ฟีลิปปีบทที่ 4:1-7
ฟป 4:1 เปาโลบอกว่าท่านทั้งหลาย "เป็นมงกุฎของข้าพเจ้า" คำนี้ความหมายคือ เมื่อเราประกาศพระคำล้ำลึก เราประกาศมานา เราประกาศอาหารผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องอาณาจักรให้ใคร เมื่อมีคนมารับ มีคนรับรู้ มีคนได้เรียนรู้ มีคนได้ยินข่าวประเสริฐนี้ บำเหน็จเป็นของเรา ถ้าเขาได้ยินมากเท่าไหร่ เราประกาศมากเท่าไหร่ บำเหน็จของเราก็มีมากเท่านั้น เปาโลจึงบอกว่าท่านทั้งหลายเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นพี่น้องไปประกาศกับใครแล้วมีคนรับรู้รับฟังได้ยิน ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม เมื่อข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรไปถึงเขามากเท่าไหร่ มงกุฎของพี่น้องก็มีมากเท่านั้นครับ
...
ฟป 4:2 เปาโลพูดถึงผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องหญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับเปาโล และเป็นพี่น้องในคริสตจักร
เรารู้กันดีนะครับ อันนี้เป็นสิ่งคือเราไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูดถึง สำหรับพี่น้องหญิงจะมีปัญหาหนึ่งเกิดขึ้นก็คือ ทะเลาะ เบาะแว้ง ถกเถียง เนื่องจากว่าพูดมากกว่าผู้ชาย
แล้วปรากฏว่าเปาโลพูดถึงพี่น้องหญิง 2 คนนี้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลบันดาลให้เขาเขียนเพื่อเตือนพวกเรา ว่าหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และการหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน คือปัญหามาจากรากปัญหาก็คือการมีความคิดไม่เหมือนกัน
ความคิดไม่เหมือนกันก็คือ การเข้าใจมานาหรือเข้าใจพระคำพระเจ้าไม่ตรงกัน เรารู้กันดีใช่ไหม
คริสตจักรทุกวันนี้ซาตานชนะ ก็คือมันหลอกให้หลายคนแปลพระคำผิด เชื่อผิด เดินผิด นมัสการผิด มีความคิดที่แตกต่างขัดแย้ง แม้แต่ในคริสตจักรเดียวกันก็มีความขัดแย้ง แตกแยกมีหลายกลุ่มเชื่อไม่เหมือนกันอาจารย์คนนี้สอนแบบนี้ อาจารย์คนนั้นสอนแบบนั้น
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเรามาพบมานาหรือพระคำล้ำลึก เราจะเห็นว่าพระคำของพระเจ้าไม่ขัดแย้งกันเลย เพราะฉะนั้นหากเรารับมากเท่าไหร่การขัดแย้ง การแตกแยกก็ไม่มี และในที่สุดเราก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ และการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็คือ น้ำพระทัยของพระบิดาเกี่ยวกับพระกาย
อีกครั้งน้ำพระทัยของพระบิดาเรื่องพระกาย คือพระเจ้าต้องการให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้าหากเราทำได้ ถ้าหากเราทำให้คริสตจักรไม่แตกแยก ไม่แบ่งแยก ไม่แยกพี่น้อง เราจะเป็นผู้ที่พระเจ้าเรียกว่าบุตรที่รัก และเราจะนั่งใกล้พระคริสต์เยซูในอาณาจักรและฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
ฟีลิปปีบทที่ 2:2 กล่าวว่า "ก็ขอให้ท่านทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจรู้สึกและคิดพร้อมเพรียงกัน"
เราเห็นนะครับเปาโลพูดว่าพวกท่านมีความคิดเหมือนกัน ถ้าเราแปลพระคำพระเจ้าถูก ถ้าเรารับมานามากเท่าไหร่ เราก็จะมีความคิดเหมือนกัน แล้วเปาโลยังพูดต่อว่ามีความรักแบบเดียวกัน มีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมีความคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ฟป 2:2)
เปาโลยังย้ำอีกใน 1 คร 1:10 "บัดนี้ ข้าพเจ้าขอวิงวอนพวกท่าน พี่น้องทั้งหลาย โดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ขอให้พวกท่านทุกคนกล่าวสิ่งเดียวกัน และไม่มีการแตกแยกกันในท่ามกลางพวกท่าน แต่ขอให้พวกท่านถูกเชื่อมต่อกันสนิทอย่างเต็มที่ในความคิดอย่างเดียวกันและในการตัดสินอย่างเดียวกัน" พวกเราขอบพระคุณพระบิดาที่ให้พวกเรามีความคิดอย่างเดียวกันไม่แตกแยกกัน เชื่อมต่อกันสนิทอย่างเต็มที่ในความคิดอันเดียวกัน ขอบพระคุณพระบิดา
...
