“เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้”
กลับมาพูดเรื่องการชนะความบาป การชนะความบาป เราจะเห็นว่าวิญญาณของเราพระเจ้าเป็นผู้ครอบครองแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ครอบครอง เราได้บังเกิดใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ พระเจ้าครอบครองจับจองเป็นเจ้าของ พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ในวิญญาณของเราเรียบร้อย ผีมารซาตานแตะต้องไม่ได้อีกแล้ว
แต่ทุกวันนี้พระเจ้าทำสงครามกับตัวบาปที่เป็นเนื้อหนังที่อยู่ในฝ่ายเนื้อหนังที่แย่งชิงจิตของเรา
ทุกวันนี้สงครามอยู่ภายในเรา ก็คือสองฝ่ายที่แย่งจิตใจของเรา ฝ่ายหนึ่งก็คือฝ่ายเนื้อหนังที่มีตัวบาป อีกฝ่ายหนึ่งก็มีพระวิญญาณ ก็มีพระวิญญาณที่แย่งจิตของเรา กท 5:17 กล่าวว่า เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังก็ต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง
สงครามนี้นะครับไม่ใช่เนื้อหนังมาต่อสู้กับเรา ไม่ใช่ครับ แต่เนื้อหนังต่อสู้กับพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้กับเนื้อหนัง แย่งจิตใจของเรา เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน สองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ไม่ใช่เป็นศัตรูกับเราน่ะ เราคือเป็นคนกลางนะครับ จิตของเราเป็นคนกลาง เนื้อหนังที่มีตัวบาปอยู่จะต่อสู้กับพระวิญญาณที่อยู่ในเรา เพื่อแย่งจิตใจของเรา และพระวิญญาณที่อยู่ในวิญญาณของเราก็ต่อสู้กับเนื้อหนัง เพื่อที่จะครอบครองจิตใจของเรา ไม่ให้เนื้อหนังใช้จิตใจของเรา สองฝ่ายต่อสู้กันเอง
เมื่อเรานะครับเอนไปทางเนื้อหนังและร่วมมือกับเนื้อหนัง เนื้อหนังก็จะมีกำลังมากและบังคับให้เราทำบาปได้
แต่ถ้าหากเรานะครับเอนมาทางพระวิญญาณ (เขาต่อสู้กันอยู่น่ะ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน) และเราเอนมาทางนี้นะครับพระวิญญาณก็มีโอกาสที่จะทำงานในเราได้ คือการทำงาน ทำงานให้เราได้รับการครอบครองควบคุมปกครองจากพระวิญญาณ ซึ่งทำให้เนื้อหนังไม่สามารถที่จะเข้ามาบุกรุกต่อไปได้อีก
ส่วนไหนที่เป็นความโกรธที่พระวิญญาณครอบครองได้แล้ว เราจะเริ่มโกรธน้อยลง น้อยลงๆๆๆๆ ในที่สุดความโกรธก็หายไป หรือนานๆ อาจจะกลับมาโกรธทีหนึ่ง อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อันนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ต่อสู้กับเนื้อหนังและสามารถชนะและครอบครองส่วนที่เป็นความโกรธได้
ต่อจากนั้นนะครับพระวิญญาณก็จะเข้าสู่ห้องที่สอง ก็คือความหยิ่งผยองพองตัว คริสเตียนเราก็มีนะครับปัญหาเรื่องความหยิ่งผยองพองตัว คือเราไม่ชอบฟังคนอื่น เราคิดว่าเรารู้ เราคิดว่าเราฉลาด โอ้ คนนี้สอนผิด คนนี้สอนไม่ถูก อ๋อ คนนี้รู้น้อยกว่าเรา เราต้องสั่งสอนเขา เราต้องแนะนำเขา เราต้องบอกเขาให้รู้ว่าเนี่ยนี่น่ะวิธีนี้มันดีกว่า คริสเตียนส่วนมากมักจะมีปัญหานี้ใช่ไหมครับผมพูดถูกไหม
