พระคริสต์ทรงอยู่เหนือโมเสส
3:1 เหตุฉะนั้น พี่น้องผู้บริสุทธิ์ บรรดาผู้เข้าส่วนแห่งการทรงเรียกจากสวรรค์นั้น จงพิจารณาอัครสาวกและมหาปุโรหิตแห่งการยอมรับของพวกเรานั้น คือ พระเยซูคริสต์
** พี่น้องผู้ "บริสุทธิ์" ภาษากรีกคือ hagioi และภาษาอังกฤษคือ holy คือเราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เราจึงมีสภาพที่บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้าตลอดเวลาไม่ว่าเราจะทำบาปมากมายแค่ไหนก็ตาม เพราะว่าเราได้รับการชำระด้วยพระโลหิตแล้วและเรามีพระคริสต์ปกปิดซ่อนเราไว้ตลอดเวลา (คส 3:3)
** พระคริสต์เยซูของเราเมื่อฟื้นขึ้นมาจากความตายพระองค์เป็นอัครสาวกและมหาปุโรหิตของพวกเรา พระองค์ทำหน้าที่อัครสาวกก็คือทรงเป็นหัวหน้าเป็นผู้นำผู้ดูแลเลี้ยงดูสั่งสอน และช่วยนำเราเข้าสู่พระคำแห่งความจริง ส่วนหน้าที่มหาปุโรหิตก็คือพระองค์นำเราในการปรนนิบัติพระเจ้าถวายพวกเราทั้งหลายที่เป็นมนุษย์วิญญาณให้เป็นเครื่องถวายบูชาอันหอมหวลแด่พระเจ้า พระองค์อยู่ท่ามกลางคริสตจักรร่วมเผยพระวจนะร่วมร้องเพลงนมัสการพระบิดาพระองค์ไม่เคยทอดทิ้ง และอยู่ห่างเราขณะที่มีสองหรือมากกว่าอยู่ที่ไหนในนามของพระองค์พระองค์ก็อยู่ที่นั้นเป็นมหาปุโรหิตที่บริสุทธิ์และแสนดีของเรา
3:2 ผู้ทรงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าผู้ได้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้ เหมือนอย่างโมเสสได้สัตย์ซื่อในพรรคพวกของพระองค์ทั้งสิ้นด้วย
** พระเยซูทรงสัตย์ซื่อต่อภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้คือพระองค์ยอมเป็นแกะอันบริสุทธิ์เพื่อตายไถ่บาปมนุษย์ทั้งหลายพระองค์จึงทรงสมควรที่จะเป็นมหาปุโรหิตของพวกเราในยุคพันธสัญญาใหม่ที่จะนำพวกเราในฐานะน้องๆให้มาถึงพระบิดาและอยู่ร่วมกันในลักษณะครอบครัวหรือบ้านของพระเจ้า
3:3 เพราะว่ามนุษย์องค์นี้ทรงนับว่าสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสสมากนัก เช่นเดียวกับผู้สร้างบ้านมีเกียรติยศมากกว่าบ้านนั้น
** เนื่องจากว่าพระเยซูเป็นพระผู้สร้างที่เสด็จลงมาและดำเนินชีวิตอันชอบธรรมบริสุทธิ์ พระองค์ไม่เคยทำบาปจึงทรงเป็นผู้เดียวที่ได้รับสิทธิอำนาจในการใช้หนี้บาปของมนุษย์ทุกคนพระเยซูจึงได้รับเกียรติจากพระบิดาพระองค์ทรงประทับอยู่ข้างขวาที่พระที่นั่งทำให้เราทั้งหลายที่เชื่อได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นมัดจำเพื่อความรอดและเข้าสู่พระสัญญา
3:4 ด้วยว่าบ้านทุกหลังถูกสร้างขึ้นโดยคนหนึ่งคนใด แต่ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพระเจ้า
3:5 และแท้จริงโมเสสนั้นสัตย์ซื่อในพรรคพวกของพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนอย่างคนรับใช้ เพื่อจะได้เป็นพยานถึงสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะถูกกล่าวต่อภายหลัง
3:6 แต่พระคริสต์นั้นในฐานะพระบุตรที่ทรงอยู่เหนือครอบครัวของพระองค์ ครอบครัวของพระองค์นั้นคือพวกเรา ถ้าพวกเรายึดความไว้เนื้อเชื่อใจและความปีติยินดีแห่งความหวังนั้นไว้ให้มั่นคงจนถึงที่สุด
คำเตือน: การไม่เชื่อทำให้คนอิสราเอลพลาดการเข้าแผ่นดินคานาอัน
3:7 เหตุฉะนั้น (ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า ‘วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์
ทางทั้งหลายของพระเจ้า คืออะไร
3:8 อย่าทำให้จิตใจของพวกท่านแข็งกระด้างไปเหมือนอย่างในครั้งกบฏนั้น ในวันแห่งการทดลองในถิ่นทุรกันดาร
3:9 เมื่อบรรพบุรุษของพวกท่านทดลองเรา พิสูจน์เรา และได้เห็นบรรดากิจการของเราเป็นเวลาสี่สิบปี
3:10 เพราะเหตุนั้นเราจึงเคืองด้วยคนชั่วอายุนั้น และได้กล่าวว่า “พวกเขาหลงผิดในใจของตนเสมอ และพวกเขาไม่รู้จักทางทั้งหลายของเรา”