ฟป 4:3 เรื่องการรับใช้สำหรับพระเจ้า อีกครั้งนะครับผมอยากพูดกับเรา คือพระเจ้าไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องเล่น คือสำหรับคริสเตียนหรือเราเองสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา เราไม่เคยสัญญาเราไม่เคยเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เราพอใจอยู่เราก็อยู่ เราพอใจไปประกาศเราก็ไปประกาศ เราพอใจรับใช้เราก็ทำ แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่พอใจ เมื่อไหร่ที่เราน้อยใจ เมื่อไหร่ที่เราท้อ เมื่อไหร่ที่มีคนมาพูดมาว่าเรา เราก็อยากจะหนี แล้วสุดท้ายเราก็ไม่ทำ
แต่ฝ่ายพระเจ้า พระเจ้าทำจริง เอาจริงเอาจังพระเจ้าทำจริงๆ พระเจ้าทำสัญญากับเราแต่เราไม่เคยสนใจไม่เคยใส่ใจ อันนี้ผมรู้นะครับว่าผมพูดถูก
เพราะฉะนั้นเปาโลจึงย้ำในข้อนี้ข้อที่ 3 บอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่แท้จริง เป็นเพื่อนร่วมงานแท้ รับแอกแท้ ก็คือ การที่เราเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องนี้เราทำสัญญากับพระเจ้าจริงๆ เป็นหน้าที่ของเราที่จะรับผิดชอบพี่น้อง เป็นหน้าที่ของเราที่จะมีส่วนร่วมกับพระกายในพระกายและเพื่อพระกาย
เพราะฉะนั้นพระเยซูรักพระกาย ถ้าหากเราทำให้พระกายเติบโต เรามีส่วนบำเหน็จของเราก็จะมีมากมาย แต่ถ้าหากเราเป็นคนแยกพระกาย ทำให้พระกายแบ่งแยก แตกแยก เราก็จะถูกตีตอน เพราะฉะนั้นขอให้เราตรวจชีวิตของเราว่าตอนนี้เรามีส่วนในพระกาย ทำให้พระกายเติบโตหรือไม่
...
ฟป 4:4 เปาโลบอกว่าภาษาอังกฤษ "Rejoice" ภาษากรีก "χαίρω คาอีโร" คำนี้ก็คือ "Rejoice" ก็คืออาการดีใจ ชื่นชมยินดีกระโดดโลดเต้น ยิ้มได้ หัวเราะได้ ซึ่งเปาโลย้ำว่าจง "Rejoice" หรือว่าจงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ ภาษาอังกฤษ "Always" ก็คือ อย่างสม่ำเสมออยู่เสมอ คือ ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าจนค่ำ จงชื่นชมยินดี จงยิ้มได้อยู่ตลอดเวลา อยู่สม่ำเสมอ และเอาโลยังย้ำ ข้าพเจ้าขอกล่าวอีกว่าจงชื่นชมยินดีเถิด สำหรับอาการนี้เมื่อเรามอบปัญหาทุกอย่างให้พระเจ้ามอบทุกสิ่งให้พระเจ้า เราปล่อย ปลง วาง พระคริสต์ที่อยู่ภายในเรา จะเป็นบ่อน้ำพุ จะเป็นแม่น้ำแห่งชีวิตจะหล่อเลี้ยงทุกส่วนของชีวิตของเรา เริ่มออกมาจากภายในจากจิตใจของเราก่อน เราจะเต็มล้นด้วยสันติสุขของพระเจ้าจนลืมความทุกข์
เราจำกันได้นะครับว่าเมื่อเรามีความสุขเราจะลืมความทุกข์ได้ เมื่อเรามีความสุข เรายิ้มได้ เราจะลืมการร้องไห้ได้ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งเราจะลืมมันได้ และนี่คือเคล็ดลับที่พระเจ้าใส่ในเราเมื่อเราเป็นทุกข์ เราขอบพระคุณ เราสรรเสริญพระเจ้า เราอธิษฐาน เราวิงวอน ปัญหาทุกสิ่งเรามอบให้พระเจ้า วางไว้ที่พระหัตถ์ของพระองค์ สุดท้ายพระเจ้าจะให้เกิดสันติสุขอยู่ภายในเรา แล้วเราจะผ่านทุกปัญหาไปได้
...
