23:1 และเปาโล ซึ่งเพ่งมองพวกสมาชิกสภา กล่าวว่า “พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ประพฤติต่อพระพักตร์พระเจ้าล้วนแต่ตามจิตสำนึกอันดีจนถึงทุกวันนี้”
** สภาแซนแฮดริน เป็นสภาเพื่อชาวยิวจะถูกพิพากษาถ้าหากมีการทำผิดเรื่องพระบัญญัติ ในสภาจะมีมหาปุโรหิต พวกฟาริสี สะดูสี และธรรมาจารย์เป็นสมาชิก
“พี่น้องทั้งหลาย” ก็คือพวกพี่น้องยิวที่เป็นพวกฟาริสีที่รู้จักเปาโลดี
“ล้วนแต่ตามจิตสำนึกอันดี” คือเปาโลคิด พูด กระทำ ดำเนินชีวิตและรับใช้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ซึ่งมนุษย์ล้มเหลวที่จะประพฤติตามน้ำพระทัยตั้งแต่อาดัมจนถึงทุกวันนี้ แม้แต่คริสเตียนก็เช่นกัน พระเจ้าจึงต้องการให้ผู้เชื่อกลับมาประพฤติตามจิตสำนึกอันดีหรือตามน้ำพระทัย
น้ำพระทัยของพระบิดามีสามสิ่งใหญ่ๆ สำหรับผู้เชื่อ ซึ่งก็คือดำเนินชีวิตและรับใช้.. 1. ในพระคริสต์ 2. ร่วมกับพระคริสต์ และ 3. เพื่อพระคริสต์เท่านั้น (ถ้าหากเราได้มองเห็นว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า คือสามข้อใหญ่ดังกล่าว เราจะพบว่ามนุษย์ และแม้แต่คริสเตียนเองก็ยังล้มเหลวต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า เปาโลเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติตามจิตสำนึกอันดีนี้)
23:2 และอานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ข้างท่านให้ตบท่านที่ปาก
** ผู้ที่ข่มเหงคริสเตียนส่วนมากจะเป็นพวกที่เป็นบุตรพระเจ้าเหมือนกัน สมัยก่อนก็คือยิวข่มเหงคริสเตียน และทุกวันนี้ก็คือคริสเตียนศาสนาข่มเหงคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
23:3 แล้วเปาโลได้กล่าวแก่ท่านว่า “พระเจ้าจะทรงตบเจ้า เจ้าผู้เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว เพราะเจ้านั่งเพื่อจะพิพากษาข้าพเจ้าตามพระราชบัญญัติ และสั่งให้ข้าพเจ้าถูกตบตีซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติหรือ”
** กฎของพระเจ้า การกระทำทุกสิ่งไม่ว่าจะดีหรือร้าย ย่อมจะได้รับผลตอบแทนทั้งนั้น ซึ่งเราไม่ควรไปตอบแทนแก้แค้นใคร เพราะว่าการแก้แค้นเป็นของพระเจ้า
** ผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว คือทำให้ข้างนอกดูดีแต่ข้างในบาปชั่ว พระเยซูเรียกว่า อาการหน้าซื่อใจคดนั่นเอง เป็นนิสัยที่พระเจ้าเกลียดมาก ผู้เชื่อควรหน้าซื่อใจซื่อ ดีก็ว่าดีไม่ดีก็ว่าตนไม่ดี
** ยิวไม่รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าจึงมองว่าเปาโลกระทำผิดต่อพระบัญญัติ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย
23:4 และคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ใกล้ได้กล่าวว่า “เจ้าด่าว่ามหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ”
