3:1 จดหมายฉบับที่สองนี้ พวกที่รัก บัดนี้ข้าพเจ้าได้เขียนถึงพวกท่าน ในจดหมายทั้งสองฉบับนั้น ข้าพเจ้าได้สะกิดใจอันบริสุทธิ์ของพวกท่านโดยทางการเตือนให้ระลึกถึง
3:2 เพื่อพวกท่านจะใส่ใจต่อบรรดาถ้อยคำซึ่งได้ถูกกล่าวไว้เมื่อก่อนโดยพวกผู้พยากรณ์อันบริสุทธิ์ และต่อคำบัญชาของเราทั้งหลายพวกอัครทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด
** พวกผู้พยากรณ์อันบริสุทธิ์ คือผู้รับใช้ที่อยู่ในพระคัมภีร์เดิม และพวกอัครทูต ก็คือสาวกของพระเยซูในพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งทั้ง สองพวก กล่าวถึงการเสด็จมาของพระเมสีฮาห์หรือพระคริสต์ ที่จะเสด็จมา เพื่อไถ่ชาวยิวและคนต่างชาติ เปโตรจึงเตือนให้ ผู้เชื่อทั้งหลาย เชื่อและมั่นใจ และรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูในอีกไม่ช้านี้
3:3 โดยทราบสิ่งนี้ก่อน คือว่าจะมีบรรดาผู้เยาะเย้ยมาในยุคสุดท้าย โดยดำเนินตามบรรดาราคะตัณหาของตน
3:4 และกล่าวว่า “พระสัญญาแห่งการเสด็จมาของพระองค์นั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่าตั้งแต่บรรพบุรุษล่วงหลับไปแล้ว สิ่งทั้งปวงก็เป็นอยู่เหมือนอย่างที่พวกมันเคยเป็นมาตั้งแต่เดิมทรงสร้างโลก”
3:5 เพราะว่าพวกเขาเต็มใจโฉดเขลาในเรื่องที่ว่าโดยคำตรัสของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ทั้งหลายได้บังเกิดมีขึ้นในครั้งโบราณ และแผ่นดินโลกที่ได้ปรากฏขึ้นจากน้ำและในน้ำ
3:6 ซึ่งโดยคำตรัสนั้นโลกที่เป็นอยู่ในเวลานั้น ซึ่งถูกท่วมด้วยน้ำ ก็พินาศไป
3:7 แต่ท้องฟ้าอากาศและแผ่นดินโลกซึ่งเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ โดยคำตรัสเดียวกันนั้นทรงเก็บไว้ คือสงวนไว้สำหรับไฟจนถึงวันแห่งการพิพากษาและความหายนะของบรรดาคนอธรรม
** สำหรับชาวยิวไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจพระคัมภีร์เดิมทั้งหมด และเรื่องที่สำคัญ ก็คือการเสด็จมาของพระคริสต์ พวกเขาจึงพลาดและไม่ยอมรับ เมื่อพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ที่บ้านเบ็ธเลเฮม และใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นเวลา 33 ปีกว่า และยิ่งกว่านั้น พวกเขายังพลาดที่จะได้รู้เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูครั้งที่ 2 ความรอดจึงไม่มีสำหรับพวกเขา แต่กลับได้เข้าสู่การพิพากษาไปยังบึงไฟ
3:8 แต่พวกที่รัก อย่าขาดความรู้เกี่ยวกับสิ่งเดียวนี้ คือวันเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เป็นเหมือนวันเดียว
3:9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าเกี่ยวกับพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดว่าเฉื่อยช้านั้น แต่ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ต่อพวกเรา โดยไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ประสงค์ให้คนทั้งปวงมาถึงการกลับใจเสียใหม่
** เมื่อพระเจ้าสัญญากับมนุษย์ โดยเฉพาะชาวยิว พระองค์ก็รักษาสัญญา และกระทำตามทุกสิ่งที่พระองค์สัญญาเอาไว้ เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่เราได้เชื่อเรื่องการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์ เราต้อนรับพระองค์เป็นพระเจ้า และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 เพื่อรับเราเข้าไปในอาณาจักรของพระองค์ สำหรับพระเจ้า พระองค์มาตามกำหนดเวลา แต่เนื่องจากว่า ทรงมีพระเมตตาเหลือล้นจึงล่าช้า เพื่อให้โอกาสคนทั้งโลกได้รับความรอด
** เรื่องการฝ่ายวิญญาณ เวลา ไม่มีความหมายสำหรับพระเจ้า วันหนึ่ง ของพระเจ้า ก็เหมือน 1 ปี ของมนุษย์ ยกตัวอย่าง เมื่อคนไข้เข้าห้องผ่าตัด หมอฉีดยาสลบให้ แค่เสี้ยววินาที พอลืมตา ก็พบว่า 4-5 ชั่วโมง ผ่านไปแล้ว และการผ่าตัดก็สำเร็จเสร็จสิ้น ทั้งๆ ที่เขา หลับเพียงชั่ววูบเดียว
** สรุป เราจะไม่หลงเชื่อคำสอนใดๆ ที่สอนว่าพระเยซูจะไม่มา หรือพระเยซูเสด็จมาแล้ว สำเร็จแล้ว โลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว ซาตานถูกโยนลงไปในบึงไฟแล้ว แต่ความเป็นจริง คือพระเยซูเสด็จมาบังเกิด และประกาศข่าวประเสริฐ และตายเพื่อไถ่บาปโลกคือการเสด็จมาครั้งแรก และการเสด็จมาครั้งที่ 2 เพื่อตัดสินผู้เชื่อ
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคอาณาจักร ต่อมาการพิพากษาครั้งสุดท้ายก็เริ่มขึ้น และจากนั้น ก็เข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เรา บุตรที่รักทั้งหลายของพระเจ้า จะเฝ้ารอคอย ด้วยรักษาหัวใจอันบริสุทธิ์ ชีวิตอันบริสุทธิ์ การกระทำอันบริสุทธิ์ เพื่อรอรับมงกุฎจากพระเยซู และร่วมครอบครองกับพระองค์ตลอดไป จนชั่วนิรันดร์ เอเมน
3:10 แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจะมาถึงเหมือนอย่างขโมยในเวลากลางคืน ในวันนั้นท้องฟ้าอากาศจะล่วงไปเสียด้วยเสียงดังสนั่น และบรรดาโลกธาตุจะละลายไปด้วยความร้อนอันแรงกล้า แผ่นดินโลกกับการงานทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้นจะถูกเผาเสียสิ้นด้วย
** วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในที่นี้ คือวันพิพากษาครั้งที่หนึ่ง ที่พระที่นั่งของพระคริสต์ ก่อนยุคพันปีจะมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังจากคลียุคผ่านไป (1 ธส 5:2, มธ 24:43-44)
** เปโตรหนุนใจและเตือนสติผู้เชื่อให้เฝ้ารอคอยการเสด็จกลับมา ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
- ผู้เชื่อที่เฝ้ารอด้วยการรักษาชีวิตในทางของพระเจ้า ก็คือหญิงพรมจารีย์ห้าคนที่ฉลาด
- พวกเขาไม่เคยขาดน้ำมัน คือเต็มล้นด้วยพระวิญญาณอยู่เสมอ
- การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ คือการสนิทบอกรักพูดคุยสนทนากับพระเยซู เพื่อรับการเติมเต็มตลอดเวลา
3:11 เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งปวงจะถูกทำให้สลายไปหมดสิ้น พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหนในบรรดาการกระทำอันบริสุทธิ์และทางของพระเจ้า
** บรรดาการกระทำอันบริสุทธิ์และทางของพระเจ้า คือการมีชีวิตในพระคริสต์ และเดินแต่ละก้าวในพระคริสต์ด้วยตัวใหม่ สนิทบอกรักสะสมพระคำแห่งความจริงเริ่มต้นด้วยความเชื่อ และสุดท้ายก็ด้วยความเชื่อ ไม่เดินด้วยเนื้อหนัง และตัวเก่าตามอารมณ์และความรู้สึก และสิ่งที่ตามองเห็น อยู่ในกระบวนการการก่อขึ้นของชีวิตพระคริสต์ในเรา
3:12 โดยคอยท่าและรีบเร่งที่จะให้วันของพระเจ้ามาถึง ในวันนั้นไฟจะติดท้องฟ้าอากาศให้สลายไป และบรรดาโลกธาตุจะละลายไปด้วยความร้อนอันแรงกล้า
3:13 แต่อย่างไรก็ตาม พวกเรา ตามพระสัญญาของพระองค์นั้น จึงคอยท่าท้องฟ้าอากาศใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ซึ่งในที่นั่นความชอบธรรมดำรงอยู่
** วันของพระเจ้า ในที่นี้ คือเหตุการณ์ตั้งแต่โลกเก่าถูกทำลาย และโลกใหม่เข้ามา ซึ่งโลกใหม่ไม่มีที่อยู่ให้การอธรรมทั้งหลายแต่คนชอบธรรม และความชอบธรรมนั้นที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินโลกใหม่
3:14 เหตุฉะนั้นพวกที่รัก เมื่อเห็นว่าพวกท่านยังคอยท่าสิ่งเหล่านี้อยู่ จงขยันขันแข็งเพื่อพระองค์จะทรงพบว่าพวกท่านอยู่เป็นสุข โดยปราศจากจุดด่างพร้อยและไร้ที่ติ