ฟป 4:5 คือคำว่าอ่อนสุภาพ ภาษากรีกคือ "ἐπιεικὲς อิป-อิ-อาย-เคส" เรียกว่าการมีคุณสมบัติที่อ่อนโยน คือการมีท่าที อาการ นั่ง ยืน เดิน ไป มา พูด ให้มีรสเค็ม อันนี้จะตรงกับหนังสือมัทธิวบทที่ 5:13 ที่พระเยซูบอกว่าท่านทั้งหลายเป็นเกลือ เกลือที่มีรสเค็ม เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นเกลือ ก็คือ อ่อนสุภาพในข้อนี้ ก็คือ การยืน การเดิน การนั่ง การพูด การหัวเราะ การยิ้ม การทำอะไรก็แล้วแต่ เป็นนิสัยของพระเยซู เป็นนิสัยของพระบิดาที่แสดงออกภายในเรา
เพราะฉะนั้นเราสำรวจดูว่าคำพูดของเราตอนนี้มันเป็นยังไง ถ้าผมจะพูดเปรียบเทียบ อาจจะดูหนังละครหรือวงการบันเทิงเราจะเห็นว่าพระเอกนางเอกเขาพูดยังไง เขากระโดดโลดเต้นแบบไหนเขาพูดแรงมากแค่ไหนเขาหัวเราะยังไง อันนี้เราทราบกันดีใช่ไหม ผมไม่ได้หมายความว่าเราไปเรียนแบบคนเหล่านั้น คือนิสัยของพระเยซูที่สำแดงออกผ่านเปาโล เป็นแบบไหน เราก็ควรจะเป็นแบบนั้น เราสำรวจดูว่าการยืน เดิน นั่ง นอน คำพูดของเรา มันแรงเกินไปไหม มันพูดไม่เพราะไหม คือเราดูได้จากพี่น้องทั้งหลายที่เขาเห็นเปาโลได้ยินข่าวเรื่องเปาโล แล้วเขายกย่องท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลาย เพราะว่าพระคริสต์แสดงชีวิตของพระองค์ผ่านเปาโลได้มากมาย เพราะฉะนั้นขอให้เราตระหนักในสิ่งนี้และขอให้เราขอการชำระจากพระองค์ให้นิสัย คำพูด การกระทำของเรา ให้เป็นที่น่ารักของทุกๆ คน
...
ฟป 4:6 "อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ"
อย่าทุกข์ร้อน คือการไม่คิด ไม่กังวล แต่เราปล่อย ปลง วาง ทำใจกับชีวิตและฝ่ายโลกนี้
สำหรับคนที่เป็นทุกข์ร้อน คือเขายังปล่อยวางไม่ได้ยังปลงไม่ได้ยังกังวลอยู่ในชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง อันนี้เป็นบทเรียนที่ผมเคยได้เรียน และมีประสบการณ์มากมาย ตั้งแต่ก่อนที่ผมเป็นคริสเตียนศาสนาจนถึงทุกวันนี้ ก็ขอบพระคุณพระเจ้าที่มาถึงวันนี้ ผมไม่เคยเห็นว่าสิ่งที่เป็นของโลกนี้ฝ่ายโลกนี้ สำคัญมากเท่ากับสิ่งที่อยู่ฝ่ายวิญญาณฝ่ายเบื้องบน
ผมขอบพระคุณพระเจ้าที่ชำระตรงนี้ได้ คือเราไม่กระวนกระวายเรื่องความร่ำรวยความมั่งมี การมีชีวิตที่ดี การที่จะต้องไม่เจอะเจอกับปัญหาต่างๆ มรสุมที่เข้ามา คือเรารู้แล้วว่าพระเจ้าให้โลกนี้อยู่ในสภาพแบบนี้และพระเจ้ากำลังจะจบโลกนี้ และพระเจ้าให้เราอยู่ในสถานการณ์ไหนตอนนี้ เราก็ยอมรับมันและขอบพระคุณพระบิดา เพราะว่าพระเยซูทรงทราบพระเจ้าทรงเห็นทูตสวรรค์อยู่ด้วย คือเราอยู่ในการครอบครอง ปกครอง คุ้มครองของพระเจ้าครับ
เพราะฉะนั้นแล้วคำนี้บทเรียนนี้ชัดเจนกับใครแล้ว เราขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดตาให้เห็นชัด เราจะอยู่ได้โดยการมีจิตใจที่ปล่อยปลงวางได้จะไม่เป็นทุกข์อีกแล้ว
...
ฟป 4:7 "แล้วสันติสุข (peace) แห่งพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจทุกอย่าง จะคุ้มครองจิตใจ และความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์"
ถ้าหากชีวิตในแต่ละวันของเราอยู่ในการพูดคุยสนทนา วิงวอน และขอบพระคุณ และไม่เป็นทุกข์ร้อนเพราะถูกเปิดตาให้ได้รู้ความจริงทุกเรื่องที่กำลังเป็นไป สันติสุข (peace) ของพระเจ้าจะครอบคลุมเราอยู่ตลอดเวลา
...