** พวกยิวเองก็ไม่รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าและปกป้องผู้นำของพวกเขา
23:5 แล้วเปาโลได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่รู้มาก่อน พี่น้องทั้งหลาย ว่าเขาเป็นมหาปุโรหิต ด้วยมีเขียนไว้แล้วว่า ‘เจ้าอย่ากล่าวสิ่งที่ชั่วร้ายต่อผู้ปกครองแห่งประชากรของเจ้า’”
** เปาโลเอ่ยถึงพระบัญญัติข้อนี้ใน อพยพ 22:28 เนื่องจากว่าพวกยิวยังรักษาพระบัญญัติเดิมอยู่
23:6 แต่เมื่อเปาโลรับรู้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นพวกสะดูสี และอีกส่วนเป็นพวกฟาริสี ท่านจึงร้องขึ้นในสภานั้นว่า “พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นฟาริสีคนหนึ่ง และเป็นบุตรชายของฟาริสีคนหนึ่ง เรื่องความหวังและการเป็นขึ้นมาจากความตาย ข้าพเจ้าจึงถูกไต่สวน”
23:7 และเมื่อท่านกล่าวอย่างนั้นแล้ว เกิดมีความขัดแย้งกันระหว่างพวกฟาริสีกับพวกสะดูสี และฝูงชนก็แตกแยกกัน
23:8 ด้วยพวกสะดูสีกล่าวว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่มี และทูตสวรรค์ก็ไม่มี หรือวิญญาณก็ไม่มี แต่พวกฟาริสียอมรับว่ามีทั้งนั้น
** เปาโลสอนถึงเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู ซึ่งพวกฟาริสีเชื่อ แต่สะดูสีไม่เชื่อว่ามีวิญญาณและไม่มีการเป็นขึ้นมาจากตายอีกเลย พวกเขาจึงขัดแย้งกัน
23:9 และเกิดมีเสียงร้องอันดังขึ้น และพวกธรรมาจารย์ที่อยู่ฝ่ายพวกฟาริสีก็ลุกขึ้น และเถียงกัน โดยกล่าวว่า “พวกเราไม่พบความชั่วร้ายใด ๆ ในชายคนนี้ แต่ถ้าวิญญาณตนหนึ่ง หรือทูตสวรรค์องค์หนึ่ง ได้พูดกับเขา ขออย่าให้พวกเราต่อสู้กับพระเจ้าเลย”
23:10 และเมื่อเกิดความขัดแย้งกันใหญ่โต นายพันซึ่งกลัวเกรงว่าเปาโลจะถูกดึงออกเป็นชิ้น ๆ โดยพวกเขา จึงสั่งพวกทหารให้ลงไป และให้ใช้กำลังพาท่านไปเสียจากท่ามกลางพวกเขา และให้พาท่านเข้าไปไว้ในกรมทหาร
** เมื่อทั้งสองฝ่ายแตกแยกกัน และคนที่จะเดือดร้อนต่อมาก็คือเปาโล แต่นายพันได้พาท่านออกไปเสีย
23:11 ในเวลากลางคืนวันนั้นเอง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ข้างท่าน และตรัสว่า “จงมีกำลังใจที่ดีเถิด เปาโลเอ๋ย เพราะว่าเจ้าได้เป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็มฉันใด เจ้าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมด้วยฉันนั้น”
** เปาโลถูกนำพาโดยพระเจ้า ซึ่งงานแรกคือการประกาศในกรุงเยรูซาเล็มและจากนั้นก็กรุงโรม
1. พระเจ้าตามหาผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิตและรับใช้ตามน้ำพระทัยของพระบิดา. น้ำพระทัยคืออะไร
2. ผู้ที่ข่มเหงผู้เชื่อส่วนมากจะเป็นผู้เชื่อด้วยกันอาจทำต่อหน้าหรือยืมมือผู้อื่นเพื่อการข่มเหง
3. การหน้าซื่อใจคด คือสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชังมากที่สุด มธ 23 พระเยซูเริ่มตำหนิพวกยิวโดยเริ่มด้วยคำว่า เจ้าผู้หน้าซื่อใจคด ฯลฯ
4. การต่อสู้ตอบแทนแก้แค้นไม่ใช่หน้าที่ของเราแต่เป็นพระเยซู ทุกการกระทำดีหรือไม่ดีต่อผู้เชื่อย่อมจะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน
5. การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูและผู้เชื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพยานของผู้ประกาศ
I. น้ำพระทัยของพระบิดา
1. ในพระคริสต์
ดำเนินชีวิตและรับใช้ในพระคริสต์ คือ
- เรากินดื่มนั่งนอนไปมาในชีวิตใหม่คนใหม่มนุษย์วิญญาณที่ทำทุกสิ่งโดยเรามีรากฐานอยู่ในพระคริสต์ ไม่ออกนอกพระคริสต์กลับไปอยู่ในอาดัม
- ในพิกัดตำแหน่ง พระคริสต์ ที่มีแต่พระพร การเลี้ยงดู ดูแล ช่วยเหลือ นำพา ของพระเจ้า
- ในพระคริสต์มีชีวิตและสันติสุข คือการรับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณทั้งภายในและภายนอกอยู่เสมอ
- ขณะที่ผู้เชื่อมากมายคิดว่าการอยู่ในพระคริสต์ คือเชื่อในพระเยซูหรือเชื่อฟังไม่ทำบาป แต่ 1 คร 1:30 เปิดเผยว่าทันทีที่เราเชื่อ พระเจ้าก็ย้ายเราจากอาดัมไปอยู่ในพระคริสต์และให้เป็นที่อยู่ถาวรของเรา เพียงแค่เราเชื่อเราก็มีประสบการณ์ ชีวิตในพระคริสต์
2. ร่วมกับพระคริสต์
ดำเนินชีวิตและรับใช้ร่วมกับพระคริสต์ คือ
- เรากินดื่มนั่งนอนไปมาทำทุกสิ่งร่วมกับพระคริสต์ ร่างกายนี้มีสองคนที่อาศัยอยู่ ไม่ใช่เราคนเดียวอีกต่อไป
- เมื่อปัญหา หรือตัวบาปยุเราให้ทำบาป พระคริสต์จะเป็นผู้คิดแทนและรับมือกับทุกสิ่งแทนเรา โดยที่เรายอมให้พระองค์ครอบครองควบคุมจิตและร่างกายของเรา
3. เพื่อพระคริสต์เท่านั้น
ดำเนินชีวิตและรับใช้เพื่อพระคริสต์ คือ
- เรายอมเป็นคนต่ำต้อย ไม่มีตัวตน ไม่รับการเคารพยกย่องแม้แต่นิดเดียว แต่ทุกสิ่งให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ที่ยกตนขึ้นและแสวงหาชื่อเสียงด้วยตัวเราเองก็จะถูกข่มลงอาจจะชีวิตนี้ และยุคหน้าแน่นอน
- พระเจ้าเท่านั้นในชีวิตเราที่สมควรยกย่องสรรเสริญกราบไหว้และนมัสการ การใช้ชีวิต การรับใช้ การสามัคคีธรรม เราแค่เพียงเอ่ยถึง ขอบคุณ สำนึกบุญคุณผู้นำที่รักพระเจ้าและถ่อมใจ เป็นบางครั้งคราว
II. มีการข่มเหงจากชาวโลก และระวังการข่มเหงจากพี่น้องผู้เชื่อด้วยกัน
- ผู้ที่ข่มเหงผู้เชื่อส่วนมากจะเป็นผู้เชื่อด้วยกันอาจทำต่อหน้าหรือยืมมือผู้อื่นเพื่อการข่มเหง
- สมัยก่อนก็คือยิวข่มเหงคริสเตียน และทุกวันนี้ก็คือคริสเตียนศาสนาข่มเหงคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
III. อาการหน้าซื่อใจคด การตีสองหน้า สวมหน้ากาก
- อาการหน้าซื่อใจคด เป็นสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชังมาก คือการตีสองหน้า สวมหน้ากาก ไม่ดีก็ว่าดี ไม่เข้มแข็งก็ว่าตนเข้มแข็ง ดีหนึ่งอย่างก็ว่าดีห้าอย่าง ดีห้าก็ว่าดีสิบอย่าง ผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณเราไม่กลัวจะเสียหน้าหรือพี่น้องไม่ยอมรับไม่เคารพให้เกียรติเรา เราอยู่ในความจริงเพื่อพระเจ้าจะทำกิจในเราได้ เพราะว่าพระเจ้าจะทำงานในความไม่จริงก็ไม่ได้ สรุปก็คือ พระเจ้าไม่ชอบ ทำงานในเราไม่ได้ และไม่นำพาถ้าหากเราเป็นคนหน้าซื่อใจคต.
