เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์รักเรา เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลือกเรา เราเป็นเพียงกลุ่มคนส่วนน้อยที่ได้มีโอกาสได้เข้าถึงพระคำที่แปลถูก ซึ่งคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ปัญหาก็คือ ยังมาไม่ถึงความจริง และพระเยซูต้องการให้ทุกคนที่เชื่อมาถึงความจริง
เพราะฉะนั้นในยอห์นบทที่ 17 เราจะเห็นพระเยซูขอพระบิดาให้ชำระด้วยพระคำที่เป็นความจริง เนื่องจากว่ามีการแปลผิด มีการเข้าใจผิด พระเยซูพูดบ่อยในหนังสือมัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น ว่าท่านเข้าใจหรือสิ่งที่เราพูด ท่านเข้าใจไหม ท่านเข้าใจหรือ ท่านเข้าใจหรือ do you understand
พระเยซูถามบ่อยมาก ทำไม? เพราะว่าเขาไม่เข้าใจ ถ้อยคำของพระเจ้าเขียนโดยพระวิญญาณ แต่หูของอาดัมฟังไม่ได้ นี่คือประเด็น นี่คือปัญหาที่ทำให้ คริสต์ กลายเป็นศาสนาไปแล้ว ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
พระเยซูมาเพื่อให้ชีวิต ไม่ได้มาเพื่อให้เราปฏิบัติศาสนา พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตและรับใช้ในรูปแนนชีวิต ไม่ใช่รูปแนวศาสนา
เพราะฉะนั้นเมื่อใดคนหนึ่งนับถือศาสนา เขาจะคิดถึงแต่เรื่องผิดถูก,ผิดถูก ทำดี,ทำดี ทำชั่วใช่ไหม สองสิ่งนี้ ผิดถูกกับทำดีทำชั่วเป็นสิ่งที่เขาจะมองและเห็นก่อน เขาไม่สนใจเรื่องความผูกพัน ความสัมพันธ์กับใคร กับอะไรทั้งนั้น คือปฏิบัติเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ จากการนับถือจากการปฏิบัติของเขา
แต่เราขอบคุณพระเยซูเรามาถึงจุดนี้ ที่เราได้เห็นว่าพระเยซูนำชีวิตและนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์มาให้เรา เพื่อเราจะดำเนินชีวิตในพระคริสต์และอยู่ในรูปแนวชีวิต
...
ถ้าหากคุณยังมองพี่น้องทุกครั้งที่เราเห็นกัน เราเห็นพี่น้อง เห็นใครบางคน เชื่อไหมคริสเตียนส่วนมากที่ยังมาไม่ถึงมานา อันนี้รับรองเลยเราจะมองกันตรงที่ภายนอก ถูกไหมครับ และจะมองตรงที่ความผิดที่เขาเคยทำผิดหรือเขากำลังทำผิดอยู่ ถ้าเห็นใครบางคนก็บอกว่า เออ.. คนนี้เคยเป็นอันนี้อันนั้น เคยเป็นแบบนี้แบบนั้น อ๋อ.. คนนี้ไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น คือมันจะเด่นชัดมากต่อสายตาของเขา ผมก็เคยเป็น เราก็เคยเป็น ทุกคนก็เคยเป็น เนื่องจากว่านี่คือระบบศาสนา เป็นรูปแนวศาสนา
เพราะฉะนั้นเรามองไปในคริสตจักร เราเห็นใครก็ตามสิ่งแรกที่เราจะมองก็คือคนนั้นดีหรือไม่ดี ทำอะไรมาบ้าง ทำชั่ว ทำผิด ทำถูก แต่พระเยซูสั่งโดยพระวิญญาณตรัสผ่านเปาโล เราจะไม่มองใครที่เป็นมนุษย์ เราจะไม่มองใครในด้านเนื้อหนัง แต่เรามองทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์เป็นคนใหม่ทั้งนั้น
...
