ถาม.
ขอถามคำถามค่ะ ถ้าสมมุติว่าดิฉันเป็นผู้เชื่อที่อยู่ในบ้าน แล้วลูกหลานสามียังไม่เชื่อ อย่างงี้เราทำยังไงค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรานะครับที่มีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้เป็นคริสเตียนเหมือนเรา ในเมื่อพระเจ้านะครับอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เราทำตัวในลักษณะของคนที่อยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ที่อยู่ร่วมกับเขาที่เป็นอาณาจักรของอาดัม เราแสดงความรัก เราทำดี ก็เหมือนกับคนๆ หนึ่งที่อยู่กับมนุษย์ที่ไม่เชื่อพระเจ้าที่อยู่ในโลกนี้
เราทำหน้าที่ของเราที่เป็นภรรยา ทำหน้าที่เป็นแม่ ทำหน้าที่ที่ดีที่สุด เป็นคริสเตียนนะครับก็คือส่องสว่าง เป็นเกลือ เป็นความสว่างให้เขาเห็น และทำเท่าที่จะทำได้ ทำตามขนาดของความเชื่อ
สิ่งสำคัญนะครับเราอย่าไปบังคับเขา และเราก็ฟังเขา แต่คือไม่รับเข้ามา เราอาจจะฟังเพื่อเหตุผลที่สร้างความสัมพันธ์ผูกพันที่ดีอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พระเจ้าให้เรารักทุกคน เคารพทุกคน เขาจะเชื่อเขาจะถือเขาจะนับอะไรก็แล้วแต่เขา แต่สำหรับเวลาของพระเจ้าพระองค์มีเวลา เราสำแดงความรัก เราอยู่เพื่อสำแดงความรัก เพียงแต่ว่าอธิษฐานเผื่อเขา รอให้ถึงเวลาที่พระเจ้าจะนำเขาเข้ามาเชื่อ อาจจะช้าหรือเร็ว หรืออาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อันนี้ก็แล้วแต่น้ำพระทัยของพระเจ้า
อย่าลืมนะครับพระเจ้าเป็นคนเลือกเอาไว้แล้วว่าใครจะรอดหรือไม่รอด มาเชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่ถามเราเองนะครับทุกวันนี้ พระเจ้าต้องการให้เราถามว่า เราเป็นคริสเตียนที่ดีพอหรือยังสำหรับพระเจ้า เอเมน
สำหรับบางคนนะครับ ผมเห็นมีหลายๆ ครอบครัวที่เขาอยากให้คนหนึ่งมาเชื่อ แต่เชื่อไหม เขาอธิษฐาน อธิษฐานๆๆๆๆ นะครับ แต่ไม่นานต่อมาอีกคนหนึ่งก็เชื่อ คนที่อยู่ในครอบครัวนั่นแหละ อันนี้เราเลือกไม่ได้ เพียงแต่เรานะครับอธิษฐานเผื่อ เมื่อใครที่พระเจ้าเป็นคนเลือกเอาไว้ไม่ช้าไม่นานเขาก็จะมาหาพระเจ้าครับ
จำกันได้ไหมหลายครั้งที่พระเจ้าตรัสผ่านเปาโลและเปโตรและสาวกบางคน พระเจ้าทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะสร้างโลก (อฟ 1:4) ตั้งแต่เขายังไม่เกิดเลยน่ะ เอเมนพระเยซู
...
ถาม.
ครอบครัวของเรายังไม่เชื่อ พ่อ แม่ พี่ น้อง เหล่านี้ค่ะ เราจะอธิษฐานเผื่อเขาอย่างไรคะ
ตอบ.