IV. อย่าแก้แค้นใครแต่จงรักเขา เพื่อพระเจ้าจะแก้แค้นแทนเราและดูแลเราเป็นอย่างดี
- การต่อสู้ตอบแทนแก้แค้นไม่ใช่หน้าที่ของเราแต่เป็นพระเยซู ทุกการกระทำดีหรือไม่ดีต่อผู้เชื่อย่อมจะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน
- กฎของพระเจ้า การกระทำทุกสิ่งไม่ว่าจะดีหรือร้าย ย่อมจะได้รับผลตอบแทนทั้งนั้น ซึ่งเราไม่ควรไปตอบแทนแก้แค้นใคร เพราะว่าการแก้แค้นเป็นของพระเจ้า
V. ตั้งแต่เริ่มแรกและสุดท้ายของมนุษย์ไม่มีใครเป็นขึ้นจากตายและมีชีวิตอยู่ตลอดไปได้ ซึ่งอาจมีคนที่ตายและฟื้นขึ้นไม่กี่วันจากนั้นก็ต้องตาย และท่ามกลางมนุษย์ไม่มีใครเชื่อว่าการเป็นขึ้นมาจากตายและมีชีวิตอยู่ตลอดไปเพราะว่ามันน่าจะเป็นไปไม่ได้
- เมื่อเราเชื่อในพระเจ้าที่ตามองไม่เห็นแต่พระองค์ปรากฏกับเราทางการสัมผัส การดูแลช่วยเหลือ การนำพา การรับสันติสุขเมื่อเรามีทุกข์ เหล่านี้ทำให้เราเชื่อ
- เมื่อเราเชื่อในพระคำพระเจ้าเราก็ได้เห็น และได้สิ่งที่พระเจ้าสัญญา
- เมื่อเราเชื่อว่าพระองค์เป็นขึ้นและอยู่ในเรา เราก็ได้เห็นพระองค์ เอเมน
...
การดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดา คือในพระคริสต์ ร่วมกับพระคริสต์ และเพื่อพระคริสต์ ผลที่ได้ ก็คือความรักของพระเจ้ามีเต็มในเรา และเราจะอยู่เพื่อรักพระเจ้ารักพี่น้อง และรักศัตรูได้ทั้งวัน เอเมน
23:12 และเมื่อถึงเวลาเช้าแล้ว บางคนของพวกยิวได้สมทบกัน และผูกมัดตัวเองภายใต้คำสาปแช่ง โดยกล่าวว่า พวกเขาจะไม่กินหรือดื่มจนกว่าพวกเขาได้ฆ่าเปาโลแล้ว
** การรวมตัวกันเพื่อผูกมัดตัวเองภายใต้คำสาปแช่ง ไม่มีในคำสอนของพระเจ้า แต่เป็นการกระทำด้วยความเกลียดชังโกรธแค้นของชาวยิวที่เคยทำ ครั้งนี้พวกเขาต้องการให้เปาโลถูกฆ่าจึงรวมตัวกัน
23:13 และคนเหล่านั้นมีกว่าสี่สิบคนซึ่งได้ทำการสมรู้ร่วมคิดนี้
23:14 และคนเหล่านั้นจึงมาหาพวกปุโรหิตใหญ่กับพวกผู้อาวุโส และกล่าวว่า “พวกเราได้ผูกมัดตนเองภายใต้คำสาปแช่งร้ายแรงว่า พวกเราจะไม่รับประทานสิ่งใด ๆ จนกว่าพวกเราได้ฆ่าเปาโลแล้ว
23:15 ฉะนั้นบัดนี้ ท่านทั้งหลายพร้อมกับพวกสมาชิกสภาจงแจ้งให้นายพันทราบว่า เขาต้องพาเปาโลลงมาหาท่านทั้งหลายพรุ่งนี้ เหมือนกับว่าท่านทั้งหลายจะไต่สวนอะไรบางอย่างให้ครบถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับเปาโล และพวกเรา หรือก่อนที่เปาโลเข้ามาใกล้ ก็พร้อมแล้วที่จะฆ่าเปาโลเสีย”
23:16 และเมื่อบุตรชายของน้องสาวเปาโลได้ยินเรื่องการคิดปองร้ายของพวกเขา เขาก็ไปและเข้ามาในกรมทหาร และบอกเปาโล