ฟป 4:8 บุตรพระเจ้าตั้งมั่นอยู่ใน
1. ตั้งมั่นอยู่ในความจริง คืออะไรที่เป็นความจริง ก็พูดความจริงทำแต่สิ่งที่เป็นความจริง
2. ซื่อตรง-จริงจัง-จริงใจ นี่คือสิ่งที่บุตรพระเจ้าควรทำ
3. ความยุติธรรม ก็คือเป็นคนที่ไม่บายเบี่ยง เราไม่รักคนนี้มาก ไม่รักคนนี้น้อย ไม่ให้คนนี้มาก ไม่ให้คนนี้น้อย คือเป็นคนที่ยุติธรรม
4. นิสัยที่ 4 ของบุตรพระเจ้า ก็คือเป็นคนที่บริสุทธิ์ให้ปราศจากการทำบาป เราขอการชำระจากพระบิดา
5. ก็คือเราเป็นคนที่น่ารัก ทำให้ทุกคนชอบ ทำให้ทุกคนพอใจ และอยากอยู่ใกล้ เราจะเห็นนะครับ ทุกวันนี้มีพี่น้องมากมาย แม้กระทั่งพี่น้องที่เข้ามาอยู่ในมานาก็เหมือนกัน เราจะสังเกตว่าบางคนก็ทำตัวเป็นคนน่ารัก แต่บางคนก็ทำตัวเป็นคนไม่น่ารัก แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนทำตัวน่ารัก และทำให้ทุกคนชอบพอใจ และอยากอยู่ใกล้
6. สิ่งที่ 6 ที่บุตรพระเจ้าควรจะมี ก็คือการรายงานที่ดี การบอกข่าว การเล่า การพูดที่ดีต่อพระกาย เราจะไม่เพิ่ม เสริม เติม แต่ง เรื่อง เราจะไม่พูดสิ่งที่น่าฟังแต่เป็นเรื่องโกหก เราจะไม่พูดสิ่งที่ไร้สาระ แต่การพูดของเราต่อพระกายต่อพี่น้อง คือการพูดให้มีการเสริมสร้างให้ก่อพี่น้องขึ้น นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราพูด
7. คุณสมบัติประการที่ 7 ก็คือ คุณงามความดี และการสรรเสริญพระบิดาให้เรามีอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เปาโลพูดในฟีลิปปีข้อที่ 8 มีหลายๆ สิ่งที่เราควรจะเปลี่ยนและขอการชำระเรา
อีกครั้งนะครับ 1. ความจริง 2. ซื่อตรง 3. ยุติธรรม 4. บริสุทธิ์ 5. เป็นคนน่ารัก 6. เป็นคนพูดที่ดี เป็นคนรายงานต่อพี่น้องเป็นคนเสริมสร้างพี่น้องที่ดี 7. มีคุณงามความดี และสิ่งที่ 8. ที่เราขาดไม่ได้ ก็คือการสรรเสริญพระบิดาอยู่เสมอ
"พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุด สิ่งใดที่จริง สิ่งใดที่น่านับถือ สิ่งใดที่ยุติธรรม สิ่งใดที่บริสุทธิ์ สิ่งใดที่น่ารัก สิ่งใดที่น่าฟัง คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้"
ถาม.
ฟีลิปปีข้อที่ 5. อาการแบบนี้อาการท่าทางแบบเนี้ย เราต้องการทำ เราจะเปลี่ยน เราต้องการเปลี่ยนตัวเรา เราต้องแบบพยายามทำไหมครับหรือว่าพระเยซูจะทำแทนเราครับ
ตอบ.
