- พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ทุกตนในจักรวาล
ลูซีเฟอร์เป็นทูตสวรรค์ชั้นผู้ใหญ่ที่หลงตัวเอง มันจึงอยากเป็นใหญ่เหมือนพระเจ้า มันจึงคิดกบฏ
และต่อมาเมื่อมันรู้ว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์เพื่อให้สำแดงพระองค์ มันจึงขัดขวางและใช้มนุษย์เพื่อสำแดงชีวิตของมันก่อน
ในที่สุดซาตานก็เข้ามาสิงอยู่ในอาดัมและลูกหลานได้สำเร็จ
พระเจ้าจึงส่งพระบุตรลงมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้กลับมาสู่แผนการของพระเจ้า
พระคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณเป็นชีวิตเพื่อมาเติมเต็มให้กับมนุษย์ และเข้ามาอยู่ในเราเพื่อมาแทนที่ตัวบาป กฎแห่งบาปและกฏแห่งความตาย
การสู้รบจึงไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระวิญญาณ
และเนื้อหนังที่ถูกขายให้บาปแล้ว (โรม 7:14) เรามีพระฉายาของพระเจ้าแต่กฎแห่งจิตใจของเราอ่อนแอมาก
เมื่อตัวบาปบังคับและชักนำเราให้ทำบาปเราก็ขัดขืนไม่ได้
พระวิญญาณก็พยายามช่วยเราให้รู้ความจริงและร่วมมือกับพระองค์
แต่คนที่ต่อสู้กับเนื้อหนังและตัวบาป ก็คือพระคริสต์ ไม่ใช่เรา
สรุป ก็คือเมื่อไหร่ที่เราทำบาป เราไม่ได้เป็นคนทำ แต่ตัวบาปทำในเรา (โรม 7:15-17)
และทุกวันนี้ เมื่อไหร่ที่เรารักอากาเปได้ สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูได้ ก็คือพระคริสต์ไม่ใช่เรา การต่อสู้นี้จึงไม่ใช่ของเรา
กท 5:17 กล่าวว่าเนื้อหนังก็ต่อสู้กับพระวิญญาณ (พระวิญญาณ ในที่นี้ คือพระวิญญาณของพระคริสต์ผู้เป็นขึ้นมาจากความตาย และเข้ามาสถิตอยู่ในเรา)
ส่วนเนื้อหนัง ก็คือ ตัวเก่า ชีวิตอาดัมที่ตกต่ำเสื่อมทรามแล้ว และเป็นของความบาป และความตายแล้ว
การร่วมมือกับพระเจ้าเพื่อพระองค์จะชนะเนื้อหนังได้ ก็คือการเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ และด้วยความเชื่อ แล้วก็ต้องจบลงด้วยพระวิญญาณ และด้วยความเชื่อเช่นกัน
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ล้มเหลวต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียน
เขาเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ และความเชื่อ แต่จบลงด้วยเนื้อหนัง
ซึ่งก็คือการพยายามทำดีเชื่อฟังด้วยเนื้อหนังเพื่อให้กลายเป็นคนชอบธรรม
การพยายามทำในสิ่งที่ทำไม่ได้
พระเจ้าต้องการให้พระคริสต์ก่อชีวิตมากขึ้นภายในเรา (กท 4:19)
เพื่อเกิดผลของชีวิตใหม่ทั้งหมดผ่านเรา (กท 5:22-23)
พระองค์ต้องการดำเนินชีวิตแทนเราและเราแค่ยอมให้พระองค์เคลื่อนไหวใช้อวัยวะทั้งหมดของเรา (ฟป 1:21/กท 2:20)
การที่พระวิญญาณจะชนะในเราได้ เราต้องสวมใส่อาวุธทั้งหมดที่พระเจ้าทรงประทานให้ เพื่อป้องกันการขัดขวางและต่อสู้ของซาตานซึ่งก็คือ...
a. เอาความจริงคาดเอว (คือพระคำแห่งความจริง ที่ไม่มีเชื้อผสม) (อฟ 6:15)
- เราเป็นคนบริสุทธิ์และชอบธรรมแล้ว เป็นคนใหม่แล้วโดยทางความเชื่อไม่ใช่ด้วยการทำดีเชื่อฟัง เราไม่ใช่คนบาปอีกต่อไปแล้ว
- เราอยู่ใต้พระคุณไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติ เราเป็นมนุษย์วิญญาณ
- พระคริสต์อยู่ในเรา พระวิญญาณอยู่ในเรา และพระบิดาก็อยู่ในเราตลอดไป
- เราแสวงหาอาณาจักร และความชอบธรรมของพระเจ้าเราพบแล้ว
และอีกมากมายหลายเรื่องที่เป็นความจริง เราเอาความจริงนี้คาดเอวเอาไว้
b. เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า (อฟ 6:15)
คือการประกาศเรื่องข่าวดี เรื่องพระเยซู เรื่องความรอด เรื่องสันติสุข
ไม่ใช่ประกาศเรื่องความมั่งมีฝ่ายร่างกาย พระเจ้าอวยพรให้ร่ำรวย
แต่เรานำสันติสุขมาถึงคนที่ไม่เชื่อ และเชื่อนานแล้ว แต่ชีวิตขาดสันติสุข
c. เอาความเชื่อเป็นโล่ เพื่อดับลูกศรเพลิงของซาตาน (อฟ 6:16)
คือการเดินด้วยความเชื่อ เชื่อเอา ไม่ใช่พยายามทำในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เราแล้ว
หรือพยายามเป็นในสิ่งที่เราเป็นแล้วในพระคริสต์
เราเริ่มต้นด้วยการเชื่อเอา และจบลงก็ด้วยการเชื่อเอา ไม่มีกระทำ