บางคนเท่านั้นที่ถ่อมใจและฟัง ขอเป็นลูกน้อง ขอเป็นคนเล็กน้อย ขอเป็นคนธรรมดา และไปฟังผู้อื่น และคนเหล่านี้มีโอกาสที่จะเติบโต มีโอกาสที่จะได้รับการเปิดตาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรามาถึงความไพบูลย์ของพระคำพระเจ้า
และเมื่อเรารู้ว่าสงครามไม่ใช่ของเรา สนามรบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปต่อสู้ แต่เป็นการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ก็คือเนื้อหนังต่อสู้กับพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้กับเนื้อหนัง เราก็มองดูและถ้าหากเราเอนไปทางไหนนะครับ เราเอนไปทางไหนทางนั้นก็จะชนะ
และเอนไปทางพระวิญญาณ พระวิญญาณก็จะครอบครองครอบคลุมเรามากขึ้น มากขึ้นๆๆๆ และเราสนิท สนิทนะครับสนิท สนิทในพระคริสต์ บอกรักพระองค์ สนิท ใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น มากขึ้นๆ การครอบครองของพระวิญญาณก็จะมีโอกาสและทำงานได้มากกว่าเดิม
ผมเคยแบ่งแล้วใช่ไหมเรื่องการสารภาพบาปและการเข้ามาหาพระเจ้าทางพระโลหิต อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากเราเลิกกลัวพระเจ้า ถ้าหากเรานะครับเข้ามาหาพระเจ้าได้ทุกวันทุกเวลาไม่กลัวอีกแล้ว ไม่ต้องกลัว เราจะทำบาปทำผิดร้อยครั้งพันครั้งไม่เป็นไร สารภาพแล้วกลับมาทันที เมื่อเราสารภาพ เราขอบพระคุณทันที เพราะว่าเราเชื่อว่าพระเจ้ายกโทษให้เราแล้ว แล้วเราก็สนิทอยู่กับพระคริสต์เหมือนเดิมทุกวันทุกวัน เนื้อหนังและตัวบาปนะครับจะไม่มีโอกาสครอบคลุมจิตใจเราได้
การทำงาน การต่อสู้ การแย่งชิง ระหว่างเนื้อหนังและพระวิญญาณ ใช้เวลานะครับ กว่าที่พระวิญญาณจะครอบคลุมเราได้ควบคุมเราได้เป็นเจ้าของส่วนชีวิตของเราได้ แต่ที่สำคัญนะครับคือทุกสิ่งในชีวิตของเรา เราจะมาถึงการเชื่อฟัง เราจะมาถึงการเป็นผู้ชนะ เราจะมาถึงการที่พระวิญญาณได้ครอบครองเรามากขึ้นมากขึ้น ก็คือการเชื่อ ในพระคัมภีร์เอเฟซัสบทที่ 3:17 กล่าวว่า เพื่อพระคริสต์จะสร้างบ้านอยู่ในจิตใจของท่านโดยทางความเชื่อ
คือเราเชื่อทุกวันว่าพระเยซูคริสต์ พระคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณเป็นเจ้าของครอบครองสร้างบ้านแล้วอยู่ในจิตใจของเรา จิตใจที่มันเป็นส่วนโกรธ หยิ่งผยองพองตัว รักโลกนี้ ตัณหาของเนื้อหนัง และตัณหาของร่างกาย และเราเชื่อ เชื่อๆๆๆ ว่าพระคริสต์ครอบครองแล้ว เราเชื่อมากเท่าไหร่ เราก็เห็นการครอบครองมากเท่านั้น ขอพี่น้องอย่าท้อ อย่าท้อถอย อย่าถดถอย สู้ต่อไป ทำต่อไป ฝึกต่อไป
อย่าเน้นที่การเชื่อฟัง แต่ขอให้เน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ อย่าเชื่อฟัง แต่สัมพันธ์ อย่าเชื่อฟัง แต่สัมพันธ์
- คุณบอกรัก
- พระเจ้าให้ชีวิต (น้ำมัน)
- คุณส่องสว่าง (เชื่อฟังได้)
