หน้าที่ของครู (พระบัญญัติ) ก็คือ เพื่อสอน ควบคุมให้เราอยู่ในกรอบ ขอบเขตของชีวิตตามกำหนดของพระเจ้า และเป็นสิ่งชั่วคราวสำหรับยิวเท่านั้น และข้อลึกลับเรื่องครูก็คือสอนเราให้รู้ว่าเราทำไม่ได้ หรือมาเพื่อให้ยิวละเมิดพระบัญญัติ the law is for us to break not to keep เพื่อเราจะยอมแพ้ยอมจำนน และมาหาพระเยซูเพื่อรับแอกเบาภาระเบากางเขนเบา และได้เข้าสู่การพักผ่อนที่แท้จริง
3:19 ถ้าเช่นนั้นมีพระบัญญัติไว้ทำไม ที่เพิ่มพระราชบัญญัติไว้ก็เพราะเหตุจากการละเมิด จนกว่าเชื้อสายที่ได้รับพระสัญญานั้นจะมาถึง และพวกทูตสวรรค์ได้ตั้งพระบัญญัตินั้นไว้ โดยมือของคนกลาง
** ถ้าหากจะเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ก็คือ สำหรับพระเจ้า ไม่เคยมีแผนการที่จะให้มีพระบัญญัติและโลกนี้ไม่ควรจะมีพระบัญญัติตั้งแต่แรก แต่เนื่องจากว่าอาดัมและลูกหลานตกต่ำ ถูกแช่งสาปเนื่องจากการไม่เชื่อฟัง เมื่อพระเจ้าทรงเลือกชนชาติอิสราเอลให้เป็นประชากรของพระองค์ พระองค์จึงประทานพระบัญญัติเพื่อสอนพวกเขาว่า พวกเขาเป็นคนบาปและจะทำดีเพื่อพระเจ้าไม่ได้แน่นอนไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ มีหนทางเดียวคือต้องพึ่งพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพระสัญญาที่ทรงประทานแก่อับราฮามคือเชื่อก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว
** โดยมือของคนกลาง ในที่นี้ คือโมเสส ยุคพระบัญญัติ โมเสสคือคนกลางระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอล เพื่อพระเจ้าจะนำพระพรและความรอดมาสู่ชนชาติอิสราเอลเท่านั้น ส่วนยุคพระคุณ พระเยซูคือคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เพื่อนำพระสัญญาของอับราฮัมมาสู่คริสเตียน
3:20 เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนกลางก็ไม่ได้เป็นคนกลางของฝ่ายเดียว แต่พระเจ้านั้นทรงเป็นเอกพระเจ้า (เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว)
** พระเจ้านั้นทรงเป็นเอกพระเจ้า (เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว) ภาษากรีกคือ Theos θεός, οῦ, ὁ ที-โอส คือพระเจ้า God คือพระผู้สร้างสิ่งทั้งปวง และผู้เป็นเจ้าของสรรพสิ่งทั้งปวง พระองค์เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว
3:21 ถ้าเช่นนั้นพระบัญญัติขัดแย้งกับพระสัญญาของพระเจ้าหรือ พระเจ้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะว่าถ้าทรงตั้งพระบัญญัติอันสามารถทำให้คนมีชีวิตอยู่ได้ ความชอบธรรมก็จะมีได้โดยพระบัญญัตินั้นจริง
** ความเป็นจริง ก็คือพระบัญญัตินั้นเป็นมาโดยพระวิญญาณ เพื่อคนที่มีชีวิตพระเจ้าเท่านั้นที่ดำเนินในชีวิตนั้นได้ พระบัญญัติก็ไม่ได้ขัดแย้งกับพระสัญญาถ้าหากมนุษย์ใช้ชีวิตตามแบบอย่างพระเจ้าได้ แต่เนื่องจากว่ามนุษย์ตกต่ำและกลายเป็นคนบาปแล้ว จึงไม่มีใครที่จะรักษาพระบัญญัติได้ เพราะฉนั้น จึงไม่มีใครที่มีอยู่ได้โดยการรักษาพระบัญญัติ เหตุฉนั้นมนุษย์จึงต้องหันมาพึ่งพระสัญญาของพระเจ้าเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า
3:22 แต่พระคัมภีร์ได้บ่งว่า ทุกคนอยู่ในความบาป เพื่อจะประทานตามพระสัญญาแก่คนทั้งปวงที่เชื่อ โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นหลัก
