ถาม.
ในกรณีที่เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราสามัคคีธรรม แล้วก็การที่เราได้รับพระพรจากพระเจ้า เราก็อยากถวายเกียรติแด่พระเจ้าในฝ่ายกายภาพ อย่างเช่นพระเจ้าอวยพรอย่างนั้นอย่างนี้ เราเอามาแบ่งปันหนุนใจในกลุ่มได้ไหมคะ เพราะว่ามีบางท่านบอกว่าไม่ควรเอามาเดี๋ยวจะมีการรู้สึกอิจฉาริษยา ขอร้องว่าให้เอาเฉพาะฝ่ายวิญญาณว่าพระเจ้าแก้ใครเปลี่ยนแปลงยังไงอะไรแบบนี้นะคะ
ตอบ.
คือสำหรับพระกายเที่ยงแท้หรือคริสตจักรฝ่ายวิญญาณนะครับ ถ้าเราจะพูดว่า (พระเจ้าอวยพรฉัน วันนี้พระเจ้าให้ได้รถใหม่ หรือบ้านใหม่) หรืออะไรก็ตามนะครับที่เป็นฝ่ายร่างกาย อันนี้คือจะเกิดมีคำถามหนึ่งเกิดขึ้น
ก็คือเมื่อเราเป็นพยานนะครับ แล้วเราบอกว่า (พระเจ้าอวยพรฉันให้ได้บ้านใหม่) พี่น้องไม่ได้รับบ้านกับเรา พี่น้องไม่ได้มีส่วน (ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้เรามีเงินเยอะ) พี่น้องก็ไม่ได้มีส่วนรับกับเรานะครับ
การเป็นพยานนะครับ การเป็นพยานสิ่งที่สำคัญก็คือ คำพยานของเราต้องให้พี่น้องได้รับการเสริมสร้างครับผม
เราเน้นที่คำพูดของเราทุกครั้งในการร่วมสามัคคีธรรม ก็คือทุกคำทุกถ้อยคำจะต้องมีการช่วยเสริมสร้างพี่น้องเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นการขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์อวยพรทางฝ่ายวิญญาณ หรือเราจะพูดแต่ไม่เน้นนะครับ ไม่เน้นว่า รถหรือบ้าน หรืออะไร ก็คือขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เลี้ยงดู ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ให้ได้ในสิ่งที่จำเป็น ก็แค่นี้ก็พอครับ แต่ไม่ต้องพูดเยอะ พูดยาว แล้วก็พูดออกมาเลยว่ามันคืออะไร สิ่งนั้นคืออะไรที่ได้รับ ไม่จำเป็นครับผม เพื่อพี่น้องจะไม่คิดน้อยใจ เพราะว่าเขาไม่ได้มีส่วนกับเราในสิ่งที่เราได้ แล้วเขาไม่เกิดน้อยใจ
ส่วนเรื่องอิจฉา ไม่ใช่เหตุผลที่เราไม่พูดเพื่อกลัวว่าพี่น้องจะอิจฉา แต่เราพูดเพื่อให้พี่น้องได้เข้าใจว่าสิ่งที่พระเจ้าให้ ก็คือพระองค์เลี้ยงดูเราอยู่ พระองค์ดูแลเราอยู่ และพระองค์ให้ในสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องใช้ของชีวิตของเรา อันนี้ได้ครับผม
อย่าลืมนะครับคริสตจักรของพระเจ้า พระเยซูก่อตั้งเพื่อให้เสริมสร้าง ให้พระกายเติบโต ให้ล้างเท้ากันและกัน ให้เสริมสร้างกันและกัน แล้วถ้าเราพูดสิ่งไหนที่มันเป็นสิ่งที่เราได้รับคนเดียว พี่น้องไม่ได้รับการเสริมสร้าง เราก็หลีกเลี่ยง แต่การพูดเพื่อหนุนใจพี่น้องนะครับเราพูดสั้นๆ พูดนิดๆ หน่อยๆ ไม่ต้องพูดบ่อย แล้วก็เราไม่ต้องเน้นนะครับว่ามันคืออะไร สิ่งนั้นคืออะไร
แต่เราเพียงแต่บอกว่า “ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของข้าพระองค์แล้ว ในสิ่งที่จำเป็นที่ข้าพระองค์ขอ แล้วก็ได้รับแล้ว สรรเสริญพระเยซู” แค่นั้นครับ
แต่ตรงข้ามเราเห็นในคริสตจักรทั่วไปใช่ไหม คือมีหลายคนก็ขึ้นไปนะครับเป็นพยานบอกว่า (ได้รถวีโก้ บ้านหลังใหม่ ขอบคุณพระเยซูพระองค์อวยพรเงินในบัญชีเพิ่มตั้งเยอะไม่รู้ใครส่งมาให้ ใครโอนมาให้ไม่รู้) ประมาณนี้นะครับ แล้วพี่น้องที่ได้ยินถามว่าเขาได้รับการเสริมสร้างในฝ่ายวิญญาณไหม? ไม่ครับ อันนี้เราหลีกเลี่ยงครับผม แต่อย่างที่พูดนะครับขอย้ำนะครับก็คือ พูดสั้นๆ แล้วก็พูดนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ไม่ต้องย้ำหรือเน้น หรือพูดถึงชื่อ หรือสิ่งที่เราได้รับครับ
กรณีที่ผมเป็นพยานไปบ่อยๆ เรื่องฝ่ายร่างกายก็คือ..