แต่เมื่อเราเชื่อมากขึ้น การกระทำที่มาจากภายใน คือการงานของพระวิญญาณก็จะปรากฏ
ลูกศรเพลิงของผู้ชั่วร้าย คือคำสอน ความเชื่อที่ผิดพระคัมภีร์
ที่ซาตานใช้ผู้เชื่อหรือพี่น้องคริสเตียนมาสอน มาบอกมาแนะนำเรา เขาไม่รู้ตัวว่าเขาเชื่อผิดสอนผิดแต่เพราะหวังดีต่อเรา
d. เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก (อฟ 6:17)
คือเชื่อว่าเรารอดแล้วรอดเลย อย่าถอดหมวกเหล็กนี้ออก การถอดก็คือการสงสัยลังเลใจ เมื่อมีคนมาบอกเราว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอต้องมีการกระทำไม่งั้นจะไม่รอด
ใช่...เมื่อเราเชื่อการกระทำก็จะตามมาไม่มากก็น้อย แต่การกระทำเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้รอด แต่มีไว้เพื่อยืนยันว่าเราเชื่อจริง
ความเชื่อที่ไม่ตายแล้ว จะต้องมีผลของการกระทำเกิดขึ้นแน่นอน ความเชื่อที่ไม่ตายจะต้องมีผลการกระทำที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่เราผู้เชื่อได้รับความรอดโดย การเชื่อความเชื่อเท่านั้น
ความรอดเป็นของขวัญ ไม่ใช่ค่าจ้างรางวัลเพื่อจะไม่มีใครอวดได้ (อฟ 2:8-9)
e. ถือพระแสงของพระวิญญาณ (อฟ 6:17)
คือสะสมมานาที่ซ่อนไว้ (อาหารผู้ใหญ่)
ทั้งมานาที่เปิดเผย (อาหารเด็ก)
เพื่อไม่ให้ซาตานใช้ใครมาหลอกเราให้หลงได้
เพราะเรารู้ว่าเราหลุดพ้นจากกฏเกณฑ์พระบัญญัติเข้าสู่การอยู่ใต้พระคุณและรับสุขทุกเวลา
อยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนใหม่ ไม่เหมือนที่เราอยู่ในระบบเดิมที่ชีวิตขึ้นลงๆ สุขทุกข์ ดีบาปๆ ใส่หน้ากาก และคิดว่ามีความเชื่อถูกต้อง
f. อธิษฐานทุกเวลาในทุกเรื่อง (อฟ 6:18)
เราอธิษฐานทุกเวลาในทุกเรื่อง กรีกก็คือ พูดคุยสนทนา บอกรัก สนิทในพระเยซูในวิญญาณไม่ออกมา
ขณะที่ทำงาน ขณะที่ทำกับข้าว เดินไปมา ขับรถ เราไม่หยุดสามัคคีธรรมกับพระเยซู
พระเยซูจะไม่ทิ้งเราอยู่นอกอาณาจักร เพราะเรารู้จักพระเยซูดี เพราะได้พูดคุยกับพระองค์ทุกวัน (มธ 7:21-23)
สำหรับการฝึกเดินที่จะประสบความสำเร็จและนำเรามาถึงชีวิตผู้ชนะได้ ก็คือ..
1. เราเดินตามแบบอย่างของเปาโล ซึ่งเปาโลประสบความสำเร็จ เราก็จะประสบความสำเร็จเหมือนท่าน
2. ก็คือการเรียนรู้เรื่องอาดัมต้องตาย เราต้องตาย เราต้องไปตายเสียก่อน เพื่อที่จะมีชีวิตใหม่ และเพื่อพระคริสต์จะทำแทนเรา ถ้าหากเราไม่ตายพระคริสต์จะมีชีวิตอยู่ในเราไม่ได้
3. เรียนรู้คำว่า สนิท คืออะไรกันแน่ การสนิท abide, stay, remain, live, living การอยู่ในพระเยซู ก็คืออะไรกันแน่
4. ก็คือการเรียนรู้ให้เข้าใจชัดเจน ขอพระวิญญาณเปิดเผยแก่เรา ก็คือคำว่า ชีวิต คืออะไรกันแน่
5. เรื่องการกินพระเยซู เพื่อให้เรามีกลิ่นของพระเยซู และเพื่อให้เรามีชีวิต และนิสัยของพระเยซูมากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน
6. เรื่องคริสเตียนเกิดมาเพื่อวิ่งแข่งให้ถึงเส้นชัย เราเกิดมาเพื่อวิ่งแข่ง
7. คริสเตียนฝ่ายวิญญาณและสิ่งที่เป็นด้านลบ เรากับด้านลบมีอะไรต่อกัน เราต้องตอบสนองต่อด้านลบที่เข้ามาอย่างไรและด้วยวิธีไหน
8. เราโฟกัสที่พระเยซู เราใส่ใจที่พระเยซู อย่าใส่ใจที่ปัญหา
9. การเดินด้วยความเชื่อ หรือเชื่อเอาคืออะไร
10. เรื่องการต่อสู้นี้ไม่ใช่ของข้า การต่อสู้นี้หรือสนามรบนี้ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราสวมอาวุธ แต่พระองค์เป็นคนต่อสู้ให้เรา อาวุธทั้งหลายก็คือมี 6 ประการ
• อาวุธประการที่ 1 เอาความจริงคาดเอว
• อาวุธประการที่ 2 เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า
• อาวุธประการที่ 3 ความเชื่อเป็นโล่เพื่อดับลูกศรเพลิงของซาตาน
• อาวุธประการที่ 4 เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก
• อาวุธประการที่ 5 ถือพระแสงของพระวิญญาณ
• อาวุธประการที่ 6 อธิษฐานทุกเวลาในทุกเรื่อง ซึ่งก็คือการสนิท พูดคุยสนทนากับพระเยซู อยู่ในพระองค์และพระองค์อยู่ในเรา เดิน ไป มา นั่ง นอน ขับรถ ทำกับข้าว ทำงาน ทำอะไรก็ตาม เราพูดคุยสนทนากับพระองค์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้พระองค์เกิดผลในเราอย่างมากมาย
