ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เราทั้งหลายอยู่ในทุ่งหญ้าอันเขียวสด ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกหน อากาศร้อน อากาศหนาว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราก็อยู่ในทุ่งหญ้าอันเขียวสดของพระองค์ พระองค์พร้อมที่จะมีอาหารและน้ำแห่งชีวิตเพื่อเลี้ยงดูข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอบคุณพระเยซูพระองค์ต้องการความรักจากพวกเรา วันนี้พวกเรามีให้พระองค์ เราขอถวายชีวิตใหม่ ชีวิตที่เป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นอวัยวะเพื่อความชอบธรรม และเราขอถวายคำว่า "รัก" แด่พระองค์ พระเยซูพวกเรารักพระองค์ พระเยซูพวกเรารักพระองค์ พระเยซูพวกเรารักพระองค์
เราขอบคุณพระเจ้าที่ได้พบมานาฯ พบตัวตนของพระเยซูจริงๆ สำหรับสัมมนาครั้งนี้ผมเสียดายนะครับถ้าจะพูดถึงก็คือเสียดายมาก แต่ผมรู้ว่าเหตุผลที่พระเยซูไม่อนุญาตให้มาร่วมกับพวกเรา เพราะว่าพระเยซูอยากให้เราโฟกัสที่พระเยซูเอง และให้ผมมามีส่วนจากวีดีโอคอล แต่ที่สำคัญที่สุดนะครับพระเยซูเคลื่อนไหว พระเยซูอยู่ท่ามกลางพวกเรา พระองค์ต้องการให้เราเห็นว่าเราอยู่ที่นี่นะ คือเราที่พวกท่านแสวงหา พวกท่านต้องการมากที่สุดคือเรา และคนที่พวกท่านอยากมาหา ก็คือเรา ก็คือเยซู ก็สรรเสริญพระเจ้าที่พระองค์ทำให้นำพระทัยสำเร็จ
ขอบพระคุณพระเยซูที่วันนี้พระองค์อยู่กับพวกเรา พระองค์เป็นอาหารของพวกเรา เป็นน้ำแห่งชีวิตของพวกเรา เป็นทุกสิ่งของพวกเรา และสรรเสริญพระเจ้าทุ่งหญ้าอันเขียวสด คำนี้เป็นคำที่อัศจรรย์มาก เป็นสวรรค์บนดินสำหรับเรา โลกร้อน แต่เราเย็น เพราะว่าเราอยู่ในทุ่งหญ้าอันเขียวสด พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราเย็นสบาย ชุ่มฉ่ำชุ่มชื่น จิตใจเบาสบาย
ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งหนึ่งนะครับ สำหรับคริสตจักรทั่วไป เราก็ขอบคุณพระองค์ที่พี่น้องทั้งหลายก็เป็นลูกๆ ของพระเจ้าเป็นบุตรทั้งหลายของพระเจ้า เขานำคนมาหาพระเจ้าได้
แต่สำหรับมานาที่ซ่อนไว้ นำพระเจ้าเข้ามาหาเรา ขอบคุณพระเยซูจากเมื่อก่อนที่ไม่รู้ว่าพระเยซูอยู่ในเรา พระบิดาอยู่ในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา วันนี้เราได้พบคำตอบแล้ว ได้พบความจริงแล้ว ตาสว่างแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่รักษาอาการตาบอดฝ่ายวิญญาณของพวกเรา เอเมน
- ปัญหาเป็นของโลก และเป็นของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นสิ่งชั่วคราว เป็นเพียงแค่เงา ซึ่งพระเจ้าใช้มันเพื่อให้เราเติบโต
เราไม่ควรใส่ใจหรือโฟกัสที่ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา แต่ใส่ใจที่พระเจ้าสามพระภาคที่อยู่กับเรา ในเรา เป็นหนึ่งเดียวกันกับเราแล้ว
พระองค์รักเรา และไม่ให้ใครมาแตะต้องเราได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ขอพระวิญญาณก่อเราขึ้น และชำระเราให้กลายเป็นดินที่ดี ที่ใส่ใจฝึกเดินในพระคริสต์ และสะสมมานาฯ ต่อไป เพื่อเราจะถึงเส้นชัยเหมือนเปาโล
- 2 คร 5:7 / โรม 1:17
- สมัยก่อน พระเจ้าไม่พอใจมนุษย์ที่ทำบาป และกลายเป็นคนบาป
การเดินในทางแห่งความชอบธรรมเท่านั้นที่เป็นที่พอใจของพระเจ้าได้
แต่เนื่องจากว่ามนุษย์มีธรรมชาติบาปในเขา เขาไม่เคยทำอะไรให้เป็นที่พอใจของพระเจ้าตลอดไปได้
และในที่สุดพระเจ้าจึงให้โอกาสแก่มนุษย์เพื่อที่พระองค์จะพอใจในชีวิตเขาได้
- เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา พระบิดาก็พอใจกับสิ่งที่พระเยซูกระทำ
และคนที่เชื่อในการไถ่ของพระองค์ พระเจ้าก็ยอมรับเขาว่าเป็นคนชอบธรรมและพอใจในเขา
- โดยทางความเชื่อ เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับยิวที่เคร่งศาสนาคนหนึ่ง
