7:1 แล้วเรื่องที่พวกท่านเขียนมาถึงข้าพเจ้านั้น ขอตอบว่า การที่ผู้ชายไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเลยก็ดีแล้ว
** ถ้าหากพระเจ้าให้บางคนอยู่คนเดียวได้ ก็อยู่เป็นโสดเพื่อความสะดวกสบายในการรับใช้พระเจ้า
7:2 แต่เพื่อป้องกันการล่วงประเวณี ผู้ชายทุกคนควรมีภรรยาเป็นของตนและผู้หญิงทุกคนมีสามีเป็นของตน
** เมื่อผู้เชื่อไม่มีของประทานอยู่เป็นโสดก็แต่งงานมีภรรยาได้เพื่อป้องกันการล่วงประเวณี
7:3 สามีพึงประพฤติต่อภรรยาตามควร และภรรยาก็พึงประพฤติต่อสามีตามควรเช่นเดียวกัน
7:4 ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี
** ครอบครัวของพระเจ้าที่แท้จริงคือสามีรักภรรยาของเขา และภรรยาก็รักสามี ไม่มีใครบังคับเอาเปรียบข่มเห็ง ตบตี ใช้กำลังและใช้อารมณ์ ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายล้มเหลวในการเป็นครอบครัวสามีภรรยาตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
7:5 อย่าปฏิเสธการอยู่ร่วมกันเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการถืออดอาหารและการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อมิให้ซาตานชักจูงให้ทำผิด เพราะตัวอดไม่ได้
** เรื่องการร่วมกัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความต้องการแต่อีกฝ่ายไม่ต้องการ ก็ควรยอมเพื่อเห็นแก่ความต้องการของอีกฝ่าย นี่คือการยอมเพราะความรักที่มีต่อกันและกัน ถ้าหากยอมต่อกันซาตานก็ล่อลวงให้ล่วงประเวณีไม่ได้
(*ยกเว้นได้คุยกันก่อนเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการอดอาหาร และอธิษฐาน*)
7:6 ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้โดยได้รับอนุญาต มิใช่เป็นพระบัญชา
** พระเจ้าทรงอนุญาตให้เปาโลสั่งสอนและตักเตือนผู้เชื่อได้ โดยพระวิญญาณ ซึ่งไม่ใช่แบบบังคับหรือเป็นพระบัญญัติของพระเจ้า
7:7 ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้ทุกคนเป็นเหมือนข้าพเจ้า แต่ทุกคนก็ได้รับของประทานจากพระเจ้าเหมาะกับตัว คนหนึ่งได้รับอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รับอย่างนั้น
** การอยู่เป็นโสด เปาโลเชื่อว่าเป็นของประทานที่พระเจ้าประทานแก่ท่าน
7:8 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าขอกล่าวแก่คนที่ยังเป็นโสดและพวกแม่ม่ายว่า การที่เขาจะอยู่เหมือนข้าพเจ้าก็ดีแล้ว
7:9 แต่ถ้าเขายั้งใจไม่ได้ก็จงแต่งงานเสียเถิด เพราะแต่งงานเสียก็ดีกว่ามีใจเร่าร้อนด้วยกามราคะ
** คริสเตียนทุกคนทั้งผู้นำและผู้เชื่อทั่วไปมีสิทธิ์แต่งงานได้ เนื่องจากว่าร่างกายมนุษย์มีความต้องการอยู่ไม่มากก็น้อย ยกเว้นผู้ที่พระเจ้าให้ของประทานในการอยู่เป็นโสด
7:10 ส่วนคนที่แต่งงานแล้วข้าพเจ้าขอสั่ง มิใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาทิ้งสามี