เมื่อเราเป็นคริสเตียน ซาตานพยายามใช้ผู้นำ ผู้รับใช้ พี่น้องคริสเตียนด้วยกันเพื่อหลอกเรา และก็เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาหลอกเราให้หลงเชื่อในการแปลพระคัมภีร์ที่ผิด ตีความหมายพระคัมภีร์ผิด ทำให้ความเชื่อของเราออกไปจากความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า
เราเห็นแล้วน่ะว่าเมื่อก่อนเรารู้เราคิดว่า เราเป็นคนบาป เมื่อก่อนเราคิดว่าเราน่าจะไม่รอดถ้าหากเรายังทำบาปอยู่ เราคิดว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าๆ ออกๆ เราคิดว่าพระเยซูอยู่บนฟ้าสวรรค์ที่พระที่นั่งกับพระบิดา นานๆ ทีหนึ่งจะมาเยี่ยมบ้านเรา หรือมาเยี่ยมคริสตจักรตอนที่เรานมัสการในวันอาทิตย์ มีหลายความเชื่อมีการแปลความหมายที่ผิดเยอะมาก
และพระคัมภีร์เองนะครับผู้แปลผู้เขียนพระคัมภีร์ที่เป็นหลายๆ ภาษาทั่วโลก ก็คือแปลผิดทั้งหมด ภาษาอังกฤษก็ผิด คิงเจมส์ก็ผิด เอ็นไอวีก็ผิด ฉบับไหนก็ผิดทั้งหมด คือมีคำที่ผิดเยอะมาก
ถามว่าทำไม:
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ คือเขาพยายามแปลให้ได้ความหมายที่มีคำอธิบายให้ด้วยแล้วก็ชัดเจนกว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาแปลกลับกลายเป็นว่า ความหมายนะครับออกนอกความจริงของพระเจ้าไป ถ้าใครที่ซื่อสัตย์แล้วก็แปลพระคัมภีร์ตรงตามภาษาฮีรูบและภาษากรีกก็จะโอเค แต่เนื่องจากว่าผู้เขียนผู้แปลที่แปลพระคัมภีร์ผู้นำผู้รับใช้ทั้งหลายในสมัยก่อน เขาหวังดีต่อพวกเราต่อคริสเตียน ก็เลยคิดว่าคำไหนควรจะอธิบายไปด้วย ตามความคิดของอาดัม ตามความเข้าใจของเขา
ปรากฏว่าต่อมาถ้อยคำของพระเจ้าความจริงของพระเจ้ากลายเป็นเชื้อยีสต์ กลายเป็นความไม่จริง และเมื่อคริสเตียนอ่านพระคำของพระเจ้าควรจะเป็นชีวิต ฤทธิ์เดช ความจริง และเมื่อพระคำของพระเจ้าไม่เป็นความจริง ก็ไม่มีชีวิต และไม่มีฤทธิ์เดช และทำให้เราหลงทางตาบอด ไม่เดินในความสว่าง
เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงเตือนเราผ่านเปาโลว่า เมื่อเราได้รับถ้อยคำแห่งความจริงของพระเจ้า คริสตจักรเมืองเอเฟซัสเป็นคริสตจักรที่ได้รับพระคำล้ำลึก ได้รับมานาที่ซ่อนไว้ ได้รับคำสอนที่มาจากเปาโลที่พระเยซูสั่งสอนท่าน แล้วเปาโลจึงเตือนเขาว่า พวกท่านอย่าหลงกลมาร อย่าให้มารทำลายทำร้ายพวกท่านได้ วิธีป้องกันก็คือให้เราสวมใส่อาวุธ 6 ประการ ถ้าหากเราสวมใส่อาวุธ 6 ประการนี้ ซาตานแตะต้องเราไม่ได้เป็นอันขาด
• อาวุธประการที่ 1 เอาความจริงคาดเอว
อาวุธประการแรก ก็คือเอาความจริงคาดเอว ความจริงที่เราได้มาจากมานาที่ซ่อนไว้ นี่แหละคือพระคำแห่งความจริงที่ได้มาจากพระวิญญาณแห่งความจริง เอเมน ความจริง ในที่นี้ ก็คือเราเป็นคนบริสุทธิ์ เราชอบธรรมแล้ว (โรม 5:1) ด้วยความเชื่อ เรากลายเป็นคนชอบธรรม และได้รับสันติสุขจากพระเจ้า เอเมนขอบคุณพระเยซู
และในหนังสือหลายเล่มโดยเฉพาะ 1 โครินธ์ เปาโลเขียนถึงคริสตจักรเมื่อไหร่ เปาโลจะบอกว่า ถึงวิสุทธิชน หรือธรรมิกชน หรือกลุ่มผู้เชื่อพี่น้องคริสเตียนทั้งหลายผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่เขาขัดแย้ง แบ่งแยก แบ่งพรรค แบ่งพวก ทำผิดเรื่องทางเพศ มีปัญหามากมายในคริสตจักร พี่น้องหญิงก็ตีกัน ทะเลาะกัน ร้องส่งเสียงดัง แต่เปาโลยังเรียกพวกเขาว่า ผู้บริสุทธิ์
เรามาเรียนรู้เบื้องหลังค้นหาความจริงก็ได้พบว่า อ๋อ เราทั้งหลายบริสุทธิ์และชอบธรรมเนี่ย ก็คือเพราะเหตุพระโลหิตของพระเยซู พระองค์หลั่งไหลพระโลหิตและตายเพื่อไถ่บาปเรา และพระเจ้ายอมรับโดยเห็นแก่พระโลหิตจึงนับว่าเราเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์แล้ว และเราสวมชีวิตของพระคริสต์ พระคริสต์ปกปิดเราอยู่ เราจึงกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า เอเมน ความจริงนี้เรายึดไว้ คาดเอวไว้