เมื่อสัมพันธ์มากเท่าไหร่ การเชื่อฟังก็จะมาเอง เมื่อสัมพันธ์มากมากเท่าไหร่ การเชื่อฟังก็จะมาเองมาเอง คือในวิวรณ์บทที่ 2 ข้อที่ 1 ถึง 7 พระเจ้าบอกเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่คริสเตียนมากมายไม่เข้าใจน่ะเวลาอ่าน
เราบอกรักพระเจ้า พระเจ้าให้ชีวิตเรา
เราบอกรักพระเจ้า พระเจ้าให้ชีวิตเรา
ชีวิตนั้นเป็นน้ำมัน เราเป็นตะเกียง มีน้ำมันมากเท่าไหร่เราก็ส่องสว่างได้มากเท่านั้น
ส่องสว่างก็คือการทำดี คือสำแดงความชอบธรรม เกิดผลของพระวิญญาณในกาลาเทีย 5:22-23 พระคริสต์ทำแทนเรา
กาลาเทีย 2:20 ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระเยซูบนไม้กางเขนแล้ว และชีวิตนี้พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า เราจะเห็นมากขึ้น มากขึ้นๆๆ เราบอกรักพระเยซู
กลับมาใหม่ เราบอกรักพระเยซู พระเยซูก็ให้ชีวิตแก่เรามากขึ้น เราบอกรักพระเยซูมากขึ้น เราก็ได้รับการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณด้วยชีวิตของพระเจ้ามากขึ้น เมื่อเราเติมเต็มมากขึ้น เราก็ส่องสว่างมากขึ้นได้อีก
คือบอกรัก เรารับชีวิต ส่องสว่าง บอกรัก เรารับชีวิต ส่องสว่าง
อีกครั้ง.. เราบอกรักพระเจ้า พระเจ้าประทานชีวิตให้เต็มล้นมากขึ้นที่เป็นน้ำมัน และเราสามารถส่องสว่างได้มากขึ้น บอกรักอีก บอกรักทุกวัน เราก็จะเติมเต็ม เติมเต็มๆๆ ชีวิตของเรา
เคล็ดลับของการเชื่อฟังพระเจ้าได้ ส่องแสงสว่างได้ ที่จะได้รับชีวิต ชีวิตๆๆๆ มากขึ้นๆๆๆ ก็คือการบอกรัก พี่น้องอ่านช้าๆ นะครับในวิวรณ์บทที่ 2 ข้อที่ 1 ถึง 7 มีสามสิ่งนะครับที่จะเป็นไปอยู่ในวงกลมนี้ ก็คือ..
1. เราบอกรักพระเจ้า
2. พระเจ้าจะประทานชีวิตพระเจ้าให้เราให้มีมากขึ้นให้เต็มล้น เมื่อเรามีชีวิตมากขึ้นเต็มล้น ที่เรียกว่าเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ก็คือเราสามารถส่องสว่างได้
1. บอกรักพระเจ้า เราเป็นคนบอก
2. เมื่อพระเจ้าได้รับความรักจากเรา พระเจ้าก็ส่งชีวิตมาให้เรา และเราก็ส่องสว่างได้ ก็คือมีชีวิตของพระคริสต์ทำแทนเรา ดำเนินชีวิตแทนเราอยู่เพื่อเราได้
ผมขอบพระคุณพระเจ้านะครับที่พี่น้องมากมายได้พบพระคำล้ำลึก ได้พบความไพบูลย์ ได้เห็นข้อล้ำลึกแห่งราชอาณาจักร และความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่จะปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากการเป็นคริสเตียนศาสนา คริสเตียนชาวโลก คริสเตียนที่ตายแล้ว คริสเตียนที่เป็นอุ่นๆ คริสเตียนฟารีสี คริสเตียนต่างๆ ที่มีปัญหาที่จะไม่มีโอกาสได้เข้าในราชอาณาจักรซึ่งพระเยซูจะนำกลับมาในยุคหน้า
และการดำเนินชีวิตในความรู้นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาหนึ่งที่จะตามมา ก็คือศัตรู ซาตานไม่ชอบน่ะ ถ้าใครดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสต์ มีพระคริสต์ทำแทนเรา ซาตานเกลียดมาก
คริสเตียนศาสนาทั่วไปทุกวันนี้เขาไปโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ฟังเทศนา กลับบ้าน ไม่มีอะไร ไม่เปลี่ยนแปลง สวมหน้ากากใส่หน้ากาก อยู่คริสตจักรยิ้มแห้งๆ ให้กันใช่ไหม