23:17 แล้วเปาโลได้เรียกนายร้อยคนหนึ่งมายังท่าน และกล่าวว่า “ขอพาชายหนุ่มคนนี้ไปหานายพัน เพราะเขามีเรื่องหนึ่งที่จะบอกนายพัน”
23:18 เหตุฉะนั้นนายร้อยจึงรับตัวชายหนุ่มคนนั้น และพาเขาไปหานายพัน และกล่าวว่า “เปาโลผู้เป็นนักโทษนั้นเรียกข้าพเจ้ามายังเขา และขอให้ข้าพเจ้าพาชายหนุ่มคนนี้มาหาท่าน ผู้ซึ่งมีเรื่องบางอย่างที่จะกล่าวแก่ท่าน”
23:19 แล้วนายพันจึงจูงมือชายหนุ่มคนนั้น และไปกับเขาแต่ลำพัง และถามเขาว่า “เจ้าจะแจ้งความอะไรแก่เรา”
23:20 และเขากล่าวว่า “พวกยิวได้ตกลงกันที่จะขอท่านว่า ให้ท่านพาเปาโลลงไปยังสภาเวลาพรุ่งนี้ เหมือนกับว่าพวกเขาจะไต่สวนอะไรบางอย่างให้ครบถ้วนมากขึ้นเกี่ยวกับเปาโล
23:21 แต่ท่านอย่ายอมพวกเขา เพราะว่ามีคนกำลังคิดปองร้ายต่อเปาโลในพวกเขากว่าสี่สิบคน ซึ่งได้ผูกมัดตนเองด้วยคำปฏิญาณว่า พวกเขาจะไม่กินหรือดื่มอะไรจนกว่าพวกเขาได้ฆ่าเปาโลเสีย และบัดนี้พวกเขาก็พร้อมแล้ว โดยคอยรับคำสัญญาจากท่าน”
23:22 ดังนั้นนายพันจึงให้ชายหนุ่มนั้นไป และกำชับเขาว่า “ดูเถิด เจ้าอย่าบอกผู้ใดว่า เจ้าได้แจ้งสิ่งเหล่านี้แก่เรา”
** พวกยิวที่เป็นพี่น้องของเปาโล เป็นพวกที่เคร่งศาสนา คิดว่าเปาโลสอนผิดต่อต้านพระบัญญัติ จึงโกรธแค้นจนต้องสาบานโดยเข้าสู่พิธีรับคำสาปแช่งถ้าหากเปาโลไม่ถูกฆ่า พวกเขาพยายามใช้ผู้มีอำนาจแห่งอาณาจักรโรมัน
** พระเจ้าจัดเตรียมทางออกเพื่อช่วยเปาโลเนื่องจากว่ายังไม่ถึงเวลา และอนุญาตให้สิ่งไม่ดีที่จะต้องเกิดกับท่านตามน้ำพระทัยเมื่อถึงเวลา ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกสิ่งอยู่ที่การวางแผนการงานของพระเจ้าที่จัดเตรียมไว้ให้สาวกของพระองค์แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเราวางใจ เดินในความเชื่อ ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ สนิทบอกรัก สนทนาพูดคุยกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ อาณาจักรและบำเหน็จก็เป็นของเรา
** การทดลอง การถูกตีสอน และการถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยยอมทนทุกข์ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากเราอดทนและขอบพระคุณแทนการสาปแช่งพระเจ้าหรือบ่น สิ่งที่รออยู่ก็คือพระพรอย่างมากมาย ขอพระวิญญาณทรงนำและชำระเราให้มาถึงความอดทนของพระคริสต์เพื่อเราจะผ่านทุกสิ่งไปได้โดยพระคุณของพระเยซู
** คริสเตียนศาสนา กับ คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เมื่อเจอปัญหา
- บ่น // สงบนิ่ง