** เนื่องจากว่าชาวยิวที่เดินทางออกมาจากประเทศอียิปต์ซึ่งนำโดยท่านโมเสสเป็นพวกที่มีใจแข็งกระด้างพระเจ้าจึงลงโทษพวกเขาเป็นเวลา 40 ปี ทั้งๆที่การเดินทางจากประเทศอียิปต์ถึงดินแดนคานาอันใช้เวลาประมาณ 40 วันเท่านั้น
** อาการใจแข็งกระด้างเกิดมาจากการหยิ่งผยองพองตัวอวดรู้อวดฉลาดอวดเก่ง นี่คือหนึ่งในสี่จิตใจที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง (1. ความโกรธ 2. หยิ่งผยองพองตัว 3. ตัณหาของเนื้อหนัง และ4.ตัณหาของร่างกาย) เพราะว่ามันจะเป็นเหตุทำให้เราไม่รู้จักทางของพระเจ้า
** ทางทั้งหลายของพระเจ้า คือน้ำพระทัยของพระเจ้าในเรื่องแผนการงานบริหารจักรวาล เรื่องการเปลี่ยนแปลงยุค เรื่องการยกเลิกพันธสัญญาเดิมและประทานพันธสัญญาใหม่ เรื่องพระบัญญัติเดิมและพระบัญญัติใหม่ เรื่องหลักการแห่งความรอดในยุคพระคุณ เรื่องการดำเนินชีวิตการรับใช้และการนมัสการพระเจ้าอย่างถูกวิธี และอีกมากมาย
พระเจ้าเป็นความรักพระองค์โกรธไม่เป็น
3:11 ดังนั้นเราจึงได้ปฏิญาณในความพิโรธของเราว่า “เขาทั้งหลายจะไม่เข้าไปในที่สงบสุขของเรา”’)
** คำว่าความพิโรธในที่นี้คือพระเจ้าไม่ได้โกรธไม่โมโหดังที่คริสเตียนหลายคนคิด แต่พระเจ้าทรงตอบแทนให้มนุษย์ตามสิ่งชั่วร้ายที่เขาควรจะได้รับ เหมือนกับพ่อที่ใช้ไม้เรียวตีลูกแรงๆ แต่ไม่ได้โกรธโมโหลูกเพียงแต่ต้องการสั่งสอนให้ลูกสำนึกถึงความผิดที่เขาทำ หลายครั้งพระเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มนุษย์ทำร้ายเขาเองและทำร้ายกันเองและหลายครั้งซาตานเป็นคนทำแต่มนุษย์มักจะคิดว่าเป็นฝีมือของพระเจ้า
** ชาวยิวทำการงานหนักตื่นแต่เช้าทำไร่ไถนาทำสวนองุ่นเลี้ยงสัตว์ยังไม่พอพวกเขาต้องแบกภาระหนักก็คือพยายามรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้รับพรและความรอด ในยุคพระคุณพระเจ้าประทานสะบาโตใหม่ คือการพักสงบภายในจิตใจคือสันติสุขทุกวันทุกเวลาทางพระคริสต์ ถ้าหากผู้ใดกลับใจจากศาสนายิวเข้าสู่ชีวิตในพระคริสต์และได้พบความจริงแห่งพระคำของพระเจ้าเรื่องการยกโทษบาปการมาหาพระเจ้าและความมั่นใจในความรอดและได้พบเจออีกว่าพระเยซูเป็นบ่อน้ำพุแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเราเขาจะได้มาถึงการพักสงบจริงๆเหมือนผู้เชื่อที่พบพระคำล้ำลึกในแต่ละยุคสมัย
** ในที่สงบของพระเจ้าคือมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ เพราะว่าในพระองค์นั้นมีพระเจ้าทั้ง 3 พระภาคและวิญญาณของเราอยู่ร่วมกันพระองค์พร้อมที่จะประทานสันติสุขและหัวใจที่สงบสุขไม่ต้องกลัวพระเจ้าและไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รอด
3:12 จงเอาใจใส่ พี่น้องทั้งหลาย เกรงว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดในพวกท่านที่มีใจชั่วร้ายแห่งการไม่เชื่อ ในการหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
3:13 แต่จงเตือนสติกันและกันทุกวัน ขณะที่เรียกกันว่า “วันนี้” เกรงว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปโดยทางการหลอกลวงแห่งบาป
3:14 เพราะว่าพวกเราถูกทำให้เป็นผู้เข้าส่วนกับพระคริสต์ ถ้าพวกเรายึดตอนต้นแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจของพวกเราให้มั่นคงจนถึงที่สุด
3:15 ขณะมีการกล่าวไว้ว่า ‘วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าทำให้จิตใจของพวกท่านแข็งกระด้างไปเหมือนอย่างในครั้งกบฏนั้น’
3:16 เพราะบางคน เมื่อพวกเขาได้ยินแล้ว ก็ได้ยั่วยุ ถึงกระนั้นไม่ใช่ทุกคนที่ออกมาจากประเทศอียิปต์โดยโมเสส
3:17 และพระองค์ได้ทรงเป็นทุกข์พระทัยกับใครหนอเป็นเวลาสี่สิบปีนั้น ก็กับคนเหล่านั้นที่ได้กระทำบาป ซึ่งซากศพของพวกเขาได้ล้มลงในถิ่นทุรกันดารมิใช่หรือ
3:18 และพระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้แก่ใครหนอว่า เขาทั้งหลายจะไม่เข้าไปในที่สงบสุขของพระองค์ มิใช่แก่คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อหรอกหรือ
3:19 ฉะนั้นพวกเราจึงเห็นว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้เพราะความไม่เชื่อ