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับหลักการใหม่ กฎเกณฑ์ใหม่ ข้อบังคับใหม่ พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ซึ่งถามว่าดียังไง? โอ้.. มันดีมากครับ ถ้าหากเราไม่สนใจความผิดของใคร เราไม่ไปสนใจเรื่องของชาวบ้าน เราไม่ไปใส่ใจเรื่องความผิด ความถูก ความดี ความชั่ว การกระทำของคน เราไม่ดูคนภายนอก แต่เราดูฝ่ายวิญญาณในพระคริสต์
คือมันจะมีจิตใจที่สงบสุขมากๆ เป็นจิตใจที่ประเสริฐมาก เป็นจิตใจที่มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต้องการ เพราะว่าอะไร? คือเราจะอยู่ที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ที่ไม่น่าอยู่มันก็เป็นสวรรค์บนดินสำหรับเรา
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามาถึงบทเรียนที่ล้ำค่ามีราคาสูงมาก แต่พระเจ้าให้เราฟรีๆ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซูตรัสว่า หูที่ได้ยิน ตาที่ได้เห็น ก็เป็นสุข
ซึ่งคำว่า เป็นสุข ในที่นี้ ภาษากรีกแปลได้สองคำ 1. เป็น 2. ชื่นชมยินดี ภาษาอังกฤษ bless ภาษาไทยก็คือพระพร พรสวรรค์ พระพร ของขวัญ ซึ่งถ้าหากใครที่ได้ถูกเปิดตา ก็เข้าสู่พระพรที่มีเต็มล้นในพระเจ้าที่พระเจ้าประทานให้เรา และเอเฟซัส บทที่ 1 ข้อที่ 3 ย้ำว่าเราได้รับของประทาน พระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว สรรเสริญพระเจ้า
คุณไม่ต้องขอสันติสุข คุณไม่ต้องขอให้บังเกิดใหม่ คุณไม่ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์มาสถิตอยู่ คุณไม่ต้องขอกำลังเสริม คุณไม่ต้องขออะไรที่คุณขาดอยู่ เพราะว่าในคุณ ในเรา ในผม ในทุกคนพระเยซูให้เราแล้ว ชีวิตนี้เราไม่ได้ต้องการอะไรแล้วนะ คือขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เมตตาเรา รักเราและให้เราในสิ่งที่เราปรารถนาและทุกคนในโลกนี้ต้องการแสวงหา ก็ขอบคุณพระเยซู
และเราขอบคุณพระเจ้าเมื่อมาถึงพระคำล้ำลึก เราเห็นว่าสันติสุขที่พระเยซูสัญญา ไม่ว่าอากาศจะร้อนที่เมืองไทยเมืองลาว อากาศตอนนี้ร้อนมากๆ อบอ้าวมากๆ อยู่ยาก และผมเป็นคนที่คุ้นเคยกับอากาศที่อยู่อเมริกา คือไม่ต้องใช้แอร์ก็ได้คือมันจะเย็นๆ ทั้งวัน ฤดูร้อนก็เย็น แต่มาอยู่ที่ลาวก็ขอบคุณพระเยซูนั่นแหละไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็มีพระเยซูอยู่ในจิตใจ อยู่ในหัวใจ ก็โอเคก็รับได้
...
ผมจะขอสรุปและคืออยากจะทบทวนพวกเรา อย่าลืมนะครับหนังสือยอห์นบทที่ 1 ถึงบทที่ 12 เป็นเรื่องของการบังเกิดใหม่ เป็นเรื่องชีวิตในพระคริสต์ เป็นเรื่องของชีวิตใหม่ ไม่ใช่การนับถือศาสนาเราต้องเข้าใจตรงนี้ อีกครั้งนะครับหนังสือยอห์นบทที่ 1 ถึงบทที่ 12 เป็นเรื่องการบังเกิดใหม่ เป็นเรื่องของการฝ่ายวิญญาณ เป็นเรื่องชีวิตในพระคริสต์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการนับถือศาสนา และการใช้ชีวิตเก่าเพื่อเดินและเพื่อรับใช้ เราต้องมีชีวิตใหม่ บังเกิดใหม่ เดินด้วยตัวใหม่ และรับใช้ด้วยคนใหม่คนนี้ที่มีพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา นั่นคือบทที่ 1 ถึงบทที่ 12
...
