24:1 ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากพระวิหาร แล้วพวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลายในพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร
24:2 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี"
** เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 70 เมื่ออาณาจักรโรมันส่งทหารมาถล่มกรุงเยรูซาเล็มเพราะว่ากลุ่มกบฏของยิวลุกขึ้นเพื่อจะได้หลุดพ้นจากอำนาจของโรมัน
** ทหารโรมันพบว่ามีทองคำในซอกหินที่ติดกันที่ก่อเป็นฝาผนังพระวิหาร จึงทำลายฝาผนังนั้นจนหมดเพื่อเอาทองคำทั้งหมด
24:3 เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ส่วนตัวกราบทูลว่า "ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้"
** พระคัมภีร์หลายเล่มแปลว่า "วาระสุดท้ายของโลกนี้" แต่แท้ที่จริงแปลว่า "วาระสุดท้ายของยุคนี้" ซึ่งเป็นเวลาที่ยุค (พระคุณ) นี้จะจบ และเริ่มเข้าสู่ยุคราชอาณาจักร
24:4 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง
24:5 ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเรา กล่าวว่า `เราเป็นพระคริสต์' เขาจะล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป
** ก่อนที่จะถึงเวลาที่พระเยซูมาบังเกิด มี 16 คนที่อ้างตนว่าเป็นพระผู้ไถ่ และทุกคนถูกประหารชีวิตหมด และตั้งแต่พระเยซูทรงเป็นขึ้นจนถึงทุกวันนี้เราพบว่า มีหลายๆ คนที่อ้างว่าเขาเป็นพระเยซูที่จะกลับมา ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
24:6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง
24:7 เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและโรคติดต่อร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ
24:8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก
** ข้อ 6-8 คือเหตุการณ์ก่อนที่จะถึง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน
24:9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา
** ข้อ 9 คือเหตุการณ์ที่ ผู้เชื่อชาวยิวจะกลับมาประกาศที่อิสราเอลในช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน
ผู้เชื่อชาวยิวจะกลับมาประกาศที่อิสราเอลในช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน
24:10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน
24:11 ผู้พยากรณ์เท็จหลายคนจะเกิดมีขึ้นและล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป
24:12 ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่กว้างออกไป
24:13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด
24:14 ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะได้ประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
** ข้อ 10-14 อยู่ในช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานแล้ว
** "ที่สุดปลาย" ในที่นี้ คือ "สุดปลายของยุค" ไม่ใช่สุดปลายของโลก หรือโลกจะจบ
แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด
บทความเพิ่มเติม : (อ่านได้ในตอนท้ายของบทที่ 24)
24:15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดาเนียลศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์" (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด)
24:16 เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา
24:17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของออกจากบ้านของตน
24:18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน
24:19 แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจา น่าสงสารหญิงที่มีครรภ์ หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่
24:20 จงอธิษฐานขอเพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้นจะไม่ตกในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต
24:21 ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก
24:22 ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใดๆ รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า
24:23 ในเวลานั้นถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า `ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่' หรือ `อยู่ที่โน่น' อย่าได้เชื่อเลย
24:24 ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้พยากรณ์เทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น และจะทำหมายสำคัญอันใหญ่และการมหัศจรรย์ ถ้าเป็นไปได้จะล่อลวงแม้ผู้ที่ทรงเลือกสรรให้หลง
24:25 ดูเถิด เราได้บอกท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว
24:26 เหตุฉะนั้น ถ้าใครจะบอกท่านทั้งหลายว่า `ดูเถิด ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร' ก็จงอย่าออกไป หรือจะว่า `ดูเถิด อยู่ที่ห้องใน' ก็จงอย่าเชื่อ
24:27 ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น
24:28 ซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงนกอินทรีก็จะตอมกันอยู่ที่นั่น
24:29 แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว `ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน'
24:30 เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า `มนุษย์ทุกตระกูลทั่วโลกจะไว้ทุกข์' แล้วเขาจะเห็น `บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า' ทรงฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก
** เหตุการณ์ในสามปีครึ่งสุดท้ายของ 7 ปี
** ข้อ 30 นี้แปลผิด.......ภาษากรีกและอังกฤษแปลว่า "ทุกตระกูล (12 ตระกูลของชนชาติอิสราเอล) ของแผ่นดิน (ประเทศอิสราเอล)"
** ข้อ 15-30 จะพูดถึงเรื่องราวของ...
1. คริสเตียนชาวยิวไปประกาศที่อิสราเอล
2. คริสเตียนยิวถูกซาตานและพระคริสต์เทียมเท็จทั้งสมุนของมันข่มเหง
3. ชาวยิวที่ไม่เชื่อต้องหลบหนี
** ตอนนั้นชาวยิวที่รักษาพระบัญญัติและไม่ได้เชื่อพระเยซูก็มีมาก จะหนีอันตรายก็หนียาก ถ้าเป็นวันสะบาโต
** ข้อ 15-31 คือสามปีครึ่งสุดท้ายจนถึงพระเยซูเสด็จกลับมาเพื่อเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่
24:31 พระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น
24:32 จงเรียนคำอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว
24:33 เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว
24:34 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นจะสำเร็จ
** "คนชั่วอายุนี้" ในที่นี้ คือตระกูลของคนบาป ชั่วลูกชั่วหลาน (ไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่ในสมัยพระเยซูเท่านั้น) เพราะว่าผู้เชื่อมากมายแปลว่าคนในเวลานั้น จะได้เห็นเหตุการณ์ในยุคเจ็ดปี
24:35 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่คำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย
24:36 แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาของเราองค์เดียว
** ขณะที่ทรงพูดอยู่ พระเยซูทรงยืนอยู่ในฐานะของบุตรมนุษย์ แต่ในฐานะบุตรพระเจ้าหรือพระเจ้าพระบุตรนั้น ทรงทราบดี เรื่องวันเวลาหรือชั่วโมงที่จะเสด็จ กลับมา
24:37 ด้วยสมัยของโนอาห์ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย
24:38 เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา
24:39 และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย
24:40 เมื่อนั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง
24:41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง
24:42 เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน
24:43 จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และเฝ้าระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้
24:44 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้นบุตรมนุษย์จะเสด็จมา
24:45 ใครเป็นผู้รับใช้สัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกผู้รับใช้สำหรับแจกอาหารตามเวลา
24:46 เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น ผู้รับใช้ผู้นั้นก็จะเป็นสุข
24:47 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน
24:48 แต่ถ้าผู้รับใช้นั้นชั่วและคิดในใจว่า `นายของข้าคงมาช้า'
24:49 แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนผู้รับใช้และกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา
24:50 นายของผู้รับใช้ผู้นั้นจะมาในวันที่เขาไม่คิด ในโมงที่เขาไม่รู้
24:51 และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
** มธ 24:45-51 ทั้งหมดนี้ คือการดำเนินชีวิต รับใช้ และปรนิบัติพระเจ้า
** ข้อที่ 49 คือไม่ใส่ใจในการเดินในวิญญาณ แต่กลับมัวแต่ใส่ใจที่ฝ่ายเนื้อหนัง
อดทนจนถึงที่สุด....(มธ 24:13)" อดทนจนถึงที่สุด...." พระคัมภีร์ข้อนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเราในเวลานี้
อดทนจนถึงที่สุดในหนังสือมัทธิว คือพระเยซูตรัสถึงคริสเตียนยิวที่อดทนต่อการข่มเหง ไล่ล่าฆ่าฟัน ทำร้าย ที่ประเทศอิสราเอลในยุคเจ็ดปีแห่งความทุกข์ทรมาน
** จะรอด คือจะได้รอดจากบึงไฟ
- เพราะหลักการแห่งความรอดในช่วง 7 ปีสุดท้ายของยุคพระคุณ คือเชื่อไม่พอต้องไม่ทิ้งพี่น้องผู้เชื่อด้วยกัน และไม่ทิ้งพระเจ้า ไปกราบไหว้พระคริสต์เทียมเท็จ
