเยซูเสด็จมา เปาโลก็ตกจากม้า แล้วก็ล้มลง เพราะฉะนั้นขอให้เข้าใจใหม่ ขอบคุณพระเยซูที่ไม่มีการล้มในพระวิญญาณ แต่เขาล้มก็เพราะกลัว
ในหนังสือยอห์นบทที่ 18 นี้เราจะเห็นว่าพระเยซูย้ำถึง 3 ครั้ง เราจำกันได้ไหม ทุกครั้งที่พระเยซูพูดถึงสิ่งที่สำคัญมากๆ พระเยซูจะย้ำส่วนมากก็คือ 3 ครั้ง และครั้งนี้พระเยซูตอบทหารทั้งหลายบอกว่า เราเป็น เรานี่แหละ หรือ I am เป็นคำที่ถูกต้องห้ามไม่ให้ใครในชาวยิวที่พูดคำนี้ได้
แต่ถ้าใครพูดก็คือถูกเอาหินขว้างให้ตาย
แต่พระเยซูกล้าพูด และเมื่อเขาได้ยินพระเยซูยืนยันถึง 3 ครั้ง ทหารยิวก็ตกใจ
แต่พระเยซูต้องการจะบอกว่าไม่เป็นไร จะจับก็จับ จะฆ่าก็ฆ่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เรายืนหยัดอยู่ในความจริงของพระเจ้า
และเราจะเห็นน่ะว่าตอนที่เขาใส่ความเรื่องจะจับพระเยซู ใส่ร้ายพระเยซู กล่าวร้ายกล่าวหาพระเยซู พระเยซูทำอะไร คือพระเยซูบอกเปโตรบอกว่าไม่ต้องทำอะไรกับเขา ไม่ต้องไปต่อสู้ ไม่ต้องไปถกเถียง ไม่ต้องไปทำร้ายเขา เราต้องยอมรับในแผนการงานของพระเจ้าที่จะเกิดขึ้น ก็คือบัพติศมาแห่งความตาย ก็คือการถูกนำไปประหาร
เราเห็นน่ะว่าในพระคัมภีร์มีการบัพติศมาหลายบัพติศมา จริงๆ แล้ว สำหรับภาษากรีกใช้คำว่า baptize / baptism ก็คือจุ่ม จุ่มลงไปในความตาย จุ่มลงไปในความทุกข์ทรมาน จุ่มลงไปในน้ำเพื่อตายต่อชีวิตเก่า คำนี้ใช้ทั่วไป ซึ่งไม่ใช่พิธี
แต่หลายคนเอาบัพติศมาแห่งความตายไปบัพติศมาเพื่อคนตายบ้าง เพื่อเหตุผลอื่นบ้าง แต่เราขอบคุณพระเจ้าเมื่อพระเยซูจะมาถึงบัพติศมาแห่งความตาย พระองค์ยอมรับพระองค์ไม่หนี ไม่ต่อสู้ ไม่ทำร้ายใคร แล้วพระเยซูก็สั่งสาวกของพระองค์ และทุกวันนี้พระเยซูสั่งพวกเรา เราไม่ควรเป็นผู้ต่อสู้ใคร เรายอมเสียเปรียบ
การยอมเสียเปรียบของเราไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้อยู่ในความชอบธรรม
สำหรับการยอมเสียเปรียบที่อยู่ในความชอบธรรม ก็คือถ้าเขาทำอะไรที่เกินเหตุ ไม่มีเหตุผล ไร้สาระกับเรา มาเอาเปรียบเราอยู่เรื่อยๆ ไป
เราจำได้ไหมพระเยซูถามว่าอะไร ท่านตบเราทำไม ในเมื่อเราทำสิ่งที่ถูกพูดสิ่งที่ถูก ท่านตบเราทำไม เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำถูกเราทำสิ่งที่เป็นสิ่งที่ชอบธรรม ถ้าใครมาเอาเปรียบ เรามาทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ร้ายกับเรา เราถามได้ เราคุยได้ เราชวนเขามาคุยกัน เจรจา ไม่ใช่ว่ายอมให้เขาเอาเปรียบอยู่เรื่อยๆ ขอบคุณพระเยซู
เปโตรเป็นแบบอย่างเป็นตัวอย่างสำหรับมนุษย์ที่เป็นเนื้อหนังที่อ่อนแอ ถึงแม้ว่าเราจะเข้มแข็งก็ตาม เราไม่ควรมั่นใจ ไม่ควรวางใจในความสามารถกำลังความเก่งกล้าของเรา เนื่องจากว่ามนุษย์ก็คือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เปลี่ยนไปมาได้
เพราะฉะนั้นเราอย่าวางใจตัวเอง จิตใจ อารมณ์ของมนุษย์ ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็เข้มแข็ง เดี๋ยวก็อ่อนแอ
เพราะฉะนั้นเราที่เป็นคริสเตียนศาสนามาก่อน ใครก็เป็น บอกว่า เออ สาบาน ขอปฏิญาณตน ขอถวายตัว จะไม่ทำบาป จะเชื่อฟังพระเจ้า จะติดตามพระองค์ จะไม่หนีไปไหนเป็นอันขาด แต่เมื่อพระเจ้าได้ยิน พระเจ้าก็จะส่งมาส่งปัญหามา หรือทำให้เรายอมรับว่าเราจะต้องหนี เราจะต้องพ่ายแพ้ พระเจ้าต้องทำเพื่อทำลายความเก่งกล้า ความมั่นใจในตัวเก่าของเรา