ในบทที่ 13 การล้างเท้า คือการล้างใจ เมื่อเราได้บังเกิดใหม่แล้ว เรียนรู้พระคำพระเจ้า รู้จักพระเจ้า รู้จักพระเยซู สิ่งต่อมาที่เราควรทำก็คือ เนื่องจากว่าเราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ เป็นสิ่งที่มันยากมาก ทุกที่ทุกแห่งทุกหนมีการทดลอง มีการล่อลวง เพราะฉะนั้นเราจะต้องเผลอ พลั้ง พลาด ไม่มากก็น้อย และอีกอย่างการดำเนินชีวิตคริสเตียน ไม่ใช่ว่าเชื่อปุ๊บจะเปลี่ยนทันทีได้ มันเป็นไปไม่ได้ เปาโลใช้เวลา 10 ปี ผู้รับใช้มากมายที่เข้าสู่เรื่องฝ่ายวิญญาณพระคำล้ำลึกนี้ก็ใช้เวลานานหลายปี
เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ใช่ใครที่ไหนใช่ไหม คือต้องใช้เวลา ผมขอย้ำต้องใช้เวลา แต่อย่างน้อยขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้สิ่งหนึ่งอยู่ภายในหัวใจของเรา ก็คือสันติสุข ก็คือความสุข ความสงบสุขที่เราไม่กลัวพระเจ้า แล้วไม่กลัวว่าจะไม่รอดอีกแล้ว และไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เนื่องจากว่าเรามีพระโลหิตของพระเยซูและการตายของพระเยซูยืนยันว่าเป็นการไถ่ชั่วนิรันดร์ และเป็นการไถ่ที่ครบบริบูรณ์ครบถ้วน เราไม่ต้องทำอะไรเพื่อจะให้ได้รับความรอด แต่ความรอดเป็นของขวัญผ่านทางพระเยซูคริสต์
ผมเคยเจอและพี่น้องพวกเราผมเชื่อว่าต้องเคยเจอคำๆ นี้ คือพอเราเชื่อ เราเป็นคริสเตียน เราไปโบถ์สปุ๊บ อาจารย์ผู้นำทั้งหลายก็บอกว่า ตั้งแต่นี้ไปเราเป็นบุตรพระเจ้า เราจะต้องเลิกทำบาป ใช่ไหมครับ แต่ประเด็นนะครับ ก็คือมันไม่มีใครทำได้ เปาโลต่อสู้กับบาปนานหลายปีในโรมบทที่ 7 ท่านเปิดเผยว่าท่านก็ไม่ได้ดีไปเหนือใครไปกว่าใคร ท่านก็ย่ำแย่ ท่านก็มีปัญหากิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลงเต็ม ต่อสู้กับความบาปมันทุกข์ทรมานมาก แต่ในที่สุดได้รับคำตอบ กว่าจะได้รับคำตอบวิ่งแข่งเข้าสู่หลักใช้ก็นานถึง 9 ปี 10 ปี
เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าทำได้แล้ว สำเร็จแล้ว ดีแล้ว อย่าไปเชื่อ เราเห็นกันทุกวันนี้ อันนี้ผมพูดเพื่อให้เราศึกษานะครับไม่ได้ตัดสินใคร เราจะเห็นว่าการสวมใส่หน้ากากมันมีเยอะมาก คริสตจักรเป็นโรงละครใหญ่ เป็นที่ให้คริสเตียนแสดงละคร เพราะฉะนั้นเราเป็นอะไรเราก็เป็นอันนั้น เราไม่ต้องแสดงละคร เราไม่ต้องหน้าซื่อใจคด เมื่อเรามาพบมานาที่ซ่อนไว้แล้ว เราเป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้นนะครับและพระเจ้าจะทำงานในเราได้
บทที่ 13 เมื่อเราเชื่อ เราเป็นคริสเตียน เราบังเกิดใหม่ เราเรียนรู้พระคำพระเจ้า เราฝึกเดินและนมัสการพระเจ้า รับใช้พระเจ้า สิ่งที่สำคัญนะครับ ก็คือการล้างเท้าล้างใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เราอยู่ในพระคริสต์ และอยู่ในพระวิญญาณตลอดเวลา เมื่อพระเจ้าสร้างเราใหม่ขึ้นมาใหม่ เราได้บังเกิดใหม่ พระเจ้าต้องการรักษาให้เราอยู่ในพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอทุกวันทุกเวลา เนื่องจากว่ามีการล่อลวง การทดลอง สกปรกเปื้อนฝุ่นเท้าของเราก็คือใจของเรา มันเห็นการล่อลวงอะไรไม่ได้ ก็ต้องไปทำบาปโดยที่อาจจะตั้งใจบ้าง อาจจะไม่ตั้งใจบ้าง อาจจะอ่อนแอบ้าง อ่อนแรงบ้าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่พระเยซูตั้งคริสตจักร ตั้งกลุ่มเพื่อให้มีการล้างใจซึ่งกันและกัน และขอบคุณพระเจ้าและขอบคุณพี่น้องที่ทำหน้าที่ปุโรหิตมานานแสนนาน แล้วก็ตั้งใจใส่ใจ ซึ่งเราจะเห็นมีพี่น้องหลายคนโพสต์ลงในกลุ่ม ไม่รู้ว่าอ่านกันหวาดกันไหวไหม เพราะว่าหลายคนก็โพสต์ช่วยกันนะครับ เป็นสิ่งที่ดีมากครับ เพื่อล้างใจซึ่งกันและกัน ขอบคุณพระเยซูบำเหน็จของท่านจะมีมากมายนะครับ
...