** ปราศจากจุดด่างพร้อยและไร้ที่ติ คือการมีชีวิตและเดินในวิญญาณ สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวันตามขนาดของความเชื่อ เมื่อเราสนิทบอกรักและสะสมพระคำแห่งความจริงจนได้รับการชำระด้วยพระคำและด้วยพระวิญญาณ สุดท้ายเราก็กลายเป็นผู้ชนะและเราก็กลายเป็นคนที่ปราศจากจุดด่างพร้อยและไร้ที่ติ
3:15 และจงถือว่า การอดกลั้นพระทัยไว้นานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรานั้นเป็นการช่วยให้รอด เหมือนที่เปาโลน้องที่รักของพวกเรา ตามสติปัญญาซึ่งได้โปรดประทานแก่ท่านนั้น ได้เขียนถึงพวกท่านด้วย
** พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงชอบธรรมและเที่ยงธรรม พระองค์รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับมนุษย์และทูตสวรรค์ทั้งหลาย การเสด็จกลับมาของพระเยซูจะต้องเกิดขึ้นเมื่อยิวไม่ต้อนรับพระเยซู (ดูเรื่องเจ็ดสิบสัปดาห์หรือเจ็ดสิบสัปตะของดาเนียล) แต่เนื่องจากว่าทรงมีพระเมตตาต่อมนุษย์จึงอดกลั้นและมาช้าเพื่อให้ความรอดมาถึงทุกคน
** เปโตรถ่อมใจและเคารพรักเปาโลเนื่องจากว่าท่านได้รับการเปิดตาจากเปาโลและพระเจ้าทรงใช้เปาโลให้มาประกาศเรื่องความรอดและเปิดเผยพระคำแห่งความจริงแก่ผู้เชื่อทั้งหลาย
3:16 เหมือนในจดหมายทุกฉบับของท่านด้วย โดยกล่าวในจดหมายเหล่านั้นถึงสิ่งเหล่านี้ ในจดหมายเหล่านั้นมีบางสิ่งที่เข้าใจยาก ซึ่งคนทั้งหลายที่ไม่ได้เรียนรู้และไม่มั่นคงนั้นได้เปลี่ยนแปลงเสีย เหมือนที่พวกเขาได้กระทำต่อข้อพระคัมภีร์อื่น ๆ ด้วย อันนำไปสู่ความพินาศของพวกเขาเอง
** เข้าใจยาก คือการใช้ตาฝ่ายเนื้อหนังเพื่อตีความหมายที่เปาโลเขียน เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระวิญญาณใช้เปาโลให้เขียนจดหมายและเปิดตาพวกเราให้เข้าใจพระคำแห่งความจริงอย่างง่ายดาย สรรเสริญพระเยซู
ส่วนผู้เชื่อที่ไม่ได้รับการเปิดตาก็หล่นจากพระคุณ ชีวิตจึงขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย และหลายคนก็ถดถอย ท้อแท้ ไม่มั่นคงในการเดินไปกับพระเจ้า สุดท้ายชีวิตก็ไปถึงความพินาศครั้งใหญ่คือเข้าไปอยู่ในเกเฮนา
3:17 เพราะฉะนั้น พวกท่านที่รัก โดยที่พวกท่านทราบสิ่งเหล่านี้ก่อนแล้ว พวกท่านก็จงระวังให้ดี เกรงว่าพวกท่านเองก็เช่นกัน ซึ่งอาจถูกนำให้ออกห่างไปด้วยข้อผิดพลาดของคนชั่ว จะล้มลงจากความมั่นคงของพวกท่านเอง
** เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเปิดตาเราสู่พระคำแห่งความจริงแล้ว เราจึงต้องระมัดระวังการมีชีวิตและเดินในพระวิญญาณอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน ด้วยการสนิทบอกรัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซู และสะสมพระคำแห่งความจริงให้มากขึ้น เพื่อเราจะไม่ถูกหลอก และล้มลงจากความมั่นคงในพระเจ้า
3:18 แต่จงเจริญขึ้นในพระคุณ และในความรู้ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา สง่าราศีจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ เอเมน
** เจริญขึ้นในพระคุณหรือจำเริญขึ้นในพระคุณ คือจำเริญขึ้นในชีวิตและนิสัยของพระคริสต์ในเรา
** เจริญขึ้นในความรู้ของพระเยซูคริสต์ ก็คือรับการเปิดตามากขึ้นในแต่ละวันโดยพระวิญญาณ ทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์หรืออ่านการแปลโดยผู้เผยพระวจนะที่ทรงเลือก เราขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณเพื่อเข้าสู่การรู้ถึงความจริงแห่งพระคำพระเจ้า
** พระเยซูได้รับสง่าราศีจากพระบิดาทั้งในยุคนี้ ยุคหน้าและนิรันดร์ การดำเนินชีวิตที่อยู่ในพระวิญญาณและเดินแต่ละก้าวในพระวิญญาณ (live and walk in the Spirit) คือการถวายสง่าราศีแด่พระเยซูและพระบิดา