แต่เมื่อไหร่ที่ซาตานมันเห็นคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ที่แท้จริงมีการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ได้พบชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้าที่อยู่ในเราเคลื่อนไหวทำงาน เราเกิดผลของพระวิญญาณ ถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ ซาตานมันเกลียดมาก แล้วซาตานมันจะมา พี่น้องจะถูกกล่าวหาว่าคำสอนนี้เป็นคำสอนผิด เป็นคำสอนปลอม เป็นพวกเทียมเท็จ
ซึ่งมีหลายครั้งเหลือเกินที่พี่น้องเหล่านั้นกล่าวหาผมผ่านทางพี่น้องที่ได้เรียนรู้และรับไปแบ่งต่อ หรือไปสอนต่อในคริสตจักร หรือหลายๆ ที่กับพี่น้องผู้เชื่อทั้งหลาย และถูกกล่าวหาว่าเป็นคำสอนปลอม ผมก็บอกว่าฝากไปถามด้วยเขากล่าวหาเราว่าเป็นคำสอนปลอม ปลอมอะไร ผิดตรงไหน ข้อไหน ที่ไหนผิด แต่เขาก็ตอบตรงไม่ได้ เขาตอบตรงๆ ไม่ได้นะครับ
เขาบอกว่า (เออ ไม่ใช้พระคัมภีร์เดิม) ก็ใช้น่ะ พระคัมภีร์เดิมเราก็ใช้น่ะ (ไม่รักษาพระบัญญัติเดิม) รักษายังไงพระเยซูบอกว่าเราตายแล้ว รักษายังไงพระเจ้าบอกว่าเราตายแล้ว พระคัมภีร์บอกว่าเราหลุดพ้นจากพระบัญญัติ เราอยู่ใต้พระคุณ แต่เราก็ไม่ได้ไปทำบาปใช่ไหม
ยิ่งกว่านั้นนะครับเราดำเนินชีวิตที่เหนือพระบัญญัติอีก เราดำเนินชีวิตที่แบบว่าทุ่มเทสุดๆ จิตใจของเราทำออกไปไม่สวมหน้ากากไม่ยิ้มแห้งๆ เรารักอากาเปได้ ซึ่งเป็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเรา เราทำมากกว่าคริสเตียนศาสนา เราทำมากกว่าคนยิวอีก
แล้วจะบอกว่าเราไม่อยู่ใต้พระบัญญัติ ที่จริงแล้วก็ใช่ก็ถูกนะครับ แต่พระคัมภีร์ก็พูดไว้เยอะเหลือเกินใช่ไหมว่าเราไม่ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติอีกแล้ว แต่เราอยู่ใต้พระคุณ พระบัญญัติไม่เคยถูกลบล้าง พระบัญญัติก็ยังคงอยู่ แต่พระบัญญัติ คือถูกทำให้ยากขึ้น สูงขึ้นๆ ใหญ่ขึ้น ยกระดับมากขึ้นจากมาตรฐานของมนุษย์ที่ต่ำๆ เล็กๆ ที่มนุษย์ก็พอจะทำได้ แต่มันยากขึ้น สูงขึ้นๆๆๆ จนเป็นระดับมาตรฐานของพระเจ้า เราทำไม่ได้
และเมื่อเรารู้ความลับ รู้เคล็ดลับ เราแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระเจ้า คือความชอบธรรมที่พระเยซูจะมาทำแทนเรา เราพบอาณาจักร ขอบพระคุณพระเจ้าเรากระทำได้มาตรฐานของพระเจ้าไม่ยากเลย เพราะว่าเรามีธรรมชาติของพระเจ้าอยู่ในเรา จะเป็นมาตรฐานของพระเจ้าระดับในเราทำได้ เพราะว่าพระเจ้าเป็นคนทำในเรา นี่คือเคล็ดลับที่พี่น้องอย่าหวังนะครับว่าเมื่อเราไปแบ่งให้คนอื่น เขาจะรับได้
