ถาม.
เราจะรู้ได้ยังไงว่า ผู้เชื่อคนใดคนหนึ่งได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่าเมื่อก่อนหน้านี้เราไปคริสตจักร แล้วก็เมื่อเรารับบัพติศมาในน้ำแล้ว ผู้นำก็จะวางมือที่เรา เราก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วตอนนี้คือส่วนใหญ่ที่เราอยู่ในมานาฯ จะไม่ได้มีคริสตจักร อย่างที่ฉันอยู่คนเดียวเวลาประกาศให้คนอื่นรับเชื่อเขาก็แค่รับเชื่อ แล้วเราจะทำยังไงหรือจะรู้ได้ยังไงว่าเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ค่ะ ต้องทำแบบไหน หรือว่ามีสัญลักษณ์อะไรที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับผู้เชื่อนะครับทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซู เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า และรับว่าพระเยซูมาตายไถ่บาปเขา เดี๋ยวนั้นเลยนะครับเขาจะได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยพระเยซูเป็นคนทำให้ เราไม่เห็นนะครับ เราไม่เห็นกับตา เรื่องนี้เป็นการฝ่ายวิญญาณ ในมัทธิวบทที่ 3 เราไปอ่านดูนะครับ
เราจะเห็นว่าท่านยอห์นพูดถึงคนที่กลับใจจะได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ คือคนที่ทำก็คือคนที่ท่านยอห์นไม่สมควรที่จะถือฉลองพระบาท ก็คือยอห์นพูดถึงพระเยซู พระเยซูจะเป็นคนทำให้
สำหรับคริสเตียน พูดง่ายๆ คนที่เชื่อทันทีที่เราเชื่อ พระเยซูก็จะมาเพื่อรับบัพติศมาในพระวิญญาณในเรา ไม่ใช่มนุษย์เป็นคนทำนะครับ การรับบัพติศมาในพระวิญญาณ ก็คือพระเยซูเป็นคนทำ ไม่ใช่มนุษย์ทำ
ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดนะครับว่าการรับบัพติศมาในพระวิญญาณ ก็คืออาจารย์เป็นคนทำให้ ผู้นำคริสตจักรเป็นคนทำให้ วางมือแล้วเขาก็จะได้รับพระวิญญาณ อันนั้นไม่ใช่นะครับ
การรับพระวิญญาณนะครับ ทันทีที่เราเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเข้ามาสถิตอยู่ในเรา การรับบัพติศมาในพระวิญญาณ ก็คือพระเยซูจะมาและรับบัพติศมาให้เราในฝ่ายวิญญาณในพระวิญญาณ โดยที่ตามองไม่เห็นครับผม
...
ถาม.
ที่สงสัยเพราะว่าแต่ก่อนได้รับการวางมือจากผู้นำ แล้วก็จะพูดภาษาพระวิญญาณเลยค่ะ แล้วตัวก็สั่นไม่หยุด ร้องไห้ไม่หยุด มันจะมีอาการให้เห็น แล้วก็คือพอรับบัพติศมาในพระวิญญาณเสร็จ ชีวิตหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเลยค่ะ จากคนที่เห็นแก่ตัวจัดก็กลายเป็นคนที่แบบให้คนอื่นก่อนเห็นแก่คนอื่นก่อน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ทำให้รู้เลยว่านี่คือพระเจ้าทำจริงๆ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาเราเป็นคนเห็นแก่ตัว อยู่ในโบสถ์ตั้งนานหลายปีก็เห็นแก่ตัว แต่พอรับบัพติศมาวันนั้น คือชีวิตเปลี่ยนไปเลย กลายเป็นคนที่แบบให้โอกาสกับคนอื่นก่อนมีข้าวก็ให้คนอื่นกินก่อนเราอดก็ไม่เป็นไร คือรู้ว่านั่นคืออาการที่เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เลยไม่แน่ใจว่าถ้าเราไปประกาศแล้วเรานำคนรับเชื่อต้องมีการวางมือให้เขารับพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเจ้าเข้าใจแล้วค่ะ
ตอบ.