- ต่อว่าต่อรองพระเจ้า // ขอบพระคุณพระเจ้า
- วางใจสติปัญญาของตน // วางใจในพระเจ้า
- วางใจในความสามารถของตน // วางใจในกำลังที่มาจากพระเจ้า
- รีบหาทางแก้ไขปัญหา // รอคอยการไถ่ที่มาจากพระเจ้า
- ไม่ยอมรับปัญหาที่เข้ามา // ยอมรับทุกสิ่งที่ไม่ดีที่เข้ามา
- เลิกเดินในความเชื่อ เลิกรับใช้ หรือเลิกเชื่อ // ท้อแต่ไม่ถอย ไม่มีวันทิ้งพระเจ้าและการฝึกเดิน ทั้งการรับใช้พระเจ้า
- โทษพระเจ้าหรือโทษผู้อื่น // ไม่โทษใครทั้งนั้น ทุกสิ่งพระเจ้าอนุญาตให้เกิด เรายินดีรับมัน
1. คำสอนเรื่อง เชื่อพระเจ้าแล้วชีวิตจะราบรื่น ดีไปทุกอย่าง
2. ยุคนี้ทำนา ยุคหน้าเข้าอาณาจักร
3. ปัญหาที่มาจากการตีสอนก็ดี การทดลองก็ดี การถวายเกียรติก็ดี
- ไม่หนักเกินที่เราจะทนได้
- ไม่นานเกินไป
- พระเจ้าอยู่กับเราและปลอบประโลมเรา
4. ยุคนี้ ชีวิตชั่วคราว เป็นแค่เงา ยุคหน้าชีวิตนิรันดร์
23:23 และนายพันได้เรียกนายร้อยสองคนมาหาท่าน โดยกล่าวว่า “จงจัดพลทหารสองร้อยคนให้พร้อมที่จะไปยังเมืองซีซารียา กับทหารม้าเจ็ดสิบคน และทหารหอกสองร้อยคน ตอนสามทุ่มคืนนี้
** นายพันได้จัดเตรียมทหาร 470 คนเพื่อปกป้องเปาโลซึ่งเป็นชาวยิวที่ได้รับสัญชาติโรม
23:24 และจงจัดพวกสัตว์ให้พวกเขา เพื่อพวกเขาจะให้เปาโลขี่ และพาเขาด้วยความปลอดภัยไปยังเฟลิกส์ผู้ว่าราชการเมือง”
23:25 และนายพันได้เขียนจดหมายตามลักษณะต่อไปนี้
23:26 “คลาวดิอัสลีเซียส ได้ส่งคำทักทายมายัง เจ้าคุณเฟลิกส์ ท่านผู้ว่าราชการ ผู้มีอำนาจสูงสุดว่า
23:27 ชายคนนี้ได้ถูกจับโดยพวกยิว และเกือบจะถูกฆ่าเสียโดยพวกเขา แล้วข้าพเจ้าได้มาพร้อมกับพวกทหาร และช่วยเขาให้พ้น โดยเข้าใจว่าเขาเป็นคนสัญชาติโรม
** อาณาจักรโรมันจะดูแลคุ้มครองชาวโรมเป็นอย่างดีเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ขณะที่ชาวยิวต้องการฆ่าเปาโล แต่พระเจ้าก็ให้นายพันปกป้องท่าน ซาตานอาจใช้คนที่ไม่เชื่อเพื่อทำลายผู้เชื่อ แต่ขณะเดียวกันพระเจ้าก็ใช้คนที่ไม่เชื่อปกป้องบุตรทั้งหลายของพระองค์เหมือนกัน
23:28 และเมื่อข้าพเจ้าอยากจะทราบเหตุที่พวกยิวกล่าวหาเขา ข้าพเจ้าได้พาเขาไปยังสภาของพวกเขา
23:29 ผู้ซึ่งข้าพเจ้ารับรู้ว่า ถูกกล่าวหาในเรื่องบรรดาคำถามเกี่ยวกับพระราชบัญญัติของพวกเขา แต่ไม่มีข้อกล่าวหาที่ทำให้เขาสมควรแก่ความตายหรือเครื่องพันธนาการทั้งหลาย