“ขอบคุณพระเยซูถึงแม้ว่าจะไม่มีงานทำ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เลี้ยงดู ขอบพระคุณพระเยซูที่ไม่มีมากแต่ก็อยู่ได้อยู่ไปวันๆ ได้ ก็คือมีชีวิตวันต่อวันได้ ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ห่วงอะไร ไม่ได้กังวลอะไร เพราะว่าผมเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี”
คำว่า “ผู้เลี้ยงที่ดี” มันชัดเจนมากมันสว่างมากอยู่ต่อหน้าต่อตา แล้วเราจะไปกลัวอะไรใช่ไหม อยู่ที่ไหนก็ได้ กินยังไงก็ได้ ยากจนก็ได้ ไม่มีกินก็ได้ แต่พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของข้าพระองค์ ก็ขอบคุณพระเจ้า เป็นแบบนี้นะครับ
ถาม.
อย่างเราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราเปิดมูลนิธิได้ไหมค่ะ เพื่อที่เราจะได้ใช้ของประทานช่วยเหลือผู้ที่เชื่อและก็ไม่เชื่อ อะไรทำนองนี้ค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ถ้าเรามั่นใจ เราแน่ใจว่าเรามีของประทานในการเป็นคนที่ใจกว้าง เราเปิดได้ครับ แต่ทุกสิ่งที่เราทำ ต้องชัดเจน ต้องกระจ่างแจ้ง ต้องโปร่งใส
พูดง่ายๆ
เพราะว่ามันจะมีปัญหาตามมา เรื่อง อาจจะเป็นความโลภบ้าง อาจจะเป็นการที่ไม่โปร่งใสบ้าง มีปัญหาเยอะแยะตามมาใช่ไหม มูลนิธิเราเห็นนะครับ ว่ามีหลายสิ่งที่เป็นเหตุตามมา เพราะฉะนั้นเราทำนะครับ แต่ทำด้วยความโปร่งใสทำให้ชัดเจน แล้วก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามของประทานของเราครับ
การช่วยเหลือคนจนเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมนะครับงานหลักของเราคือประกาศข่าวประเสริฐ
สิ่งนี้ (การช่วยเหลือฝ่ายร่างกาย) ให้เป็นรอง สำหรับบางคนที่ทำนะครับปรากฏว่างานยุ่งมากจนไม่มีโอกาสไม่มีเวลาได้ประกาศข่าวประเสริฐ หรือสอนพระคัมภีร์ จนไปทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดผมขอย้ำนะครับ ถ้าเรามีของประทานเป็นคนใจกว้าง เราทำได้ครับ เปิดได้ครับ แต่อย่าลืมงานหลักของพระเจ้าที่ให้เราก็คือการประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นพยานครับ
ถาม.