7:11 แต่ถ้านางทิ้งสามีไปอย่าให้นางไปมีสามีใหม่ หรือไม่ก็ให้นางกลับมาคืนดีกับสามีเก่า และขออย่าให้สามีหย่าร้างภรรยาเลย
** น้ำพระทัยของพระเจ้า คือไม่ควรหย่าร้าง แต่เนื่องจากว่ามนุษย์มีจิตใจที่แข็งกระด้าง จึงอนุญาตให้หย่า และเมื่อต้องการที่จะกลับมาฝ่ายสามีก็ควรรับเขาไว้ (ซึ่งขณะที่ภรรยายังไม่ไปกินอยู่ร่วมกับใคร)
7:12 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่คนอื่นๆนอกจากพวกนี้ (องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ตรัส) ว่า ถ้าพี่น้องคนใดมีภรรยาที่ไม่เชื่อและนางพอใจที่จะอยู่กับสามี สามีก็ไม่ควรหย่านาง
7:13 ถ้าหญิงคนใดมีสามีที่ไม่เชื่อและสามีพอใจที่จะอยู่กับนาง นางก็ไม่ควรหย่าสามีนั้นเลย
** คำแนะนำของเปาโลในบทนี้มาบางเรื่องที่เป็นความคิดเห็นของท่านซึ่งเห็นว่า เหมาะสมที่สามีภรรยาจะกระทำต่อกัน (พระวิญญาณไม่ได้ตรัส) สามีหรือภรรยาที่ไม่เชื่อ เราไม่ควรหย่า แต่ควรทำหน้าที่สามีหรือภรรยาที่ดีเพื่อสำแดงพระคริสต์แก่เขาและช่วยเขาให้ได้พบความรอด
7:14 ด้วยว่าสามีที่ไม่เชื่อนั้นได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ทางภรรยา และภรรยาที่ไม่เชื่อก็ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ทางสามี มิฉะนั้นลูกของท่านก็เป็นมลทิน แต่บัดนี้ลูกเหล่านั้นก็บริสุทธิ์
** พระพรและการเลี้ยงดูดูแลช่วยเหลือปกปักรักษาจากพระเจ้ามาสู่ผู้เชื่อนั้น สามีหรือภรรยาที่ไม่เชื่อก็ได้รับด้วยเพราะเห็นแก่ผู้เชื่อที่เชื่อและลูกๆ ก็ได้รับการชำระด้วยเช่นกัน แต่สามีภรรยาที่ไม่เชื่อจะไม่รอด ส่วนลูกๆ ที่ยังไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วจะได้รอด จนกว่าเขาจะโตและรู้จักแยกแยะเขาจึงต้องเลือกหรือไม่เลือกที่จะต้อนรับพระเยซู
7:15 แต่ถ้าคนที่ไม่เชื่อจะแยกไป ก็จงให้เขาไปเถิด เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นที่พี่น้องชายหญิงจะผูกมัดให้จำใจอยู่ด้วยกัน เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้อยู่อย่างสงบ
** เมื่อสามีภรรยาที่ไม่เชื่อต้องการจะไปหรือหย่าร้างเราก็ไม่ห้ามเขา
7:16 โอ ท่านผู้เป็นภรรยา ไฉนท่านจะรู้ได้ว่าท่านจะช่วยสามีให้รอดได้หรือไม่ โอ ท่านผู้เป็นสามี ไฉนท่านจะรู้ได้ว่าท่านจะช่วยภรรยาให้รอดได้หรือไม่
** เนื่องจากว่าเราไม่รู้และไม่อาจช่วยให้สามี/ภรรยาที่ไม่เชื่อนั้นรอดได้หรือไม่ เราจึงไม่ควรบังคับเขาให้อยู่หรือไป ขอให้เป็นการเลือกทางของเขา ส่วนเรา ขอให้อยู่ในสถานะที่พระเจ้าทรงเรียกเรา ไม่ใช่บังคับสามี/ภรรยา และลูกๆ ให้ตามตามสิ่งที่เราต้องการ
7:17 แต่ตามที่พระเจ้าได้แบ่งสรรทุกคนอย่างไร ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเรียกทุกคนอย่างไร ก็จงให้เขาดำเนินอย่างนั้น และข้าพเจ้ากำหนดไว้ตามนั้นในคริสตจักรทั้งหมด
7:18 มีชายคนใดที่ได้รับการทรงเรียกเมื่อได้เข้าสุหนัตแล้วหรือ อย่าให้เขากลายเป็นเหมือนไม่ได้เข้าสุหนัตเลย มีคนใดที่ได้รับการทรงเรียกเมื่อมิได้เข้าสุหนัตหรือ อย่าให้เขาเข้าสุหนัตเลย