ต่อมาเราเป็นคนใหม่แล้ว สองพันปีก่อนพระเยซูตายและฟื้นขึ้นมาจากความตาย แต่การตายของพระเยซูพระองค์นับเราเข้าไปตายกับพระองค์ด้วย เราไปค้นหาความจริงไม่ต้องเชื่ออาจารย์... ไม่ต้องเชื่อใคร เห็นพระคัมภีร์ข้อไหนเอามา ค้นหา อธิษฐานขอการเปิดเผยจากพระเจ้าเป็นการส่วนตัว และเมื่อพบแล้วเราเอเมนกับความจริงนี้เอาคาดเอวไว้ คาดเอวไว้
และขอบคุณพระเจ้าเราดำเนินชีวิตโดยทางความเชื่อ โอเค เชื่อยังไง? เชื่อเอาพระเจ้าทำสำเร็จแล้วเอเมน พระเยซูตายเพื่อไถ่บาปข้า ข้าไม่เห็นแต่ข้าเชื่อเอเมน ข้าได้บังเกิดใหม่แล้วเอเมนเชื่อ ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แล้วอยู่ในเราเอเมนเชื่อ คือเชื่อ เชื่อๆๆๆ ทั้งหมด เอาความจริงนี้เรื่องความเชื่อนี้คาดเอวไว้
ต่อมาเราอยู่ใต้ร่มพระคุณ ไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติ ห้ามแตะพระบัญญัติ ห้ามรักษาพระบัญญัติ แต่ให้พระเยซูคริสต์ดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระบัญญัติให้เรา เอเมน เอาความจริงนี้คาดเอวไว้
และพระคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี เราไม่ต้องทำอะไร พระคริสต์ดำเนินชีวิตอยู่ในเราเป็นคนทำ เป็นคนคิด เป็นคนพูด เป็นคนทำทุกสิ่ง เอาความจริงนี้คาดเอวไว้
ซาตานแตะเราไม่ได้ ซาตานจะหลอกล่อเราไม่ได้ แกเป็นคนบาป เราบอกว่ายังไง? จ้างก็ไม่เชื่อ พระคัมภีร์บอก (โรม 5:1) ข้าเป็นคนชอบธรรม เราเถียงมันได้ ใครมาบอกเราผู้นำคริสตจักรหรือว่าพี่น้องคริสเตียนที่เป็นห่วงเรามาบอกเรา แกยังเป็นคนบาปเพราะว่าเมื่อวานเห็นไปกินเหล้าอยู่ เราก็บอกว่าเอเมนในพระคริสต์ ต่อหน้าพระเจ้าเราเป็นคนชอบธรรมเพราะว่าพระคริสต์เป็นคนปกปิดซ่อนเราไว้ เอาความจริงเหล่านี้คาดเอว
• อาวุธประการที่ 2 เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า
อาวุธประการต่อมาเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ก็คือนำเรื่องพระเยซูคริสต์ เริ่มแรกนำข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์ไปถึงเขาเพื่อเขาจะได้รอด และความชื่นชมยินดีสันติสุขก็จะไปถึงเขา
และถ้าหากเขายังไม่มีสันติสุข เราประกาศเรื่องพระเยซูเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต ขอบคุณพระเจ้าที่มานาที่ซ่อนไว้มีเรื่องนี้พระเยซูเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต สันติสุขที่ไม่มีกระหายอีกเลย แล้วก็พระเยซูเป็นสะบาโตของเรา อันนี้เป็นสิ่งที่คริสเตียนมากมายไม่ได้พบ คือพระเยซูเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต เราแค่ได้ชิมบางครั้งตอนไปโบสถ์ อธิษฐาน นมัสการ อ่านพระคัมภีร์ ก็ได้ชิมสันติสุข แต่สันติสุขก็หายไปเมื่อเราออกจากพระคริสต์
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราเอาไปแบ่งให้เขา เอาไปประกาศให้เขา เอาสวมเป็นรองเท้า
• อาวุธประการที่ 3 ความเชื่อเป็นโล่เพื่อดับลูกศรเพลิงของซาตาน
อาวุธประการที่สาม เอาความเชื่อเป็นโล่ ขอบคุณพระเจ้าเราไม่พยายาม เราไม่ทำอะไร นี่แหละเป็นอาวุธสิ่งหนึ่งที่เราพูดในบทเรียนก่อนหน้านี้ ว่าเราเดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ จบลงก็ด้วยความเชื่อ และเอาความเชื่อนี้เป็นโล่ มีคนมาบอกว่า (ต้องพยายามรักษาพระบัญญัติ) เราเอาอะไรป้องกันไว้ "ความเชื่อ" เราเชื่อเราก็ชอบธรรมแล้ว เขามาบอกน่ะว่า (พยายามทำดีรักษาพระบัญญัติเชื่อฟังรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์) เราบอกว่าเราบริสุทธิ์แล้วเราเป็นผู้ชนะแล้วไม่ต้องพยายามเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะ แต่เราเป็นผู้ชนะแล้ว แล้วหลังจากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำความจริงของพระเจ้า คือการเป็นผู้ชนะ จิตใจใหม่ สันติสุข มาสู่เรา เอาความเชื่อเป็นโล่เดินด้วยความเชื่อ
• อาวุธประการที่ 4 เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก
อาวุธประการต่อมา ก็คือเอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก ให้ใครมาพูดกับเราว่า (แกจะไม่รอดถ้าทำบาปอยู่จะไม่รอด) มีบางคนบอกผมเมื่อเช้านี้น่ะว่า พี่น้องบางคนไปประกาศว่าเรารอดแล้วรอดเลย แต่คุณต้อม คุณต้อมนามสมมุติคนนี้ก็ถกเถียง ก็เถียงมาบอกว่าเราจะรอดแล้วรอดเลยได้ยังไง เพราะว่าในพระคัมภีร์วิวรณ์บอกว่าพระเจ้าจะลบชื่อของคริสเตียนออกจากหนังสือแห่งชีวิต แสดงว่าคริสเตียนก็มีโอกาสที่จะไม่รอดก็ได้
แต่เขาไม่เข้าใจ สำหรับหนังสือชีวิต หนังสือชีวิตในหนังสือวิวรณ์เป็นหนังสือที่มีชื่อของเราผู้เชื่อทุกคน เพื่อเข้าในอาณาจักรและเพื่อเข้าในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ แต่เมื่อคริสเตียนที่จะต้องถูกตีสอนในยุคพันปีอยู่ที่เกเฮนา เขาจะต้องถูกลบชื่อออกชั่วคราวก่อน เพื่อตีสอน เพื่อลงโทษ เพื่อทำให้เขาพร้อมที่จะเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เมื่อเขาพร้อม พร้อมแล้ว ถูกตีสอนแล้ว บ่มจนสุกงอมแล้ว ชื่อของเขาจึงปรากฏในหนังสือชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าจะลบชื่อเขาไปตลอดชั่วนิรันดร์ อย่าลืมน่ะพระเยซูตรัสว่า ไม่มีใครมาแย่งแกะไปจากมือของเราได้ เราเกิดแล้วก็เกิดเลย เรารอดแล้วก็รอดเลย ไม่มีใครมาแย่งชิงแกะไปจากมือของเราและของพระบิดา พระเจ้าสองคนน่ะพระบิดาและพระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์อีก สามคนน่ะจับมือเราไว้ ซาตานจะมาแย่งได้ไหม? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครมาแย่งแกะของพระองค์ไปจากพระองค์ได้เป็นอันขาด
และอีกอย่างเราถูกพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับตราเราให้ถึงความรอดในวันสุดท้ายแล้ว ประทับตรานี้ที่หน้าผากของเรามีพระนามของพระเยซู ถ้าใครมีตาทิพย์น่ะ ถ้าดูหน้าผากของพี่น้องที่อยู่ข้างๆ เราจะเห็นคำว่า เยซู อยู่ตรงนี้บนหน้าผาก เพราะว่าพระวิญญาณประทับตรา (อฟ 4:30) และขอบคุณพระเจ้า (อฟ 2:8-9) ความรอดเป็นมาโดยพระคุณทางความเชื่อ ไม่ใช่การกระทำ ไม่ใช่การปฏิบัติ เพื่อจะไม่มีใครอวดได้ มนุษย์ชอบอวด ข้าเก่ง ข้าชอบธรรม ข้าดี ข้ารักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ข้าๆๆๆๆ อะไรก็ข้าไปหมด
เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้เปาโลเขียนว่า ความรอดเป็นมาโดยพระคุณทางความเชื่อ ความเชื่อ เราเชื่อในพระเยซู เราเชื่อว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ ไม่มีการปฏิบัติไม่มี เพื่อที่จะไม่มีใครมาอวดต่อหน้าพระเยซูได้ว่าข้าพระองค์ก็ทำ ข้าพระองค์ก็มีส่วนในความรอดนี้ ไม่มี พระเจ้าเป็นคนไถ่คนเดียว พระเจ้าช่วยเราคนเดียว (แกไม่เกี่ยว ถ้าพระเจ้าจะพูดกับคนนั้น) ฝากคุณต้อมด้วยน่ะว่าถูกลบชื่อออกจากหนังสือชีวิตเพื่อเขาจะถูกตีสอน ถูกบ่มให้สุกงอมที่เกเฮนาเป็นเวลาพันปี หลังจากนั้นคุณสุกงอมหรือยัง คุณพร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมโอเค เอาชื่อของคุณมาใส่ในหนังสือชีวิตใหม่ แล้วเอาคุณเข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
คริสเตียนมากมายไม่เข้าใจตรงนี้ เราถูกลบชื่อออกชั่วคราวได้เพราะว่าเราต้องถูกตีสอนต้องบ่มให้สุกงอมก่อน เราเข้าใจน่ะ
(ก่อนที่เราจะไปต่อเรื่องอาวุธประการต่อไป มีพี่น้องบางท่านถามผม บางคนบอกว่า)
เพื่ออะไร?
ไม่ใช่เพื่อการเป็นคนบริสุทธิ์ การถูกชำระให้กลายเป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อการเป็นคนบริสุทธิ์ และการเปลี่ยนใหม่ของพระเจ้า การทำแทนของพระคริสต์ในเรา พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ไม่ใช่เพื่อที่จะให้เราเป็นคนชอบธรรม ไม่ใช่เป้าหมายของพระเจ้า ไม่ใช่
และการที่จะนำเราเข้าสู่สง่าราศีอย่างครบ ก็คือเรามีร่างกายใหม่ มีวิญญาณใหม่ มีจิตใจใหม่ ครบทุกประการ ไม่ใช่เพื่อที่เราจะรอด หรือเพื่อที่เราจะเป็นคนที่มีสง่าราศี ไม่ใช่
พี่น้องที่รัก ข้อลึกลับของพระคริสต์อยู่ตรงนี้ หลายคนไม่รู้จักข้อลึกลับของพระคริสต์
ข้อลึกลับของพระคริสต์คืออะไร?
เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ผ่าน Justification พระเจ้าพอใจในชีวิตของเราโดยพระโลหิตของพระเยซู เราชอบธรรมและบริสุทธิ์แล้ว "เพื่อคริสตจักร" เราถูกชำระให้กลายเป็นคนใหม่ มีพระคริสต์ทำแทนอย่างครบแล้ว เป็นผู้ชนะเลิกทำบาปได้แล้ว "เพื่อคริสตจักร"
เรามีสง่าราศีอย่างครบ ร่างกายใหม่ จิตใจใหม่ วิญญาณใหม่ ใหม่หมดทุกอย่าง เพื่อ เพื่อตัวเราเองหรือว่าเพื่อใคร? "เพื่อคริสตจักร" พระเยซูต้องการคริสตจักรเที่ยงแท้ ที่มีความบริสุทธิ์ ชอบธรรม มีการทำแทนของพระเยซูเต็มในคริสตจักร ใครเข้ามาก็เห็นพระเยซู
ผมมองเห็นพี่น้องคนนี้ ก็เห็นพระเยซูในเขา เขามองเห็นผม และเขาก็เห็นพระเยซูในผม เราแต่ละคนมองหน้ากัน มองกัน ดูกัน เห็นพระเยซู พระเยซู พระเยซู พระเยซูทั้งหมด นี่คือเป้าหมายของพระเจ้าที่ชำระเราให้ผ่านการ Justification, Sanctification และ Glorification เอเมน
ชีวิตของเราทุกวันนี้พระเจ้าก่อขึ้น พระเจ้าทำงาน พระเจ้าช่วยเราให้มาถึงชีวิตผู้ชนะเพื่อใคร? เพื่อพระกายของพระเยซู เพื่อคริสตจักร พระเจ้าต้องการ "คริสตจักรเที่ยงแท้ในโลกนี้"
ทุกวันนี้ไม่มีคริสตจักรเที่ยงแท้ ยังไม่มี แต่ขอบคุณพระเยซู คริสตจักรเที่ยงแท้มองดูที่เราสิ มองดูพี่น้องข้างๆ นี่เเหละคริสตจักรเที่ยงแท้
ถามว่าทำไม?
เราเชื่อว่าเราชอบธรรมแล้ว บริสุทธิ์แล้ว ผ่าน Justification และขอบคุณพระเยซูเราเชื่อทุกวันนี้ว่าพระเยซูทำแทนเราแล้วผ่าน Sanctification โอ้ เอเมน ขอบคุณพระเจ้าเราได้รับ Glorification สง่าราศีของพระคริสต์ทำแทนผ่านแทน ทุกคนมองดู มองดูกันและกันเห็นสง่าราศีของใคร? ของตัวเราเองหรือว่าของพระคริสต์? ของพระคริสต์น่ะ สามสิ่งนี้เราผ่านมาแล้วพระเจ้าทำงานแล้ว
เพราะฉะนั้นสามสิ่งนี้ เพื่อคริสตจักร เพื่อพระกายเที่ยงแท้
เราเข้ามาแต่ละวัน (สัมมนา) สามวันเราเห็นพระเยซูผ่านพวกเราไหม นี้คือเป้าหมายที่พระเจ้าต้องการ
เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก ใครก็บอกว่าไม่รอดเนี่ย อย่าไปเชื่อ เพราะว่าเรารอดแล้วรอดเลยเอเมน
• อาวุธประการที่ 5 ถือพระแสงของพระวิญญาณ
อาวุธประการต่อมา ก็คือถือพระแสงของพระวิญญาณ พระคำพระเจ้าทุกวันนี้ขอบคุณพระเยซู เรามีพระคำที่เป็นความจริงที่ได้มาจากพระวิญญาณแห่งความจริง เรามีความจริงของพระเจ้า เรายึดไว้เป็นพระคำเป็นพระแสง ใครจะมาบอกเราว่า ใครจะมาชักชวนเราว่าไปฟังคนนี้ไปเชื่อคนนี้ ถ้าหากเราฟังแล้วไม่ใช่มานาที่ซ่อนไว้ไม่ใช่ความจริงของพระเจ้า เราไม่รับ
เอาพระคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงไปแทงเขา ไม่ใช่ไปตบไปตีไปแทงกับเขาจริงๆ ก็คือไปพูดกับเขา นี่น่ะเราเป็นคนชอบธรรมแล้วน่ะ พระคริสต์สถิตอยู่ในเราแล้วน่ะ พระวิญญาณอยู่ในเราไม่ออกไปไหนน่ะ เราเป็นผู้ชนะแล้ว พระเยซูเป็นผู้ที่จะดำเนินชีวิตแทนเราเพราะว่าเราทำเองไม่ได้ เราอยู่ใต้พระคุณ ไม่ใช่อยู่ใต้พระบัญญัติ สิ่งเหล่านี้คือพี่น้องโดนผมแทงมาหลายปีไม่รู้ตัว
นี่คือการแทงโดยใช้พระแสงของพระวิญญาณ ผมใช้มานานหลายปี อัดคลิปน่ะแล้วก็แทงๆๆๆๆ พี่น้องหลายคนถูกแทงโดยพระแสงของพระวิญญาณ เราต้องเอาพระแสงนี้ไปแทงคนอื่นต่อ เพื่อให้เขากลับมา การแทงของพระเจ้าโดยใช้พระแสงคือพระคำ ไม่ใช่แทงให้เขาเจ็บปวดแล้วตาย เราแทงให้เขามีสันติสุข มีความหวัง และได้ชีวิต ดาบมีดน่ะไปแทงให้คนปุ๊บเขาตาย แต่พระคำพระเจ้าที่เป็นพระแสงไปแทงกลับมีชีวิต สรรเสริญพระเยซู
ขอบคุณพระเจ้าเรามีพระแสงนี้น่ะแทงไป มีพี่น้องหลายคนที่แทงอยู่ก็แทงไปเรื่อยๆ น่ะ ขอบคุณพระเจ้าหลายคนก็ได้ยิน รับชีวิต เพิ่มชีวิตขึ้นมา
• อาวุธประการที่ 6 อธิษฐานทุกเวลา
อาวุธประการสุดท้าย ก็คืออธิษฐานทุกเวลา นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ เปาโลหนุนใจเราและเปาโลใส่ใจในเรื่องการอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ เราเคยได้ยินคลิปที่ผมพูดใช่ไหมว่า การอธิษฐานภาษากรีกแท้ที่จริงคือ พูดคุย คำว่า พูดคุย กับคำว่า อธิษฐาน ไม่เหมือนกัน