23:30 และเมื่อมีผู้ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่าพวกยิวมีการคิดปองร้ายชายคนนี้ ในทันใดนั้นข้าพเจ้าจึงส่งมายังท่าน และได้ให้คำสั่งแก่พวกผู้กล่าวหาของเขาเช่นกันที่จะพูดต่อหน้าท่านว่า พวกเขามีอะไรกับเขา สวัสดี”
23:31 แล้วพวกทหาร ตามที่ได้บัญชาพวกเขาไว้แล้ว ได้นำตัวเปาโลไป และพาท่านในเวลากลางคืนไปยังเมืองอันทิปาตรีส์
23:32 และในวันพรุ่งนี้ พวกเขาให้เหล่าทหารม้าไปกับเปาโล และได้กลับไปยังกรมทหาร
23:33 ผู้ซึ่ง เมื่อพวกทหารม้ามายังเมืองซีซารียาแล้ว และได้มอบจดหมายฉบับนั้นให้แก่ผู้ว่าราชการเมือง ได้มอบเปาโลไว้ต่อหน้าท่านด้วย
23:34 และเมื่อผู้ว่าราชการเมืองได้อ่านจดหมายฉบับนั้นแล้ว ท่านก็ถามเปาโลว่ามาจากแคว้นไหน และเมื่อท่านเข้าใจว่าเปาโลมาจากแคว้นซีลีเซีย
23:35 “เราจะฟังคำให้การของเจ้า” ท่านกล่าว “เมื่อพวกผู้กล่าวหาของเจ้ามาด้วย” และท่านได้สั่งให้คุมตัวเปาโลไว้ในศาลปรีโทเรียมของเฮโรด
** สภายิวตัดสินชาวยิวด้วยเรื่องการละเมิดพระบัญญัติ พวกเขาลงโทษได้เฉพาะโทษที่ไม่ถึงตาย และเมื่อพวกเขาต้องการที่จะฆ่าเปาโลจนยอมเข้าพิธีรับการสาปแช่ง (จากซาตาน) พวกเขาต้องอาศัยผู้ปกครองแห่งอาณาจักรโรมัน แต่นายพันไม่พบความผิดของเขา สำหรับเปาโล ท่านถูกเปิดตาเรื่องพระบัญญัติเดิมของโมเสสกลายเป็นพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ผู้เชื่อเองก็ไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเพื่อที่จะได้รอดในวันสุดท้าย ผู้เชื่ออยู่เหนือพระบัญญัติคือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา เราคนเก่าตายไปแล้วและคนใหม่คนนี้คืออวัยวะที่พระคริสต์จะใช้เพื่อสำแดงพระองค์ผ่านเรา พระบัญญัติเดิมเป็นครูเพื่อสอนชาวยิวว่าพระคริสต์คือความหวังแห่งสง่าราศี และอีกมากมาย ทุกวันนี้ผู้เชื่อยังถกเถียงเรื่องพระบัญญัติเดิมและใหม่ บ้างก็เชื่อว่าเรายังต้องอยู่ใต้พระบัญญัติเพื่อให้ได้รอดและรับพระพรจากพระเจ้า บ้างก็เชื่อว่าเราตายต่อพระบัญญัติและมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า เราพึ่งพาพระเจ้าในทุกทางของการดำเนินชีวิตในความเชื่อ
1. ซาตานใช้คนที่ไม่เชื่อข่มเหงทำลายคริสเตียน พระเจ้าก็ใช้คนที่ไม่เชื่อปกป้องช่วยเหลือคริสเตียนเช่นกัน
2. ถึงแม้ว่าเปาโลจะมีบิดามารดาเป็นคนชาติยิวแต่ท่านและบิดาถือกำเนิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลิเซีย ท่านจึงได้รับสัญชาติเป็นชาวโรมันและได้รับการคุ้มครองดูแลและผลประโยชน์ทุกประการที่ชาวโรมันควรจะได้รับ