** หลักการแห่งความรอดในยุคพระบัญญัติ คือเชื่อและรักษาพระบัญญัติ (ของชาวยิว)
** หลักการแห่งความรอดในยุคพระคุณ คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอดจากบึงไฟ และถ้าหากชีวิตเปลี่ยน รางวัลของผู้เชื่อเหล่านั้นคือ เข้าไปในอาณาจักรร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคพันปี และฟ้าสวรรค์ใหม่ / แผ่นดินโลกใหม่
** หลักการแห่งความรอดในช่วง 7 ปี สุดท้าย คือช่วยพี่น้อง ไม่ทิ้งกัน ไม่ทิ้งพระเจ้า (ความเชื่อ)
1. เราตอนนี้อยู่ในระยะแรกๆ ของเหตุการณ์ใน มธ บทที่ 24:4-14 ม้าสี่ตัวถูกปล่อยตั้งแต่ตอนที่พระเยซูเกะตราสี่ตรา เหตุการณ์เริ่มขึ้นในกิจการบทที่ 2 และม้าทั้งสี่กำลังวิ่งเร็วขึ้น
2. พอกลียุคจะเริ่มขึ้น พระเยซูจะรับผู้ชนะชุดแรกขึ้นไปก่อน (สองคนโม่แป้ง ในเรือน ที่ทุ่งนา มธ 24:40-41)
3. เริ่มกลียุค ยิว 144000 ถูกรับ (วว 7:1-8) ผู้ชนะต่างชาติถูกรับ (วว 7:9-17)
4. กลียุคสามปีครึ่งแรกผ่านไป สามปีครึ่งสุดท้ายพระคริสต์เทียมเท็จมาปรากฏ (วว 13)
5. โมเสสและเอลิยาห์มาช่วยคริสเตียนที่ไม่ชนะ (วว 11:1-6)
6. พระคริสต์เทียมเท็จไล่ล่าฆ่าฟันผู้เชื่อมันเจาะจงเล่นงานที่อิสราเอลและจากนั้นก็ทั่วโลก มีผู้ชนะเกิดขึ้นและถูกรับขึ้นไป (วว 12:1-6)
7. ปีสุดท้ายของกลียุค ทูตสวรรค์เก็บเกี่ยวโลก รับผู้เชื่อขึ้นไปทั้งหมด ชนะหรือไม่ชนะก็ถูกรับ คือการเป่าแตรที่เจ็ดใน (1 ธส 4 และ วว 11:15)
8. พระเยซูตัดสินผู้เชื่อที่ไม่ชนะใน มธ 7:21-27 และโรม 14:10 เรียกว่าพระที่นั่งของพระคริสต์ คือการตัดสินครั้งแรก
9. พระเยซูรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับผู้ชนะในสวรรค์ (วว 19:9)
10. พระเยซูและผู้ชนะลงมายังโลกเพื่อกำจัดพระคริสต์เทียมเท็จและลูกน้องของมัน และส่งไปยังบึงไฟก่อนใคร (วว 11:16 , 19:19-21)
11. ซาตานถูกขังเป็นเวลาพันปี (วว 20:1-3)
12. พระเยซูเริ่มครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปีร่วมกับผู้ชนะ ส่วนผู้ไม่ชนะต้องร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นอกอาณาจักรจนครบพันปี (วว 11:15 , 20:4-6)
13. ชาวโลกที่เหลือตายก็ดำเนินชีวิตอย่างสุขสบาย เกิด แก่ ตาย ฯลฯ สิบชั่วคน(คนที่ไม่เชื่อที่ผ่านกลียุคไปได้ คือรอดตายจากยุคพระคุณและจากเจ็ดปี จะได้เป็นประชากรของอาณาจักรพันปี แต่เขาอยู่นอกอาณาจักรอย่างมีความสุข โลกนี้จะได้รับการฟื้ฟูขึ้นมาใหม่ภายใต้การครอบครองดูแลของพระเยซูและผู้ชนะ และถ้าพันปีผ่านไป ซาตานถูกปล่อยออกมาและชาวโลกเหล่านี้ไม่ยอมติดตามมันเพื่อต่อสู่กับพระเยซู ก็จะได้รอด แต่ถ้าใครติดตามซาตานก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ) คนที่ไม่เชื่อยังจะต้องเกิดแก่เจ็บตายเพราะยังไม่มีกายใหม่
14. ซาตานถูกปล่อยออกมา มันล่อลวงคนที่ไม่เชื่อมาต่อสู้กับพระเยซู (วว 20)
15. ซาตานพ่ายแพ้และถูกส่งไปยังบึงไฟ (วว 20:7-10)
16. การพิพากษาครั้งสุดท้าย (พระบัลลังก์ใหญ่สีขาว) ตัดสินคนที่ไม่เชื่อเท่านั้นเพื่อส่งไปยังบึงไฟ คนที่ไม่เชื่อที่ตายในแดนมรณาก็ถูกส่งขึ้นมาเพื่อตัดสิน แดนมรณาถูกทิ้งลงในบึงไฟ (วว 20:11-15)
17. ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พระเยซูคืนอำนาจแด่พระบิดา และทั้งสามครอบครองร่วมกันชั่วนิจนิรันดร์ (วว 21-22)
- กลียุค หรือเจ็ดปีแห่งความทุกข์ทรมานอยู่ในช่วงเจ็ดปีสุดท้ายของยุคพระคุณ (ยุคนี้) พูดง่ายๆ ก็คือ พระเจ้าจะปิดยุคพระคุณด้วยกลียุค
- กลียุคมีเจ็ดปี ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือสามปีครึ่งแรก และสามปีครึ่งสุดท้าย สามปีครึ่งแรกไม่รุนแรงเท่าสามปีครึ่งสุดท้าย พระคริสต์เทียมเท็จจะมาช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย
- เมื่อกลียุคผ่านพ้นไป ทูตสวรรค์จะลงมาเก็บเกี่ยวโลก ผู้เชื่อจะสุกงอมหรือไม่สุกงอม จะถูกรับขึ้นหมด ผู้เชื่อสุกงอมจะรับตำแหน่งครอบครอง
- ส่วนผู้เชื่อไม่สุกงอมก็จะถูกนำมาบ่มให้สุกในยุคพันปีเหมือนบ่มกล้วยหอมให้สุก เพื่อให้รอดในวันสุดท้าย เมื่อเจ็ดปีผ่านไป ยุคอาณาจักร (ยุคพันปี) ก็จะเริ่มขึ้น