- คำว่า พูดคุย ก็คือต้องมีสองคนหรือสามคนอยู่ด้วยกัน จึงพูดคุยสนทนากันได้
- แต่คำว่า อธิษฐาน ก็คือเรานั่งเราหลับตาแล้วก็อธิษฐานบ่นพึมพรำ พอเสร็จเราก็ไป เรียกว่า อธิษฐาน คนฟังจะฟังหรือไม่ ไม่รู้ คนฟังจะตอบคำอธิษฐานหรือไม่ ก็ไม่รู้
แต่นี่ความหมายของภาษากรีก คำว่า อธิษฐาน ในพระคัมภีร์ใหม่ทุกข้อเรียกว่าการพูดคุยสนทนา ก็คือเราพูด เราเชื่อว่าพระเจ้าฟังอยู่ เราพูดเราเชื่อว่าพระเจ้าจะพูดกับเรา และคุยกันคุยกันไปคุยกันมา "เรารอฟัง เราพูดไป เรารอฟัง เราพูดไป" ไม่ใช่พูดๆๆๆๆๆ พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ โอ้วันนี้อากาศดี โอ้วันนี้เป็นอย่างนี้ โอ้วันนี้เป็นอย่างนั้น พูดๆๆๆๆๆ ไม่ให้โอกาสพระเจ้าเลย อันนี้ก็ไม่ได้น่ะ
เพราะฉะนั้นคำว่า อธิษฐาน เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ คือพูดไป แล้วหยุดนิ่งรอฟัง อ่านพระคัมภีร์ อ่านความรู้ฝ่ายวิญญาณในมานาที่ซ่อนไว้ หรือฟังอะไรบางอย่าง เพื่อรอพระเจ้าตอบเรา นี่คือการพูดคุยที่แท้จริง ไม่ใช่พูดๆๆๆๆๆ พูดไปๆๆๆๆๆ ไม่ยอมหยุด อันนั้นก็ไม่ได้น่ะ เอเมน!!!
และสิ่งที่สำคัญ เราควรจะอธิษฐานก็คือพูดคุยสนทนากับพระเยซู สนิทในพระเยซู อยู่ในพระเยซู เพื่อเราจะไม่ต้องถูกหลงกลมาร เอเมน
และคนที่ต่อสู้ไม่ใช่เรา พระเจ้าเป็นผู้ต่อสู้ สนามรบนี้การต่อสู้นี้ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระเยซูกับตัวบาป เป็นของพระเยซูกับเนื้อหนัง เป็นของพระเยซูกับชีวิตเก่า เป็นของพระเยซูกับซาตาน เราไม่เกี่ยว หน้าที่ของเราคือสวมอาวุธครบทุกประการ เพื่อไม่ให้ซาตานมาแตะเราไม่ให้ซาตานมาทำร้ายเราได้ แต่คนที่ต่อสู้ก็คือพระเจ้าเป็นคนต่อสู้ เอเมน
ขอบคุณพระเยซูเป็นชีวิตที่ง่าย เป็นชีวิตที่ดี คือดีมากๆ เราไม่ต้องทำอะไรและเราก็ไม่ต้องไปต่อสู้กับใคร เราเก็บเกี่ยวผลที่พระเยซูเป็นคนทำ มันสบายมากๆ เลย มีคนหนึ่งทำ แล้วมีคนหนึ่งไปเก็บเกี่ยว อันไหนดีกว่ากัน แน่นอนชีวิตที่เก็บเกี่ยวชีวิตที่ได้กำไร คนที่ลงทุน คนที่ทำ คนที่กระทำทุกสิ่งเพื่อเรา ก็คือพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์รักเรา รักเรามาก จนให้เราทำทุกสิ่งได้ทุกสิ่ง โดยการเชื่อเอา เพียงแต่เรารักษาชีวิตของเราไม่ให้มารมาแตะต้องซาตานมาล่อลวงเราให้ออกไปจากความเชื่อ ออกไปจากชีวิตที่พระองค์จะก่อขึ้น ให้พระเยซูเป็นคนต่อสู้ เราสวมเกาะสวมอาวุธยุทธภัณฑ์ครบทุกประการ
เอาความจริงคาดเอว เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขสวมเป็นรองเท้า เอาความเชื่อเป็นโล่ แล้วก็เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก ถือพระแสงของพระวิญญาณเอาไว้เพื่อต่อสู้กับมาร และอธิษฐานทุกเวลาในทุกเรื่อง
อีกอันหนึ่งน่ะการถือพระแสงของพระวิญญาณ การพูด การตอบโต้ การตอบคำถาม การถกเถียง ทุกสิ่งเราพูดได้เราตอบได้ แต่ถ้าหากว่าเขาไม่เปิดใจ ถ้าหากว่าเขาไม่เปิดใจ เขาพูดมาครั้งหนึ่ง เราพูดไป เขาไม่รับเขาเถียงมาอีก ครั้งที่สองเขาไม่รับ เขาพูดมาอีกครั้งที่สาม ครั้งที่สามเราหยุด เราชวนไปกินข้าว เราชวนคุยเรื่องอื่นพระคัมภีร์ข้ออื่น เราไม่จำเป็นต้องไปถกเถียง เอาความรักอยู่กับเขาก่อน การหยุดเถียง แต่ความรักยังอยู่กับเขา ให้เขาสัมผัสความรัก ให้เขาเห็นชีวิตพระคริสต์ การเป็นพี่เป็นน้องในพระคริสต์อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เดินหนีแล้วแบบดูหน้ามองหน้ากันไม่ได้ อันนั้นก็ผิด
การต่อสู้นี้ไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของพระคริสต์ แต่เราสวมอาวุธยุทธภัณฑ์ครบทุกประการ 6 ประการ เพื่อที่จะไม่ให้มารซาตานแตะเราทำร้ายเรา และดึงเรานำเราออกจากการก่อขึ้นของพระเยซูในแต่ละวันได้
แต่ก่อนเราไม่เข้าใจใช่ไหมว่าเอาความจริงคาดเอวคืออะไร เราก็คิดว่าเอาพระคัมภีร์ทั้งเล่มนี่แหละคือความจริง แล้วก็มาคาดเอวไว้ แล้วคาดเอวยังไงเราอาจจะไม่เข้าใจอาจจะสับสน เอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า คิดว่าพระเจ้าให้เราทุกคนไปประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่.
