ถาม.
อย่างที่ อจ. ว่าการอธิษฐานคือการพูดคุยสนทนา อย่างเช่นเราดำเนินชีวิตเราทำนู่นทำนี่ เราจำว่าพระองค์อยู่ในเราทำร่วมกับเรา ตัวอย่างคือ เราออกกำลังกาย "พระเยซูวันนี้เล่นอะไรดี เล่นโปรแกรมไหน พระเยซูเล่นกี่ครั้ง อ๋อ เสร็จแล้วได้แล้ว" แบบนี้คือเราอยู่ในวิญญาณเราอยู่ในการสนิทกับพระองค์ เพราะว่าบางครั้งแบบผมฟ้องผิด ฟ้องผิดแบบว่าไม่ได้อธิษฐานเฝ้าเดี่ยวอะไร แล้วก็เวลาอยู่บ้านก็ทำงานบ้าน ทำไปๆ แล้วก็ "พระเยซูลืมอันนี้ ทำไมถึงลืมอันนี้ ทำอะไรต่อพระเยซู" แบบนี้ผมดำเนินในวิญญาณถูกไหมครับฝึกเดินถูกไหม
ตอบ.
สำหรับคำตอบที่ผมจะตอบน้องชายนะครับ และพี่น้องเราทุกคนได้ฟังร่วมกันนะครับ คือตามขนาดของความเชื่อของน้องชายนะครับตอนนี้ และการฝึกเดินของเขาจะอยู่ในตามระดับตามขนาดของความเชื่อ เพราะฉะนั้นน้องชายทำงานอยู่ที่ฟิตเนส ก็ใช้ชีวิตอยู่ในการฝึก การฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณไปด้วย
เพราะฉะนั้นเมื่อคุยกับพระเจ้านะครับเราคุยเรื่องอะไรก็ได้ คุยไปเลย พูดไปเลย และเราเชื่อว่าพระองค์ฟังอยู่ คริสเตียนทุกครั้งที่คุยกับพระเจ้า พระเจ้าฟังแน่นอนครับ พระองค์รับฟัง พระองค์ได้ยิน ไม่ใช่ไม่ได้ยินนะครับ และพระเจ้าก็ตอบเรานะครับ พระเจ้าก็จะตอบเราหรือส่งสัญญาณหรือทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เรารู้ว่าพระองค์ตอบและฟังเราอยู่
เพราะฉะนั้นคุยไปพูดไป "ทำอะไรต่อพระองค์ ท่านี้ดีไหม แบบนี้ดีไหม แบบนั้นดีไหม" คุยไปเลยนะครับ
สิ่งที่สำคัญอย่าลืมน่ะพอได้โอกาสเราขอบพระคุณ ขอบพระคุณพระเยซูที่รักข้าพระองค์ ขอบพระคุณพระเยซูที่มีวันนี้ ขอบพระคุณพระองค์ที่เปิดตา ขอบพระคุณพระองค์ที่เมตตา ขอบพระคุณสำหรับพระคุณซ้อนพระคุณ ขอบพระคุณที่ได้เข้าส่วนกับพี่น้องในมานาฯ ที่รับพระคำล้ำลึกที่ไม่เหมือนคนอื่น ที่พระองค์ประทานให้เป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ คือขอบพระคุณ แล้วก็บอกรัก การที่จะให้พระองค์นำพาในชีวิตดีแล้วครับ ดี ถามได้ คุยได้ พูดได้ ต่อไป
และที่สำคัญนะครับอย่าลืมขอบพระคุณ สรรเสริญ ยกย่องพระองค์ แล้วก็อ่านพระคัมภีร์เป็นระยะๆ ด้วย ถ้าใครไม่สะดวกเรื่องอ่านพระคัมภีร์ก็ฟังคลิปเสียง หรือคลิปในยูทูปนะครับไปดาวน์โหลดมา ที่มีการพูดอัดเสียงเป็นพระคัมภีร์แต่ละเล่ม เราก็นำมาฟังได้ครับผม
นี่คือตัวอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเราคริสเตียนที่เดินฝ่ายวิญญาณ