สำหรับเราที่อยู่ใต้พระคุณ เราไม่พยายามทำคำว่าพยายามทำ ก็คือการกลับไปอยู่ใต้พระบัญญัติ เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยู่ใต้พระบัญญัติ เมื่อเราพยายามทำ พระเจ้าจะไม่ทำ พระเจ้าจะไม่เปลี่ยน มันก็กลายเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเป็นการแสดงละครเหมือนตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาจำได้นะครับ
เรายิ้มแห้งๆ เท่านั้น เราเข้าไปคริสตจักรเรายิ้มแกล้งยิ้ม เสแสร้งอันนี้ผมก็เคยเป็น หลายคนเคยเป็น แต่เราขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ชำระเราขอพระเยซูทำแทนเราในเรา แล้วพระเจ้าต้องใช้เวลาครับ ต้องใช้เวลาจนกว่าเราจะเติบโตได้ แล้วในที่สุด นิสัย คำพูด การกระทำของเราจะน่ารักทุกคนจะมองว่าคนนี้ทำไมเปลี่ยนไป เมื่อก่อนพูดไม่เพราะ เมื่อก่อนพูดหยาบคาย เมื่อก่อนพูดเหมือนโจร เหมือนคนไม่ดี แต่ตอนนี้คือเปลี่ยนไปมาก อันนี้เป็นการแสดงออกของพระวิญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในเราครับ
ฟีลิปปี บทที่ 4:8-15
เราขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์รับการยกย่องสรรเสริญ รับการนมัสการ รับหัวใจที่ถ่อมลง และเข้ามาเพื่อร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์
เราขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์ให้พระเยซูเป็นพี่ชายคนโตที่จะนำเราและนำชีวิตที่ผ่านกางเขน ที่ผ่านการฟื้นมาจากความตาย ให้เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เป็นคนใหม่ และการถวายเครื่องบูชาทั้งหลายเป็นที่ยอมรับของพระบิดาแล้ว
เราอาจจะไม่ได้มีคำพูดที่ดูดี อาจจะพูดไม่เก่ง บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่พวกเรานำหัวใจที่บริสุทธิ์และนำหัวใจที่มีความรักที่เต็มเพื่อถวายแด่พระองค์
เราขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์ช่วยเหลือ และนำพวกเราเมตตาเรา ให้มารับสิ่งที่เราไม่สมควร เราไม่เหมาะสมที่จะรับ ก็คือ พระคุณและพระคุณซ้อนพระคุณ เราได้รับพระโลหิตของพระองค์ได้รับค่าจ่ายหนี้บาปทั้งหลาย และได้รอดจากบึงไฟ รอดจากการพิพากษา ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรายังได้รับชีวิตของพระองค์ที่เป็นพระคุณซ้อนพระคุณที่เข้ามาอยู่ในพวกเรา เพื่อดำเนินชีวิตแทนพวกเราเพราะว่าพวกเรารักไม่ได้ พวกเราพยายามทำดีให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ไม่ได้จริงๆ
และขอบพระคุณที่พระองค์ ได้ทรงจัดเตรียมชีวิตหนึ่งที่จะเข้ามาเพื่อทำทุกสิ่งแทนพวกเรา ก็คือ ชีวิตของพระคริสต์ สรรเสริญพระบิดาและขอบพระคุณพระองค์และสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำพระทัยของพระองค์
...
ขอบพระคุณที่วันนี้พระองค์ให้พวกเราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ หนังสือฟีลิปปี
ซึ่งเป็นเรื่องของการขยายใหญ่ขึ้นของชีวิตพระคริสต์ นิสัยของพระคริสต์ คุณสมบัติของพระคริสต์ ที่อยู่ภายในเราให้มีมากขึ้น
เราเล็กลงมากเท่าไหร่ พระองค์ใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น
เราตายไป พระองค์เป็นอยู่มากเท่านั้น
เราถ่อมใจลง พระองค์ฟื้นชีวิตของเราขึ้นให้สูงขึ้นมากเท่านั้น
และขอบพระคุณพระเยซูที่ตาฝ่ายวิญญาณของพวกเราถูกเปิดมากขึ้นๆ ทุกวัน
ทำให้ความบาปที่เราทำน้อยลง
ทำให้ความทุกข์ที่เรามีน้อยลง
ทำให้กำลังที่เราอ่อนแอมีกำลังเข้มแข็งมากขึ้นในพระองค์
ขอบคุณที่พวกเราเมื่อก่อนไม่รู้ ว่าการอยู่ในพระคริสต์มีค่าสำคัญมากเพียงใด
แต่ตอนนี้เราได้เข้าใจ ได้รู้ เมื่อก่อนเราอยู่ในอาดัมพยายามทำ
คิดถึงแต่เรื่องทำๆๆๆ ให้พระบิดาพอพระทัย
แต่ตอนนี้เราไม่ต้องทำ เราย้ายเข้ามาอยู่ในพระคริสต์