เมื่อกี้ที่พี่น้องถามว่าเปิดโรงทานได้ไหม แต่ในพระคัมภีร์พระเจ้าบอกว่าถ้าเราทำถ้าเราให้ เราก็ต้องให้เป็นการลับใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราเปิดโรงทานก็ต้องมีคนรู้ใช่ไหมคะว่าเราเป็นเจ้าของ ที่แบบให้อย่างเงี้ย อันนี้มันถูกต้องไหมค่ะ คือยังไม่เข้าใจตรงนี้ค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการให้กับพี่น้องในมัทธิวบทที่ 6 ที่พระเยซูบอกว่าให้ทาน อย่าให้มือขวารู้มือข้างซ้ายเราทำอะไร ก็คือพี่น้องในพระกายไม่ควรจะรู้ว่าเราให้คริสตจักร เราให้พี่น้อง ผู้รับใช้ เราให้คนยากจน ช่วยเหลือหญิงหม้าย เด็กกำพร้า หรือคนยากจนที่อยู่ข้างนอกคริสตจักรนะครับ
ส่วนเรื่องการทำในลักษณะเป็นมูลนิธิ เป็นโรงทาน อันนี้เราทำในลักษณะที่ไม่ได้อยู่ในมัทธิวบทที่ 6 ครับ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราใช้ของประทานในการใจกว้าง เป็นคนที่มีใจกว้าง เราใช้ของประทาน และเราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนยากจนขัดสน อันนี้เราทำได้ครับ
ไม่ได้หมายความว่า คือจริงๆ แล้วนะครับ รากของปัญหา ที่พระเยซูสั่งว่าไม่ควรให้มือข้างซ้ายรู้มือข้างขวาที่กระทำ เพื่อไม่ให้เราอวดครับ
เมื่อเราก่อตั้งมูลนิธิหรือโรงทานหรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อช่วยเหลือคนยากจน เราทำด้วยความที่เราไม่ต้องการที่จะอวด อยากมีชื่อเสียง อยากให้คนยกย่อง ยกยอว่าเราเป็นคนใจบุญใจดีใช่ไหม คือประกาศไปทั่วนะครับ อันนี้เราหลีกเลี่ยงนะครับ เราทำแบบคนถ่อมใจ เราทำแบบโนเนม (No Name) คือไม่มีชื่อเสียง ไม่มีอะไร เข้าใจความหมายนะครับ ถ้าเราทำแบบนี้ก็ไม่ผิดครับผม
แต่ตอนที่เราอยู่คริสตจักร อยู่ในคริสตจักร อยู่ในพระกาย ตอนที่สามัคคีธรรม หรือร่วมกันนมัสการพระเจ้า อันนี้ก็คือเราหลีกเลี่ยง เราหลีกเลี่ยงที่จะบอกคนอื่นว่า (วันนี้ผมนำเงินจำนวนเท่านี้มาเพื่อให้คริสตจักร ก็ประกาศไปเลย) อันนี้ไม่ถูกครับ คือการขัดแย้งต่อคำสอนของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 6 ครับ
เราเปิดได้เราก่อตั้งได้เพียงแต่ว่าเราไม่อวดตัว ไม่แสวงหาชื่อเสียง เกียรติยศ ให้คนยกย่อง ให้เห็นว่า เออ คนนี้เป็นคนใจกว้างใจดีเป็นคนใจบุญ แบบนั้นก็คือผิดไปแล้วครับ
ถาม.
อย่างลักษณะของที่นี่นะคะอาจารย์ คือเราเขียนเป็นเช็ค เมื่อเขาเอาเช็คไปเข้าแบงค์เขาก็รู้ว่าเราเป็นใคร เพราะว่าในกรณีบางครั้งที่เราเขียนเช็คไป เพราะว่ามันสามารถลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะคะอาจารย์ เป็นไปได้ไหมคะ
ตอบ.
ในกรณีที่เราไม่สะดวกให้นะครับ ถ้าเขียนเช็คก็เขียนด้วยใจที่ถ่อม ก็ได้ครับ คือเราพยายามทำเท่าที่ทำได้เพื่อที่จะไม่อวด เพื่อที่จะไม่ให้คนรู้เยอะเกินไปว่าเราทำอะไรหรือจำนวนเท่าไหร่ครับ
ถาม.