และเราจะเห็นบทที่ 14 มาถึงบทที่ 14 พระเจ้าทั้ง 3 พระภาคเข้ามาอยู่ในเราคือสัญญาของพระเยซู พระเยซูตรัสว่าพระองค์มาสร้างที่อยู่ใหม่และจะนำพระเจ้าและพระวิญญาณบริสุทธิ์และพระองค์เองเข้ามาสถิตอยู่ภายในเรา และเราจะได้สถิตอยู่ในพระองค์ นี่คือเรื่องการฝ่ายวิญญาณนะครับ คือวิญญาณสถิตหรืออยู่ อาศัยอยู่ สำหรับเราเองที่เป็นวิญญาณนะครับก็สถิตอยู่ในพระเจ้า อาศัยอยู่ในพระเจ้าได้เหมือนกัน
พระเยซูตรัสนะครับ สนิทในเราและเราอยู่ในท่าน Abide in Me, and I in you. เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของชีวิตวิญญาณที่จะอยู่ในกันและกัน คือเรากับพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ขอบคุณพระเยซูและตอนนี้นะครับสัญญาเป็นจริงนะครับ คือเมื่อทุกคนที่เชื่อในพระเยซู ก็ได้รับพระวิญญาณของพระเจ้าทั้ง 3 พระภาค และพระองค์สถิตอยู่ในเรา
จากนั้นนะครับมาถึงบทที่สำคัญมากๆ ก็คือบทที่ 15 เราจะเห็นพระเยซูเรียงลำดับท่าน ยอห์นไม่ได้เขียนโดยบังเอิญ พระเจ้าดลใจให้ท่านยอนเขียนเป็นเรื่องเป็นราวเป็นลำดับ อันไหนสำคัญ อันไหนไม่สำคัญยังไง พอมาถึงบทที่ 15 ท่านยอห์นเขียน คือคำกล่าวของพระเยซู จงสนิทในเราและเราสนิทในท่าน
บทที่ 1 จนถึงบทที่ 12 เป็นเรื่องของการบังเกิดใหม่
บทที่ 13 เป็นเรื่องของการล้างเท้าล้างใจเพื่อพระคริสต์อยู่ในเราและเราอยู่ในพระคริสต์
บทที่ 14 เป็นเรื่องของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา
บทที่ 15 เมื่อพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเราแล้ว จะนั่งมองหน้ากันเฉยๆ หรือยังไง? ก็คือต้องสนิท ผูกพัน สร้างความผูกพันที่ดีระหว่างเรากับพระเจ้า เห็นภาพไหมครับ
คือตอนนี้พระเจ้าเข้ามาอยู่ในเราแล้วนะ แล้วเราจะทำอะไรโดยที่ไม่มองเห็นพระองค์เลยเหรอ หรือเราเห็นกันนะครับว่าคือมีผู้ชายผู้หญิงแต่งงาน แล้วคือทั้งสองก็แยกกันนอน นอนคนละที่ นอนคนละห้อง แล้วไม่พูดคุยกันทั้งวัน มันเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบหรือเปล่า ครอบครัวนี้มีความผูกพันที่ดีไหม เรารู้คำตอบนะครับ
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา เรารู้แล้วนะครับ และตอนนี้เราก็อยู่ในพระเจ้าแล้ว สิ่งต่อมาที่สำคัญในยอห์นบทที่ 15 ก็คือสนิทในพระองค์ คำว่าสนิท คือ Abide ก็คือสร้างความผูกพัน และการสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า เรารู้นะครับตอนนี้พระเยซูเน้นเรื่องความรัก รักๆๆๆๆ มากเหลือเกิน ในบทที่ 15 นี้นะครับ เราจะเห็นว่ามีเยอะมากคำว่ารัก และเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่พระเยซูย้ำ รักๆๆๆๆ รักกันและกันๆๆๆ รักเราๆๆๆ รักกันและกัน
ขอบคุณพระเจ้ามันเป็นจุดเริ่มต้นของภาพที่เราเห็น พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง คุณมีคุณสมบัตินี้หรือยัง ถ้ายังนะครับขอพระเยซูชำระ ให้ความรักของพระเยซูเกิดขึ้นมากๆ ในหัวใจเรา เพื่อเราจะรักพระเจ้าจนสุดจิตสุดใจได้ และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้