7:19 การเข้าสุหนัตไม่สำคัญอะไร และการไม่เข้าสุหนัตไม่สำคัญอะไร แต่การรักษาพระบัญญัติต่าง ๆ ของพระเจ้านั้นต่างหากที่สำคัญ
7:20 จงให้ทุกคนอยู่ต่อไปในการทรงเรียกเดียวกับที่เขาอยู่เมื่อเขาได้รับการทรงเรียกนั้น
** เมื่อพระเจ้าทรงเรียกใคร ขณะเขายากจน หรือมั่งมี หรือเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต ก็ให้อยู่ในสถานะนั้นๆ ไม่ต้องห่วงว่าเข้าสุหนัตแล้วอยากจะยกเลิกเพราะว่าหนังหุ้ม...ได้ถูกตัดไปแล้ว เปลี่ยนอะไรก็ไม่ได้ หรือคนรวยจะให้ทิ้งทุกสิ่งไปใช้ชีวิตแบบคนยากจนก็ไม่ได้ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญเท่าสิ่งหนึ่ง และนั่นก็คือ พระบัญญัติ (ใหม่) ของพระเจ้า
7:21 ท่านได้รับการทรงเรียกเมื่อยังเป็นทาสอยู่หรือ อย่าสนใจเรื่องนั้นเลย แต่ถ้าท่านสามารถไถ่ตัวให้เป็นไทได้ก็ควรไถ่ดีกว่า
** ถ้าหากผู้ที่เป็นทาสสามารถไถ่ตนเองให้เป็นอิสระได้ก็ทำ แต่ถ้าหากไถ่ไม่ได้ก็ยอมอยู่ในฐานะทาสต่อไป
7:22 เพราะผู้ใดที่ได้รับการทรงเรียกในองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อยังเป็นทาสอยู่ ก็เป็นเสรีชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกันคนที่ได้รับการทรงเรียกเมื่อเป็นเสรีชน คนนั้นก็เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์
** คนที่เป็นทาสของมนุษย์แต่เป็นเสรีชนหรือเป็นอิสระในพระเจ้า ส่วนผู้ที่มั่งมีก็เป็นทาสในพระเจ้า ผู้เชื่อจึงไม่ควรห่วงหรือใส่ใจในเรื่องการยกเลิกการเข้าสุหนัต หรือเปลี่ยนจากคนจนมารวยและคนรวยมาจน เพราะว่าเราทุกคนเป็นทั้งอิสระและเป็นทาสในพระเจ้า
7:23 พวกท่านได้ถูกซื้อไว้แล้วตามราคา พวกท่านอย่าเป็นพวกผู้รับใช้ของมนุษย์เลย
7:24 พี่น้องทั้งหลาย ในฐานะอันใดที่เขาอยู่เมื่อได้รับการทรงเรียก จงให้ทุกคนอยู่ต่อไปกับพระเจ้าในฐานะนั้น
** พระโลหิตของพระเยซูจ่ายหนี้บาปของเราทั้งหลายแล้ว เราจึงเป็นอิสระจากสิ่งนี้ และเราควรสมัครใจที่จะเป็นทาสของพระเจ้าและอยู่ในสถานะโสด หรือแต่งงาน รวยหรือจน เข้าสุหนัตหรือไม่เข้า แต่เราควรใส่ใจเรื่องการรักษาพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเพื่อให้ได้เข้าไปในอาณาจักรในยุคที่กำลังจะมา
7:25 แล้วเรื่องหญิงสาวพรหมจารีนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็นในฐานะที่เป็นผู้ได้รับพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้เป็นผู้ที่ไว้ใจได้
** สำหรับเรื่องนี้ เปาโลไม่ได้รับจากพระวิญญาณ แต่ท่านกล่าวตามทางแห่งความชอบธรรมในพระเจ้า เรื่องหญิงสาวที่อยากอยู่เป็นโสดโดยไม่ต้องแต่งงานก็ทำได้ ซึ่งเปาโลเองก็ได้รับของประทานนี้ขณะที่ท่านเป็นโสดอยู่
7:26 ฉะนั้นเพราะเหตุความยากลำบากที่มีอยู่ในเวลานี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า ทุกคนควรจะอยู่อย่างที่เขาอยู่เดี๋ยวนี้