และความเชื่อเป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการเพื่อการงานของพระองค์จะสำเร็จทั้งหมดในเรา
- พระเยซูมาบังเกิดเมื่อสองพันปีก่อน เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูตายที่กางเขน เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูชุบชีวิตเราให้บังเกิดใหม่ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูระบายวิญญาณของพระองค์ให้เราเพื่อการดำเนินชีวิตใหม่ในเรา เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูเทพระวิญญาณใส่เราเพื่อฤทธิ์เดชแห่งการรับใช้ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในเรา เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- เรามีชีวิตและเดินในฝ่ายวิญญาณ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- เราตื่นนอนตอนเช้า เราสนิทพูดคุยสนทนาบอกรักพระองค์ เราไม่เห็นพระองค์แต่เราเชื่อ
- ตอนสาย ตอนบ่าย ตอนเย็น ตอนค่ำ เราเดินไปกับพระองค์ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- เรามีความหวังในอนาคตเรื่องความรอด เรื่องอาณาจักร และฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- เราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อและจบลงก็ด้วยความเชื่อ (โรม 1:17)
- เราเดินด้วยความเชื่อหรือเชื่อเอา ไม่ใช่ด้วยตามองเห็น เพราะว่าโลกฝ่ายวิญญาณเอาตาไปมองเอาหูไปฟังไม่ได้ ต้องเชื่อเอาอย่างเดียว
- โรม 1:17 จึงกล่าวว่า การที่เราจะเป็นผู้ชอบธรรมต่อพระเจ้า ก็คือความเชื่อ เราเชื่อพระเจ้าทำ เราเชื่อพระคริสต์ทำ เราเชื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำ
- เราโดนเอารัดเอาเปรียบเราก็ยอมเสียเปรียบเพราะว่าพระเยซูจะตอบแทนการกระทำของทุกคน เราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
- ความเชื่อคือความหวังใจในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่ามีจริงและได้รับแล้ว (ฮบ 11:1)
เราขอบคุณพระเจ้ามาถึงยุคพระคุณ การที่จะเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า และการที่จะเป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ ที่เรามีชีวิตพระคริสต์เป็นคนทำแทน ทุกสิ่งเป็นมาโดยทางความเชื่อ หรือเชื่อเอา
คือตั้งแต่แรก เราไม่เห็นพระเจ้า เราไม่เห็นการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ เราไม่เห็นการตายเพื่อไถ่บาปของพระเยซู เราไม่เห็นการฟื้นคืนพระชนม์ เราไม่เห็นการงานของพระองค์เมื่อสองพันปีก่อน แต่เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็นำสิ่งที่เราเชื่อมาสู่เรา ให้เราได้สัมผัส ให้เราได้กินได้ดื่ม ให้เราได้รับในสิ่งที่พระเจ้าทำสำเร็จแล้ว โดยทางความเชื่อ
แต่ก่อนยิว เคร่งศาสนามากๆ จึงจะกลายเป็นคนชอบธรรมได้
แต่สำหรับตอนนี้ยุคนี้เป็นยุคพระคุณ พระเยซูเป็นคนทำ พระเยซูเป็นคนชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้า และเหนือกว่าฟารีสีธรรมอาจารย์ เหนือกว่าชาวยิวทั้งหลาย เพราะว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า พระองค์ดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมบริสุทธิ์ตลอดชีวิตของพระองค์
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาเชื่อ ความชอบธรรมของพระเยซู พระองค์ก็ยกให้เรา เราทุกวันนี้จึงกลายเป็นคนชอบธรรมต่อหน้าพระเจ้าโดยทางความเชื่อ เราเชื่อ พระเจ้ามองมาที่เรา เห็นพระเยซูปกปิดเราอยู่ และพระเจ้าเรียกเราว่า ผู้ชอบธรรม ทั้งๆ ที่เราไม่น่าจะเป็นคนชอบธรรมได้ เราก็เรายังทำบาปอยู่ แต่พระเจ้ามองเราทุกครั้ง เห็นพระเยซูไม่ได้เห็นเรา พระเจ้าจึงเรียกเราว่าผู้บริสุทธิ์และผู้ชอบธรรม