พระคริสต์ก็ทำให้เรา กางเขนเบา แอกเอา ภาระเบา ทุกสิ่งก็เบาไปหมด
ขอบพระคุณพระเจ้าและขอบคุณพระองค์ที่บำเหน็จที่พวกเราได้รับ ก็คือเราทำด้วยมนุษย์วิญญาณ ด้วยมนุษย์คนใหม่ มนุษย์ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทุกสิ่งพระองค์ก็รับและพระองค์ก็นับและพระองค์ก็มีบำเหน็จให้จนถึงอาณาจักรพันปี และจนถึงฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ก็คือบําเหน็จไม่รู้เหี่ยวแห้ง ไม่รู้ร่วงโรย เพราะว่าพวกเราทำด้วยคนใหม่
เมื่อก่อนเราทำเพื่อหวังผลตอบแทน ทำเพื่อหวังค่าจ้างรางวัล
เราทำเพื่อหวังหน้าตา เราทำเพื่อหวังให้มีเกียรติ
แต่ตอนนี้เราทำด้วยหัวใจรัก เราไม่ต้องการอะไร
เราขอให้ได้อยู่ใกล้พระเยซู เรารักพระเยซู อยู่สนิทกับพระเยซู
เราขอมีสิ่งเดียวในชีวิตนี้ ก็คือ พระเยซู
เพราะพระองค์เป็นน้ำแห่งชีวิต พระองค์เป็นสันติสุข พระองค์เป็นสะบาโต
พระองค์เป็นๆๆๆๆ ทุกสิ่งของเรา
การใส่ใจในฝ่ายโลกเราผิดหวัง แต่การใส่ใจในฝ่ายวิญญาณเราสมหวัง เอเมน
เปาโลย้ำถึงการที่จะมีบำเหน็จ ไม่รู้เหี่ยวแห้ง ไม่ร่วงโรย ซึ่งเราทำด้วยมนุษย์วิญญาณ ด้วยคนใหม่และด้วยความพอใจเต็มใจและตามขนาดของความเชื่อ
เราจะมีน้อย เราทำน้อย เราให้น้อย เราช่วยเหลือพี่น้องน้อย คำว่า "น้อย" นั้น มันมีมาก มีคุณค่ามากกว่าตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา ที่ให้เป็นหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านดอลลาร์หรือหลายล้านบาท แต่พระเจ้าไม่ได้นับจำนวนไม่ได้มองที่ตรงนั้น พระเจ้ามองว่าเราให้น้อยแต่เราให้ด้วยหัวใจที่มีความรักอันยิ่งใหญ่
เราจำกันได้น่ะ หญิงหม้ายคนหนึ่งที่มีแค่ 2 เหรียญหยอดลงไปในกล่อง แต่เศรษฐี คือหยอดทีละเหรียญๆ ให้คนได้ยินทั้งหมด ให้ทุกคนได้ยิน หยอดลงไปๆ ในกล่อง ปรากฏว่าพระเยซูยกย่องผู้หญิงคนนั้นที่มีแค่ 2 เหรียญ
นี่คือบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับพวกเรา ก็คือเราทำด้วยมนุษย์วิญญาณ เราอาจจะมีเล็กๆน้อยๆ แต่เราให้ด้วยหัวใจรัก ด้วยความจริงใจไม่หวังหน้าตา ไม่หวังชื่อเสียง ไม่หวังเกียรติยศ มันก็เป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพระเจ้า
เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตที่ทำด้วยพระคริสต์ ทำโดยพระคริสต์เป็นสิ่งที่สำคัญมากและมีคุณค่ามากสำหรับพระเจ้า เราจะเอาสิ่งยิ่งใหญ่สร้างคริสตจักรหลังใหญ่คฤหาสน์ให้พระเจ้า สร้างบ้านหลังใหญ่ๆ ให้เป็นที่อาศัยของพี่น้องทั้งหลายมาอยู่ร่วมกันถึงอย่างนั้นก็ดี แต่สำหรับพระเจ้าไม่เห็นคุณค่า
...
ถาม.
ฟีลิปปี ข้อที่ 15 "และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น เมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในการให้และรับนั้นเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น"
ตอบ.
สำหรับเปาโล คือเปาโลได้รับการช่วยเหลือจากพี่น้องบางคริสตจักร แต่พี่น้องบางคริสตจักรก็ไม่มีแล้วก็ไม่ได้ให้ หรือบางคริสตจักรก็ไม่สะดวกในการให้ แต่สำหรับเปาโลไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่และพี่น้องที่ให้ก็ได้บำเหน็จที่เขาให้ คริสตจักรในสมัยก่อน สมัยที่เปาโลประกาศข่าวประเสริฐ คือมีหลายๆ คริสตจักรก็สนับสนุนเปาโล และอยู่เบื้องหลังการเดินทางการใช้จ่ายทุกอย่างของเขา และบางคริสตจักรก็อาจจะไม่พอใจคำสอนของเขาบ้าง หรือบางคริสตจักรก็ไม่ค่อยสะดวกในการที่จะช่วยเหลือเขา ก็อธิษฐานเผื่อเขาก็มี
สรุปแล้วก็คือ ในสมัยก่อนมีคริสตจักรหลายคริสตจักรที่ไม่พอใจเปาโล บางคริสตจักรก็เกลียดเปาโล บางคริสตจักรก็มองว่าเปาโลสอนผิด แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าที่หลายคริสตจักรสนับสนุนเปาโล และรับบทเรียนฝ่ายวิญญาณที่เปาโลนำมาแบ่งปัน
...