"ขอพระบิดาเมตตา พี่ น้อง พ่อ แม่ ของข้าพระองค์" ทางสายเลือดนะครับ "ขอพระองค์เมตตา ขอให้ความรักขอพระคุณมาถึงชีวิตของพวกเขา และขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ เอเมน"
เราอาจจะเป็นห่วงนะครับเราอาจจะกังวลเป็นทุกข์ได้นิดหน่อย แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แบบต้องหนักใจ เพราะว่าจะเป็นยังไงใครจะรอดไม่รอด ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ใครจะรอดไม่รอด ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ก็อยู่ที่พระเจ้า และสำคัญที่สุดนะครับเราอาจจะคิดว่าพ่อแม่ครอบครัวของเรามีความผูกพันสัมพันธ์กับเรามากสำคัญมากๆ แต่มนุษย์ทุกคนเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา เป็นเหล่าบุตรทั้งหลายของพระเจ้าทั้งเชื่อและไม่เชื่อ พระเจ้ารักทุกๆ คน
แต่เนื่องด้วยจิตใจที่อาจจะถ่อมใจแสวงหาพระเจ้า พระองค์ก็นำคนนั้นมาถึงพระองค์ แต่สำหรับคนที่ไม่แสวง ก็ช่วยไม่ได้นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหน้าที่ของเรานะครับ ดีแล้วที่ถามครับขอบคุณพระเจ้า ก็คือเราอธิษฐานเผื่อ อธิษฐานเผื่อเป็นประจำอยู่เสมอสำหรับคนที่อยู่ใกล้ชิด คนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก เพื่อพระเจ้าจะนำเขามาผ่านคำอธิษฐานของเรา เอเมน
...
ถาม.
พอดีสมัยที่ผมเป็น ค.ต ศาสนา ถูกปลูกฝังว่าเราต้องรับผิดชอบ คือต้องเสนอรายงานต่อพระเจ้าน่ะ คือถ้าเราไม่ประกาศ ทำให้คนรอบข้างญาติพี่น้องของเราตกนรก คือเราต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้า อันนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องไหมครับ
ตอบ.
เป็นคำสอนที่ผิดนะครับ
ผมก็เคยได้ยินคริสตจักรบางแห่งเคยพูดว่า ผู้นำนั่นแหละบอกว่า เราอยู่ในครอบครัวไหน ครอบครัวนั้นก็คือความรับผิดชอบของเรา เราต้องช่วยเขาให้มาถึงพระเจ้าให้มาถึงพระเยซูคริสต์ ถ้าไม่อย่างงั้นเราจะพินาศ หรือถ้าไม่อย่างงั้นเราจะถูกลงโทษ อันนี้ไม่จริงนะครับไม่จริง ในพระคัมภีร์ไม่มีตอนไหนที่บอกแบบนี้ ไม่มีครับ
เพียงแต่เรารักทุกคน รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง รักครอบครัว ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความรัก ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนอกจากนั้นก็คือเป็นเรื่องของเขากับพระเจ้าครับ เอเมน
เราจำกันได้น่ะว่าเปาโลเคยพูดใช่ไหม ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติก็จะมาถึงข้าพเจ้า (1 คร 9:16) แล้วผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ทั่วโลกนะครับก็คิดกันว่าเราต้องประกาศถ้าไม่อย่างงั้นก็จะพินาศ แต่จริงๆ แล้วคำว่า วิบัติ ตรงนั้น ก็คือเปาโลเป็นคนพูดสำหรับเขาเอง ไม่ใช่สำหรับพวกเรา
คือเรารู้แล้วว่าตอนนี้ ของประทานที่พระเจ้าให้ การประกาศข่าวประเสริฐไม่ใช่ให้ทุกคน ของประทานในการรักษาโรคพระเจ้าไม่ได้ให้ทุกคน ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องไปวิ่งไปวางมือให้ รักษาโรคให้ ให้หายให้ได้ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่ไล่ผีได้ จะไล่ทั้งวันทั้งคืนไล่เป็นปีก็ไม่มีออกนะครับถ้าเราไม่มีของประทาน
เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของ ของประทาน พระเจ้าให้ใครคนนั้นก็ประกาศได้ เราจึงไม่ควรน้อยใจหรือกลัวพระเจ้านะครับ กลัวมากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ ประกาศไม่ได้สักคนหนึ่งก็เลยกลัว อันนี้ไม่จริงครับ เราต้องดูที่ว่าพระคำพระเจ้าข้ออื่นๆ นะครับบอกว่าคนนี้มีของประทานประกาศ คนนี้มีของประทานในความเชื่อ คนนี้มีของประทานอะไร เขาก็ใช้ของประทานนั้นๆ ครับ