** ขณะที่สภาพบ้านเมืองตกอยู่ในสภาวะขัดสน ใครที่อยู่โสดหรือแต่งงานแล้วไม่เดือดร้อนเรื่องการทำมาหากินเรื่องการเป็นอยู่ก็รักษาสถานะของตนเอาไว้ไม่ผิดอะไร
7:27 ท่านมีภรรยาแล้วหรือ อย่าหาช่องที่จะหย่าภรรยาเลย ท่านหย่าจากภรรยาแล้วหรือ อย่าหาภรรยาเลย
** พี่น้องชายที่มีภรรยาอย่าฉวยโอกาสเอาข่าวประเสริฐหรือการรับใช้เพื่อหย่ากับภรรยา หรือเพื่อแสวงหาภรรยาใหม่ แต่จงเน้นที่การฝึกเดินเพื่อจะอยู่ด้วยกันต่อไปได้
7:28 ถ้าท่านจะแต่งงานก็ไม่มีความผิด และถ้าหญิงสาวพรหมจารีจะแต่งงานก็ไม่มีความผิด แต่คนที่แต่งงานนั้นคงจะต้องยุ่งยากลำบากในฝ่ายเนื้อหนัง แต่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้ท่านพ้นจากความยุ่งยากนั้น
7:29 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่ายุคนี้ก็สั้นมากแล้ว ตั้งแต่นี้ไปให้คนเหล่านั้นที่มีภรรยาดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่มีภรรยา
** 1 คร บทที่ 7 เปาโลเขียนตามความเชื่อของคริสเตียนสมัยนั้น คือเวลาพระเยซูจะเสด็จกลับมานั้นใกล้มากแล้วซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาของพวกสาวกเหล่านั้น จึงขอให้คนที่มีภรรยาสามีใส่ใจที่การประกาศรับใช้เหมือนดั่งคนที่ไม่มี อย่ากังวลเรื่องการทำมาหากินมากจนเกินไปจนไม่มีเวลาออกไปประกาศรับใช้
7:30 และให้คนที่เศร้าโศกเป็นเหมือนกับมิได้เศร้าโศก และผู้ที่ชื่นชมยินดีให้ได้เป็นเหมือนกับมิได้ชื่นชมยินดี และผู้ที่ซื้อก็ให้ดำเนินชีวิตเหมือนกับว่าเขาไม่มีกรรมสิทธิ์เหนืออะไรเลย
7:31และคนที่ใช้ของโลกนี้ให้เป็นเหมือนกับมิได้ใช้อย่างเต็มที่เลย เพราะความนิยมของโลกนี้กำลังล่วงไป
** เมื่อพระเยซูจะเสด็จมา ความเศร้าโศกหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกัน ความชื่นชมยินดีหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกัน คนที่ซื้อและมีสิทธิ์ที่จะใช้สิ่งทีตนเป็นเจ้าของก็ไม่แตกต่างไปจากคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ เพราะสิ่งของ ความนิยมของเนื้อหนังแห่งโลกนี้กำลังล่วงไป
7:32 ข้าพเจ้าอยากให้ท่านพ้นจากความสาละวนวุ่นวาย ฝ่ายคนที่ไม่มีภรรยาก็สาละวนในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า
7:33 แต่คนที่มีภรรยาแล้วก็สาละวนในการงานของโลกนี้เพื่อจะทำสิ่งที่พอใจของภรรยา
7:34 มีความแตกต่างกันด้วยระหว่างภรรยาและสาวพรหมจารี หญิงที่ยังไม่แต่งงานก็สาละวนในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตใจ แต่หญิงที่มีสามีแล้วก็สาละวนในการงานของโลกนี้เพื่อจะทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอใจของสามี
7:35 ข้าพเจ้าว่าอย่างนี้ก็เพื่อเป็นประโยชน์ของท่าน มิใช่จะเอาบ่วงบาศคล้องท่านแต่เพื่อความเป็นระเบียบ ให้ท่านปฏิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยปราศจากใจสองฝักสองฝ่าย