คือถ้าเราเขียนเช็คไปเขาก็รู้ไงคะ แล้วเขาก็จะมีใบตัวหนึ่งมาให้เรา คือเพราะว่ามันสามารถลดหย่อนภาษีได้ถ้าเกิดว่าเราเสียภาษีนะคะอาจารย์
ตอบ.
เขานี่คือใครครับ คือเขาจะรู้เนี่ยก็คือใครครับจะรู้
ถาม.
คนในโบสถ์นะคะ เขาจะรู้กันหมดเลยค่ะอาจารย์ คือจริงๆ แล้วเราก็ไม่อยากบอกเพียงแค่เราต้องการเหมือนว่าถ้าเราเสียภาษีมากเราต้องการลดหย่อนภาษีนะคะ ก็เลยเขียนเป็นเช็คเข้าไปให้เขานะคะ แล้วเราก็ได้ลดหย่อนภาษี
ตอบ.
เขียนเช็ค ก็คือให้คริสตจักรใช่ไหมครับ
ถาม.
ค่ะ
ตอบ.
แล้วทำไมทุกคนต้องรู้ครับ
ถาม.
ไม่ทราบค่ะ บางที อ. เขาประกาศนะคะ เขาก็จะเอายอดมา มาให้ทุกคนทราบเลยค่ะ ว่าคนนี้นะ เขียนมาแล้วมันจะมีชื่อของเราขึ้นถ้าเราเขียนเช็คนะคะอาจารย์
ตอบ.
แสดงว่าพี่น้องหมายถึงคริสตจักรทั่วไป ที่ไม่ใช่คริสตจักรฝ่ายวิญญาณ
ถ้าเป็นคริสตจักรฝ่ายวิญญาณเราจะไม่ประกาศนะครับ เราจะไม่ให้ใครรู้เลยว่าใครถวายเท่าไหร่ ถวายเพื่ออะไร เราจะไม่ให้รู้นะครับ แต่ถ้ามีการประกาศนะครับบอกว่าคนนี้ถวายเท่านี้เท่านั้น อันนี้ขอโทษนะครับผมต้องขอพูดตามตรงเลยว่า คริสตจักรทั่วไปทุกวันนี้ทำในสิ่งที่ขัดแย้งและไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า คือเขาไม่ได้ทำตามคำสอนของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 6 ก็คือเมื่อเราให้ทาน อย่าให้มือข้างขวารู้มือข้างซ้ายทำอะไรครับ
โบสถ์ทุกวันนี้เป็นครับ ก็คือประกาศบอกให้พี่น้องรู้ แล้วต้องใส่ชื่อใช่ไหมจ่ายหน้าซองว่าชื่ออะไรถวายเท่าไรบางที่บางแห่งนะครับ แสดงว่าการกระทำแบบนี้คือผิดต่อมัทธิวบทที่ 6 ครับ
สำหรับคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ เราไม่ใส่ชื่อ เราไม่ประกาศ เราไม่บอกนะครับ แต่ถ้าสมมุติว่าเราอยากเขียนเช็ค เราก็ให้แค่เฉพาะคนที่ดูแลทรัพย์สินคลังของพระเจ้าในคริสตจักร ก็มีแค่สองสามคนที่รู้เท่านั้นเอง อันนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เราก็ให้เขารู้ไม่เป็นไรครับ แต่ความหมายก็คือเราไม่ให้คนทั้งโบสถ์ทั้งคริสตจักรรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วเราทำด้วยใจที่ถ่อมไม่อวด
ผมอยากให้เรานึกภาพนะครับ คือการให้เนี่ย มันอยู่ตรงนี้ครับ คือบางคนให้เพื่ออยากให้คนรู้ว่าเราถวาย เราเป็นคนชอบถวาย เราเป็นคนใจบุญ เราเป็นคนใจดี อยากให้คนทั้งโบสถ์รู้ อันนี้ในคริสตจักรส่วนมากที่เป็นคริสตจักรศาสนามีเยอะมาก ผมพูดถูกไหม แล้วเราก็เคยเป็นใช่ไหมสมัยที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนา เราอยากให้ทุกคนรู้นะครับ
คือมีคนเดินถุงถวาย เดินถือถุงถวายเดินผ่านหน้าเราปุ๊บ เราก็จะเอาเงินนะครับก็คือยื่นไปแล้วก็รอมันอยู่ตรงนั้นนานๆ นิดนึง เพื่อมั่นใจว่าหลายคนได้เห็นว่าเราถวาย หรือบางคนก็ให้เห็นว่าเป็นแบงค์พัน หรือแบงค์ห้าร้อย หรือเท่าไหร่ก็แล้วแต่นะครับ ก็ให้เขาเห็นไปเลย ก็อยากให้เขาเห็นนะครับ แล้วก็อยากให้ศิษยาภิบาล อยากให้ผู้นำประกาศเลยว่าเราถวายเท่าไหร่ เพื่อคนจะยกย่องเรา โอ้คนนี้ถวายเยอะ โอ้คนนี้ใจดี โอ้คนนี้ใจบุญ คนนี้รักพระเจ้า คนนี้เข้มแข็ง ใช่ไหม