3. เราพบคำสอนมากมายเรื่องพระบัญญัติใหม่ที่เข้ามาแทนที่พระบัญญัติเดิมที่เปาโลได้รับการเปิดตาและดลใจให้เขียนถึงคริสตจักรต่างๆ ทำให้ชาวยิวคิดว่าคือการทำผิดที่ร้ายแรงมาก ทุกวันนี้จึงมีผู้เชื่อหลายกลุ่มที่ยังรักษาทั้งพระบัญญัติเดิมและใหม่ พวกเขาจะอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ค้นมาได้ทั้งจากพระคัมภีร์เดิมและใหม่ ส่วนมากคนที่พยายามรักษาพระบัญญัติจะขาดความรักและความถ่อมใจ เราขอบพระคุณพระเจ้าถ้าหากผู้เชื่อที่ได้รับการเปิดตาจะพบว่าการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพระบัญญัติเดิมและใหม่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องของตา
สิ่งที่พระวิญญาณเปิดเผยต่อผู้ที่ถ่อมใจก็คือ...
- พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกลบล้าง แต่ถูกแก้ไขและยกระดับจากมาตรฐานของมนุษย์สู่มาตรฐานของพระเจ้า (มธ บทที่ 5 ถึง 7 และ 5:17)
- พระบัญญัติเดิมไม่ได้ถูกทำลายหรือลบล้างแต่เราเองที่ถูกทำลายและลบล้าง (โรม 7:4)
- พระบัญญัติเป็นครูที่ควบคุมชาวยิวชั่วคราวและเมื่อพระคริสต์เสด็จมาพระบัญญัติก็หมดหน้าที่การควบคุม ผู้เชื่อถูกย้ายเข้าไปอยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์เป็นผู้รักษาพระบัญญัติ (ใหม่) แทนพวกเรา (กท 3:24-25/ 1 คร 1:30/ กท 2:20)
- พระบัญญัติมีไว้ให้ชาวยิวรักษาเพื่อให้ได้รอดในยุคพระบัญญัติ แต่พอมาถึงยุคพระคุณทั้งยิวและต่างชาติจะได้รับความรอดโดยทางความเชื่อ (กท 3:23-24/6:14)
- พระบัญญัติเดิมจบหรือถูกยกเลิกแล้ว (ฮบ 7:18)
- พระเยซูคริสต์เป็นจุดจบของพระบัญญัติ (โรม 10:4)
- ถ้าหากผู้เชื่อยังรักษาพระบัญญัติเดิมอยู่จะถูกสาปแช่งและหล่นจากพระคุณ (กท 3:10/5:4)
- เรา (คริสเตียน) ไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติเดิม แต่อยู่ใต้พระคุณ (โรม 6:14)
- เราจะเกิดผลมากมายแค่ไหนพระเจ้าก็ไม่นับถ้าหากไม่ใช่ผลของพระคริสต์ที่ทำแทนเราในเราผ่านเรา (กท 5:22-23/ 1 คร 3:12-15)
- พระคริสต์จะก่อร่างสร้างตัวขึ้นอยู่ภายในเรา (กท 4:19)
- พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของเรา (ฟป 1:20)
- สำหรับผู้เชื่อ การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ไม่ใช่เราเองที่มีชีวิตอยู่ (ฟป 1:21)
- ผู้ที่กินและดื่มพระเยซูก็จะมีชีวิตอยู่โดยพระองค์ไม่ใช่โดยเราเองอีกต่อไป (ยอห์น 6:56-57)