ก่อนอื่นขอให้เราเข้าใจตรงนี้ การรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ กับการรับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นคนละเรื่องกันนะครับ
อันแรกก่อนนะครับ คนที่เชื่อในพระเยซูปุ๊บ พระเยซูจะมาและรับบัพติศมาเขา พระเยซูจะทำเองโดยที่เราไม่เห็น เพียงแต่เราเชื่อและต้อนรับพระเยซูและอธิษฐานนำเขานะครับให้ต้อนรับพระเยซูปุ๊บ เดี๋ยวนั้นนะครับ เขาได้บังเกิดใหม่เดี๋ยวนั้น พระเยซูจะมาเพื่อรับบัพติศมาเขาในพระวิญญาณ ก็คือจุ่มเขาเข้าไปในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือให้เขาอยู่ในการฝ่ายวิญญาณ ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขาได้บังเกิดแล้ว อันนี้เรียกว่าการรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ
ทีนี้การที่พี่น้องทำในลักษณะนั้นหรือได้รับตอนนั้น เป็นประสบการณ์ที่เรียกว่า การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอกหรือด้านนอกครับผม อันนั้นไม่ได้เรียกว่าการรับบัพติศมาในพระวิญญาณครับ
คนที่รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ก็คือคนที่เริ่มเชื่อปุ๊บเดี๋ยวนั้นเลย ก็ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ พระเยซูเป็นคนทำ ไม่ใช่อาจารย์ไม่ใช่ผู้นำไม่ใช่การมาวางมือให้เรา และหลังจากนั้นนะครับพอไม่นานต่อมา มีผู้นำมาวางมือให้แล้วปรากฏว่าเราสั่น เราพูดภาษาพระวิญญาณ เราเกิดมีอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นนะครับ หรือสันติสุขเต็มล้นหรือร้องไห้ อันนั้นเรียกว่าการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณครับ
อย่าลืมนะครับมี 2 เรื่องที่แตกต่างกันไม่เหมือนกัน
อันแรก คือการรับบัพติศมาในพระวิญญาณ เพื่อการบังเกิดใหม่ ในยอห์นบทที่ 3
และอันที่สอง ก็คือเป็นเรื่องของการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งนี้นะครับเป็นสิ่งที่เปาโลและเปโตรเคยหนุนใจคริสเตียนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ บางตอนบางที่เรียกว่าจงเต็มล้นภายนอกหรือด้านนอก คือการกระตือรือร้นร้อนรน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะกระตุ้นเราให้เกิดอาการร้อนรน ร้อนใจ ร้องไห้ ยิ้ม หัวเราะ หรือพูดภาษาพระวิญญาณได้ และอีกด้านหนึ่ง ก็คือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเต็มล้นด้านใน ก็คือให้ชีวิตของพระคริสต์เข้ามาเต็มล้นในเรา เพื่อสันติสุขเต็มล้นเกิดขึ้น และเพื่อการก่อชีวิตของพระเยซูมีมากขึ้น เพื่อเรารักศัตรูได้ เพื่อเรายกโทษให้เพื่อนบ้านได้ เพื่อเราทำในสิ่งที่เราเคยทำไม่ได้ กลับกลายเป็นทำได้ครับผม
เป็นเรื่องเข้าใจผิดของคริสตจักรมากมายทุกวันนี้นะครับ เมื่อไหร่ที่ผู้นำวางมือ แล้วก็เกิดมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น ปรากฏว่าเขาก็เรียกว่าการบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนั้นไม่ใช่นะครับไม่ใช่ อันนั้นเรียกว่าการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณครับผม ภาษาอังกฤษก็คือ Filled with the Holy Spirit
พี่น้องบางคนอาจจะสับสนหรือมีคำถามว่า ภาษาพระวิญญาณคืออะไร
สำหรับภาษาพระวิญญาณนะครับถามว่ามีไหม มีครับผม แต่ทุกวันนี้คริสตจักรมากมายที่พูดกันอยู่แล้วเรียกว่าภาษาแปลกๆ หรือภาษาพระวิญญาณ อันนั้นอย่าเพิ่งไปเชื่อ ภาษาพระวิญญาณนะครับก็เป็นภาษาหนึ่งที่มีเป็นคำพูดมีความหมาย เข้าใจกันนะครับ