แต่มันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับมัทธิวบทที่ 6 ที่พระเยซูตรัสนะครับ เมื่อท่านให้ทาน เมื่อท่านให้ อย่าถวายอย่าให้มือข้างขวาเห็นการกระทำมือข้างซ้าย มือข้างขวาก็คือพี่น้องในคริสตจักรของเราที่เป็นอวัยวะของพระกาย เราเป็นมือข้างซ้าย
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญนะครับ เราหลีกเลี่ยง คือเราอาจจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาล หรือจากใคร ไม่ได้รับการยกย่อง แต่ใครเป็นคนให้เราครับ? ใครเป็นคนจะอวยพรเรา? เมื่อเราทำตามที่พระเยซูสั่ง “พระเยซู” เอเมน
สิ่งที่เราต้องการรับมากกว่าใคร มากกว่ารัฐบาล มากความมนุษย์ ก็คือพระเยซู พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา แน่นอนที่สุดทุกสิ่งที่เราทำตามที่พระเยซูบอกเราจะรับผล ยัด สั่น แน่น พูน ล้น
มีคริสเตียนหลายคนที่ไม่มาโบสถ์ แล้วพี่น้องคริสตจักรถามว่าทำไมไม่ไปโบสถ์ เขาบอกว่าไม่มีเงินถวาย แล้วก็มีเงิน มีเงินแต่ถวายน้อยก็คืออาย ก็คือไม่กล้าไป อันนี้เป็นเรื่องจริง
แล้วก็ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ยุติธรรม และพระองค์รักทุกคน บางคนอยากจะถวายแต่มันไม่มีไง แล้วก็สู้กับคนที่เขามีเงินเยอะกว่าเราไม่ได้ ก็เกิดมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงนะครับ
พระเจ้ามีทางออกที่ดีที่สุด ก็คือไม่ให้ใครรู้ว่าใครถวายเท่าไหร่ มากน้อยหรือถวายหรือไม่ถวาย ก็คือทำในการลับ ดีที่สุดครับ
สำหรับผมก็ขอบคุณพระเจ้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคริสตจักรของพระองค์ ซึ่งแตกต่างจากที่เขาทำกันทุกวันนี้ใช่ไหม
“มีผู้ชายคนหนึ่ง ผมอยากจะเล่าให้ฟังนะครับ มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นเศรษฐี เดินทางทางเรือ แล้วปรากฏว่าคลื่นลูกใหญ่ซัดมาแล้วก็ทำให้เรือเขาล่ม ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นก็คือยังไม่ตายนะครับ คือเขาเกาะถังน้ำที่ไม่จมอยู่ เขาก็ขึ้นไปแล้วก็นั่งอยู่ แล้วก็มี 2-3 คนที่เอาตัวรอดได้ก็คือยังไม่ตาย มี 2-3 คนอยู่กับเขา อยู่กลางทะเลนะครับ
แล้วผู้ชายคนนี้ก็ไม่กังวลอะไร คือนอนสบาย นอนดูตะวันอยู่ข้างบนถัง ก็คือนอนสบาย ทั้งๆ ที่ 2-3 คนเนี่ยคือกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจกลัวตาย แล้วเขาก็ถามว่า ทำไมแกไม่รู้สึกอะไร ทำไมดูเหมือนไม่กังวลไม่กลัวอะไรเลย เขาบอกว่า ฉันรู้ว่าที่คริสตจักรอาจารย์แล้วก็ผู้นำพี่น้องทุกคนอธิษฐานเผื่อฉันอยู่”
พี่น้องนึกออกไหมครับว่าทำไม เพราะว่าเขามีฐานะร่ำรวยไง แน่นอนที่สุดครับ คนที่อยู่ในคริสตจักรศาสนาเขาจะดูแลเอาใจใส่แล้วก็อธิษฐานเผื่อคนที่มีฐานะร่ำรวย มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป อันนี้ผมพูดถูกไหม
เพราะฉะนั้นคริสตจักรฝ่ายวิญญาณเราทำในสิ่งที่ตรงข้ามนะครับ ทุกคนสำคัญเท่ากัน ทุกคนเป็นพี่น้องในพระกาย ไม่ว่าจะฐานะอาชีพอะไรก็แล้วแต่ เราทุกคนเท่ากันในพระคริสต์ เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงนะครับ ก็คือทำตามที่พระเยซูบอกก็คือเราทำทุกสิ่งในการลับ เป็นการลับ