เมื่อพระเยซูตรัสข้อที่ 11 สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อความปีติยินดีของเราจะดำรงอยู่ในท่านทั้งหลาย และเพื่อความปีติยินดีของท่านทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
จะเต็มเปี่ยมด้วยนะครับขอบคุณพระเจ้า ความปิติยินดี ในที่นี้ ภาษากรีกก็คือ χαρά, ᾶς, ἡ (คาร่า) ภาษาอังกฤษคือ Joy, delight, gladness หรือพูดง่ายๆ ใช้คำง่ายๆ ก็คือแฮปปี้นั่นแหละ ก็คืออาการดีใจ ยิ้ม จนบางครั้งจนหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการหัวเราะที่กลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นเหมือนโบถ์สทั่วไปเขาทำกันอยู่ หัวเราะก็คือหัวเราะแบบผู้ดี เป็นผู้มีมารยาทสุภาพอ่อนโยน ไม่ใช่หัวเราะแบบโจรแบบมารนะครับ
เราขอบคุณพระเจ้านี่คือผลที่ได้รับจากการสนิทในพระเยซูในแต่ละวัน
ขณะที่สันติสุข ความสงบสุข หรือ peace เราได้มาแล้วนะครับโดยที่ยังไม่ได้สนิทกับพระเยซู คือเราเรียนรู้ว่าเรารอดแล้วรอดเลย เราเข้ามาหาพระเจ้าได้ทุกวันทุกเวลาโดยทางพระโลหิต และเมื่อทำผิดบาป เราทำผิดทำบาปเราสารภาพ เราสารภาพและในที่สุดพระเจ้าก็ยกโทษให้เรา อันนี้คือสิ่งที่เราได้รับจากการเกิดมี peace ในหัวใจ จึงมีความสงบสุขภายในหัวใจ
แต่การชื่นชมยินดี การยิ้ม การหัวเราะ การร่าเริง ได้มาจากการสนิทบอกรักพระเยซูในแต่ละวัน
...
ข้อที่ 12 นี่แหละเป็นบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน เหมือนที่เรารักท่านทั้งหลายแล้ว
คำว่า รักท่านทั้งหลายแล้ว ก็คือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ ลงมาเสียสละใช้ชีวิตที่เป็นมนุษย์มันไม่ได้ง่ายนะ แล้วก็อยู่ในครอบครัวที่ยากจนด้วย และในที่สุดพระองค์ต้องถูกทนทุกข์ทรมาน ถูกตี เฆี่ยน ถูกเฆี่ยนตี และตายที่กางเขน เป็นการตายที่น่าอับอายมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นมาโดยความรักของพระเยซูที่รักเรา และพระเยซูสั่งให้เรารักกันและกัน
คำว่า รัก ในที่นี้ ก็คือ อกาเปา ἀγαπάω ซึ่งมาจาก อกาเป อกาเปา - อกาเป เป็นคำเดียวกัน และเป็นความรักที่เราไม่มีในชีวิตจิตใจ ในวิญญาณของเรามันไม่มี ซึ่ง "อกาเป - อกาเปา" เราหาได้ในแม่บางคนที่รักลูกมาก ยอมตายเพื่อลูกได้ หรือพ่อบางคน หรือมีบางคนที่มีอาการรัก "อกาเป" ได้ชั่วคราวได้นิดหน่อย
แต่รัก "อกาเป" หรือ "อกาเปา" จริงๆ แล้วมาจากชีวิตพระเจ้า มาจากโซเอ้ แล้วขอบคุณพระเจ้าที่ตอนนี้เราได้บังเกิดใหม่ และพระเยซูเข้ามาอยู่ในเรา เราได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ซึ่งมี "อกาเปา" หรือ "อกาเป" เต็มล้นในเราแล้ว
อยากมีความรักต่อเพื่อนบ้านไหม? อยากรักศัตรูได้ไหม? อยากรักพระเจ้าจนสุดจิตสุดใจได้ไหม?