เพราะฉะนั้นผมเห็นบ่อยมากหลายคน หรือแม้แต่ผมเองก็เคยเจอ เคยยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพระองค์ จะเข้มแข็ง จะไม่พ่ายแพ้ต่อบาปเป็นอันขาด เมื่อพระเจ้าได้ยินใครพูดแบบนี้พระเจ้าก็จะส่งปัญหาเข้ามาเพื่อให้เราล้ม คือทำลายความหยิ่งของเรา ทำลายความคิดที่เราอยากจะยืนยันว่าตัวเองเก่ง ดี
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาด บุตรพระเจ้าควรจะถ่อมใจ และบอกว่าข้าพระองค์ไม่มีอะไรดีเลย เหมือนที่เปาโลพูด ในตัวข้าพระองค์ไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีเลย
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเราให้เราถ่อมใจอยู่เสมอ ไม่ว่าพระองค์จะเสริมกำลังเราให้เราเข้มแข็งมาได้มากเท่าไหร่แล้วก็ตาม แต่เราอวดพระเยซูเท่านั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จทุกอย่าง การเติบโตมาได้ถึงจุดนี้ ก็คือพระเยซู ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราขอบพระคุณพระเจ้าเราไม่มีอะไรดี เราไม่มีอะไรเก่ง เราทำอะไรไม่ได้ เอเมนขอพระบิดาได้รับเกียรติ
สำหรับสิ่งที่พระเจ้าให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเปโตร ทำไมพระเจ้าดลใจให้ท่านยอห์นเขียนเรื่องเปโตรปฏิเสธพระเยซู เนื่องจากว่าจิตใจที่หยิ่งผยองพองตัว เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบเอามากๆ เลยเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำร้ายเราเอง
ตั้งแต่สมัยหอบาเบล ที่มนุษย์บอกว่าเราจะสร้างสิ่งที่สูงขึ้นไป เราจะต่อสู้พระเจ้า เราจะสูงเท่าพระเจ้า หรือเหนือพระเจ้า อะไรก็แล้วแต่ เมื่อพระเจ้าเห็นพระเจ้าก็ทำลายลงให้มันพินาศไป เมื่อใครยืนหยัดบอกว่า ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ จะสูงส่ง พระเจ้าก็ตีให้เขาล้มลง ให้หัวเข่าอ่อนแอไป อ่อนเพลียไป ยืนไม่ได้
และมาถึงผู้เชื่อ โดยเฉพาะเราที่เป็นบุตรพระเจ้าทั้งหลาย บุตรทั้งหลายของพระเจ้า ก็คือไม่ควรที่จะใช้คำนี้ คือข้าพระองค์จะรักพระองค์ ข้าพระองค์จะยืนหยัดในความจริง ข้าพระองค์จะเชื่อวางใจ ข้าพระองค์จะไม่หนีไปไหน ข้าพระองค์จะไม่ท้อถอย สิ่งเหล่านี้เราไม่ควรทำ แต่เราคริสเตียนทั้งหลายก็ทำกันมา และทุกวันนี้เขาก็ทำกันอยู่
แต่เราขอบคุณพระเจ้าที่เราหยุดแล้ว เนื่องจากว่าเราไว้วางใจในพระเจ้ามากกว่าตัวเราเอง ซึ่งบางคนอาจจะเก่ง บางคนอาจจะดี บางคนอาจจะเข้มแข็ง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเจ้าไม่ต้องการให้เราอวด เนื่องจากว่าชีวิตอาดัมเรารู้แล้วว่าเบื้องหลังหรือหลังฉาก ชีวิตอาดัมเป็นชีวิตที่ตกต่ำ เสื่อมทราม ป่วย ไม่ครบบริบูรณ์ ไม่สมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้นจะทำดียังไง เข้มแข็งยังไง เป็นยังไง พระเจ้าก็ไม่ต้องการให้มาปรากฏหรือมาสำแดงชีวิตในพระคริสต์