คริสตจักรในอเมริกาหลายที่จึงตัดสินใจเอากล่องถวายนะครับไปไว้ในอีกห้องหนึ่ง แล้วก็ใครที่รู้สึกว่ามีภาระใจอยากจะมีส่วนในค่าใช้จ่ายของคริสตจักร ของผู้รับใช้ ก็แอบๆ ไปนะครับ แอบๆ ไป แล้วก็เอายัดใส่กล่อง ไม่ต้องจ่ายหน้าซองไม่ต้องบอกว่าใครเป็นใครนะครับก็เข้าไปครับ
สำหรับพระคำพระเจ้าในวันนี้ก็คือถ้าหากเราจะก่อตั้งมูลนิธิ หรือทำอะไรก็แล้วแต่นะครับเพื่อช่วยเหลือคนยากจน คนที่อยู่ข้างนอก เพื่อเหตุผลคือเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ เราทำและคนมากมายก็รู้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ขอให้เราไม่แสวงหาชื่อเสียง ไม่ยกตนขึ้น ไม่อวดความมั่งมี ไม่อวดฐานะ ไม่อวดอะไร แต่เราอวดพระเยซูเหมือนเปาโล เอเมน และเราทำในลักษณะของคนที่ถ่อมใจ ทำได้ครับผม
ถาม.
พูดถึงเรื่องของประทานแล้ว คือสำหรับถ้อยคำแห่งสติปัญญา ส่วนมากเราจะเห็นในพี่น้องผู้ชายนะคะที่เป็นผู้นำใช่ไหมคะ แต่ถ้าหากพระวิญญาณประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญาและความรู้ให้กับพี่น้องที่เป็นผู้หญิงนะคะ คือเราต้องทำยังไงที่เราจะไม่เข้าข่ายที่จะไปสอนผู้อื่น หรือว่ามีความเป็นครู หรืออาจารย์ ขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ เอเมน
ตอบ.
ก่อนอื่นขอให้เราทุกคนเข้าใจความหมายของ 2 คำนี้
อันแรกก็คือ ถ้อยคำแห่งความรู้ Word of knowledge ถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ (1 Cor. 12:8) ถ้อยคำแห่งความรู้ก็คือ ความรู้ ความเข้าใจ คือความสว่าง การเปิดเผยโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เรื่องพระคำพระเจ้าที่ไม่มีเชื้อ อย่างที่บางคนมีของประทานแล้วก็นำมาสู่พวกเรา แล้วพวกเราก็ได้หลุดพ้นจากเชื้อฟาริสี เชื้อยีสต์ เชื้อที่เป็นคำสอนที่ไม่ได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์แปล อันนี้เรียกว่าถ้อยคำแห่งความรู้ครับ
ส่วนถ้อยคำแห่งสติปัญญา Word of wisdom ถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา (1 Cor. 12:8) ก็คือการที่เราตัดสินใจถูก เราแก้ไขปัญหาถูก คนทั้งหลายนะครับ บอกว่าเลี้ยวขวามันจะไปทางที่ดี แต่เราบอก ไม่ เพราะวิญญาณบริสุทธิ์ให้เลี้ยวซ้าย เข้าใจนะครับ คือการตัดสินใจ คือการหาทางออก คือการแก้ไขปัญหาต่างๆ อันนี้เรียกว่าถ้อยคำแห่งสติปัญญา
ทีนี้พระเจ้าส่วนมากพระเจ้าจะให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงนะครับ พี่น้องชายพี่น้องหญิงมีถ้อยคำแห่งความรู้ เผยพระวจนะในขณะที่สามัคคีธรรมร่วมกัน และให้คนหนึ่งเป็นผู้เผยหลัก อันนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าให้ของประทานกับผู้เชื่อมากมายในคริสตจักรหนึ่ง
ส่วนถ้อยคำแห่งสติปัญญา ก็คือการแก้ไขปัญหา การหาทางออก การหาวิธี ที่จะตัดสินใจ จะทำอะไรให้ถูกตามน้ำพระทัยพระเจ้า ก็คือพระเจ้าก็ให้ผู้ชายพี่น้องชายเป็นส่วนมากเหมือนกัน และพี่น้องหญิงก็มีบางคนก็มีก็ได้รับเหมือนกันครับ
ถาม.