** คำแนะนำตักเตือนของเปาโลในบทนี้ควรจะนำมาใช้ในระยะสุดท้ายของยุคนี้ ซึ่งก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราดูได้จากเหตุการณ์มากมายที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นไป ข่าวน้ำท่วม สงคราม กันดารอาหาร ความอดอยาก จิตใจที่เสื่อมทรามของมนุษย์ สิ่งแปลกๆ ปรากฏขึ้นทั่วโลก
** ผู้เชื่อจึงควรใส่ใจที่การประกาศรับใช้พระเจ้ามากกว่าการใส่ใจที่การใส่ใจในฝ่ายเนื้อหนัง คนที่แต่งงานจึงควรอยู่เหมือนคนที่ไม่ได้แต่งงาน (แต่ห้ามหย่าร้าง) คนโสดก็อยู่เหมือนคนโสดเพื่อที่จะใช้เวลาที่เหลือในการประกาศรับใช้พระเจ้า
- สิ่งที่สำคัญก็คือทั้งคนที่แต่งงานและคนโสดต่างก็ประกาศรับใช้ตามน้ำพระทัยและด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ เพื่อเราจะมีชื่อในอาณาจักรสวรรค์ เอเมน
7:36 แต่ถ้าชายใดคิดว่าเขาปฏิบัติต่อสาวพรหมจารีของเขาอย่างสมควรไม่ได้ และถ้าหญิงนั้นมีอายุผ่านวัยหนุ่มสาวแล้ว และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ให้เขาทำตามปรารถนา จงให้เขาแต่งงานเสีย เขาไม่ได้ทำผิดสิ่งใด
** การมีความต้องการเรื่องเพศไม่ผิด แต่ต้องทำในลักษณะของสามีภรรยาหรือแต่งงานก่อน เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความต้องการอีกฝ่ายก็ควรเข้าใจถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการในตอนแรกก็ตาม ทั้งสองควรตกลงกัน คุยกัน เพื่อจะไม่เกิดความไม่พอใจหรือไม่ต้องการของอีกฝ่าย หรือเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงคือเวลาที่อธิษฐาน อดอาหาร หรือปรนิบัติพระเจ้าในบางเรื่อง
7:37 แต่ชายใดที่ตั้งใจแน่วแน่และเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่เขาบังคับใจตนเองได้ และตั้งใจว่าจะให้หญิงนั้นเป็นพรหมจารีต่อไป เขาก็กระทำดีแล้ว
** สำหรับพี่น้องชายหรือพี่น้องหญิงที่มีใจแน่วแน่ และไม่มีความต้องการ และอยู่คนเดียวโดยไม่ต้องมีใครก็อยู่เป็นโสดได้ไม่ผิด
7:38 เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ให้หญิงนั้นแต่งงานก็ทำดีอยู่ แต่ผู้ที่ไม่ให้แต่งงานก็ทำดีกว่า
** คนที่ไม่แต่งงานก็มีเวลาที่จะประนิบัติรับใช้พระเจ้ามากกว่าคนที่แต่งงานเพราะว่าเขาต้องใช้เวลาอยู่กับสามีภรรยาและลูกๆ
7:39 ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ ภรรยาก็ต้องอยู่กับสามีตามกฎหมาย ถ้าสามีตาย นางก็เป็นอิสระจะแต่งงานกับชายใดก็ได้ตามใจ ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
** น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อคือพระเจ้าไม่อนุญาตให้แต่งงานใหม่นอกเสียจากว่าสามีหรือภรรยาตาย
7:40 แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้าก็เห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า และข้าพเจ้าคิดว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ฝ่ายข้าพเจ้าด้วย