และพี่น้องทำใจไว้นะครับ การข่มเหงจะตามมา ความลำบาก การถูกกล่าวหาว่าเราสอนผิด เชื่อผิดก็จะตามมา เขาจะให้ฉายาของเราว่าเป็นผู้เชื่อเทียมเท็จ แต่ถ้าหากพี่น้องรักพระเจ้าและแสวงหาการเติบโตจริงๆ คือเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมเองก็โดนมาแล้ว พี่น้องหลายท่านก็โดนมาแล้ว และถ้าหากว่าพี่น้องที่กำลังฟังอยู่และจะนำบทเรียนเหล่านี้ไปใช้ไปฝึก และเอาไปแบ่งก็ต้องทำใจนะครับ ทำใจเผื่อไว้ว่าจะมีผู้เชื่อพี่น้องที่เรารักนี่แหละ มากมายเหลือเกินที่จะต่อต้านขัดแย้งขัดขวางแล้วก็กล่าวหาเรา
แล้วสิ่งที่เขามีไม่ได้ ก็คือไม่มีสันติสุขทุกวันเวลานาทีเหมือนเรา และสิ่งที่เขามาไม่ถึง ก็คือเขาไม่มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง คือชีวิตของเขาจะขึ้นลง ขึ้นลง สุข ทุกข์ ดี บาป ไปจนตาย เราดูจากชีวิต เราดูจากคำพูด เราดูจากความก้าวร้าว เราดูจากความหยิ่งผยองพองตัว เราดูจากชีวิตที่ไม่เป็นแบบอย่าง อันนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าผลต้นไม้ต้นไหนที่เป็นต้นไม้ที่มาจากพระเจ้า ผลของต้นไม้ต้นไหนที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าแต่มาจากศาสนา แต่เราก็ยังรักทุกคน
เมื่อเรามาถึงจุดนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแบบว่า ถือว่าเราฉลาดหรือดีกว่าใคร หรือมีชีวิตที่สูงกว่าใคร ไม่ครับ เรายิ่งรู้มาก เรายิ่งต่ำลงมาก เรายิ่งรู้มาก เราก็ต้องเป็นคนที่น้อยลงมาก เป็นผู้เล็กน้อย และเรายิ่งรู้มากเท่าไหร่ เราก็จะเป็นคนที่ยอมเสียเปรียบ ไม่ต่อสู้กับเขา ไม่ตอบโต้ คือปล่อยเขาไป
เขาจะว่ายังไง เขาจะกล่าวหาเรา โลกทั้งโลกจะมองว่าเราเป็นคนผิดเป็นอะไรก็ตาม คือเมื่อเราถูกทอดทิ้ง เราอยู่ห่างไกลจากเขา สิ่งที่ดีที่สุดก็คือเราได้ขยับเข้ามาใกล้พระเจ้ามากขึ้น ถ้าหากเราห่างไกลจากมนุษย์มากขึ้น มากขึ้นๆๆ เราก็จะเข้ามาใกล้พระเจ้ามากขึ้น มากขึ้นๆๆ นี่คือหลักการ เราจะรับทั้งสองเราจะเลือกทั้งสองฝ่ายไม่ได้ เราจะเอามนุษย์และเอาพระเจ้าพร้อมกันไม่ได้
พระเจ้าต้องการเราคนเดียว พระเจ้าต้องการเวลาของเราที่เคยแบ่งให้ผู้อื่น พระเจ้าต้องการชีวิตของเราที่เคยแบ่ง จิตใจของเราใจของเราที่เคยแบ่งให้ผู้อื่นและสิ่งอื่น พระเจ้าต้องการทั้งหมด และเมื่อพระเจ้าได้ใจของเราได้เราและเราได้ใกล้ชิดพระเจ้ามากเท่าไหร่ เราสูญเสียทุกสิ่ง เราจะได้รับพี่น้องคนใหม่พี่น้องที่เป็นผู้ชนะด้วยกัน พี่น้องที่เข้าใจกัน พระเจ้าจะส่งมาหนุนใจ พระเจ้าจะให้เราพบคริสตจักรที่แท้จริง คริสตจักรเที่ยงแท้ ซึ่งเราจะมีส่วนร่วมและนมัสการในวิญญาณและความจริง
อธิษฐานในวิญญาณ อ่านในวิญญาณ กินในวิญญาณ เดินในวิญญาณ ทุกสิ่งในวิญญาณ ในพระวิญญาณทั้งหมดเลย ชีวิตของเราก็จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ชนะ และเข้าสู่อาณาจักรเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา
ขณะที่พี่น้องอีกมากมายน่าเสียดายและเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหม คือเขาไม่รับเอง คือพี่น้องเหล่านั้นก็จะมีโอกาสได้อยู่ข้างนอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปีเพื่อใช้หนี้ให้ครบ