แล้วพี่น้องหญิงควรจะใช้กับเด็ก แล้วก็กับผู้หญิงใช่ไหมคะอาจารย์ ตามที่หนูเข้าใจค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับถ้อยคำแห่งความรู้ใช่ไหมครับ
ถาม.
ใช่ค่ะ
ตอบ.
ในฐานะที่เป็นพี่น้องหญิงที่เราเป็นคนที่ถ่อมใจ เป็นคนที่ถ่อมใจ เป็นบุตรสาวของพระเยซูของพระเจ้า ใช่ครับผม เราพูดคุยกับพี่น้องหญิงด้วยกัน และบุตรทั้งหลาย และเด็กครับ
สำหรับถ้าหากว่าพระเจ้าอนุญาต พระเจ้าอนุญาตบางกรณีใช่ไหมที่พระเจ้าอนุญาต ให้เราเป็นคนไปบอกพี่น้องชาย ถ้าหากว่าเขาไม่รู้ เขาไม่เข้าใจ เขาไม่มีสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า พระเจ้าอนุญาตให้เราไปบอกก็เป็นได้ก็มีนะครับมีบางกรณีเท่านั้น
แต่ด้วยความที่พระเจ้าต้องการให้พี่น้องหญิงอยู่ในฐานะของคนที่คลุมศีรษะอยู่เป็นประจำ ก็คือเป็นคนที่ถ่อมใจอยู่เสมอ เป็นคนที่น่ารักสำหรับพระบิดา ก็คือเราไม่แสดงตน ที่เป็นลักษณะของคนที่ไปบอกคนนี้ บอกคนนู้น บอกคนนู้น คนนี้ เหมือนกับว่าเราจะเป็นคนที่เด่นดังเกินพี่น้องหญิงไปแล้วนะครับ อันนี้พระเจ้าไม่อนุญาตครับผม
เมื่อก่อนผมก็เคยคิดนะครับว่าทำไมพระเจ้าไม่อนุญาตให้พี่น้องหญิงเป็นคน เป็นผู้เทศนา สั่งสอน เป็นศิษยาภิบาล สุดท้ายผมมาเห็นในคริสตจักรที่อเมริกา มีเต็มไปหมดเลยนะครับ พี่น้องหญิงเป็นผู้รับใช้ แล้วก็จ้อยไมเออร์คนหนึ่งใช่ไหม ผมพบว่า คือจะมีการทะเลาะกัน จะมีการปิดโบสถ์ตอนวันอาทิตย์หลายๆ ครั้ง เนื่องจากว่าศิษยาภิบาลทะเลาะกับสามี หรือศิษยาภิบาลอารมณ์ไม่ดี หรือมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น แล้วก็การเทศนาวันนั้นก็จะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของเขา
ซึ่งเราพบว่าผู้ชายพี่น้องชายคือจะไม่แปรปรวนเรื่องอารมณ์ เรื่องฮอร์โมน เรื่องความคิด เราเห็นความแตกต่างตรงนี้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงอนุญาตให้พี่น้องชายส่วนมากนะครับเป็นผู้รับใช้เป็นศิษยาภิบาลเป็นผู้ปกครอง