ก็คือสมมุตินะครับ ถ้าเป็นภาษาไทยก็คือ กินข้าว ทานข้าว ดื่มน้ำ ใช่ไหมครับ และภาษาพระวิญญาณบริสุทธิ์ภาษาพระวิญญาณก็จะเป็นในลักษณะแบบนั้น ก็คือมีกินข้าว ดื่มน้ำ ไปตลาด ประมาณนี้นะครับ ไม่ใช่การลั่นลิ้นกระตุกลิ้น ถ้าใครที่ทำการลั่นลิ้นหรือกระตุกลิ้นอันนั้นไม่เรียกว่าภาษาพระวิญญาณครับ
อีกครั้งนะครับภาษาพระวิญญาณเป็นถ้อยคำเป็นคำพูดเป็นประโยค เปาโลพูดเองนะครับ คือจะมีความหมายที่แปลได้ แต่การลั่นลิ้นการกระตุกลิ้นที่เราเห็นทุกวันนี้ ...... อันนี้นะครับไม่ใช่ภาษาพระวิญญาณครับ อันนี้เป็นการกระตุกลิ้นที่คนทำขึ้นมาเอง หรือซาตานเข้ามามีส่วนทำ แต่สำหรับพระเจ้านะครับจะพูดเป็นถ้อยเป็นคำเป็นภาษาพระวิญญาณครับ
สมัยที่ผมเป็นคริสเตียนศาสนาผมก็เคยอยู่ในกลุ่มไฟ เป็นสมาชิกโบสถ์ของกลุ่มไฟหลายปีนานหลายปี ก็ชอบนะครับชอบรู้สึกว่าจะมีคนที่เคารพเรามาก แล้วมองว่าเราเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง เราก็ดีใจปลื้ม แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เราทำ ผมยอมรับเลยนะครับว่าการกระตุกลิ้นบางครั้ง เวลาที่เราลั่นลิ้นกระตุกลิ้น พอพูดไปได้นิดนึงมันก็จะเป็นแบบอัตโนมัติ ก็คือพูดไปเรื่อยๆ ได้ ผมก็เลยเข้าใจว่ามาจากพระวิญญาณ แต่จริงๆ แล้วนะครับมารู้ทีหลังว่า ภาษาพระวิญญาณใน 1 โครินธ์บทที่ 14 เรากลับไปอ่านดูนะครับ จะเป็นถ้อยคำเป็นประโยค และแปลได้ ก็คือทูตสวรรค์เขาจะมีภาษาของเขาเองที่พูดนะครับ เราไม่รู้ว่าเป็นภาษาฮีบรูหรือภาษาไหนภาษาอะไร แต่เขามีภาษาของเขาเองครับ และพระเจ้าอนุญาตให้ผู้เชื่อบางคนพูดได้นะครับ
...
ถาม.
ขอถามคำครับในโรม 12:11 บอกว่า อย่าเกียจคร้านในการงาน จงรับการเผาไหม้ ในวิญญาณให้กระตือรือร้น จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า คือการเต็มล้นด้วยภายนอกใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับโรมบทที่ 12:11 จงรับการเผาไหม้ในวิญญาณของท่าน เวลาที่มีใครสักคนเอาไฟมาใกล้ๆ เรา เรารู้สึกยังไง กระโดดเลยใช่มั้ยเพราะมันร้อน พระเจ้าต้องการให้เรามีอาการร้อนรนกระตือรือร้นอยู่เสมอ และคนที่จะทำให้เรากระตือรือร้นร้อนรน ก็คือพระวิญญาณ พระองค์กระทำโดยผ่านวิญญาณของเรา เมื่อพระองค์เผาไหม้ในวิญญาณของเรา แน่นอนครับเราจะลุกขึ้นเราจะร้อนรน เราจะอยากอธิษฐาน อยากจะอ่านพระคัมภีร์ อยากรับใช้ อยากออกไป อยากทำอะไรบางอย่างเพื่อพระเจ้า
เพราะฉะนั้นถ้าหากเราต้องการที่จะร้อนรนรับการเผาไหม้โดยพระวิญญาณ ก็คือสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซูให้มาก และอาการขยันการร้อนรนการเผาไหม้ในพระวิญญาณก็จะเกิดขึ้น เคล็ดลับอยู่ตรงนี้นะครับ เราอยากเติบโตในฝ่ายวิญญาณ เราอยากรับสันติสุขอย่างเต็มล้น เราอยากมีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่มาจากพระเจ้า กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตจะเกิดขึ้นในเราทำกิจในเราอย่างมากมาย คือสิ่งเดียวครับ สนิทและบอกรัก สนิทและบอกรัก เอเมน
คนที่เข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกที่ชอบเล่นไพ่เล่นการพนัน ไปนั่งอยู่ใกล้ๆ เขา แน่นอนครับจะมีการกระตุ้นเกิดขึ้นทำให้เขาอยากเล่น แล้วสุดท้ายก็ติด เขาอยู่ใกล้อะไรก็จะเป็นในลักษณะแบบนั้น
เมื่อเราอยู่ใกล้พระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะกระตุ้นเราเผาไหม้เราในวิญญาณของเรา เอเมน