คือสำหรับเรื่องความรอดจริงๆ แล้วความรอดไม่ได้สำคัญอะไร สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้มนุษย์เป็นคนชอบธรรม ความชอบธรรมเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากมนุษย์ เพื่อให้พระเจ้าพอใจ ถ้าหากเราชอบธรรมเรารักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ พระเจ้าก็พอใจในตัวเรา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Justified - Justified ก็คือพอใจ
การเป็นคริสเตียนหรือการเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าจะพอใจ ก็คือคนนั้นต้องเป็นคนชอบธรรม
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นบาทหลวงชื่อ มาร์ตินลูเธอร์ เขาเป็นคนที่คิดบาปทำบาปบ่อยมาก เมื่อเขาบวชเป็นพระของศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เขาไปสารภาพบาปทุกวันไปตลอดไปบ่อยมาก แล้วก็เขาก็เสียใจขอพระเจ้าเมตตา ยกโทษ แล้วก็ช่วยเขา เขาอยากเลิกทำบาป แต่ก็เลิกไม่ได้ กลับไปก็คิดบาปแล้วก็กลับมาสารภาพ กลับไปคิดบาป สารภาพ เนื่องจากว่าเขาต้องการเป็นคนชอบธรรม เขาต้องการที่จะเลิกทำบาปให้ได้ แล้วเขากลัว กลัวว่าจะไม่รอดกลัวจะตกนรก คือเป็นความเชื่อในสมัยนั้น
แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาไปคุยกับบาทหลวงที่เป็นผู้นำของโบสถ์ โบสถ์นั้น แล้วบาทหลวงปรากฏว่าคือจริงๆ แล้วเขารำคาญ เขาไม่อยากให้มาร์ตินลูเธอร์มาที่โบสถ์เพื่อสารภาพบาปบ่อยๆ เขารำคาญน่ะ ก็เลยบอกว่าคืออยากจะส่งไปที่อื่น เขาก็บอกว่าไปเรียนศาสนศาสตร์ ไปเรียนโรงเรียนพระคัมภีร์ ซึ่งถ้าได้ความรู้เยอะกว่านี้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตได้เขาก็แนะนำไปแบบนั้น เพื่อที่จะให้มาตินลูเธอร์ออกจากที่นี่เพราะว่ารำคาญ
หลังจากนั้น คือมาร์ตินลูเธอร์ก็ไปเรียน ไปขอการเปิดเผยจากพระเจ้า อธิษฐานขอความจริงปรากฏกับเขา ในที่สุด เขาได้เรียนรู้เรื่องพระโลหิตของพระเยซู การได้กลายเป็นคนชอบธรรมแท้ที่จริงไม่ใช่การปฏิบัติ ไม่ใช่การพยายาม ไม่ใช่การรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ไม่ใช่การอดอาหาร เฝ้าเดี่ยวไม่ใช่เลย ไม่ใช่ แต่โดยพระโลหิตของพระเยซูเราทุกคนได้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว พระเจ้าพอใจแล้ว นี่คือที่มาของการได้รอด
เราไม่กลัว ว่าจะไม่รอดหรือรอดหรือยังไง แต่เรากลัวสิ่งเดียวก็คือเราต้องเป็นคนชอบธรรม เพื่อพระเจ้าจะพอใจและให้เราได้รอด เข้าใจน่ะ สิ่งที่พระเจ้าต้องการไม่ใช่ให้เรารอด แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการก็คือให้เราเป็นคนชอบธรรม เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมไม่ได้ เราก็ต้องอาศัยพระเยซูเป็นคนชอบธรรมให้เรา และสิ่งที่จะลบล้างจ่ายหนี้บาปของเราที่เราชอบธรรมไม่ได้ ก็คือพระโลหิตของพระเยซู
"อ่ะ เลือดของข้าพระองค์ อ่ะ พระบิดาเอาไป จ่ายหนี้ให้เขา ที่เขาทำไม่ได้ และข้าพระองค์จะเป็นคนชอบธรรมให้ ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดาให้ พระบัญญัติสิบประการทำได้หมดรักษาได้หมด นี่พอใจหรือยัง"
พระเจ้าพอใจมากและรับเลือดพระโลหิตของพระเยซูเพื่อที่จะให้เรากลายเป็นคนชอบธรรม สุดท้ายพระเจ้าพอใจในชีวิตของคริสเตียนของผู้เชื่อ และให้เราเป็นคนชอบธรรมและผลตอบแทนก็คือความรอด
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า เราทุกวันนี้รอดแล้วรอดเลย ขอให้มั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจเรามาเรียนรู้พระคัมภีร์มีเต็มข้อพระคัมภีร์ที่สนับสนุนเรื่องรอดแล้วรอดเลย แล้วก็มาคุยกันได้ คุยกับผมได้ แต่ก่อนผมก็กลัว กลัวว่าจะไม่รอด ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ดีบาปเนี่ยกลัวมาก แต่สุดท้ายขอบคุณพระเยซูเบาสบายไม่กลัวและก็ไม่กลัวพระเจ้าด้วย และขอบคุณพระเยซูที่เมื่อแต่ก่อนทำไม่ได้ ตอนนี้เอเมนสรรเสริญพระเยซู ทุกสิ่งพระเยซูทำแทน มันง่ายมาก มันสบายมาก มันดีมากๆ
อีกครั้ง... คนหนึ่งทำ คนหนึ่งเป็นคนเก็บเกี่ยว เราเป็นคนเก็บเกี่ยว พระเยซูเป็นคนทำ เพราะว่าพระองค์รักเรา เอเมน