เรามีสองสิ่งที่พระเจ้ามองเห็นทุกครั้งทุกวันทุกเวลาทุกนาที ทุกครั้งที่พระเจ้ามองมาที่เรา เห็นพระเยซูปกปิดเรา พระเยซูเป็นเสื้อที่เราสวมใส่ เรียกว่าเสื้อที่ดีที่สุด เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมที่ชอบธรรมเท่ากับยิวที่เคร่งศาสนา ขอบคุณพระเจ้าสิ่งนี้เราได้มาโดยการเชื่อ โดยทางความเชื่อ โดยเชื่อเอา ว่าเราเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์แล้ว และพระเยซูเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่กระทำให้สำเร็จ
จากนั้นการบังเกิดใหม่ เราก็ไม่เห็น (แต่โดยการเชื่อเอา) เมื่อเชื่อ เราก็จะได้เห็นชีวิตใหม่เริ่มปรากฏขึ้นมามากขึ้นมากขึ้นในชีวิตของเรา
และการประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรา เราก็ไม่เห็น (แต่เราเชื่อเอา)
เราได้รับพระคริสต์เข้ามาอยู่ในเราชีวิตพระคริสต์ เราไม่เห็น (แต่เราก็เชื่อเอา) เมื่อเชื่อ ชีวิตพระคริสต์ก็มาปรากฏ เมื่อเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เคลื่อนไหวในเราก็มาปรากฏ
ทุกสิ่งที่เราเดินทุกวันนี้เราทำทุกวันนี้เราไม่เห็น (แต่เราเชื่อเอา)
ขอบคุณพระเจ้าที่พระเยซูทำแทนเรา เรายังไม่เห็น (แต่เราเชื่อเอา) คือการเชื่อเอาจะนำสิ่งที่พระเยซูทำสำเร็จแล้วมาสู่เราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ สรรเสริญพระเจ้าเป็นชีวิตที่ง่ายมาก เป็นชีวิตที่ใช้ความเชื่อ ไม่ได้ใช้การกระทำ ไม่ได้ใช้ความพยายาม ไม่ต้องทำอะไร แต่พระเจ้านำมาสู่เรา แค่เพียงเราเอ่ยปากบอกพระเจ้าว่า
"ข้าพระองค์เชื่อ พระเยซู ข้าพระองค์เชื่อว่าข้าพระองค์เป็นผู้ชนะแล้ว" พูดแบบนี้ทุกวันสิครับ และบอกตัวเราเองด้วยนะครับ "เธอเป็นผู้ชนะแล้วน่ะ เอเมน เธอเป็นผู้ชนะแล้ว" ทั้งๆ ที่เรายังมีกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ยังรักโลก ยังทำสิ่งที่โลกทำกันอยู่ เราเดินตามโลกอยู่ แต่แค่เราพูดนะครับ อยู่ตรงนี้นะครับ (ปาก) ที่ลี้ภัยเมืองลี้ภัยของเรา สิ่งที่จะทำให้พระเจ้านำความสำเร็จ ที่พระเยซูทำแล้วเมื่อสองพันปีก่อน มาสู่เราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือพูดนะครับ
"เอเมน ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ เอเมนข้าพระองค์มีพระคริสต์ทำแทน ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็น เอเมนข้าพระองค์มีสันติสุข เอเมนพระองค์เป็นน้ำแห่งชีวิต เป็นพลัง เป็นอาหาร เป็นทุกสิ่งของข้าพระองค์ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์เหล่านั้น"
และจากนั้นไม่นานพระวิญญาณจะนำประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ ชีวิตที่ครบถ้วน ชีวิตที่สำเร็จแล้วมาสู่เรา ให้เราได้ดื่ม ได้กิน ได้รับ ได้อิ่ม ได้เต็ม ได้เต็มล้น ได้มีพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ ให้เราได้สัมผัส ความเชื่อเป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการ พระเจ้าไม่ต้องการการกระทำ พระเจ้าไม่ต้องการการพยายาม ไม่พยายาม แต่เชื่อ แต่วางใจในพระเจ้า เราจะเห็นทุกสิ่งที่พระเยซูทำแล้ว
ในพระคริสต์อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพระพร อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลัง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยชีวิต อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสันติสุข ทุกสิ่งที่เราต้องการในชีวิตของเราเพื่อดำเนินชีวิต พระเยซูทำ พระวิญญาณนำมาสู่เราเพื่อมีประสบการณ์ในพระคริสต์ เราขอบคุณพระเจ้าเป็นยุคพระคุณ เป็นยุคที่ง่ายมากที่จะรอดและเป็นสิ่งที่ง่ายมากที่จะนำเราเข้าไปสู่ชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณและเป็นผู้ชนะได้ คือไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องพยายามอะไรเลย คือแค่รับยาหยอดตา.