** สรุปก็คือ..
- พระเจ้าต้องการให้ผู้เชื่ออยู่เป็นโสดเพื่อปรนิบัติพระองค์และประกาศข่าวประเสริฐ เนื่องจากว่าทุกคนตอนนั้นเชื่อว่าพระเยซูใกล้จะเสด็จกลับมาแล้ว
- (แต่สำหรับทุกวันนี้ถ้าหากอยู่เป็นโสดได้หรือจะแต่งงานก็ไม่ผิดแล้วแต่ความต้องการหรือของประทานที่พระเจ้าให้เรา)
1. ข้อดีของการอยู่เป็นโสดหรือไม่แต่งงาน
- เพื่อเราจะ
1. ไม่ยุ่งยากในการใช้ชีวิต
2. มีเวลาเพื่อการประกาศและรับใช้พระเจ้า
2. ข้อดีของการแต่งงาน
1. เพื่อป้องกันการทำผิดต่อร่างกายเรื่องเพศ
2. เพื่อช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันทั้งเรื่องการดำเนินชีวิตการเป็นอยู่ และการรับใช้ที่เคียงบ่าเคียงไหล่
3. เราควรแต่งงานกับใคร และไม่ควรแต่งงานกับใครเพราะเหตุใด
- เราควรแต่งงานกับผู้เชื่อ แต่ถ้าหากพระเจ้าให้แต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อเราก็แต่งเพื่อความรอดจะไปถึงเขา
4. คนที่อยากแต่งงานควรพิจารณาองค์ประกอบอะไรบ้าง
- เมื่อเราไม่สะดวกที่จะอยู่คนเดียวซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของการทำผิดทางเพศและเรื่องการที่จะต้องมีคู่ใจคู่รักคู่สร้างที่เป็นทั้งคนรักและเพื่อน เมื่อเรามีความต้องการหรือบกพร่องในสองสิ่งนี้ เราแต่งงานได้ แต่ต้องทำใจเผื่อเรื่องปัญหาของคนที่แต่งงาน ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ
5. การแต่งงานที่แท้จริงตามน้ำพระทัยควรทำอะไรบ้างต้องมีพิธีอะไรหรือไม่
1. พี่น้องทั้งสองมาแจ้งต่อคริสตจักร
2. ผู้ปกครองและพี่น้องร่วมใจอธิษฐานเผื่อ ขอพระเจ้ายอมรับ-รับรู้ทั้งสองให้เป็นสามีภรรยาเป็นกายเดียวกัน และจบลงด้วยผู้ปกครองประกาศต่อหน้าพระกายและพระเจ้านับจากนี้ไปเขาเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จากนั้นทั้งสองนำอาหารเล็กน้อยมาเพื่อรับประทานร่วมกันและพี่น้องก็มีส่วนร่วมเรื่องอาหารและค่าใช้จ่ายตามสมควร การสวมแหวนใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่สำคัญเลย แต่เพื่อเห็นแก่ญาติของทั้งสองฝ่ายที่ความเชื่อยังไม่เติบโตก็ให้ทำตามที่พวกเขาแนะนำ
6. ถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อควรทำอย่างไร
- ทำตามใจอีกฝ่ายด้วยใจอธิษฐานในทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้คือการเข้าสู่พิธีทางศาสนาที่ต้องกราบไหว้และขอพรพระอื่น