ไม่ยากเลยนะครับ เชื่อว่าเรามี "อกาเปา" หรือ "อกาเป" นี้อยู่แล้วภายในเรา เพราะว่าพระเยซูนั่นแหละ คือ "อกาเป-อกาเปา" เอเมน คุณอย่าคิดนะครับว่า "อกาเป-อกาเปา" เป็นสารเคมีหรือเป็นอะไรบางอย่างเป็นพลังบางอย่าง ไม่นะครับ "อกาเป หรือ อกาเปา" ก็คือพระคริสต์นั่นเอง เพราะว่าในพระคัมภีร์เปิดเผยความจริงนี้ ความรัก ก็คือพระเยซูเป็นความรัก พระเจ้าเป็นความรัก พระองค์บอกว่า พระองค์เป็น
เพราะฉะนั้น อกาเปหรือความรัก ก็คือพระเจ้านั่นเอง คุณอยากรักเพื่อนบ้าน คุณอยากรักศัตรู คุณอยากรักพระเจ้า คุณอยากรักใครก็ตาม คุณต้องเชื่อว่าพระเยซูอยู่ในคุณ และพระเยซูนั่นแหละคือความรัก ที่กระจายขยายความรักของพระองค์ไปทั่วร่างกายชีวิตจิตใจวิญญาณของเรา สรรเสริญพระเยซู
ลองดูนะครับ อธิษฐานนะครับ ขอบคุณพระเยซูนะครับทุกวันทุกเวลาเพราะว่าพระเยซูเป็น "อกาเป" พระเยซูเป็นความรัก พระเยซูจะสำแดงความรัก
ข้าพระองค์ทำไม่ได้ ข้าพระองค์ไม่มี "อกาเป" ไม่มี "อกาเปา" ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่พระองค์เป็น พระองค์มี เพราะฉะนั้นสำแดงเถิดพระองค์
แค่นี้เองนะครับเราจะเห็นว่า เออ.. เราไปรักคนนี้ได้ยังไงมันไม่น่ารักเลย มันน่าเกลียดมาก แล้วเราไปรักคนนี้ได้ยังไง เรายังแค้นมันอยู่ ซึ่งนี่คือคำตอบนะครับ เราเชื่อว่าพระเยซู คือ "อกาเป" และพระองค์นั่นแหละเป็นผู้สำแดงชีวิตออกมาผ่านเรา ขอบคุณพระเยซู
...
อีกครั้งนะครับมาถึงยอห์นบทที่ 15 ผมอยากพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ
คือชีวิตคริสเตียน มันเป็นเรื่องของผม ของคุณกับพระเยซู เป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวอะไรกับใครที่อยู่รอบข้างเรา พ่อ แม่ พี่ น้อง พี่น้องคริสเตียน ผู้นำดีไม่ดี ใครดีไม่ดี ใครทำบาปไม่ทำ ใครเป็นคริสเตียนศาสนา ใครเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ใครจะเป็นยังไง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ
แต่มันเกี่ยวกับคุณกับพระเจ้าสองคน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง คือถึงวันเวลาที่พระเยซูจะนำเรามาอยู่ยืนอยู่ตรงหน้าพระองค์ ในมัทธิวบทที่ 7 พระองค์ไม่ได้บอกว่า คนนี้มาเกี่ยวไหม.. คนนี้เกี่ยวไหม.. พระองค์ไม่ชี้ไปที่เขา
แต่พระองค์จะเรียกเรามาสองต่อสอง เรากับพระเยซู มีอะไรจะพูดไหม? มีอะไรจะแก้ตัวไหม? จะว่ายังไง?