รับยาหยอดตาให้พระเยซูเอายาหยอดตามาหยอดใส่ตาของเรา และเรานะครับเห็นความสว่าง ตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าตาบอดนะครับก็ไม่เห็นอะไรเดินไปไหนก็ไม่ได้ แต่ถ้าตาสว่างก็เห็นทั้งหมด เห็นพระเจ้า เราเห็นพระเจ้าหรือยังครับ? ตาเราหายบอดแล้ว เห็นพระเจ้าแล้วน่ะ ชัดเจนแล้วน่ะ
เราเห็นพระเจ้านะครับ พระเยซูเห็นแล้วนะครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นแล้วนะครับ
หนทางชีวิตคริสเตียนเห็นแล้วนะครับ
เรื่องสิบลดเห็นแล้วนะครับ
เรื่องพระคริสต์อยู่ในเราเห็นหรือยัง
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่จากเราไปไหนเห็นแล้วหรือยัง
ยุค 4 ยุค เห็นหรือยัง
พระโลหิตมีคุณค่ามากเท่าไหร่ เราเห็นหรือยัง
เมื่อก่อนเราไม่รู้จักพระคุณ เห็นคุณค่าของพระโลหิตมากเท่านี้ เมื่อพบมานา เราเห็นหรือยัง
เมื่อก่อนเราไม่มั่นใจในความรอดของเรา แต่เดี๋ยวนี้เรามั่นใจหรือยัง
ขอบคุณพระเยซูนะครับเพราะว่าตาเราถูกเปิด และสิ่งที่เราใช้ต่อไป ก็คือไม่มีการพยายามไม่มีการกระทำ แต่โดยพระคุณพระเจ้า เราเชื่อ พระเจ้าทำ พระวิญญาณนำมาสู่ชีวิตของเรา เอเมน
ถาม.
การเชื่อเอา เรามีจุดสิ้นสุดไหมคะ หมายถึงว่า เราจะต้องเชื่อเอาอย่างนี้ตลอดไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือเปล่าค่ะ
ตอบ.
เราจำกันได้ไหมหนังสือโรมบทที่ 1:17 เราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ อยู่ตรงนี้ก็ด้วยความเชื่อ ตอนนี้ด้วยความเชื่อ และจบลงด้วยความเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านเปาโลว่าชีวิตคริสเตียน เราเป็นผู้ชอบธรรม การดำเนินชีวิตของเรา จะต้องดำเนินเดินไปด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อและจบลงก็ด้วยความเชื่อ ไปเรื่อยๆ นะครับ จนตาย
อย่าเลิกเชื่อเอานะครับ อยากเห็นสันติสุข เชื่อเอาถ้ายังไม่เห็น อย่างที่ผมพูดนะครับ และพี่น้องที่เป็นพยานใช่ไหมอากาศร้อนแล้วก็มันก็ร้อน แต่เราอยากให้ลมของพระวิญญาณพัดมา ทำยังไงครับ "ไม่ร้อน เอเมน ไม่ร้อน" เราก็ได้เห็น
ถาม.
ขอความชัดเจนนิดนึงนะคะว่า ดิฉันจะมีความรู้สึกว่าเชื่อเอา แต่ว่าบางครั้งก็เชื่อเอาไม่ได้ คือเรามีความรู้ของเราอยู่ใช่ไหมคะ รู้ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ รู้ว่าพระเจ้าช่วยอะไรได้ รู้ว่าพระเจ้ารักเรา แต่เราอยากมีความรู้สึกว่าเรารักพระเจ้ามากๆ อยากมีอารมณ์ความรู้สึกที่แบบซึ้งใจ แต่ไม่เคยมีเลย พยายามที่จะเชื่อว่าซึ้งใจมากเลย แต่ก็ยังเฉยๆอยู่ อันนี้คือมารซาตานทำงานในเราใช่ไหมคะ หรือว่าคือไม่รู้ว่าพี่น้องคนอื่นเป็นยังไงนะคะ ดิฉันมีความรู้สึกว่าเชื่อเอาว่าได้รับแล้วได้รับแล้ว ก็ยังไม่ได้รับ ต้องรอเวลาคิดว่ารอเวลา แต่ว่าบางครั้งเราเผลอทำอย่างอื่นไปล่ะ ได้รับไม่ได้รับไม่สนใจล่ะ แต่ว่าเมื่อมาทบทวนอีกที ถ้าจะเป็นสิ่งที่ดิฉันเชื่อเอาและได้รับแล้ว
ตอบ.