ถาม.
หมายถึงคริสตจักรฟีลิปปีสนับสนุนอาจารย์เปาโลตลอดเวลาใช่ไหมคะ
ตอบ.
ถูกแล้วครับ คือ คริสตจักรฟีลิปปี เป็นคริสตจักรที่ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ และขอบพระคุณพระเจ้าที่ชีวิตของพวกเขาเข้าใจเรื่องการทำแทนของพระเยซู เขาฝึกให้พระเยซูทำแทน แล้วเปาโลจึงย้ำว่า พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในเรา และชีวิตของพระคริสต์ เรากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์เป็นผู้เสริมกำลังให้แก่พวกเรา
- เสริมกำลังในที่นี้
เมื่อก่อนเราเคยเข้าใจว่า เราอ่อนแอ เราขอกำลังจากพระเจ้า พระเยซูตอนนี้อ่อนแอมากขอกำลังหน่อย เสริมกำลังหน่อย ประทานกำลังให้ลูกด้วย พระเยซูตอนนี้เหี่ยวแห้งเหลือเกิน ขาดสันติสุข เป็นทุกข์มาก ขอประทานสันติสุขให้แก่พวกเราด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจผิดน่ะครับ
- ในภาษากรีกตรงนี้ก็คือ เสริมกำลังแล้ว ไม่เพียงแต่เท่านั้นความหมายยังมีลึกกว่านั้นอีก ก็คือ พร้อมที่จะเสริมกำลังในเราทุกเวลาที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นชีวิตในพระคริสต์ เป็นชีวิตที่มันเป็นอะไรที่ประเสริฐมากๆ คือพระเจ้ามี "คลัง" ของพระองค์ ซึ่งเป็นความรัก กำลัง สันติสุข พลัง แต่ "คลัง" นั้นไม่ได้อยู่บนสวรรค์ "คลัง" นั้นตอนนี้อยู่ในพวกเราทุกๆ คน
เราหลุดออกมาจากฝ่ายวิญญาณเมื่อไหร่ เรากลับมารับทุกสิ่งที่อยู่ใน "คลัง" ของพระเจ้าได้ เราก้าวเข้ามาสู่พระคริสต์
การก้าวกลับเข้ามาสู่พระคริสต์ ง่ายมาก แค่เอ่ยปาก เอเมนพระเยซูตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในพระองค์แล้ว ก็คือการกลับเข้ามาอยู่ในความจริงของพระเจ้า เมื่อเราอ่อนแอแสดงว่าตอนนั้นเราหลุดออกไปแล้วอยู่ในอาดัมแล้ว และต้องการจะกลับเข้ามาสู่พระคริสต์ เพื่อรับสันติสุข เพื่อรับพลัง เพื่ออยู่ในความกระตือรือร้น ร้อนรน ชื่นชมยินดีกับพระเจ้า ก็คือแค่คำพูดคำเดียว เอเมนข้าพระองค์ตอนนี้อยู่ในพระคริสต์แล้ว เราบอกว่าเอเมนตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในวิญญาณอยู่ในพระเยซู พระองค์ทำมากที่สุด เอเมน
เนื่องจากว่าฟีลิปปีเป็นหนังสือที่พระเจ้าสัญญาว่าพระคริสต์จะขยายใหญ่ขึ้นในเรา
ฟีลิปปีบทที่ 4:16-21
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เราอยู่ในสภาพในสถานการณ์ที่พระองค์ทรงเห็นและกำหนดเพื่อประโยชน์ของเราเพื่อการเติบโตของเรา สู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของพระคริสต์ที่เต็มล้นในเรา
ขอบคุณพระเยซูสำหรับหนังสือฟีลิปปีที่พระองค์สอนเรา เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับชีวิตคริสเตียน ถ้าหากเราเติบโต ชีวิตพระคริสต์ก่อขึ้นมากจนกลายเป็นหนุ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เราจะปล่อย ปลง วาง เหมือนเปาโลได้ เราจะปล่อยวางได้
เป็นชีวิตที่มหัศจรรย์มาก เป็นชีวิตที่นิ่งสงบ
เป็นชีวิตที่ไม่เดือดร้อน ไม่กระวนกระวายไม่กังวล ไม่เป็นทุกข์ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น ปัญหาไม่ได้เป็นอุปสรรค ปัญหาไม่ได้สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญก็คือรักพระเยซู เราอยู่เพื่อรักพระเยซู เราอยู่เพื่อรักพี่น้อง เราอยู่เพื่อรัก อีกครั้งผมขอย้ำเปาโลพูดใน 1 คร 13:1-3
"1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์ก็ดี และภาษาของทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง
2 แม้ข้าพเจ้ามีของประทานแห่งการพยากรณ์ และเข้าใจในความลึกลับทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้ข้าพเจ้ามีความเชื่อทั้งหมดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย
3 แม้ข้าพเจ้ามอบของสารพัดเพื่อเลี้ยงคนยากจน และแม้ข้าพเจ้ายอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่"
เราจะทำงานเพื่อพระเจ้าทั้งวันขยัน เราจะออกไปประกาศ เราจะทำทุกสิ่ง เราจะถวายตัว ถวายทรัพย์จนหมดไม่มีอะไรเหลือ แต่เราไม่มีความรัก ก็ไม่มีค่า
เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตที่มีพระคริสต์ก่อขึ้น เติบโตขยายใหญ่ขึ้นในเรา เป็นชีวิตที่มีความรักเป็นหลัก นี่คือเคล็ดลับที่พระเจ้าสอนเราผ่านหนังสือฟีลิปปีผ่านเปาโลครับ
เพราะฉะนั้นเราใส่ใจที่การสะสม คลังทรัพย์สมบัติในสวรรค์ เราไม่ใส่ใจที่การสะสมสมบัติในโลกนี้
แต่เราต้องเข้าใจว่าพี่น้องคริสเตียนมีทั้งคนที่ยังเป็นเด็กอยู่และบางครั้ง ภรรยายังเป็นเด็ก สามีเติบโตแล้ว บางครั้งบางคนภรรยาโตแล้ว แต่สามียังเป็นเด็ก อันนี้เราต้องเข้าใจกัน เราต้องอะลุ่มอร่วย เราต้องเห็นใจเขา คนที่โตก็เห็นใจคนที่ยังไม่โต ไม่ใช่ว่าโตแล้วจะไปบอกภรรยาบอกสามีเราที่ยังไม่โตว่า ทำใจน่ะ ปล่อย ปลง วางน่ะ เขาปล่อยไม่ได้อันนี้ก็ต้องเข้าใจกัน ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปต้องเห็นใจกัน
สรุปก็คือหนังสือฟีลิปปี เน้นที่การเติบโตสู่ชีวิตพระคริสต์ เพื่อเราจะดำเนินชีวิตให้มีความรักเอาความรักเป็นหลักในชีวิตประจำวันของเราได้ สรรเสริญพระเยซู
เมื่อถึงจุดนี้ โลกนี้เราจะเห็นชัดเจนมากว่ามันเป็นสวรรค์บนดิน ขณะที่โลกนี้เป็นนรกสำหรับผู้คนมากมาย สรรเสริญพระเยซู เอเมน
ผู้เชื่อที่โตแล้วจะทำใจปล่อย ปลง วาง ต่อการดิ้นรน แสวงหาความมั่งมีของชีวิตนี้ และใส่ใจที่สนิท สะสมทรัพย์ในสวรรค์ เขาจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่มากหรือน้อยไม่สำคัญ
เมื่อเกิดขัดสน เจอปัญหา เรื่องเงินทองการใช้จ่าย เราสงบนิ่งได้ ทำดีที่สุดในวันนั้น พระบิดาทรงรักและจัดการกับปัญหาได้ เนื่องจากว่าการสงบนิ่งคือการแสดงการวางใจในพระองค์
อย่าลืมสัญญาของพระบิดาน่ะครับไม่มีขอทานในท่ามกลางบุตรพระเจ้า
...
เอเมนพระเยซู พวกเรารักพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ขอบพระคุณสำหรับชีวิตที่ครบบริบูรณ์แล้ว ขอบพระคุณสำหรับพระเจ้าที่เป็นชีวิตที่เข้ามาอยู่ในพวกเรา ให้เราได้อยู่ในสวรรค์บนดิน ให้เราได้มีสันติสุข ให้เราได้รับพระสัญญา พระพรทุกประการ ขอบพระคุณที่โลกนี้น่าอยู่สำหรับพวกเรา ทั้งๆที่มันไม่น่าอยู่เลยสำหรับทุกคน ขอบพระคุณพระบิดาที่เราจะก้าวต่อไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน เพื่อเข้าสู่ชีวิตที่เติบโตและมีพระคริสต์ก่อร่างขยายใหญ่ขึ้นมากขึ้นในพวกเรา และขอบพระคุณที่พวกเราจะดำเนินชีวิตในโลกนี้ โดยเอาความรักเป็นหลัก เอาความรักเป็นใหญ่ เพื่อเราจะปล่อย ปลง วาง และเพื่อเราจะสะสมบำเหน็จมากมายในสวรรค์ ขอบพระคุณพระบิดาเอเมน