** (ข้อ 19 จนถึง 22 ดูคำอธิบายในข้อ 23-24)
3:23 แต่ก่อนที่ความเชื่อมานั้น เราถูกพระบัญญัติกักตัวไว้ ถูกกั้นเขตไว้จนความเชื่อจะปรากฏภายหลัง
3:24 เพราะฉะนั้น พระบัญญัติจึงเป็นครูของเรา ซึ่งนำเรามาถึงพระคริสต์ เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ
** หน้าที่ของพระบัญญัติ ก็คือกักขังชาวยิวไว้ชั่วคราว เพื่อรอพระเยซูเสด็จมา เพื่อให้พระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมสำเร็จ เพื่อให้ชาวยิวยอมจำนน เพราะการแบกภาระหนักมากในการรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม
** แท้ที่จริงแล้ว พระเจ้าประทานพระบัญญัติให้ชาวยิวเพื่อให้เขาละเมิด และเมื่อละเมิดจนตกอยู่ในการสาปแช่งเพราะรักษาไม่ได้ เขาจึงหันมาพึ่งพระเยซู
** แต่ปัญหาอยู่ที่ชาวยิวไม่ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่ของพวกเขา คนต่างชาติจึงเป็นฝ่ายที่ได้รับพระสัญญามากกว่าชาวยิว
3:25 แต่หลังจากความเชื่อนั้นได้มาแล้ว เราจึงมิได้อยู่ใต้บังคับครูนั้นอีกต่อไปแล้ว
** ข้อ 25 กล่าวชัดเจนว่า เราไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไป
** คือไม่ต้องรักษาพระบัญญัติอีกต่อไปแล้ว
** เราจึงมิได้อยู่ใต้บังคับครูนั้น (พระบัญญัติ) คือไม่ต้องรักษาพระบัญญัติอีก
** ส่วนเรื่องการทำบาป เราทำไม่ได้ เพราะว่าขั้นตอนต่อไปเราถวายชีวิตใหม่นี้เพื่อให้พระเยซูคริสต์ทำแทน เกิดผลแห่งชีวิตใหม่ในเรา (กท 2:20; 5:22-23)
(โรม 7:14 เพราะว่าพวกเราทราบว่าพระราชบัญญัตินั้นอยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป)
ชาวยิวปัจจุบันนี้ยังรักษาพระบัญญัติอยู่หรือไม่ คำตอบคือ..
- ยิวไม่ถวายสิบลดตั้งแต่ ค.ศ. 70 จนถึงทุกวันนี้
- ยิวไม่ได้รักคนต่างชาติแต่เขารักเพื่อนบ้านก็คือคนข้างบ้านที่เป็นยิวเท่านั้น
- ยิวทุกวันนี้ไม่เคร่งพระบัญญัติเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
- จะมีก็บางคนเท่านั้นที่พยายามเท่าที่ทำได้.
3:26 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
** การได้กลายเป็นคนชอบธรรมเพราะว่าเราได้บังเกิดใหม่ และชอบธรรมโดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์
3:27 เพราะเหตุว่า ทุกคนในพวกท่านที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตพระคริสต์
** การได้สวมชีวิตพระคริสต์ ในที่นี้ คือการได้รับการปกปิดชีวิตเก่าที่เป็นเสื้อที่ขาดแล้วใน มธ 9
** พระคริสต์จึงเป็นเสื้อที่ดีที่สุด เพื่อเราจะเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า
** จากนั้นเราก็มีพระคริสต์ในเราเป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา เพื่อเรา
3:28 จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์
** ผู้เชื่อทุกวันนี้ สำหรับพระเจ้า เราไม่มีชาติในฝ่ายเนื้อหนังอีกต่อไปแล้ว เราเป็นวิญญาณ และเป็นกายอันเดียวกันในพระคริสต์
3:29 และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นเชื้อสายของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา
** การได้อยู่ในพระคริสต์ เราได้บังเกิดใหม่ เราย้ายมาอยู่ในพระวิญญาณ เรารับมรดกทุกอย่างที่พระเยซูคริสต์เป็นเจ้าของครอบครอง ที่พระบิดาประทานให้ตามสัญญาที่ให้อับราฮัม ก่อนพระองค์จะประทานพระบัญญัติให้โมเสส