ผมอยากให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ คำว่าเชื่อเอา คือเราใช้กับชีวิตในพระคริสต์ ทุกสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทำสำเร็จแล้ว อาจจะรวมถึงเรื่องการอวยพร การนำการช่วยเหลือของพระเจ้ามาสู่เราก็เป็นได้ แต่สิ่งหลักที่เราใช้ความเชื่อ เดินด้วยความเชื่อ และเชื่อเอา ก็คือเราไม่เห็นการงานของพระเยซูที่ทำเมื่อสองพันปีก่อน
คือพระเยซูนับเราเข้าไปตายกับพระองค์ และฟื้นขึ้นมากับพระองค์ เราไม่เห็นนะครับ แต่เราเชื่อเอา เมื่อเราเชื่อ เราก็จะมีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ คือเห็นการตายของตัวเก่าของเรามันอ่อนแอมันตายลงตายลง มันไม่รู้สึกว่าอยากทำบาป ไม่รู้สึกว่ารักโลกอีกต่อไป
และเราเห็นประสบการณ์การมีชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่กับพระเยซู ก็คือเห็นจิตใจที่ใหม่ เห็นความรัก ความนอบน้อม ความถ่อมตน ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ อะไรประมาณนี้นะครับ
และเราไม่เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่ในเรา แต่เราเชื่อเอา เมื่อเราเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เคลื่อนไหวก็ทำงานในเรา ความหมายนะครับ
และสมมุติว่าเราป่วยเราไม่สบายและเราบอกว่า "เอเมนพระเยซูรักษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์เชื่อ" การอัศจรรย์เกิดขึ้นได้ครับเป็นไปได้ เพราะว่าพระเยซูสัญญาในมัทธิวบทที่ 8:17 "ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลายและหอบโรคของเราไป" และเมื่อเราเห็นความจริงตรงนี้ เราก็บอกว่า "เอเมนพระองค์แบกเอาความเจ็บไข้ของข้าพระองค์ไปแล้ว ข้าพระองค์เชื่อ" แต่มันยังอยู่น่ะอาการเจ็บไข้อาการป่วยของเรายังอยู่ แต่เราบอกว่า "ข้าพระองค์เชื่อ ข้าพระองค์เชื่อแน่นอน เป็นความจริงข้าพระองค์เชื่อในพระคำของพระเจ้า พระเจ้าไม่โกหก พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งการมุสา เอเมนๆๆ"
เรายืนยันนะครับ เราบอกพระเยซู เราบอกเราเอง เราบอกพระวิญญาณบริสุทธิ์ "พระองค์นำความจริงมา นำการแบกเอาความเจ็บไข้ไปที่กางเขนมา ข้าพระองค์อยากเห็น และข้าพระองค์เชื่อ" พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทำนะครับ ตามขนาดของความเชื่อของเรา เราเชื่อมากเท่าไหร่ เรามั่นใจมากเท่าไหร่ ความเชื่อของเรานะครับมากเท่ากับเมล็ดมัสตาร์ด พระองค์ก็จะทำให้มันเกิดขึ้นได้
เพราะฉะนั้นการเชื่อเอาเป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ ให้เรามี ให้เราเป็น ถ้าหากเราเกิดความสงสัย ลังเล หรือไม่ค่อยฝึกเรื่องการเชื่อเอา ซาตานนะครับมีส่วนซาตานเป็นคนที่พยายามหลอกล่อเราทำให้หลงกล และทำให้เราไม่อยากดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อเอา
คริสเตียนทุกวันนี้เราเดินด้วยการเชื่อเอา ซาตานมันรู้ว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าจะทำงาน มันก็ต้องขัดขวาง ซาตานเป็นฝ่ายขัดขวาง เป็นฝ่ายกบฏ เป็นฝ่ายที่ทำให้การงานของพระเจ้าไม่สำเร็จ อย่าไปเชื่อมันไม่ต้องไปฟังมัน เราเดินด้วยการเชื่อเอา ในพระคัมภีร์ก็มีสนับสนุน ไม่ใช่อาจารย์เปลเป็นคนสอน ไม่ใช่อาจารย์...เป็นคนพูด แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์พูด
โรม 1:17 เราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อจบลงด้วยความเชื่อ
2 คร 5:7 เพราะว่าเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น
คริสเตียนเดินด้วยการเชื่อเอา ไม่ใช่ด้วยสายตามองเห็น
....
ถาม.
ถ้าหากเราดำเนินชีวิตไปถึงจุดที่เรามีพระคริสต์ทำแทนได้แล้ว จนพระคริสต์มาเชื่อแทนเราได้แล้ว เรายังต้องใช้ความเชื่อเอาอย่างนี้อีกต่อไปหรอคะ ยังไงคะ
ตอบ.