พูดคุยกับพระเยซู คุยได้ทุกเรื่องนะครับ เปิดร้านส้มตำเปิดร้านขายของทำอะไรก็แล้วแต่ "พระเยซูวันนี้จะซื้ออะไรดี วันนี้จะขายอะไร วันนี้จะทำอะไร จากตรงไหนที่ไหน" ตอนนี้พระเยซูเป็นสติปัญญาของเราแล้ว เพราะฉะนั้นเราปรึกษาเราถามเราคุยกับพระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของพวกเรา พระองค์นำพาเราทุกเรื่อง อันไหนที่ดีพระองค์ก็ชี้ทาง และทำให้สำเร็จได้ อันไหนที่ไม่ดีพระองค์ก็หักห้ามพระองค์ก็ขัดขวาง ก็คือทำให้เราทำไม่สำเร็จ
และอย่าลืมนะครับสำหรับพี่น้องที่เข้ามาใหม่ที่ยังไม่เข้าใจคำว่าอธิษฐาน
คำว่า อธิษฐาน สำหรับพระคัมภีร์เดิม ก็คือการที่ใครบางคนพูดคุยบอกพระเจ้า บอกพระเจ้าไปว่าต้องการอะไร สรรเสริญอะไร ขอบพระคุณอะไร ทำยังไงก็พูดไป จากนั้นก็กลับบ้านไม่มีอะไร พระเจ้าก็ไม่ตอบนะครับ ถามว่าพระเจ้าฟังอยู่ไหมพระเจ้าก็ฟังอยู่นะครับแต่พระเจ้าไม่ตอบ
สำหรับยุคพระคุณนะครับขอให้เราเข้าใจตรงนี้ เมื่อมาถึงยุคพระคุณคำว่า อธิษฐาน ในพระคัมภีร์ใหม่ คือการสนทนากับพระเจ้า คือไม่ใช่เราพูดคนเดียว พูดๆๆๆๆๆ แล้วก็จบ แล้วก็ไป จากนั้นก็ปิดคำอธิษฐานใช่ไหม "เอเมนข้าพระองค์อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์เอเมน" แล้วก็จบ
แต่สำหรับคำว่า อธิษฐาน ในพระคัมภีร์ใหม่ คือการพูดคุยสนทนา และพระเจ้าเตือนเราพระเจ้าแนะนำเราตักเตือนสั่งสอนเรานะครับผ่านเปาโลว่า "อย่างต่อเนื่อง" เอเมนขอบคุณพระเจ้าเพราะฉะนั้นเราพบความหมายของการอธิษฐานในพระคัมภีร์ใหม่ คือการพูดคุยสนทนากับพระเจ้า และพูดคุยอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุด
“1 ธส 5:17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ”
** ถามว่ายากมั้ยการคุยกับพระเจ้าในแต่ละวัน?
** และทำไมพระเจ้าให้เราคุยกับพระองค์ในแต่ละวันในทุกเวลา?
เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่อ่อนแอในเนื้อหนัง เราเป็นคนที่ชอบหลุดหลงบ่อยมาก แล้วความจำของเราก็ไม่ค่อยจะดี ผมพูดถูกไหม ถ้าเรานมัสการเสร็จ เราออกไปเราไปทานข้าวเราจะลืมพระเยซูไปแล้ว แล้วก็ใช้ชีวิตปกติใช่ไหม เพราะฉะนั้นพระองค์จึงสอนเราเตือนเราว่า จงพูดคุยสนทนากับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง และเรามีความหวังนะครับ เราหวัง แน่นอนพระเจ้าจะตอบเรา พระเจ้าฟังเราอยู่ครับ อยากพูดอะไรพูดไปเลย อยากคุยอะไรคุยไปเลยเรื่องอะไรก็ได้