เป้าหมายที่สูงสุดของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อทั้งหลาย ก็คือเราอวดพระเยซู และสิ่งที่เราจะอวดพระเยซู ก็คือเราให้พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ให้พระองค์ใช้ร่างกายนี้เพื่อสำแดงพระองค์ต่อโลก ให้โลกเห็นพระองค์ไม่ใช่เห็นเรา อย่าลืมข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า พระคริสต์เท่านั้น เราไม่ต้องการให้ใครเห็นความดีของเราความเก่งกล้าของเรา อะไรทั้งหลายของเราที่มีอยู่ที่เป็นอยู่ แต่เราต้องการให้มนุษย์มองดูที่เราเมื่อไหร่ ให้เขาเห็นพระเยซูเมื่อนั้น นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าตั้งแต่ไถ่เรามาจนถึงทุกวันนี้ เอเมน
คำพยาน:
สมัยที่ผมอยู่อเมริกาผมไปเข้าโรงเรียนมหาลัยวิทยาลัยศาสนศาสตร์ ของแบ๊บติสต์เป็นเวลา 5 ปี รู้สึกว่าบทเรียนจะเยอะมาก อันนี้ผมขอเปิดเผยเลย ก็คือไม่ใช่เพียงแต่ผมเท่านั้นหลายคนที่ไปเข้าโรงเรียนจริงๆ แล้วเราน่าจะไม่ได้อ่านบทเรียนทั้งหมด เพราะว่ามันเยอะมาก มันเยอะมากมันอ่านไม่ทัน เราเพียงแต่อ่านบางที่บางแห่งบางจุดของบทเรียน เพื่อที่จะตอบคำถามพอถึงตอนสอบ เพื่อให้เรียนจบ ผมยอมรับเลยพอจบ 5 ปีเนี่ย คือน่าจะได้ความรู้บ้างแต่ไม่ได้ทั้งหมด ไม่น่าจะถึงครึ่งหนึ่งของบทเรียนของหนังสือหลายๆ เล่ม
แต่พอเรียนจบนะครับพี่น้องก็เริ่มเสนอให้ผมเป็นศิษย์าภิบาล แล้วผมก็ทำหน้าที่ แล้วผมเห็นว่าพี่น้องทั้งหลายก็จะมองผมนะครับว่าเป็นผู้ที่สูงกว่าใคร แล้วมีตำแหน่งสูงกว่าใคร ที่นั่งที่ทานข้าว ก็น่าจะเป็นที่ที่มีเกียรติกว่าใคร ซึ่งอันนี้ผมเห็นภาพเลย ก็คือคริสตจักรทั่วไปก็ยังทำกันแบบนี้ ทำกันแบบนี้แล้วก็ทำกันมานาน
อย่างที่ผมพูดก็คือเป็นเรื่องของศาสนา ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม ครู พระ อาจารย์ อะไรก็แล้วแต่ก็จะต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีตำแหน่ง มีที่ที่อยู่ก็คือสูงกว่าเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
อันนี้สำหรับพระเจ้า พระเจ้าไม่ต้องการให้ทำแบบนี้ ผู้นำ ผู้ดูแล ผู้เลี้ยง ผู้ปกครองคริสตจักรต้องถ่อมใจ ต้องเป็นผู้เลี้ยงแกะ ก็คือเป็นคนที่ไม่มีอะไร ดูเหมือนคนยากจนที่มีแต่ไม้เท้า เพื่อที่จะรักษาแกะของพระเจ้า เพราะฉะนั้นเราไม่ว่าจะเป็นผู้นำ หรือผู้ตาม หรือพี่น้องทั่วๆ ไป สาวกทุกคนของพระเยซู เราควรจะมีคุณสมบัติอันหนึ่ง ก็คือถ่อมใจ และถ่อมใจเหมือนพระเยซู และให้พระเยซูถ่อมใจในเราแทนเรา เอเมน
เราขอบพระคุณพระบิดาสำหรับความรักของพระองค์ และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการเปิดตาพระคำที่มาจากเบื้องบนที่เป็นอาหารจากสวรรค์ เราขอบพระคุณพระเยซูที่ทำให้เรามาถึงจุดที่ปล่อยปลงวาง จุดที่ทุกศาสนาต้องการและจะมาให้ถึง แต่วันนี้เรามาถึงแล้ว สรรเสริญพระเยซู
เราขอบพระคุณพระเจ้าเราไม่กลัวปัญหาต่างๆ เนื่องจากว่าพระองค์ทำให้จิตใจของเราดีแล้ว ทุกอย่างมันก็ดีไปหมด ทำให้เรามีสันติสุข มีความสงบสุข นิ่งภายในหัวใจของเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจากเข้ามาสู่ชีวิตเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าพระองค์ไม่เคยทิ้งเรา และเราขอบพระคุณพระเจ้าพระองค์ยังนับเราเป็นบุตรของพระองค์ และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่การไถ่ การช่วยเหลือ การช่วยให้รอดของพระองค์จะมาถึงเมื่อถึงเวลากำหนดของพระองค์ สรรเสริญพระเยซู สรรเสริญพระบิดา ขอพระองค์ได้รับเกียรติในทุกสิ่ง เอเมน