เมื่อพระคริสต์มาทำแทนมาเชื่อแทน ความเชื่อของเราทุกวันนี้อาศัยเป็นความเชื่อของพระเยซูแล้ว ความเชื่อของเราพัฒนาสู่ความเชื่อของพระเยซู พระเยซูจะพาเราเชื่อเอา พระเยซูจะเชื่อกับเรา เชื่อในเรา และเชื่อแทนเรา
อย่าลืมนะครับว่าพระเยซูทำแทนเนี้ย ไม่ได้หมายความว่าพระองค์สำแดงความชอบธรรม ความดี ความรัก ความอดทนนาน การอภัย การยกโทษแก่ผู้อื่น ไม่ถือสาเขา ช่วยเหลือเขา อะไรก็แล้วแต่นะครับ ขอบคุณพระเยซูอีกไม่นานต่อมาพระองค์จะครอบครองควบคุมทั้งชีวิตของเรา ความคิดของเรา และความเชื่อของเราด้วย
กาลาเทีย 2:20 "ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ก็คือโดยความเชื่อของพระเยซู" ก็คือความเชื่อของพระเยซูจะเข้ามาแทนที่ความเชื่อของเราแล้ว ตอนนั้นนะครับ ตอนนั้นก็คือเราพูดอะไร เราอธิษฐานเผื่อใคร เราขออะไรก็ได้ทั้งหมด แต่ได้ก็คือได้ตามน้ำพระทัยของพระบิดานะครับ ไม่ใช่ว่าตามใจเรานะครับ พระเยซูอยากได้รถ อันนี้ด้วยความเชื่อของพระเยซูจะไม่อธิษฐานแบบนี้นะครับ ก็คือให้เราตามน้ำพระทัยของพระองค์
...
ถาม.
ถ้างั้นเราก็ต้องเชื่อไปจนถึงจุดที่พระเยซูเชื่อแทนเรา ก็คือถึงจุดนั้นใช่ไหมคะ
ตอบ.
เชื่อไปถึงจุดที่พระเยซูเชื่อแทน ใช่ครับ
ทุกวันนี้เราทำนะครับ ทำไปจนถึงจุดที่พระเยซูทำแทน และการกระทำของเราทุกวันนี้ เราไม่เห็นว่าพระเยซูทำ แต่เราเชื่อว่าพระองค์ทำอยู่
พี่น้องที่นั่งฟังอยู่นะครับเชื่อว่าพระเยซูนั่งฟังแทน ทั้งๆ ที่ไม่เห็น และไม่รู้สึกไม่มีความรู้สึกว่าพระองค์ฟังแทนอยู่ แต่เราเชื่อ ด้วยความเชื่อที่เราบอกว่าพระองค์ฟังแทน เราไม่เห็น อีกไม่นานนะครับนั่งนานต่อมารู้สึกว่า เออ ความเข้าใจนะครับ หูทิพย์ หูฝ่ายวิญญาณเปิด ก็คือหูพระเยซูที่เข้ามา มาทำงานแทนหูเรา ทำให้เราได้ยินเสียงชัดเจน เสียงพระวิญญาณนะครับชัดเจนมาก เข้าใจดีมากๆ นี่คือการฟังแทนของพระเยซูแล้ว
และที่สำคัญผมอยากให้เราคุยกันและถามเรื่องการเดินด้วยการเชื่อเอา เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตผู้ชนะ ผู้ชนะจะเดินด้วยการเชื่อเอา ไม่ใช่ความพยายาม ไม่ใช่การกระทำ แต่ด้วยการเชื่อเอา สิ่งเดียวที่เราทำนะครับถ้าหากเราจะมาถึงชีวิตผู้ชนะได้ ก็คือเชื่อเอา และที่สำคัญพระเยซูตรัสผ่านท่านยอห์น ผู้ที่เชื่อและเป็นบุตรพระเจ้า ก็เป็นผู้ชนะแล้ว เราจำคำนี้นะครับ ทั้งๆ ที่เราไม่เห็นชีวิตผู้ชนะ ทั้งๆ ที่เราทำบาปอยู่และทำบ่อยมาก จะเป็นผู้ชนะได้ยังไง ก็เป็นสิครับ อย่าไปมองสิ อย่าไปมอง อย่าไปดู อย่าไปสังเกต แต่ด้วยความเชื่อ
เราบอกเราเองทุกวัน เธอเป็นผู้ชนะแล้วน่ะ ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็น และบอกพระเยซูด้วย "พระเยซู ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ตั้งให้ข้าพระองค์เป็นผู้ชนะ และผู้ชนะก็คือพระองค์ที่เป็นผู้ชนะในข้าพระองค์ ไม่ใช่ข้าพระองค์เป็นผู้ชนะ ขอบคุณพระเยซูชนะแล้ว เอเมน ชนะแล้ว ชนะแล้ว" บอกทุกวันสิครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำอาการ นำชีวิต นำคุณสมบัติของผู้ชนะมาสู่เรา และการกระทำแห่งความชอบธรรมก็จะเกิดขึ้นภายในเรา เพียงแต่เราพูด พระเจ้าเป็นคนทำ คือมันง่ายมาก เราพูด พระเจ้าทำ ยุคนี้เป็นยุคพระคุณ เราพูด พระเจ้าทำ เราเชื่อ พระเจ้าทำ