เราจำกันได้ไหมหลายคนมีโอกาสพูดก็ได้พูด พระองค์เจ้าข้า,พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์รักษาโรค ข้าพระองค์ไล่ผี ข้าพระองค์ทำการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ พระองค์,พระองค์ ขอหน่อยขอเข้าไป
พระเยซูตรัสว่าเราไม่รู้จักเจ้า แล้วก็พระเยซูชี้มาที่เรา เราไม่รู้จักเจ้า,เจ้า,เจ้า เราไม่รู้จักเจ้า แล้วตอนนั้น คือใครก็ช่วยเราไม่ได้
เราจะไปโทษว่าคนนี้ทำให้ข้าพระองค์สะดุด
คนนี้ทำให้ข้าพระองค์ล้ม
คนนี้ทำให้ข้าพระองค์ไม่มีโอกาสได้ฝึก
คนนี้ล่อลวงข้าพระองค์
เราแก้ตัวไม่ได้ เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นพระเจ้าอนุญาตให้เกิด เพื่อจะให้เราฝึกเดิน ให้เรามาถึงจุดที่เรียกว่า สนิท, สนิท
คุณเห็นหรือยังครับกุญแจที่จะเข้าอาณาจักร คืออะไรครับ?
คือสนิท ที่ผ่านมาเราพบมานาที่ซ่อนไว้ ที่ผ่านมาเราพบพระคำล้ำลึก เราเข้าสู่ความจริงของพระคำพระเจ้า และเรามาถึงคำว่าสนิทหรือยัง เป็นคำถามที่น่าคิดนะครับ เอเมน.
...
ขอให้ล้างใจซึ่งกันและกัน ชวนชักชวนพี่น้อง หนุนใจกันและกันให้สนิทในพระเยซูให้มากๆ เนื่องจากว่าเรามาถึงตอนนี้หนังสือมัทธิวบทที่ 24 ใกล้จะผ่านไปแล้ว 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานกำลังจะมา เพราะฉะนั้นผมเชื่อนะครับว่าเราหลายคนพี่น้องหลายคนที่เข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้จะมีโอกาสได้ถูกรับขึ้น
ใช่ครับเราอาจจะยังไม่เพอร์เฟกต์ เปาโลก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์นะ เมื่อท่านเป็นผู้ชนะก็ยังมีเผลอบ้าง พลั้งบ้าง แน่นอน ท่านยอห์นยืนยันนะครับว่าไม่มีใครที่ไม่ทำบาป ทุกคนทำ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะหรือผู้ไม่ชนะก็ตาม เพียงแต่ว่าเขาทำเผลอพลั้งไปนิดๆ หน่อยๆ บางครั้ง แล้วรีบกลับมาสนิทในพระเยซู
ไปทำอะไรมาก็รีบกลับมาสนิทในพระเยซู ทำบาปมาก็กลับมาสนิทในพระเยซู โกรธมากก็สนิท โลก หลง กิเลส ตัณหา ก็กลับมาสนิทในพระเยซู นี่คือกุญแจที่จะทำให้เราเข้าสู่หลักชัยได้ คือเป็นผู้ชนะเหมือนเปาโล
เรารักพระเยซูที่พระองค์ประทานกุญแจ และประทานเคล็ดลับ และเผยข้อความลึกลับให้เราคนส่วนน้อยได้รู้ได้เข้าใจ ขอบคุณพระเยซู สรรเสริญพระเยซู ยกย่องพระเยซู เอเมน
...
ขอบคุณพระเยซูสำหรับยอห์นบทที่ 15 ขอบคุณสำหรับคำสอนของพระองค์โดยพระวิญญาณ และขอบคุณสำหรับเคล็ดลับที่เปิดเผยให้พวกเราได้เข้าใจ เรื่องการวิ่งแข่งเข้าอาณาจักร ที่จะต้องใช้กำลังมาก ก็คือกำลังของพระคริสต์ และการที่จะได้กำลังของพระคริสต์ ก็คือการสนิทในพระองค์
พระเยซูพวกเรารักพระองค์ ที่พระองค์เป็นความรัก พระองค์รักเรามาก พระองค์รักเราก่อน พระองค์ทำทุกสิ่งเพื่อเราแล้ว และขอบคุณที่ความรักของพระองค์วันนี้ไม่เคยเสื่อมสลายหายไป แต่ความรักนี้เป็นพระองค์เองที่สถิตอยู่ในพวกเรา และกระจายขยายแพร่ไปทั่ววิญญาณจิตใจและร่างกายของพวกเรา ขอบคุณพระเยซู