และผมอยากจะบอกพวกเรานะครับ หนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ บทเรียนที่เราเรียนกันมา 10 บท เป็นสิ่งที่จะให้เราเห็นภาพของข้อที่ 9 (บทเรียน 03) เราเรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่างตั้งแต่บทเรียน 01 จนถึง 03 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสิ่งอื่นใด ก็คือการเดินด้วยการเชื่อเอา เชื่อว่าเราเป็นแล้ว เป็นผู้ชนะแล้ว เชื่อว่าเราอยู่กับพระคริสต์ นั่งที่พระที่นั่งกับพระบิดาแล้ว เชื่อว่าเราอยู่ในการตายของพระเยซูสนิทในการตาย และเชื่อว่าเราสนิทอยู่ในการเป็นขึ้น เชื่อว่าเรามีชีวิตใหม่แล้ว การกระทำทุกสิ่งของเราเป็นการกระทำที่ชอบธรรมไม่มีบาปแล้ว เชื่อเอา เชื่อ ท่อง จำ นับทุกวันสิครับ ถ้าเชื่อ ท่อง จำ นับทุกวัน เหมือนเปาโลทำ เราก็จะประสบความสำเร็จเป็นผู้ชนะเหมือนเปาโล อย่าทำให้มันยากนะครับ
พระเยซูตรัสว่า มธ 11:28 "ผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข" จงมาหาเรา ไม่ใช่มาเชื่อนะครับ มาหา ก็คือมาใกล้ๆ พระเยซูตอนนี้อยู่กับเราอยู่ในเราแล้ว ขยับเข้าไปใกล้ๆ พระเยซูนะครับ แล้วแอกก็เบา ภาระก็เบา กางเขนก็เบา และได้รับการพักผ่อน ขอบคุณพระเยซูวันนี้เรามีแต่พักผ่อนในพระองค์ เราทำงาน ทำมาหาเลี้ยงชีพ เราทำนะครับ แต่เราพักผ่อนภายในจิตใจ และเราเชื่อเอา เพื่อให้การกระทำที่ชอบธรรมของพระคริสต์ปรากฏในชีวิตของเรา ขอบคุณพระเจ้า
ถาม.
เมื่อกี้ อจ. บอกว่าให้เราเชื่อเอาว่าเราเป็นผู้ชนะแล้ว เป็นผู้ชนะแล้ว เราบอกว่าเราเป็นผู้ชนะ ถ้าเราจะต่ออีกคำได้ไหมค่ะ จากผู้ชนะและสุกงอมด้วยได้ไหมค่ะ ให้ครบกระบวนการนี้เลยค่ะ ได้ไหมค่ะ
ตอบ.
ผู้ชนะกับผู้สุกงอม ก็อันเดียวกันครับ สุกงอมก็คือผู้ชนะครับ เราจะพูดว่าผู้ชนะสุกงอมก็ได้ครับ ก็ได้ไม่เป็นไรนะครับ หรือผู้ที่สุกงอม ถ้าพี่น้องเข้าใจ แต่คำว่า ผู้ชนะ คือทุกคนเข้าใจครับ
สุกงอมก็ดีน่ะ คือมันมีรสชาติที่อร่อยใครก็อยากกิน ใครก็อยากอยู่ใกล้ ใครก็อยากสัมผัส มันมีความหมายอีกแบบหนึ่งนะครับ และผู้ชนะก็คือก็เหมือนกันนั่นแหละ
ขอบคุณพระเจ้าเราเป็นผู้ชนะแล้ว
ขอบคุณพระเจ้าเรามีจิตใจใหม่แล้ว
ขอบคุณพระเจ้าเราไม่ทำบาปอีกแล้ว
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ตั้งเราให้เป็นผู้ชนะ และพระองค์เป็นผู้ชนะในเรา ขอบคุณพระเจ้าเราไม่เห็นแต่เราเชื่อ
ขอบคุณพระเจ้าเราจะไม่อาศัยอารมณ์ความรู้สึก ตาที่มองเห็นที่มองดูร่างกายฝ่ายเนื้อหนังของเรา แต่เรามองไปที่พระคำพระเจ้า พระองค์บอกว่าเราเป็นผู้ชนะ เราก็จะรับความจริงของพระองค์มาเป็นความจริงของเรา เอเมน
ถ้าเราทำแบบนี้ เราพูดแบบนี้บ่อยๆ ทุกวันทุกเวลา สุดท้ายเรานั่งอยู่ดีๆ นะครับมีคนมาด่ามาว่ามาอะไรเรา เมื่อก่อนเราโกรธ เราโมโห เราตอบโต้ใช่ไหม แต่เราก็นั่งนิ่ง แล้วก็จิตใจที่สงบใจเย็น แล้วก็ชวนคุยบอกว่าใจเย็นๆ คุยกันดีๆ มีอะไร ฉันทำผิดฉันขอโทษ แล้วเรามานั่งนึกนะครับว่า เอ๋ ฉันพูดไปได้ยัง มันไม่ใช่ชีวิตนิสัยจิตใจของฉันที่เป็นแบบนี้ อ้อ เป็นพระเยซูนี่เอง ขอบคุณพระองค์ที่ทำให้เกิดแล้ว
....
โรม 1:17 พระเจ้าตรัสว่า ผู้ชอบธรรมของพระเจ้า เดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อและจบลงก็ด้วยความเชื่อ ความหมายก็คือ เชื่อในความจริงในพระคำของพระเจ้า
สมมุติว่าเราเป็นทุกข์อยู่ รู้สึกว่าเราเป็นทุกข์เรามีทุกข์ แต่เราเชื่อว่า "เอเมน ในพระคริสต์มีแต่สันติสุข เอเมน ข้าเชื่อ ข้าเชื่อ ในความจริงของพระองค์ เอเมน" แล้วพระเจ้าก็จะนำสันติสุขมาสู่เรา จากการที่เป็นทุกข์อยู่นะครับ สันติสุขก็เข้ามาแทนที่ เนื่องมาจากความเชื่อของเรา
และเมื่อเรารู้สึกอ่อนแอ เราตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกว่าอ่อนแอ อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง เราบอกว่า "เอเมนพระเยซู ในพระคริสต์มีแต่ความเข้มแข็ง ไม่มีความอ่อนแอ อาการอ่อนแอมาจากเนื้อหนังเป็นของฝ่ายโลก แต่ข้าพระองค์เข้มแข็ง เอเมน" พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำความเข้มแข็งมาสู่เรา
.....
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลี้ยงดูเราด้วยอาหารที่มาจากพระองค์ ชีวิตของพระองค์มาทางอาหาร เป็นอาหารสวรรค์ เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิตของพวกเรา
ขอบคุณที่เราได้กิน ได้ดื่ม ได้อิ่ม ได้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณพระเยซูที่สอนเราให้เข้าใจเรื่องการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ และยังให้เข้าใจเรื่องการดำเนินชีวิตสู่การเป็นผู้ชนะ เราเอาเปาโลเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และอาดัมของเราต้องตาย
และขอบพระคุณที่สอนเราให้สนิทในพระองค์ อยู่กับพระองค์ อยู่ด้วยกันสองคนในร่างกายนี้ และเป็นที่รัก เป็นเหมือนสามีภรรยา เป็นเพื่อนสนิท เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมากที่สุด ขอบพระคุณพระเจ้าและเรามีหัวใจรัก ถวายแด่พระองค์ทุกวันทุกเวลา เมื่อเราเอ่ยปากบอกรักพระองค์ เราบอกด้วยความจริงใจออกจากหัวใจของเรา
และขอบคุณที่สอนเราเรื่องชีวิต พระเจ้าเป็นชีวิตไม่ใช่ศาสนา
ขอบคุณพระองค์ที่สอนเราเรื่องการกินพระเยซู ผ่านการอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ การหายใจเข้าออกในแต่ละวัน เพื่อที่จะรับชีวิตและนิสัยของพระองค์มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น
และขอบคุณพระองค์ที่สอนเราว่า เราเกิดมาเพื่อวิ่งแข่ง ไม่ใช่เพื่อนั่งนิ่งยืนนิ่งเฉย
และขอบคุณพระองค์ที่ให้เราอยู่และมองทุกคนทุกสิ่งในด้านบวก และใหม่หมดในพระคริสต์
และสอนเราว่าสิ่งที่สำคัญ ก็คือการโฟกัสที่พระเยซู ไม่ใส่ใจไม่โฟกัสไม่มองไปที่ปัญหาและผู้คนและคำพูดและทุกสิ่งที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามา
และขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเราเรื่องการเชื่อเอา และเราจะอยู่ด้วยการเชื่อเอา ตั้งแต่เริ่มต้น จนสุดท้าย ก็คือเชื่อเอา สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเยซูเอเมน